ตอนที่ 10-42 ภัยพิบัติครั้งใหญ่
ทุกคนในกระโจมอดหันไปมองลินลี่ย์อย่างช่วยไม่ได้ ไม่ต้องสงสัย ลินลี่ย์คือผู้นำของเซียนเหล่านี้
“พี่ใหญ่!” บีบีร้องเรียกร้อนรน
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะเล็กน้อย “เมื่อทำลายข้อตกลง อย่างนั้นตามหนังสือสัญญาต้นฉบับกับเดลี่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะรวมกำลังกันกำจัดเรา”
“ทำไมท่านต้องกลัวพวกเขาด้วย?” บีบีย่นจมูกน้อยๆ และพูดอย่างดุร้าย “ถ้าเซียนพวกนั้นมา ข้าจะกินพวกเขาทั้งเป็นเลยทีเดียว พี่ใหญ่,บางทีเดลี่อาจไม่ลงมือต่อท่านก็ได้ เขาอยู่ข้างเราอย่างเห็นได้ชัด”
เดลี่เข้าข้างลินลี่ย์แน่
“การใช้เวทของซาสเลอร์เรียกกองทัพผีดิบนับล้านจะทำให้ได้ชนะอย่างมิต้องสงสัย เดลี่อาจจะไม่มีโจมตีเราเนื่องจากผลการละเมิดข้อตกลงนี้ของเราก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราทำอย่างนั้น เราจะทำลายชื่อเสียงของเดลี่โดยเฉพาะ”
เดลี่เห็นแก่หน้าเขา เขาไม่อาจทำให้เดลี่อยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างนั้นได้
“ปัดโธ่เว้ย... ข้าละปวดทวารจริงๆ” บีบีรู้สึกหงุดหงิด “พี่ใหญ่,ก็ให้ซาสเลอร์เรียกผีดิบที่ไม่ใช่เซียนก็ได้ ตราบใดที่ไม่มีผีดิบระดับเซียนเข้าโจมตี อย่างนั้นก็จะไม่ถือว่าละเมิดข้อสัญญา จริงไหม?”
คำพูดของบีบีทำให้เดเลียเริ่มหัวเราะทันที
ลินลี่ย์เอามือยีหัวบีบี “บีบี, เจ้ากำลังพูดกำกวม เวทสูงสุด ‘ภัยพิบัติผีดิบ’ แตกต่างจากเวทต้องห้ามตรงไหน? ในความเป็นจริงว่ากันในเรื่องพลังเวทภัยพิบัติผีดิบนั้นแข็งแกร่งมาก มันสามารถเรียกผีดิบระดับเซียนออกมาได้”
“แต่ถ้าอย่างนั้น เรากำลังจะแพ้!” บีบีรีบกล่าว
ลินลี่ย์กล่าว “ถ้าเราจะแพ้ ก็ให้แพ้ไป อย่างแย่สุดก็แค่ให้ศัตรูเอาอัญมณีเวทส่วนใหญ่ในเหมืองไป โชคดีที่เราได้ทำเหมืองอัญมณีเวทที่เทียบเท่ากับอสูรเวทระดับเจ็ด แปดและเก้าไปแล้วบีบี, แค่นั้นเจ้าก็น่าจะพอใจแล้วใช่ไหม?”
หลังจากค้นพบประตูลับลินลี่ย์ได้สั่งบีบีทางจิตให้พาแฮรุและเซียนมังกรทั้งสามไปที่พื้นที่ใจกลางและเริ่มขุดเหมือง
แม้แต่อัญมณีเวทเหล่านั้นบางทีอาจมากพอจะใส่ในบ้านได้หลังเดียวแต่ในแง่ราคา มันมีราคาเท่ากับสองในสามของส่วนของเหมืองที่ยังเหลือ ที่สำคัญอัญมณีเหล่านี้มีพลังงานพอๆกับแก่นเวทของอสูรเวทระดับเจ็ด แปดและเก้า
“เรารีบขุดเหมืองทั้งหมดแล้ว” บีบีรีบกล่าว “แต่เราขุดไปได้แค่ 2-3 ส่วนของเหมืองอัญมณีหลัก”
2-3ส่วนของอัญมณีเดิมรวมกับอัญมณีหลักที่พวกเขาได้ทำเหมืองไปแล้วบางทีรวมกันแล้วมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของเหมืองรวมทั้งหมด
……….
“ครืนนน...”
กลุ่มทหารหนาแน่นตั้งขบวนเป็นสองแนว ทหารมากมายนับล้านดูเหมือนปีศาจร้ายกวาดผ่านแนวต้านทานของเหมืองอัญมณีเวท
ภายในกองทัพเวส พอร์ตเตอร์และกิลเยโมทั้งสองคนยิ้มหน้าบาน
“เราชนะ” กิลเยโมหัวเราะ ขณะมองดูเหมืองอัญมณีเวทระยะไกล
เวสพอร์ตเตอร์หัวเราะหึหึ “อย่าเพิ่งฉลองก่อน ไม่มีอะไรแน่นอนจนกว่าจะถึงช่วงสุดท้าย!”
“ไม่ต้องสนใจทหารของลินลี่ย์ สิ่งที่ข้ากลัวคือลินลี่ย์จะเข้ามาแทรกแซงเองมากกว่า! หรือไม่ก็พวกอสูรระดับเซียนเข้าโจมตี ทหารของเราอาจจะพินาศหมดก็ได้”
“ก็จริง” กิลเยโมถอนหายใจเช่นกัน
ข้อตกลงที่ทำไว้ก่อนนั้นมีผลต่อลินลี่ย์ขนาดไหน?
“ก่อนอื่นให้ทหารของเราได้พักกันก่อน พวกเขาสู้มาตลอดทั้งคืนตอนนี้ให้พวกเขาได้พักกันทั้งวัน ทหารยังไม่มีโอกาสได้พักกันแม้แต่น้อย” เวส พอร์ตเตอร์กล่าว “พักสักราตรีหนึ่ง รอเวลาฟ้าสาง ให้พวกเขาพักสักราตรีแล้วจากนั้นจะเริ่มโจมตีตอนฟ้าสาง
ตอนนี้ความได้เปรียบอยู่ที่ฝ่ายของพวกเขาทั้งหมด แม้ว่าทหารธรรมดาจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า แต่ทหารยอดฝีมือยังไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย
ทหารที่อ่อนแอที่สุดของกองกำลังทั้งสองฝ่ายก็คือนักรบระดับห้า
ระหว่างสู้รบที่เมืองค็อด พวกเขาเพียงแต่โจมตีในตอนสุดท้าย และจากนั้นก็เดินทางกันทั้งวัน แค่เพียงพลังของพวกเขาก็สามารถอยู่ได้สามวันสามคืนได้อย่างสบาย
ภายในไพรทมิฬ
“ครืน....” ในป่าดึกดำบรรพ์นี้มีเสียงเคลื่อนไหวเบาๆ อยู่ทั่วบริเวณ หนูกินศิลาตัวหนึ่งและหนูเงาตัวแล้วตัวเล่าปรากฏให้เห็นทีละตัวเคลื่อนขบวนลงมา..ไกลสุดสายตา มีทั้งหนูเงาและหนูกินศิลา อสูรเวทประเภทหนูนับไม่ถ้วนเดินทางลงมาทางทิศใต้ของไพรทมิฬด้วยความเร็วสูง
หนูกินศิลาสีเทา,หนูเงาสีดำ, หนูกินศิลาสีเงิน, หนูเงาน้ำเงิน, หนูกินศิลาสีทอง, หนูเงาสีม่วง...
อสูรเวทประเภทหนูทุกเฉดสีออกมาเป็นสายหนาแน่นจากไพรทมิฬเหมือนกับคลื่นน้ำหลากลงมาทางทิศใต้
ในกลุ่มหนูเหล่านั้นอสูรเวทประเภทหนูสีทองม่วงกำลังบินอยู่เหนืออากาศ
“พี่ใหญ่, นี่เราไม่บ้าระห่ำไปหน่อยหรือ?” หนึ่งในหนูสีทองม่วงพูดขึ้น
“เจ้าหมายความยังไง ระห่ำเกินไป?” ผู้นำของหนูสีทองม่วงแค่นเสียง “เราคือราชาของอสูรเวทประเภทหนู เนื่องจากเราสามพี่น้องกำลังทำทางใหญ่.. เราก็ต้องแสดงฝีมือกันสักเล็กน้อย นอกจากนี้เราเพียงแค่นำอสูรเวทประเภทหนูออกมาจากไพรทมิฬเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ไม่ได้พาพวกเขามาทั้งหมด”
ไพรทมิฬคือบ้านของอสูรเวทประเภทหนู
ฝูงอสูรเวทประเภทหนูในไพรทมิฬมีพลังน่ากลัวทั้งนั้น ไม่มีอสูรเวทอื่นกล้าตอแยฝูงอสูรเวทประเภทหนู
แม้แต่เซียนอสูรเวทก็ยังไม่ต้องการตอแยกับราชาหนู(จ้าวมุสิก)
หนูสีทองม่วงแต่ละตัวมีพลังมหาศาลน่ากลัว
“ลินลี่ย์ผู้นั้นไม่เคยพบเราเลยสักครั้งไม่ใช่หรือ?” หนูสีทองม่วงตัวกลางหัวเราะ
“ใช่แล้ว ถือว่าเขาได้อานิสงส์ใหญ่ไปเพราะช่วยดูแลบีบีมาเป็นเวลานาน” หนูสีทองม่วงที่เป็นผู้นำกล่าว
“พี่ใหญ่, อย่าได้มั่นใจเกินไปนัก จากที่ข้าได้รู้จากการสนทนากับบีบีพลังของลินลี่ย์นั่นประหลาดมาก ตอนเขาอยู่ในร่างแปลงมังกรบวกกับความรู้ความเข้าใจกฎธรรมชาติระดับสูง บางทีท่านอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาก็ได้” หนูสีทองม่วงตัวที่สามกล่าว
หนูสีทองม่วงผู้นำแค่นเสียงสองสามครา “ระดับพลังปัจจุบันของเขา ข้ายืนยันได้แน่นอนว่าตอนนี้เขายังไม่มีคุณสมบัติเป็นพี่ใหญ่ของบีบี”
สิบสองปีก่อนเมื่อบีบีและหนูสีทองม่วงประลองฝีมือกัน บีบียังตกเป็นรอง
แต่สิบสองปีต่อมาระดับพลังของบีบีเทียบเท่ากับหนูสีทองม่วงแล้ว
“พวกเขาเคลื่อนไหวกันช้านัก” หนูทองม่วงผู้นำกล่าวอย่างเหลืออด ทันใดนั้นมันเปล่งเสียงกรีดร้องเยือกเย็น“ชรีคคคค!” เสียงแหลมดังขึ้น และในทันทีฝูงหนูกินศิลาและหนูเงาข้างล่างก็เริ่มเคลื่อนไหวกันเร็วขึ้น
ไม่ว่าตรงไหนก็มีคลื่นอสูรหนูเต็มไปหมดไม่มีสิ้นสุดอสูรเวทชนิดอื่นตกใจหนีไปทันที
ไม่มีตัวใดกล้าหยุดพวกมัน!
…….
กองกำลังของลินลี่ย์ซ่อนอยู่หลังแนวป้องกันของพวกเขาทั้งหมด ทุกคนสามารถอาศัยภูมิศาสตร์ท้องที่และสภาพแวดล้อมหยุดทหารศัตรูได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่ากองทัพศัตรูอ่อนล้ามาตลอดทั้งคืน แต่ทหารทั้งแสนห้าหมื่นของลินลี่ย์ก็อ่อนล้าเช่นกัน
เวลากลางวันค่อยสว่างขึ้น เช้านี้เป็นวันที่มีหมอกลง
หมอกไม่หนานัก แต่ทำให้คนสามารถเห็นได้ไม่กี่ร้อยเมตร
“ศัตรูกำลังเคลื่อนไหว”
ทหารที่อยู่เบื้องหลังแนวป้องกันสามารถได้ยินเสียงฝีเท้ามากมายชัดเจน ชัดเจนแล้วว่ากองกำลังศัตรูกำลังบุกเข้ามาทางตำแหน่งนี้ ในท่ามกลางหมอกทหารเริ่มเห็นร่างทหารเลือนรางนับไม่ถ้วนปรากฏหนุนเนื่องเข้าปะทะใส่พวกเขา
ลินลี่ย์เดเลีย บีบี ซาสเลอร์ บาร์เกอร์และคนอื่นๆ ได้แต่มองดูเงียบๆ
“โธ่เอ๊ย... นี่ทำให้ข้าหงุดหงิดจริงๆ” บีบีบ่นพึมพำอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์
บีบีลอบชำเลืองมองลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ยังคงเงียบนี่ใครจะมีความสุขกันได้? ใครจะไม่หงุดหงิดที่มอบเหมืองที่ขุดไปได้ครึ่งหนึ่งให้ศัตรู? แต่ลินลี่ย์มีสัญญาข้อตกลง และเขาไม่ต้องการให้เดลี่รู้สึกแย่ดังนั้นเขาจึงทำตามข้อตกลง
อีกไม่นานเหมืองอัญมณีเวทที่มีค่าหลายร้อยล้านจะตกเป็นของศัตรู
ทันใดนั้น...
เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาหยุดชะงัก ในขณะเดียวกันเสียงดังสนั่นโลกสามารถได้ยินได้ “ยอมแพ้ซะ ไม่มีทางที่พวกเจ้าจะต่อต้านทหารของเราได้ ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้ เราจะไม่คุกคามพวกเจ้าแน่นอน” คำพูดนั้นค่อนข้างสุภาพ
“เขาค่อนข้างสุภาพดี” เกทส์แค่นเสียง
“แน่นอน” ซาสเลอร์แค่นเสียงน่ากลัว “พวกเขากลัวว่าพวกเซียนจะเข้ามาแทรกแซง”
“ถ้าพวกเจ้ายอมวางอาวุธภายในเวลาหนึ่งนาทีเราจะไม่ทำอันตรายพวกเจ้าอย่างแน่นอน จะเริ่มนับถอยหลังกันเดี๋ยวนี้แล้ว” หลังจากพูดจบ ไม่มีทหารแม้แต่คนเดียวจากสามแสนห้าหมื่นคนยอมแพ้ ทุกคนรอให้การสู้รบเริ่มขึ้น
พอหนึ่งนาทีหนึ่งวินาทีผ่านไป หนึ่งนาทีเป็นช่วงเวลาสั้นมาก
ทั่วทั้งสมรภูมิตกอยู่ในแรงกดดันที่น่ากลัว
ฝ่ายอาณาจักรบาลุคเห็นทหารหลายคนเหงื่อออก ข้อนิ้วของพวกเขาซีดขาวจากการกำอาวุธแน่น
“เตรียมตัว!”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ผลการสู้รบที่เมืองค็อดกองกำลังศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังเงาแทบไม่สูญเสียอะไรเลย ทหารยอดฝีมือทั้งหกหมื่นชูโล่และยกหอกและดาบ
“เรากำลังจะแพ้อีกแล้ว!” เกทส์พูดเสียงเบา
เดเลียและบีบีมองหน้าลินลี่ย์ แต่ลินลี่ย์ยังคงเงียบ
แต่ในเวลานั้นเอง....
หนูทองม่วงทั้งสามตัวปรากฏวับเหนืออากาศ ขณะเดียวกันมีเสียงตื่นเต้นดังขึ้น “บีบี! ข้ามานี่แล้ว! ครั้งนี้ข้าพาพี่ใหญ่และพี่รองของข้ามาด้วย”
“เซียนอสูรเวทหรือ?” ลินลี่ย์หันไปเห็นหนูทองม่วงทั้งสาม
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้พบอสูรเวทประเภทหนูชั้นเซียนที่นอกจากบีบี และที่ยิ่งกว่านั้น ยังมีถึงสามตัว
“เสียงอะไร?” ลินลี่ย์สัมผัสได้ผ่านแก่นธาตุ ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงเสียงที่อยู่ห่างออกไป เสียงนั่นเคลื่อนมาทางเขาด้วยความเร็วสูงมาก ลินลี่ย์แผ่ขยายพลังจิตออกไปและเขารู้สึกได้ทันใด
“เยอะมาก!!!”
อสูรเวทประเภทหนูนับไม่ถ้วนสีดำ สีน้ำเงิน สีม่วง สีเทา สีเงิน สีทอง อสูรเวทประเภทหนูครอบคลุมเต็มพื้นที่เหมือนทะเลกว้างใหญ่ อสูรเวทประเภทหนูเงยหน้าและกรีดร้องอย่างตื่นเต้น
“ชรีคคคคค!”
“ชรีคคคคคค!”
เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวนับไม่ถ้วนเต็มในอากาศ เป็นเสียงที่สั่นสะท้านโลกได้
“นั่นมันเสียงอะไร?” กองกำลังศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังเงาซึ่งเพิ่งจะเข้าร่วมสู้รบรู้สึกใจสั่นสะท้านทันที เสียงกำลังดังมาจากด้านหลังเหมืองอัญมณีเวท แต่มีเสียงที่ดังหลากหลายเสียงเป็นเสียงกรีดร้องของอสูรเวทพร้อมกัน
เวสพอร์ตเตอร์และกิลเยโมสีหน้าเปลี่ยนทันที
“เกิดอะไรขึ้น?” เวส พอร์ตเตอร์และคนอื่นๆรู้สึกกังวลกันหมด แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่ใช่แต่เพียงพวกเขา แม้แต่กองกำลังของอาณาจักรบาลุคก็ยังรู้สึกใจสั่นสะท้าน
“อสูรเวทกำลังมา ทหารทั้งหมดที่อยู่หลังกำแพงไม่อนุญาตให้ผู้ใดออกไปข้างนอก ไม่อนุญาตให้โจมตีทำร้ายอสูรเวท” เสียงของลินลี่ย์ดังจนได้ยินไปทั่วทั้งค่าย และคำพูดของเขาทำให้ทหารอาณาจักรบาลุคโห่ร้องยินดี
แต่ปฏิกิริยาในค่ายทหารของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงากลับตรงกันข้าม
“คลื่นอพยพของอสูรเวท?” เวส พอร์ตเตอร์และกิลเยโมสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
การควบคุมคลื่นอสูรเวทให้โจมตีไม่ถือเป็นการละเมิด ที่สำคัญอสูรเวทระดับเซียนไม่ได้โจมตีด้วยตัวเอง จักรวรรดิโอเบรียนมีกองทัพกระทิงเหล็กดูดเลือดซึ่งเป็นกองทัพที่น่ากลัวมีกระทิงเหล็กดูดเลือดจำนวนเป็นแสนพร้อมกับผู้ดูแลของพวกมัน
“ฝูงอสูรเวท? พวกมันมาจากไหน?” เวสพอร์ตเตอร์รีบกล่าว
หน้าของกิลเยโมซีดขาว “อสูรเวทประเภทหนูของลินลี่ย์! ใช่แล้ว,ต้องเป็นเซียนหนูอสูรเวท ไพรทมิฬคือแหล่งพักพิงของอสูรเวทประเภทหนู
“ไม่น่าใช่ อสูรเวทประเภทหนูแห่งไพรทมิฬมีผู้ปกครองของตนเอง” เวสพอร์ตเตอร์รู้จักจ้าวมุสิกแห่งไพรทมิฬว่าเป็นหนูสีทองม่วง ไม่มีทางที่พวกมันอยู่ภายใต้การควบคุมของบีบี
แต่ในเวลานั้น....
เสียงกรีดร้องของคลื่นหนูไม่มีที่สิ้นสุดก็ร้องขึ้น และทันใดนั้นฝูงอสูรเวทประเภทหนูก็เคลื่อนมาเต็มพื้นที่หลายสิบตารางกิโลเมตร กล่าวอีกอย่างเท่าที่สายตาเห็นได้โลกปกคลุมไปด้วยอสูรเวทประเภทหนู
“โอ๊ว!”
“อ๊า”
เสียงร้องประหลาดใจดังต่อเนื่องมาจากฝั่งด้านของลินลี่ย์ อสูรเวทประเภทหนูทั้งหมดจงใจหลบหลีกทหารของลินลี่ย์มุ่งหน้าตรงเข้าใส่กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเป็นสาย อสูรเวทประเภทหนูเหล่านี้สามารถกินศิลาได้อย่างสบาย ทุกคนสามารถจินตนาการได้ถึงเขี้ยวเล็บอันแหลมคมของพวกมันได้
หนูเงานั้นว่องไวมากหนูกินศิลามีความทนแข็งแกร่ง
กระแสคลื่นของหนูอสูรเวททะลักไปทั่ว ฝูงหนูเป็นเหมือนจะกลืนกินภูเขาได้ทั้งลูก
“เฮ้.. พวก มันอะไรกันนั่น?” ตาของบีบีถลึงมองหนูทองม่วงข้างๆเขาทั้งสามตัว “นี่พวกเจ้าเอาหนูอสูรเวทมาเท่าไหร่กัน? แม้แต่พลังจิตของข้าก็ยังครอบคลุมได้ไม่ทั่ว
หนูม่วงทองที่เป็นผู้นำพูดพลางหัวเราะเบาๆ “ไม่มาก ไม่มาก...นี่เป็นแค่ส่วนเล็กน้อยจากไพรทมิฬ ก็แค่สองสามล้านตัวเท่านั้น”