ตอนที่ 10-41 ไม้เด็ด
“ปัง ปัง ปัง!”......
ปืนใหญ่พลังเวทเหล่านั้นยังยิงโจมตีต่อไปราวกับว่าแท้จริงแล้วเงินไม่ใช่อุปสรรคเลย ใต้เมืองค็อดกลายเป็นทะเลเพลิง และท้องฟ้ายามราตรีมีประกายแสงงดงามหลากสีนับไม่ถ้วนชัดเจน
จากในที่ไกลผู้บัญชาการของกองกำลังร่วมเวส พอร์ตเตอร์และกิลเยโมมีเงาพาดผ่านใบหน้าพวกเขา
“ไม้เด็ด?”
เวสพอร์ตเตอร์มองดูกิลเยโม เขากล่าว“ท่านคาร์ดินัลกิลเยโมข้าคิดว่าทหารเมืองค็อดอ่อนเพลียเต็มที่แล้วง่ายต่อการพ่ายแพ้จากการโจมตีของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัสได้ ไม่มีความจำเป็นต้องให้ฝ่ายข้าเข้าไปร่วมด้วย”
ไม้เด็ดของศาสนจักรเจิดจรัส– กองกำลังศักดิ์สิทธิ์!
กองกำลังศักดิ์สิทธิ์!
ในพื้นที่ของแดนอนารยชนนี้ศาสนจักรเจิดจรัสใช้ความพยายามและวัตถุทรัพยากรมหาศาลเพื่อฝึกสร้างกองกำลังที่ทรงพลังนี้ขึ้นมา
กองกำลังศักดิ์สิทธิ์ มีกำลังพลรวมสามหมื่นคน
ห้าพันคนของทหารในกองกำลังศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นนักรบระดับเจ็ด ขณะที่อีกสองหมื่นห้าพันคนมีพลังอย่างน้อยระดับห้า ในกองพลอื่นนักรบระดับห้าคนหนึ่งอาจนับได้ว่าเป็นทหารฝีมือระดับสูงได้แล้ว แต่ในกองกำลังนี้พวกเขาเป็นเพียงทหารที่อ่อนแอที่สุด
ต้องเข้าใจไว้ว่าลำพังความสามารถในการกระโดดของนักรบระดับเจ็ดก็ทำให้พวกเขาพลิกตัวผ่านกำแพงเมืองสูงสามสิบเมตรได้
ไม้เด็ดของกองกำลังนี้เมื่อเข้าสู่การรบจะทำให้กองทัพเสียสมดุล อย่างไรก็ตามการฝึกกองกำลังเช่นนั้นขึ้นมาได้ยากมาก ราคาของการฝึกฝนพวกเขามากยิ่งกว่าการฝึกทหารเป็นล้านคน
“ถ้าเซียนของลินลี่ย์ทำลายข้อตกลงและกำจัดกองกำลังศักดิ์สิทธิ์ของเรา นั่นคงจะน่ากลัว” กิลเยโมลอบยินดี เวส พอร์ตเตอร์ก็คิดอย่างเดียวกันนี้ พวกเขาทั้งสองกลัวว่าพวกเซียนจะทำลายข้อตกลงและเข้าร่วมในการสู้รบ
ตัวอย่างเช่นมังกรระดับเซียน ลินลี่ย์ และนักรบอมตะ
ถ้าทหารธรรมดาสองสามแสนคนถูกฆ่า ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาคงเกณฑ์ทหารเพิ่มสองสามแสนคนได้ง่าย ทั้งหมดต้องการแค่เวลาฝึกฝนสักปีหรือสองปี แต่กองกำลังศักดิ์สิทธิ์..ทหารแต่ละคนคือตัวแทนของการฝึกฝนและค่าใช้จ่ายมากมายในหลายปี การสูญเสียทหารแต่ละคนลำพังแค่เงินอย่างเดียวไม่สามารถเติมเต็มได้
“เวส พอร์ตเตอร์เจ้ากำลังล้อเล่นหรือเปล่า?” กิลเยโมหน้าตึง
เวสพอร์ตเตอร์หัวเราะทันที “กิลเยโม,อย่าโกรธไปเลยน่า กองกำลังเงาของลัททธิเงาก็จะร่วมโจมตีพร้อมกัน”
กองกำลังเงาเป็นกองทัพที่ลัทธิเงาสร้างขึ้นเพื่อไว้ตอบโต้กองกำลังศักดิ์สิทธิ์ พลังของพวกเขาพอๆ กัน
นี่คือสองกองกำลังที่แข็งแกร่งน่ากลัว
แม้ว่าแต่ละกองกำลังจะมีกำลังพลสามหมื่นนายและพอรวมกันพวกเขาก็มีกำลังพลหกหมื่นนาย สำหรับทั้งสองฝ่ายกองกำลังไม้เด็ดของพวกเขามิได้ด้อยไปกว่ามีกองทัพเป็นล้าน
ที่ด้านบนกำแพงเมือง ลินลี่ย์และบาร์เกอร์มองดูการสู้รบราวกับว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขา
ทหารป้องกันเมืองในพื้นที่นั้นถูกไล่ออกไป
“ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น” ทหารฝ่ายศัตรูมองเห็นชัดเจนว่าตรงพื้นที่นั้นมีคนยืนอยู่เพียงสองคน
“เร็วเข้า โจมตีตรงนั้น”
การสู้รบรุนแรงมากจนไม่มีทหารคนใดไตร่ตรองให้ชัดเจน เมื่อเห็นว่ามีพื้นที่ว่างตรงกำแพง พวกเขาบุกเข้าโจมตีทันที แต่ขณะที่พวกเขาปีนขึ้นบันไดและบุกเข้าหาลินลี่ย์และบาร์เกอร์ขณะชูอาวุธ...
“ฉัวะ”
จู่ๆมีดสายลมนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นกำแพง นักรบสามคนที่บุกเข้ามากลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนทันที และแม้แต่นักรบที่ใกล้จะขึ้นถึงด้านบนสุดบันไดก็ถูกฟันร่วงลงพื้นไปด้วยภาพเช่นนี้.. เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในการสู้รบไม่มีใครสามารถเข้าไปใกล้คนทั้งสองนี้ได้
“แม่มันเอ๊ย.. ข้ารู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้า” บาร์เกอร์สบถเบาๆ
บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์ ลินลี่ย์ดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย บาร์เกอร์อดพูดไม่ได้ “ท่านลอร์ดลินลี่ย์,ท่านเอาแต่ดูอย่างเดียวได้ยังไง?”
“ทำไมจะไม่ได้เล่า” ลินลี่ย์จ้องมองข้างล่าง
“โอว?” บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์อย่างสงสัย
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าเทพสงครามรู้สึกยังไง ปล่อยให้โลกเป็นไปตามธรรมชาติ ผู้คนมักจะตายในสงคราม ถ้าข้าไม่สร้างอาณาจักรบาลุค บางทีผู้คนมากมายอาจจะต้องตายในสงครามวุ่นวายไม่สิ้นสุดเหล่านั้น”
ลินลี่ย์มองลงมาข้างล่าง “โลกมีกฎเกณฑ์ของโลก และเรามีกฎเกณฑ์ของเราเช่นกัน!”
“ข้าจะยึดถือข้อตกลงของเรา ต่อให้พวกเขาทำลายและผ่านเข้าไปถึงเหมืองอัญมณีเวทได้ ข้าจะไม่ขัดขวาง” ลินลี่ย์พูดอย่างใจเย็น
บาร์เกอร์เริ่มคลั่ง “แต่ห้องมิติที่เราเพิ่งค้นพบจะเป็นยังไงเล่า?”
“เจ้าต้องกลัวอะไรด้วย?”
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างใจเย็น “เป็นไปไม่ได้ที่คนผู้ไม่ใช่เซียนจะเข้าไปในห้องลับได้ แต่เซียนคนไหนเล่าจะกล้าเฉียดผ่านเข้ามาในดินแดนของข้า” ลินลี่ย์มองดูการสู้รบด้วยสายตาและจิตใจที่ว่างเปล่า ไม่สำคัญเลยว่าพวกเขาจะชนะหรือแพ้...
และนอกจากนี้ห้องมิติไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปได้
“ท่านพูดถูก, ท่านลอร์ด” บาร์เกอร์เริ่มเข้าใจ
เมื่อเข้าถึงระดับเซียน พวกเขามีพลังอายุขัยอมตะ พวกเขาอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดา ความจริงการสู้รบกันและเรื่องราวต่างๆทางโลกไม่ได้เป็นของพวกเขาต่อไป และพวกเซียนก็ไม่ได้เป็นของพวกเขาเช่นกัน แต่แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจเรื่องนี้ แต่ทั้งบาร์เกอร์และลินลี่ย์ก็ยังมีความคาดหวัง....
คาดหวังว่าฝ่ายของพวกเขาจะได้รับชัยชนะ
“แย่แล้ว” หน้าของบาร์เกอร์เปลี่ยนไปทันที
ที่ด้านล่างของเมืองนักรบฝีมือดีจำนวนมากกำลังบุกผ่านกำแพงเมืองเข้ามาด้วยความเร็วสูง พวกเขารวมกลุ่มหนาแน่นมีจำนวนเป็นหมื่นๆ กลุ่มนักรบฝีมือดีกลุ่มใหญ่นี้วิ่งด้วยลักษณะก้าวเท้าที่ประหลาดในแต่ละครั้งที่ร่างของพวกเขากระพริบ จะเคลื่อนที่ไปไกลถึงยี่สิบหรือสามสิบเมตรไม่ถึงนาทีพวกเขาก็มาถึงกำแพงเมือง
“ยิง!”
ปืนใหญ่พลังเวทจากประตูตะวันออกเข้ามาผลัดเปลี่ยนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ปืนใหญ่พลังเวทมากกว่ายี่สิบกระบอกยิงลงมาอย่างต่อเนื่อง กระสุนแสงระเบิดใส่ทหารข้างล่าง
“ฟิ้ว!” “ฟิ้ว!’
ทหารฝีมือดีหลายคนหลบหลีกด้วยความเร็วสูงทันที แต่ปืนใหญ่พลังเวทโจมตีใส่ด้วยความเร็วเช่นกัน อย่างไรก็ตามทหารฝีมือดีสามารถหลบจากศูนย์กลางแรงระเบิดได้มีทหารโชคไม่ดีสองสามคนที่ตาย ขณะที่คนอื่นๆที่หลบออกมาจากรัศมีระเบิดก็ยังได้รับบาดเจ็บบ้างเช่นกัน
แต่ก็มีเวลาพอได้ยิงเพียงครั้งเดียว!
ปืนใหญ่พลังเวทมีเวลาพอยิงได้ครั้งเดียวก่อนที่ทหารฝีมือดีจะเข้าประชิดกำแพงเมือง
“มีหลายคนมากเกินไป ทหารหลายหมื่นคน นักรบที่แข็งแกร่งทรงพลังทั้งหมดนี้มาจากที่ไหนกันแน่? มีนักรบระดับเจ็ดตั้งมากมายหลายคน” บาร์เกอร์รู้สึกทึ่งอัศจรรย์ใจ
ลินลี่ย์สังเกตเห็นว่าทหารฝีมือดีกลุ่มใหญ่ปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเช่นกัน เนื่องจากระดับพลังในปัจจุบันของลินลี่ย์และบาร์เกอร์ พวกเขาสามารถประเมินพลังของทหารเหล่านี้ได้ทันที “นักรบระดับเจ็ดมากมายนักหรือ? พวกเขาก็เหมือนกองอัศวินของศาสนจักรเจิดจรัสที่ข้าเคยพบที่สหภาพศักดิ์สิทธิ์”
“นี่ต้องเป็นกองกำลังฝีมือดีที่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาสร้างขึ้นมา คล้ายๆ กับกองพลที่แปด นี่คือกองกำลังฝีมือสูงส่งที่แท้จริงของพวกเขาในแดนอนารยชนแห่งนี้” ลินลี่ย์คาด
และก็เป็นเช่นนั้นแน่นอน
“ควั่บ!” “ควั่บ!” “ควั่บ!” “ควั่บ!”
นักรบจำนวนมากเข้าประชิดกำแพงเมืองและกระโจนขึ้นมาทันที พวกเขากระโดดขึ้นกำแพงระยะความสูงสามสิบเมตรได้อย่างง่ายดาย กลุ่มนักรบหนาแน่นมาถึงด้านบนกำแพงและพวกเขามีพลังนักรบระดับเจ็ด
“ปัง!” ดาบและกระบี่กระพริบฉายประกายไปทุกที่และปราณยุทธระเบิดผ่านไปตามพื้นที่
ทหารรักษาเมืองสองหมื่นถึงสามหมื่นตายทันที กองกำลังรักษาเมืองมีพลังนักรบระดับสองหรือสามเท่านั้น้ นักรบระดับห้าก็ยังถูกมองว่าเป็นนักรบระดับสูง แต่นักรบที่เพิ่งโดดขึ้นมาบนกำแพงนี้เป็นนักรบระดับเจ็ดทั้งหมดและมีจำนวนเกือบหมื่นคน
เป็นการสังหารอย่างเดียว
พวกเขาไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย! และขณะเดียวกัน...
นักรบที่เป็นเพียงระดับห้าและหกจำนวนมากเริ่มจะปีนขึ้นมาตามบันไดด้วยความเร็วสูง
แม้ว่าจะมีทหารหลายแสนที่ประตูทิศใต้แต่มีเพียงทหารสองถึงสามหมื่นเท่านั้นที่สามารถสู้กับนักระดับเจ็ดได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อทหารระดับห้าและระดับหกจำนวนห้าหมื่นบุกเข้ามา...
“เราแพ้แล้ว”
บาร์เกอร์ถอนหายใจ
หลังจากทหารฝีมือดีจำนวนหกหมื่นของกองกำลังศักดิ์สิทธิ์และกองกำลังเงาบุกเข้ามาทหารธรรมดาหลายแสนขึ้นบันไดตามหลัง แนวกำแพงด้านใต้ของกำแพงเมืองตกอยู่ในความครอบครองของศัตรูทะลักเข้ามาเหมือนกับมดเข้าโจมตีเมืองค็อด
แต่ที่ซึ่งลินลี่ย์และบาร์เกอร์ยืนอยู่ ไม่ว่าจะมีนักรบบุกเข้ามามากเพียงใด พวกเขาล้วนเปลี่ยนสภาพเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนเพราะดาบสายลมกันหมด
“ไปกันเถอะ” ลินลี่ย์เหาะออกจากกำแพงเมืองทันที
“จะปล่อยให้พวกเขาได้ปืนใหญ่พลังเวทไปไม่ได้” บาร์เกอร์กล่าว ร่างของบาร์เกอร์กระพริบวาบไปตามแนวกำแพงเมืองและปืนใหญ่พลังเวทถูกเก็บเข้าในแหวนมิติเก็บสมบัติทีละกระบอกเป็นไปได้ยังไงที่ทหารฝ่ายศัตรูจะขัดขวางยอดฝีมือระดับเซียนอย่างบาร์เกอร์?
“โธ่เอ๊ย..บาร์เกอร์...” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ
“เรียบร้อย” บาร์เกอร์เหาะกลับมาอยู่ข้างๆ ลินลี่ย์
บาร์เกอร์และลินลี่ย์เหาะขึ้นไปอยู่เหนือเมืองค็อด พวกเขาสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเมืองได้ชัดเจน ว็อทส์เตรียมทิ้งที่มั่นนี้ขณะที่ทหารถอยออกไปทางประตูตะวันตกและทิศเหนือ
ในขณะเดียวกันทหารหลายคนในเมืองค็อดเตรียมตัวรบและต่อต้านกองกำลังที่ไล่ตาม
กองกำลังจำนวนมากหนีไปทางทิศเหนือของเมืองค็อด
ว็อทส์จ้องมองเมืองค็อดแต่ไกลและถอนหายใจเบาๆ ในที่สุดเขาก็แพ้อยู่ดี เมื่อสองกองกำลังที่น่ากลัวปรากฏ ว็อทส์รู้ว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะป้องกันได้ ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงารวมกำลังทหารฝีมือระดับสูงที่เป็นนักรบระดับเจ็ดถึงหมื่นคน
สำหรับนักรบระดับเจ็ดกำแพงยังไม่อาจต้านทานได้
การป้องกันกองกำลังที่ทรงพลังมากมายขนาดนั้นจะเป็นไปได้ยังไง?
“ว็อทส์, ท่านจะเศร้าไปทำไม?” เกทส์อยู่ข้างเขา “ถ้าเราแพ้, ก็ปล่อยให้แพ้ไป เมื่อตอนข้าอยู่ในแปดแคว้นอิสระเหนือการพ่ายแพ้สงครามเป็นเหตุการณ์ธรรมดา แต่แน่นอน..ข้าก็ยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี”
เกทส์ถอนหายใจเช่นกัน
เมื่อกลุ่มทหารฝีมือดีบุกโจมตีพวกเขาจะเหลือคนสักกี่คน เกทส์จะฆ่าเองได้สักกี่คน? ที่สำคัญ พวกเขาไม่ใช่แค่วิ่งมาหาเขาแล้วรอให้เขาฆ่า
“ถ้าข้าเป็นจอมเวทระดับเซียนก็คงจะดีมากมายเพียงไหน ข้าจะร่ายเวทต้องห้ามและกวาดล้างพวกมันไปให้หมด” เกทส์พึมพำกับตนเอง
ในเวลานี้ลินลี่ย์และบาร์เกอร์ก็บินมาสมทบ พวกเขาเห็นเกทส์ บูน อังเก้และเฮเซอร์แล้วพวกเขาค่อยบินลงมา ขณะนั้นลินลี่ย์ถามว็อทส์ “ว็อทส์ท่านมีคนอยู่เท่าใดที่เหลือไว้ยับยั้งศัตรู?”
“แสนคน”
ว็อทส์ตอบ “เรามีทหารเหลือรวมแสนกับห้าหมื่นเมื่อถอนกำลังในส่วนนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ทหารอีกแสนหนึ่ง มีอยู่ครึ่งหนึ่งได้รับบาดเจ็บอีกครึ่งยังมีกำลังเหลือ พวกเขาจะอาศัยกับดักและอุโมงค์ลับที่เราขุดไว้ก่อนนั้นก็น่าจะสามารถต้านกองกำลังของศัตรูได้หนึ่งชั่วโมง”
“หนึ่งชั่วโมง?” ลินลี่ย์ถาม
“ถูกแล้ว, หนึ่งชั่วโมง หลังจากหนึ่งชั่วโมงคนของข้าจะส่งสัญญาณธนูให้ทหารทุกคนยอมแพ้ทันที” ว็อทส์ถอนหายใจ “ไม่มีอะไรที่จะทำต่อไปได้แล้ว ถ้าพวกเขาสู้จนถึงที่สุด พวกเขาจะตายกันหมด”
ลินลี่ย์พยักหน้าเข้าใจ
ในแดนอนารยชนสำหรับทหารพ่ายแพ้และยอมจำนน เป็นเรื่องธรรมดา
“หนึ่งชั่วโมงมากพอให้เรายืดระยะหนีห่างจากพวกเขา” ว็อทส์กล่าว
มีทหารอยู่สองแสนคนประจำการอยู่ที่เหมืองอัญมณีเวท และการป้องกันที่นั่นมีการเตรียมการไว้นานแล้ว ว็อทส์และคนของเขาหนีไปในตอนเช้าขณะที่ในตอนบ่ายทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นที่รอดชีวิตก็มาถึงเหมืองอัญมณี ทันทีที่พวกเขามาถึง พวกเขาถูกส่งไปพักผ่อนและกินทันที
ตกกลางคืนภายในกระโจม
ลินลี่ย์บาร์เกอร์และพวกนั่งรวมกันกินมื้อเย็นด้วยกัน ขณะนั้นเองมีบางคนมาถึง ผู้มาคือเดเลีย เมื่อนางมาถึงทุกคนหยุดกินทันที แม้แต่บาร์เกอร์เกทส์และบูนทุกคนออกมาทักทายนาง
“ลินลี่ย์, พวกท่านยังจะกินอยู่ได้ยังไง?” เดเลียค่อนข้างโมโห
“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์มองดูเดเลีย
เดเลียกล่าว “กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจวนจะมาถึงอยู่แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”
“เราจะทำยังไงกันดี? เราจะทำอะไรได้?” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะอย่างจนใจ “เดเลีย, ตอนนี้คนจำนวนมากต่างทำเหมืองอย่างสุดความสามารถเราทำเหมือนเสร็จไปเกินกว่าหนึ่งในสี่ของเหมืองอัญมณีแล้ว” นี่คือวิธีหนึ่งเช่นกัน
ทำเหมืองให้มากที่สุด
แต่ทันใดนั้น...
“พี่ใหญ่” ทันใดนั้นบีบีปรากฏตัวอยู่เหนือโต๊ะอาหารทันที เขาจ้องมองลินลี่ย์ด้วยดวงตาเท่าลูกปัด “ศัตรูส่งคนเข้ามามากมายเกินไป พี่ใหญ่, ข้าพาซาสเลอร์มาแล้วให้ซาสเลอร์ร่ายเวทต้องห้าม”ผีดิบหายนะ“และเรียกทหารผีดิบออกมากำจัดพวกเขาเถอะ”
ขณะนี้เองกระโจมถูกเปิดขึ้น
ชายชราคนหนึ่งสวมชุดยาวสีดำเดินเข้ามา เขาผอมเหมือนโครงกระดูกเดินได้ นั่นคือพ่อมดจอมเวทซาสเลอร์
“ท่านลอร์ดลินลี่ย์ ข้าพร้อมจะฟังคำสั่งท่านได้ทุกเมื่อ ถ้าท่านออกคำสั่งทหารเป็นล้านที่อยู่ข้างนอกจะไม่มีใครรอดชีวิต” ตาของซาสเลอร์เป็นประกายสีเขียว ทหารผีดิบของซาสเลอร์ ไม่ใช่แค่ผีดิบธรรมดาแต่ยังรวมผีดิบระดับเก้าและยังมีสองสามตนเป็นผีดิบระดับเซียน
ทำลายกองทัพเป็นล้านง่ายพอๆกับการยกมือ!