ตอนที่ 10-40 เครื่องบดเนื้อ
ป้อมยักษ์เคลื่อนที่ทั้งสิบเป็นเหมือนปีศาจเหล็กยักษ์สิบตัวค่อยๆ คืบคลานไปข้างหน้าแม้จะถูกปืนใหญ่พลังเวทระดมยิงก็ตาม
“เมื่อป้อมยักษ์เทียบเข้ากับกำแพงเมือง อย่างนั้น...ทหารศัตรูจำนวนมหาศาลจะสามารถเข้าโจมตีผ่านป้อมซึ่งเข้าเทียบกับกำแพงได้” หน้าของบาร์เกอร์สะท้อนเงาแสงไฟจากปืนใหญ่พลังเวท บูน อังเก้เฮเซอร์และเกทส์ทุกคนมีสีหน้าจริงจังเช่นกัน
ลินลี่ย์ยืนอยู่บนกำแพงเมืองมองลงไปที่กลุ่มทหารที่เหมือนฝูงตั๊กแตน และป้อมยักษ์เคลื่อนที่ทั้งสิบนั้น แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกว่าเป็นปัญหา
“การสู้รบช่วงต่อไปจะต้องโหดเหี้ยมรุนแรงแน่นอน”
แม้แต่คนอย่างลินลี่ย์ที่ไม่ค่อยรู้ยุทธศาสตร์ทางทหารก็ยังทำนายได้ว่าความป่าเถื่อนในการสู้รบจะกลายเป็นเช่นไร
“บุก!” ทหารร้องอย่างโกรธเกรี้ยว หน้าของพวกเขาดุร้าย
บันไดเคลื่อนที่นับสิบพาดเข้ากับกำแพงเมืองและทหารจำนวนมากเริ่มปีนขึ้นกำแพง พยายามจะบุกเข้าหากองกำลังฝ่ายศัตรูบนกำแพงเพื่อประจัญบานระยะประชิด อย่างไรก็ตาม.. บันไดหลายตัวถูกดันออกยังถูกน้ำมันติดไฟราดเผา
นอกจากนี้บันไดพาดแต่ละตัวจะพอดีกับคนสองคนขึ้นพร้อมกัน เมื่อเผชิญหน้ากับทหารรักษาเมืองจำนวนมากที่โจมตีพร้อมกัน พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้
ทหารที่อยู่บนบันไดคนหนึ่งกระโดดลงมาได้ต้องการจะบุกใส่ทหารรักษาเมือง
“ฟัน!”
ทั้งดาบทั้งกระบี่หลายเล่มฟันใส่ทหารผู้น่าสงสารที่อยู่ด้านหน้าจนพรุนเป็นรังผึ้ง
“ปัง” บันไดตัวหนึ่งถูกผลักออกไปและทหารจำนวนมากร่วงลงไป สำหรับการร่วงตกลงไปในระดับความสูง 20-30เมตรไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับทหารที่แข็งแกร่ง แต่สำหรับทหารอ่อนแอ พวกเขาไม่ตายก็พิการจากการร่วงตก ที่แย่ที่สุดก็คือ..อาวุธหลายอย่างก็ฆ่าทหารที่นอนอยู่บนพื้นได้แล้ว
และเมื่อทหารใหม่ร่วงตกลงไปพวกเขาจะตกลงบนอาวุธ
“ซวบ!” ร่างของพวกเขาถูกเสียบถูกอาวุธข้างล่างแทง
ทหารจำนวนมากยังคงยิงธนูใส่ทหารรักษาเมืองอย่างบ้าคลั่งธนูตกลงบนกำแพงเมือง ทหารรักษาเมืองหลายคนล้มลง และตายในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะถูกธนูยิง
ทุกความเคลื่อนไหวจะต้องมีนักรบตาย แม้ว่าทหารรักษาเมืองจะถูกฆ่า แต่ผู้บุกรุกตายมากกว่า
“เร็ว เร็ว!” ทหารจากด้านหลัง, มีคาร์ดินัลมืดเวสพอร์ตเตอร์กำลังตะโกนเร่ง “เร็วเข้า,ป้อมยักษ์..ผลักไปเทียบกำแพงเมืองเร็วๆ เข้า” เวส พอร์ตเตอร์ไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป
เขาหวังว่าจะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้ทันที
ป้อมยักษ์เคลื่อนที่ขนาดมหึมาเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังแน่นอนสามารถเปลี่ยนผลของสงครามได้
มันใหญ่โตน่ากลัวและทำขึ้นจากโลหะและเหล็กกล้าทั้งหมด
ป้อมล้อมตีนี้เป็นเหมือนป้อมปราการยักษ์ซึ่งเคลื่อนที่ได้ มีทหารอยู่ในกำแพงด้านบน เมื่อรับมือกับทหารจากป้อมยักษ์จะไม่มีทางได้เปรียบใดๆ ที่สำคัญป้อมยักษ์เคลื่อนที่จะช่วยให้ทหารนับร้อยบุกโจมตีได้พร้อมกัน
“เล็งปืนไปที่ป้อมยักษ์เคลื่อนที่พวกนั้น”
ผู้บัญชาการประตูทิศใต้ออกคำสั่ง และในทันทีปืนใหญ่พลังเวทหลายกระบอกโจมตีใส่ป้อมยักษ์เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เหล็กป้องกันป้อมมีความหนาหลายชั้น แม้แต่ปืนใหญ่พลังเวทที่ทรงพลังก็ไม่สามารเผาผ่านชั้นเหล็กกล้าของป้อมปราการยักษ์ได้
การโจมตีเกือบทั้งหมดทำให้ป้อมเคลื่อนที่ยักษ์สั่นสะเทือนหรือบางทีอาจฆ่าทหารที่อยู่บนป้อมได้สองสามคน
แต่เมื่อทหารตาย ก็จะมีทหารมากกว่าจากข้างล่างขึ้นมาแทนที่ ที่สำคัญทหารสนับสนุนชุดแรกของป้อมยักษ์เคลื่อนที่จะเป็นกลไกส่งต่อให้ทหารอื่น
“มาเลย มีกองพันแรกชุมนุมอยู่ที่นี่เตรียมป้องกันป้อมยักษ์แรกไว้” นายทหารตะโกนสั่งการลั่นการป้องกันป้อมยักษ์เคลื่อนที่พวกเขาจะต้องใช้ชุดทหารฝีมือดี
ทหารรักษาเมืองค็อดต้องการจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อขัดขวางการจู่โจมของป้อมยักษ์
อย่างไรก็ตามสัตว์ประหลาดอย่างป้อมยักษ์นี้ไม่สามารถหยุดได้ง่ายๆ...
ทันใดนั้นมีเสียงดังปังป้อมยักษ์กระแทกเข้ากับกำแพงเมือง และจากนั้นก็มีเสียง ปังๆๆ ดังตามมาป้อมยักษ์เคลื่อนที่ปะทะเข้ากับกำแพงเมืองทีละป้อม
“ดึง ดึง ดึง!”
ที่ด้านบนป้อมยักษ์แห่งหนึ่งนายทหารคนหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธ ทหารหลายคนรอบตัวเขาเริ่มเปิดการทำงานของกลไกลับที่ซ่อนอยู่ในป้อมยักษ์และเสียงแคร็กดังขึ้น สะพานเหล็กหนาด้านบนเหวี่ยงพาดตัวลงมา
“ปัง!” แผ่นเหล็กหนาเป็นร้อยเมตรกระแทกพาดกับกำแพงเมือง
นี่จึงกลายเป็นทางเดินกว้างร้อยเมตรพาดจากป้อมยักษ์เข้ามาในเมืองค็อด ป้อมยักษ์สูงกว่ากำแพงเมืองเมื่อทางเดินเหล็กพาดลงได้ ทหารของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาก็สามารถบุกลงมาจากพื้นที่สูงกว่าและเข้าโจมตีได้
“พี่น้อง, ฆ่าพวกมัน!”
“ล้างแค้นให้กับหัวหน้าของเรา!!!”
เสียงโห่ร้องกราดเกรี้ยวนับไม่ถ้วนจากทหารดังขึ้น ขณะที่พวกเขาบุกลงมาตามทางเดินบนกำแพงเมืองค็อด พวกเขาแทบไม่มีความรู้สึกขณะกำลังบุกประจัญบาน หลายคนถูกธนูยิงใส่ถูกระเบิดจากปืนใหญ่พลังเวท พวกเขาไม่มีโอกาสได้ต่อสู้กับศัตรูอย่างเป็นธรรม
ความคับข้องใจและความไม่พอใจเหล่านั้นก่อตัวอยู่ในใจของพวกเขา
และตอนนี้ พวกเขาได้โอกาสระเบิดอารมณ์ออกไปในที่สุด
ป้อมเคลื่อนที่ยักษ์ทั้งหมดทำหน้าเป็นสะพานพาดผ่าน ทหารจำนวนมากหลั่งไหลไปตามบนกำแพงโจมตีใส่ทหารป้องกันเมือง ทหารป้องกันเมืองไม่ได้สะทกสะท้านเช่นกัน พวกเขาใช้ก้อนหินโจมตีหรือไม่ก็ใช้ไฟเผาใส่ทางระเบียงกว้างร้อยเมตรที่เต็มไปด้วยผู้คน
ทหารคนหนึ่งฆ่าฝ่ายตรงข้าม แต่จากนั้นก็มีอีกคนหนึ่งเอาหอกแทงใส่อกของเขา
การสู้รบที่กำแพงและป้อมเคลื่อนที่ยักษ์เป็นเหมือนเครื่องบดเนื้อ
ผู้รุกรานและผู้ป้องกันสู้ประจัญบานในระยะประชิด!
ซากศพจำนวนมากกองสูงท่วมกำแพงจนบางร่างก็ร่วงตกมาข้างล่าง โลหิตกระจายไปทั่วทุกแห่งธารโลหิตไหลนองจากกำแพงไปตามทางเดิน ทหารนับไม่ถ้วนชูอาวุธบุกเข้าใส่ศัตรูของพวกเขา
เพื่อประโยชน์ในการอยู่รอด
เพื่อล้างแค้นให้สหายร่วมรบของพวกเขา
ทุกคนสู้อย่างบ้าคลั่ง ตาของทุกคนแดงเป็นเลือด
“ปัง!” “ปัง!”.....
ปืนใหญ่พลังเวทกำลังเล็งมาทางพวกเขาและยิงใส่ป้อมยักษ์เคลื่อนที่ทันที เพราะมีผู้คนแออัดอยู่บนป้อมยักษ์หนาแน่นและหนาแน่นมากกว่าพื้นล่างถึงสิบเท่า! ทหารนับไม่ถ้วนต้องการใช้ป้อมยักษ์เคลื่อนที่เพื่อบุกเข้าไปในกำแพงเมืองของฝ่ายศัตรู
ความจริงทหารเคลื่อนไหวกันได้เร็ว ทันทีที่พวกเขาพุ่งออกมาจากป้อมยักษ์เคลื่อนที่เข้าไปในกำแพงเมือง มีระยะห่างเพียงร้อยเมตรจากป้อมยักษ์ถึงกำแพงเมือง! เนื่องจากพลังของทหารเหล่านี้ ไม่ใช่ว่าจะใช้เวลาสิบวินาทีก็เข้าไปใกล้ในระยะขนาดนั้นได้ ทุกคนมีความหวังว่าช่วงสิบวินาทีขณะที่พวกเขาปรากฏตัวและบุกเข้าไป ปืนใหญ่พลังเวทจะยังไม่ทันโจมตีพวกเขา
อย่างไรก็ตาม!
ปืนใหญ่พลังเวทยังคงยิงป้อมยักษ์เคลื่อนที่แต่ละครั้งที่ยิงจะคร่าชีวิตคนได้เป็นร้อย แต่โชคร้ายที่ความเร็วในการสังหารของปืนใหญ่พลังเวทยังช้ากว่าความเร็วที่พวกทหารทั้งสองฝ่ายต่อสู้ฆ่าฟันในระยะประชิด ทหารป้องกันเมืองค็อดเริ่มตายมากขึ้นเช่นกันในตอนนี้
“ในการสู้ประจัญบานระยะประชิดอัตราการตายจะเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง” บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์ “ท่านลอร์ดลินลี่ย์ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะไม่สามารถทนรับมือได้”
ความจริงศัตรูมีกำลังพลรวมหนึ่งล้านหกแสน แม้ว่าพวกเขาจะเสียคนไปก่อนนั้นบางส่วน แต่หนึ่งล้านหกแสนก็เป็นจำนวนมหาศาล และความสูญเสียของพวกเขาก็ยังนับว่าน้อย เมืองค็อดมีทหารเพียงห้าแสนคน ถ้าพวกเขาสู้ศึกเดียวในอัตราหนึ่งต่อหนึ่ง..จะมีการสูญเสียสามหรือสี่แสน เนื่องจากศัตรูจะโจมตีด้วยกำลังพลเกือบล้าน แต่เมืองค็อดจะมีคนเหลือน้อยกว่าแสน
นี่จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้!
แน่นอนนี่เป็นแค่อัตราการตายสำหรับทหารที่สู้กันระยะประชิด ถ้าพวกเขาคำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดจากปืนใหญ่พลังเวทและพวกที่ถูกธนูยิงตายเช่นกันทหารของเมืองค็อดยังมีความได้เปรียบอย่างมาก
“เกทส์ ไปทำลายสะพานพาดให้ข้าด้วย” ลินลี่ย์ชี้ไปที่แผ่นเหล็กหนาที่พาดเข้ากับป้อมเคลื่อนที่ยักษ์
เมื่อสะพานพาดป้อมที่มีระยะห่างจากป้อมเคลื่อนที่ยักษ์กับกำแพงเมืองสิบเมตรมีแต่นักรบระดับสูงที่สามารถกระโจนไปได้ในระยะไกลขนาดนั้น และนอกจากนี้ขณะที่พวกเขากระโจนไปทหารรักษาเมืองอาจจะใช้หอกรอต้อนรับการมาถึงของพวกเขา...
“ขอรับ ใต้เท้า” เก็ทส์รับคำเสียงดัง
บูนอังเก้และเฮเซอร์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย พวกเขาออกไปทันที แต่บาร์เกอร์เนื่องจากตอนนี้เขาเป็นเซียนในร่างมนุษย์แล้วจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยได้
ร่างของเกทส์เปล่งประกายปราณยุทธและในมือของเขากวัดแกว่งขวานยักษ์หนัก 5300 ปอนด์ ด้วยพลังกระโจนเขาลอยตรงไปที่แนวทางเดินที่เกิดการต่อสู้ สะพานพาดเต็มไปด้วยผู้คน ขณะที่ทหารก็ต้องการบุกเข้ามาหาศัตรูที่กำแพง
“ปัง!” ปราณยักษ์รูปขวานสับลงมาทันทีผ่านักรบไปนับสิบคน ชิ้นส่วนของร่างกายกระเด็นไปทั่วโลหิตฉีดพุ่งไปทั่วบริเวณ ทันใดนั้นระยะห่างระหว่างสะพานปรากฏขึ้น
“ปัง!”
เกทส์เหมือนกับเทพปีศาจกวัดแกว่งขวานยักษ์หนัก5300 ปอนด์ขณะที่เขาลงยืนในพื้นที่ว่างเปล่า ทหารจำนวนมากมายเข้ามาเติมเต็มระยะห่าง ทุกคนบุกโจมตีเกทส์อย่างบ้าคลั่ง
“ฮึ่ม!” ขวานยักษ์ในมือฟันใส่สะพานพาดใต้เท้าของเขาเต็มกำลัง
ขวานยักษ์สับใส่สะพานเหล็กอย่างนุ่มนวลเหมือนกับใบไม้ร่วง แค่เพียงเสียงคลิกดังขึ้นแต่จากนั้น..เกิดหลุมขนาดใหญ่บนสะพานเหล็กกล้า และผงเหล็กกลุ่มใหญ่ฟุ้งกระจายไปตามสายลม
กวัดแกว่งวัตถุหนักราวกับว่าเป็นวัตถุเบา!
“ปัง!” ปราณยุทธของเกทส์กระจายไปทั่วทุกตำแหน่งเหมือนกับลูกธนูนับไม่ถ้วนสังหารทหารที่กำลังรุมล้อมบุกโจมตี
“มันหนาจริงๆ” เกทส์พึมพำในที่สุดสะพานเหล็กหนาคือสิ่งที่แม้แต่นักรบระดับเก้าชั้นสูงก็ยังไม่สามารถฟันได้ในครั้งเดียว อย่างไรก็ตามแรงฟันจากขวานยักษ์ของเกทส์ก็ยังสับลึกลงไปถึงครึ่งหนึ่งเหลือความหนาเพียงอีกหนึ่งเมตร
“ไม่!” หลายคนจากศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเมื่อเห็นเช่นนี้ต่างถลึงตาจ้องมอง
“ขาดไปซะ!” เกทส์ถือขวานยักษ์สับลงอย่างนุ่มนวลครั้งที่สอง
“ปัง!” สะพานเหล็กหนาขาดเป็นสองเสี่ยง และส่วนที่พาดกำแพงเมืองร่วงตกลงไป ทหารที่อยู่ข้างล่างก็มีจำนวนมากเหมือนกันประสิทธิภาพของป้อมยักษ์เคลื่อนที่ลดลงฮวบครึ่งหนึ่งทันที
ถ้าพวกเขาจะข้ามไปยังกำแพงมีทางเลือกเดียวคือกระโดดข้ามไป
แต่ทหารฝ่ายศัตรูเล็งอาวุธมาทางพวกเขาปลายหอกและปลายดาบเล็งมาทางพวกเขาทุกตำแหน่ง เจ้าต้องการกระโดดหรือ? รู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าทำเช่นนั้น....
“ปัง!” “ปัง!” สะพานเหล็กพังร่วงที่ละแห่ง ขณะที่เกทส์ บูน อังเก้และเฮเซอร์นักรบอมตะระดับเก้าชั้นสูงที่มีพลังน่ากลัวผ่านไปตามป้อมยักษ์เคลื่อนที่ทั้งสิบ
กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาผู้เห็นชัยชนะอยู่แค่เอื้อมเริ่มรู้สึกผิดหวังและขมขื่นกันทุกคน
“เราเกือบจะทำได้สำเร็จแล้ว บัดซบจริงๆ” เวส พอร์ตเตอร์คำรามด้วยความโกรธ
แม้ว่าสถานการณ์ยังเป็นแบบก่อนหน้านี้แม้ว่าศัตรูยังคงโจมตีด้วยปืนใหญ่พลังเวทและธนู แต่เวส พอร์ตเตอร์ก็ยังมั่นใจตนเอง... ว่าหลังได้รับบาดเจ็บล้มตายสักเจ็ดแปดหมื่นคน พวกเขาจะทำลายศัตรูได้
“เวส พอร์ตเตอร์ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” กิลเยโมมองดูเขา
เวสพอร์ตเตอร์มองดูเขาเช่นกัน “ยังเร็วเกินไป รอให้เวลาตีห้าก่อน” กิลเยโมและเวสพอร์ตเตอร์ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกลยุทธ
“แม้ว่าสะพานเหล็กจะถูกทำลาย ป้อมยักษ์เคลื่อนที่ก็ยังส่งผลได้” เวส พอร์ตเตอร์จ้องมองแต่ไกล ความจริงทหารหลายคนยังคงเข้าไปในป้อมอย่างต่อเนื่อง และจากนั้นอาศัยพื้นที่สูงกว่ายิงธนูหรือทุ่มหินใส่ศัตรูบนกำแพงก็ได้
ทหารจำนวนมากโดดลงไปบนกำแพงเมือง
บางทีอัตราการเสียชีวิตตอนแรกจะน่ากลัว แต่เมื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยเล็กๆ ได้ พวกเขายังสามารถต่อสู้ตอบโต้อย่างเท่าเทียมได้
“พวกเขาบ้าไปแล้ว” เกทส์มีประสบการณ์รบนับไม่ถ้วน แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกกดดัน
มีการตายมากเกินไป
เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที
เวลาตีสาม....
เวลาตีสี่....
ขณะเวลาลากยาวไปผู้บาดเจ็บล้มตายจากฝ่ายป้องกันจะถึงเกือบสองแสนคน สำหรับการบาดเจ็บล้มตายของพวกเขานับเป็นจำนวนมากมาย ทุกคนคงจะนึกได้ว่าฝ่ายศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะมากมายเพียงไหน
พอถึงเวลาตีห้ากิลเยโมและเวส พอร์ตเตอร์มองหน้ากัน
“เวส พอร์ตเตอร์ อย่างที่เจ้าบอกไว้ ได้เวลาใช้ไม้เด็ดของเราแล้ว” กิลเยโมกล่าว