ตอนที่ 10-39 สู้กับความตาย
กิลเยโมยังคงเงียบชั่วครู่ จากนั้นกล่าว “ก็ได้, งั้นก็ดำเนินการได้เลย”
ในไม่ช้านักรบที่ดูเหมือนคนธรรมดาหกคนปรากฏตัวที่ศูนย์บัญชาการ เวส พอร์ตเตอร์และกิลเยโมมองหน้ากันเอง จากนั้นเวส พอร์ตเตอร์พูดกับบุรุษทั้งหก “พวกเจ้าทั้งหกคนจงปะปนเข้าไปในกลุ่มทหารและบุกจู่โจมไปที่กำแพงเมือง เมื่อเจ้าไปถึงกำแพงเมืองให้เร่งความเร็วบุกเข้าไปเปิดประตูเมือง จากนั้นนำทหารเข้าไปในเมือง พวกเจ้าต้องทำไม่ให้พวกเขาตั้งตัวได้ทัน”
“ขอรับ, ใต้เท้า”
บุรุษทั้งสามคนรับรู้ทันที ขณะที่อีกสามคนมองดูกิลเยโม กิลเยโมพยักหน้าเล็กน้อย “ทำตามที่เวส พอร์ตเตอร์บอก”
“ขอรับ ใต้เท้า”
บนภาคพื้นที่กว้างใหญ่ฝูงผู้คนที่ดูคล้ายกับตั๊กแตนกำลังบุกเข้ามาที่เมืองอย่างบ้าคลั่ง ปืนใหญ่พลังเวทเปล่งประกายอย่างต่อเนื่อง พรากชีวิตคนไปมากมายทุกครั้งที่ปืนใหญ่เปล่งแสงในแต่ละครั้ง บนกำแพงเมืองค็อด, ลินลี่ย์, บาร์เกอร์ เกทส์เฮเซอร์ อังเก้และบูนแต่ละคนกำลังมองดูการสู้รบ
“พวกเขากำลังสู้รบอย่างบ้าคลั่ง” เกทส์เลียริมฝีปาก ยิ้มขณะพูด
เฮเซอร์มองดูลินลี่ย์ นัยน์ตาของเขาฉายประกาย “ท่านลอร์ดลินลี่ย์,ให้เราไปสั่งสอนพวกเขาเถอะ” บรรดาพี่น้องบาร์เกอร์ มีแต่บาร์เกอร์เท่านั้นที่ถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์ พี่น้องอีกสี่คนเป็นนักรบระดับเก้าชั้นสูงเตรียมบรรลุในระดับสูงขึ้นไปเมื่อใดก็ได้
ลินลี่ย์มองดูการสู้รบเบื้องล่างหัวเราะอย่างในเย็น เขากล่าว “ไม่ต้องเร่ง เจ้าจะได้รับโอกาสในไม่ช้า แต่จำไว้ว่าไม่ว่ายังไง พวกเจาจะปล่อยให้พวกเขายึดเหมืองอัญมณีเวทไม่ได้”
เทียบกับอัญมณีเวทจำนวนมากมายแล้ว ความจริงลินลี่ย์ให้คุณค่ากับห้องมิติมากกว่า
นั่นคือสถานที่ฝึกฝนมีค่าซึ่งต้องรักษาเอาไว้
“โชคไม่ดีที่ซาสเลอร์ก็ถึงระดับเซียนเช่นกัน มิฉะนั้นเมื่อเขาลงมืออาจโต้ตอบทหารเป็นล้านได้ในครั้งเดียว” ลินลี่ย์ถอนหายใจกล่าว ซาสเลอร์และลินลี่ย์ถึงระดับเซียนแทบจะในเวลาเดียวกัน ตอนนี้ซาสเลอร์กลายเป็นเซียนพ่อมดไปแล้ว หลังจากเป็นเซียนพ่อมดพลังของซาสเลอร์อยู่ในระดับที่น่ากลัวจริงๆ
สิ่งที่ซาสเลอร์ทำในตอนนี้ก็คือรวบรวมผีดิบระดับเซียน
พ่อมดจอมเวทคนเดียวสามารถรวบรวมและฝึกผีดิบระดับเซียนได้กลุ่มหนึ่ง ใครๆก็พอจะนึกได้ว่าพวกมันจะทรงพลังน่ากลัวขนาดไหน
“ตาแก่บัดซบนั่นเขาใช้เวลาทั้งหมดซ่อนตัวอยู่ภายในภูเขาเอาแต่ฝึกอย่างเดียว เขาไม่เคยโผล่หน้าออกมาเลยในช่วงหลายวันนี้” เกทส์บ่น “ครั้งสุดท้ายที่ข้าไปเยี่ยมเขา เขาส่งผีดิบระดับเซียนออกมาสู้กับข้าช่วงเวลาหนึ่ง ข้าต้องยอมรับว่า ไอ้ผีดิบบ้านั่น..มันแข็งแกร่งจริงๆ” เกทส์ถอนหายใจ
ลินลี่ย์แอบขำในใจ
ซาสเลอร์เพียงแต่หยอกเกทส์เล่น ลินลี่ย์รู้เองว่า..ถ้าซาสเลอร์ลงมือจริงจัง เกทส์คงจะพ่ายแพ้ทันที นี่เป็นเพราะพ่อมดมีทักษะสูงในการใช้พลังจิตวิญญาณ และยิ่งมีพรสวรรค์ในการโจมตีด้วยพลังวิญญาณมาก เมื่อถึงระดับเซียน ซาสเลอร์ก็ใช้พลังโจมตีจิตวิญญาณได้ทันที...
แม้แต่เซียนที่ทรงพลังบางทีอาจจะทนรับไม่ได้
“ปัง!”
ทันใดนั้นลินลี่ย์และคนอื่นๆ รู้สึกว่ากำแพงเมืองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงทันที หน้าของบาร์เกอร์เปลี่ยนไป “แย่แล้ว!” พลังจิตของลินลี่ย์ตรวจพบพลังโจมตี นักรบระดับเก้าหกคนเข้าปะปนอยู่ในกองกำลังใช้แรงกระแทกใส่ประตูเมือง
“บุก!” ทหารที่บุกโจมตีพบว่าประตูเมืองพังทลายแล้ว
ทันใดนั้นทหารจำนวนมากเริ่มหลั่งไหลไปที่ประตูเมือง หัวหน้าทหารก็คือนักรบระดับเก้าหกคน ทหารประจำการเมืองค็อดต้องการจะขัดขวางพวกเขาแต่พวกเขาถูกนักรบระดับเก้าหกคนสังหารตายอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามผู้บัญชาการประตูทิศใต้มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างใจเย็น
“ปล่อยก้อนหิน!” เสียงของผู้บัญชาการดังขึ้น ไม่มีวี่แววความตื่นเต้น
ทันใดนั้นนักรบหลายสิบคนดึงคันโยกลับ พอเสียงแคร็กดังขึ้นหินมหึมาเกินกว่าสิบเมตรเริ่มกลิ้งลงมา ทหารที่อยู่ด้านล่างต้องการหลบ แต่เกือบทั้งหมดไม่สามารถทำได้ถูกบดขยี้เป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน
“บึ้ม!”
ประตูเมืองถูกผนึกไว้
ทหารที่อยู่ภายนอกไม่สามารถเข้ามาข้างในได้ และทหารข้างในไม่สามารถออกไปข้างนอกได้เช่นกัน
“นักรบระดับเก้าทั้งหกคนทุ่มเทจริงๆ” เกทส์คำรามด้วยความโกรธ จากนั้นเพียงพลิกมือเขาดึงขวานยักษ์ออกมาขณะบุกโจมตีจากด้านบนกำแพงลงมาที่ลานภายใน นักรบระดับเก้าทั้งหกคนอยู่ภายในกำแพงเมืองแล้วเกทส์กระโดดลงมา อังเก้ บูนและเฮเซอร์ก็ตามลงมาทันที
ภายในเมือง
นักรบระดับเก้าทั้งหกคนเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งโดยไม่มีทหารคนใดรอบๆ ตัวพวกเขาสามารถต้านทานได้ติด
“หนีไป!”หนึ่งในนักรบระดับเก้าตะโกนดังลั่นขณะที่เขาใช้ดาบศึกฟันใส่นายทหารคนหนึ่งจนขาดครึ่ง ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่นักรบเหล่านี้ผ่านไปจะมีศพล้มลงเป็นทาง
นักรบระดับเก้าอีกคนหนึ่งรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานเกินไป
พวกเขาไม่สนใจทหารที่ตามพวกเขาเข้ามา นักรบตาเดียวผมทองกระโดดขึ้นจากพื้นทันทีเขาลอยตัวอยู่ในอากาศเกินกว่าสามสิบเมตรพลิกตัวผ่านกำแพงและมาถึงด้านนอกเมือง นักรบระดับเก้าอีกห้าคนก็เริ่มโดดขึ้นจากพื้น...
“เจ้าต้องการหนีหรือ?!”
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนั้นขวานยักษ์ที่น่ากลัวพุ่งวาบตรงมาที่ตัวพวกเขา เกทส์เป็นคนแรกที่มาถึง และในกลางอากาศเขาหยุดหนึ่งในนักรบระดับเก้าที่กระโจนขึ้นมาไว้ได้ นักรบระดับเก้าต้องการใช้ดาบหนักในมือของเขาป้องกันขวานเอาไว้ แต่ทันทีที่เขาทำ...
“ปัง!”
ดาบหนักของนักรบผู้นั้นแตกเป็นเสี่ยงและหลังของเขากระแทกกลับลงไปกับพื้น พื้นสั่นสะเทือนจากแรงปะทะ เกทส์คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว “แม่มันเอ๊ย! บังอาจมาทำลายเมืองงั้นหรือ? ตายซะเถอะ!” ขวานยักษ์ที่น่ากลัวฟันลงอีกครั้งและมันทำให้พื้นที่โดยรอบแข็งชะงักทันที
ขวานนี้ถึงระดับเคล็ดวิชา‘กำหนด’ แล้ว
ไม่มีที่ให้นักรบระดับเก้าได้หนี “อ๊า!” เสียงร้องโหยหวนดังได้ยิน และจากนั้นอวัยวะสำคัญกระจัดกระจายเพราะขวานยักษ์ เลือดและอวัยวะภายในกระจายไปทุกที่และร่างของเขาฟาดกับพื้นอย่างรุนแรงไม่มีทางลุกขึ้นมาได้อีกเลย
แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะเป็นนักรบระดับเก้าแต่เกทส์เป็นนักรบระดับเก้าชั้นสูงและเป็นนักรบอมตะ ความแตกต่างมีมากมายเกินไป
นักรบอีกสี่คนเผชิญหน้ากับบูนอังเก้และเฮเซอร์ อังเก้บังคับให้สองนักรบในกลุ่มถอยออกไป ตาของเฮเซอร์ บูนและอังเก้เต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดอำมหิต
การสู้รบปรากฏผลอย่างรวดเร็ว
“ใต้เท้านอกจากข้าเองแล้วอีกห้าคนไม่สามารถหลบหนีได้” บุรุษผมทองตาเดียวดูเหมือนไม่ยอมรับผลที่ออกมาเช่นนี้
หน้าของเวสพอร์ตเตอร์และกิลเยโมบิดเบี้ยวน่าเกลียด
“เป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? พวกเจ้าเป็นนักรบระดับเก้า!” หน้าของเวสพอร์ตเตอร์ซีดขาวอย่างช่วยไม่ได้ขณะที่เขาพูด
“ข้าเห็นลินลี่ย์และนักรบอมตะเหล่านั้นอยู่ในเมือง” กิลเยโมพูดทันที พลังระดับกิลเยโมแม้ว่าจะห่างออกไปหลายกิโลเมตร เขาก็สามารถเห็นลินลี่ย์และคนอื่นๆ บนกำแพงเมืองได้
เสียงของเวสพอร์ตเตอร์ทุ้มต่ำ “กิลเยโมหรือว่าลินลี่ย์จะเพิกเฉยข้อตกลงก่อนนี้และลงมือกับนักรบระดับเก้า?”
“ไม่น่าจะเป็นลินลี่ย์” กิลเยโมส่ายศีรษะ “ถ้าเป็นเขามีแนวโน้มว่าจะไม่เหลือนักรบให้หนีรอดได้แม้แต่คนเดียว ข้าคาดว่านักรบอมตะที่ยังไม่ถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์ นอกจากพลังของพวกเขาแล้วคงไม่ใช่เรื่องยากที่พวกเขาจะจัดการกับนักรบระดับเก้าธรรมดาได้”
เวสพอร์ตเตอร์เริ่มหงุดหงิด
“เจ้าไปได้แล้ว” นักรบผู้โชคดีรอดชีวิตออกไป
เวสพอร์ตเตอร์ออกคำสั่ง “ให้ทหารที่กำลังโจมตีถอนกำลังเดี๋ยวนี้ วันนี้เราจะพักไว้เพียงเท่านี้ก่อน”
“ขอรับ ใต้เท้า” คนถ่ายทอดคำสั่งวิ่งออกไปทันที
กิลเยโมมองดูเวสพอร์ตเตอร์อย่างงงงวย เวสพอร์ตเตอร์หลับตา หลังจากนั้นชั่วขณะเขาลืมตาและพูดอย่างใจเย็น “กิลเยโม! ตอนกลางคืนเตรียมสั่งให้คนของเราโจมตีอีกครั้ง ตอนดึกเราต้องยึดเมืองให้ได้ก่อนตะวันจะขึ้นในวันพรุ่งนี้ เราจะต้องทุ่มเททุกอย่างในชีวิตเท่าที่จำเป็น”
“ตอนดึก?” กิลเยโมขมวดคิ้ว ขณะมองดูเวส พอร์ตเตอร์ “ต่อให้เราไม่สนใจเรื่องชีวิตของนักรบ แต่มันยากจะตีฝ่าได้”
ไม่ว่าจะเป็นทั้งกิลเยโมหรือเวสพอร์ตเตอร์ล้วนไม่สนใจชีวิตของทหารธรรมดาทั้งนั้น พวกเขาสั่งคนได้เป็นจำนวนมาก และความจริงก็คือเพื่อใช้ประโยชน์ในการลดจำนวนประชากรเล็กน้อยผ่านการทำสงคราม นักรบธรรมดาฝึกอบรมมาปีหรือสองปีเท่านั้น
พวกเขาไม่สนใจชีวิตทหารธรรมดา
สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือทหารฝีมือดี
ตัวอย่างเช่นทหารแสนคนที่ถูกส่งไปโจมตีประตูทิศตะวันออกเป็นต้น
“คืนนี้เราจะโจมตีเมืองให้ได้ ไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเพียงไหนก็ตาม ถ้าภายในเวลาตีห้าเรายังตีเมืองไม่ได้ จากนั้นเราจะใช้ไม้ตายเผด็จศึกของเจ้า” เวส พอร์ตเตอร์มองดูกิลเยโม “ว่ายังไง, กิลเยโม?”
“ไม้ตายเผด็จศึกของเรา?” กิลเยโมเงียบไปชั่วขณะ
เขารู้ว่าเวสพอร์ตเตอร์พูดถึงอะไร กิลเยโมพยักหน้าเล็กน้อย “เอาอย่างนั้นก็ได้!”
ความจริงถ้าพวกเขาเริ่มโจมตีตอนกลางคืนและสู้อย่างทุ่มเทจนถึงเวลาตีห้าต่อให้พวกเขาไม่สามารถทะลวงฝ่าเข้าไปได้ พวกเขาก็สามารถทำให้กองกำลังเมืองค็อดอ่อนกำลังลงได้ พอถึงจุดนั้น ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะใช้ไม้ตายเผด็จศึก เพื่อให้แน่ใจว่าชัยชนะเป็นของพวกเขา
นักรบนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่างกำแพงถอยออกไปเหมือนกับน้ำ
ว็อทส์ยืนอยู่ด้านบนกำแพงเมืองสีหน้าไร้ความรู้สึก
ลินลี่ย์มองดูว็อทส์อยู่ใกล้ๆสายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม เพียงแค่นั้นเขามองดูกระบวนการสู้รบทั้งหมด ศัตรูโจมตีอยู่หลายครั้งและประตูทิศตะวันออกและประตูทิศตะวันตกแต่คำสั่งของว็อทส์จัดการกองกำลังฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสมบูรณ์ดี
“ว็อทส์” ลินลี่ย์ บาร์เกอร์ บูน อังเก้และคนอื่นเดินตรงมาหาเขา
ว็อทส์คำนับทันทีที่เขาเห็นกลุ่มคนชุดนี้
ลินลี่ย์ยิ้ม “การสู้รบวันนี้ได้ผลสรุปแล้ว ว็อทส์ คืนนี้พักผ่อนให้ดีล่ะ”
“ไม่ต้องทำอย่างนั้น ใต้เท้า” ว็อทส์มีสีหน้าเคร่งเครียดมาก “วันนี้ศัตรูโจมตีเราหลายครั้งด้วยกองทัพของพวกเขา พวกเขาใช้กองทหารฝีมือดีพยายามทำลายประตูทิศตะวันออกแล้วส่งนักรบระดับเก้ามาทำลายประตูทางทิศใต้ และพวกเขามีทหารโจมตีอย่างบ้าคลั่ง.. ข้ารู้สึกว่าผู้บัญชาการฝ่ายตรงข้ามไม่ใช่คนอดทนเท่าใดนัก ข้าคาดว่ากลยุทธต่อไปของเขาจะเปิดเผยให้เห็นในวันนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้ คืนนี้พวกเขาอาจจะลอบโจมตีเราก็ได้”
ว็อทส์มองดูค่ายของศัตรู
เมื่อทหารทั้งสองฝ่ายเข้าโรมรันพันตู ถ้าฝ่ายใดสามารถเข้าใจนิสัยของผู้บัญชาการฝ่ายตรงข้ามได้ ก็จะทำนายการกระทำของศัตรูได้ดีกว่า
“โอว?” ใบหน้าของลินลี่ย์มีรอยยิ้ม
เกทส์หัวเราะลั่น “ใต้เท้าลินลี่ย์ ไม่ต้องสงสัยอะไรแล้ว การคาดการณ์ของว็อทส์มีแนวโน้มว่าจะเกิดได้ถึง90%”
คืนนั้นลินลี่ย์ บาร์เกอร์ และคนอื่นกำลังดื่มกินอยู่ที่ลานว่างเพราะว็อทส์คาดการณ์ว่าศัตรูจะพยายามลอบเข้ามาโจมตีคืนนี้ พวกเขาทุกคนจึงนั่งรอ
“ห้องมิติลับ?” บูนดูเหมือนตกใจกับคำพูดของลินลี่ย์
บาร์เกอร์พยักหน้าเช่นกัน “ตอนนี้ แม้แต่ข้าที่ไม่มีความสัมพันธ์ธาตุที่ดีนักก็ยังรู้สึกถึงได้ชัดถึงธาตุต่างๆ ในห้องลึกลับ ความรู้สึกแบบนั้นเฉพาะตัวมาก ข้ารู้สึกว่าได้อยู่ใกล้กับธรรมชาติมากว่าที่เคยเป็นมาก่อน”
“อังเก้ บูน เกทส์ เฮเซอร์พวกท่านจำเป็นต้องฝึกหนัก ในอนาคตเมื่อพวกท่านเป็นระดับเซียนแล้ว พวกท่านจะสามารถเข้าไปฝึกในห้องมิติได้”ลินลี่ย์ยิ้ม
ห้องมิติกว้างสิบเมตร สามารถให้คนหลายคนเข้าไปฝึกรวดเดียวได้
ทันใดนั้น,เสียงร้องต่อสู้รุนแรงดังมาจากประตูทิศใต้ ตามมาด้วยเสียงลั่นจากปืนใหญ่พลังเวทอย่างดุเดือด เสียงร้องทุกข์ทรมานดังมาในอากาศเป็นระยะๆ..ลินลี่ย์ บาร์เกอร์และพวกที่เหลือต่างมองหน้ากัน จากนั้นจึงเริ่มหัวเราะ
“ว็อทส์ผู้นั้น เขาคาดเดาได้ถูก มาเถอะ” ลินลี่ย์เริ่มรู้สึกชื่มชมว็อทส์
กลุ่มของพวกเขารีบเร่งตรงไปที่ประตูเมืองทิศใต้ ยิ่งพวกเขาใกล้เข้าไปเสียงของการสู้รบก็ยิ่งดังกราดเกรี้ยวน่ากลัวมากขึ้น ประกายคบเพลิงบนพื้นข้างล่างจากกำแพงเมืองเต็มไปด้วยซากศพ ขณะที่มีทหารจำนวนมากมายร่วงตกลงไปจากกำแพงเนื่องจากทหารจากข้างล่างยิงธนูขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน
“บันไดเทียบกำแพง” ลินลี่ย์เห็นได้ทันทีถึงสิ่งก่อสร้างที่เคลื่อนที่มาตามทางมุ่งสู่เมืองช้าๆ
บันไดเทียบกำแพงเมืองกว้างเกินสี่สิบเมตรและสร้างขึ้นจากเหล็กและปูน เป็นป้อมขนาดยักษ์กำลังเคลื่อนที่ช้าๆตรงเข้ามายังกำแพงเมือง ส่วนของป้อมเคลื่อนที่หันหน้าเข้าหากำแพงเมืองสร้างขึ้นมาจากเหล็กหนา
“บึ้ม!” ปืนใหญ่พลังเวทยิงเข้ามายิ่งเพิ่มความโกรธให้พวกเขา
บอลเพลิงเพียงแต่ทำให้ชั้นหนึ่งเหล็กละลาย แต่เหล็กกล้าหนาหลายเมตรสิ่งก่อสร้างชนิดนี้ไม่ได้กระทบกระเทือนแม้แต่น้อย มีป้อมบันไดเทียบกำแพงเมืองอยู่สิบป้อมและทั้งหมดตั้งแถวค่อยๆ เคลื่อนหน้าเข้าหากำแพงเมือง