ตอนที่ 10-37 พลังปืนใหญ่พลังเวท
“เหรอ? แล้วท่านคัดค้านไหม?” ลินลี่ย์มองดูว็อทส์ด้วยความสงสัย
เขารู้สึกว่าข้อเสนอนั้นค่อนข้างสมเหตุผล เมื่อกองกำลังศัตรูตกอยู่ในความสับสน การโจมตีอย่างสายฟ้าแล่บจะทำให้กองกำลังของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาได้เจ็บตัวเป็นแน่
ว็อทส์พูดด้วยความเคารพ “ท่านลอร์ดลินลี่ย์! เหตุผลที่ข้าคัดค้านเรื่องนี้มีอยู่สามประการ”
สามประการ?
ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าเขาไม่รู้เรื่องการทำสงครามมากนัก ดังนั้นเขาฟังคำอธิบายของว็อทส์อย่างระมัดระวัง
“ก่อนอื่นเลย โอกาสำเร็จมีไม่มาก เพราะยังมีระยะห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตรจากเมืองค็อคไปที่แม่น้ำ ถ้าเราส่งกองกำลังไปที่นั่นเมื่อเวลาที่พวกเขามาถึง กองกำลังฝ่ายศัตรูจะมีเกินล้าน และการจัดการกองทัพจะถูกจัดใหม่อีกครั้ง”
บาร์เกอร์ส่ายศีรษะ “สำหรับทหารล้านคนการจัดตั้งกระบวนศึกให้แล้วเสร็จไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่าย
ว็อทส์พยักหน้า “นั่นเป็นเรื่องจริงแน่นอน ข้าเพิ่งพูดไปว่ากองกำลังของศัตรูจะเตรียมตัวเพื่อการรบ เรามีกำลังทหารแค่ห้าแสน เราจะส่งกองกำลังไปโจมตีได้เท่าไหร่กัน? และนี่คือข้อพิจารณาประการแรก ประการที่สอง..ข้าเชื่อว่าผู้บัญชาการของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาคงไม่ทำเรื่องผิดพลาดง่ายๆแบบนี้”
“ถ้าข้าเป็นแม่ทัพของฝ่ายศัตรู...”
ว็อทส์ยิ้ม “เรื่องแรกเลยข้าจะส่งทหารหน่วยฝีมือดีที่สุดข้ามแม่น้ำ จากนั้นสร้างสภาพปั่นป่วนลวงเพื่อล่อให้ศัตรูโจมตี เมื่อศัตรูมาโจมตีจริงๆกองทัพฝีมือดีก็จะสร้างความปวดหัวให้พวกเขาได้ทันที”
“ต้องเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราคือกำแพงเมือง” ว็อทส์พูดอย่างจริงจัง “ด้วยกำแพงเมือง เราสามารถสู้แลกชีวิตด้วยสัดส่วนหนึ่งต่อสามชีวิต ดังนั้นพวกเขาต้องการหลอกล่อให้พวกเราเข้าไปสู้ในสนามกับพวกเขาในระดับหนึ่ง”
ลินลี่ย์พยักหน้าเห็นด้วย
ว็อทส์ยังคงพูดต่อ “เนื่องจากเหตุผลข้อที่สามเป็นเพราะในการทำสงคราม ลูกล่อลูกชนยังสำคัญน้อยกว่ายุทธศาสตร์ในการทำศึก เป้าหมายของเราคือยันศัตรูไว้ด้านนอกให้ปล่อยให้พวกเขาบุกเข้ามาในเมือง นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตราบใดที่เราทำได้สำเร็จ อย่างนั้นการสู้รบครั้งนี้จะเป็นชัยชนะของเรา”
“แน่นอน ไม่มีความจำเป็นที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับ‘ข้อบกพร่อง’ ของศัตรู ใครจะรู้ว่าข้อบกพร่องนั้น จริงหรือปลอม?”
ว็อทส์หัวเราะอย่างใจเย็น “ทั้งหมดที่เราต้องทำก็คืออยู่ภายในเมืองค็อดและอาศัยความได้เปรียบของกำแพงเมืองเฝ้าระวังป้องกัน เว้นแต่เกิดบางอย่างที่เกินคาดขึ้นมา ชัยชนะจะต้องตกเป็นของเราแน่นอน”
ราตรีผ่านไป แสงตะวันค่อยๆ สว่าง
คาร์ดินัลมืดเวสพอร์ตเตอร์กำลังขี่พยัคฆ์ปีศาจสายธาตุมืด ขณะที่เขาจ้องมองเข้าไปในตำแหน่งของเมืองค็อด
“กิลเยโม! ข้ามีความรู้สึกว่านี่จะต้องเป็นสงครามที่สู้กันหนักมาก” เวส พอร์ตเตอร์พูดอย่างหงุดหงิด “เราชะลอความเร็วของกองทัพลงขณะข้ามแม่น้ำ และทำให้กองทัพของเราอยู่ในสภาพสับสนแต่ปฏิกิริยาของเมืองค็อดเหมือนกับว่าพวกเขาไม่สังเกตเห็นอะไร พวกเขาไม่ส่งใครออกมาโจมตีเลย”
กิลเยโมพยักหน้า
พวกเขาเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับศัตรูไว้แล้ว แต่โชคไม่ดีที่แผนล้มเหลว
ตอนนี้ทหารทั้งหมดข้ามแม่น้ำและได้พักกันทั้งคืน พวกเขากำลังจะเดินหน้ามุ่งสู่หัวเมืองค็อด กำลังพลของพวกเขามีหนึ่งล้านหกแสนนายกองทัพที่มีขนาดใหญ่น่ากลัวนั้นครอบคลุมทั้งพื้นที่เหมือนคลื่นไม่มีที่สิ้นสุด
“ข้าไม่กลัวว่าแม่ทัพบัญชาการของลินลี่ย์จะฉลาดหรือเจ้าเล่ห์ สิ่งที่ข้ากลัวก็คือเขาแค่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเหมือนเต่าหดหัวในกระดอง” เวส พอร์ตเตอร์กล่าว
กิลเยโมพยักหน้าด้วยเช่นกัน
ถ้าศัตรูอาศัยความได้เปรียบของกำแพงเมืองการบุกทลายเมืองค็อดอาจทำให้ฝ่ายพวกเขาต้องสูญเสียอย่างหนัก แม้ว่าพวกเขาจะมีกำลังพลหนึ่งล้านหกแสนนาย พวกเขาไม่ยินดีจะสูญเสียชีวิตมากมาย
“เวส พอร์ตเตอร์” กิลเยโมกล่าว “อย่างนั้นเราจะทำยังไง?”
แม่ทัพผู้สั่งการในการสู้รบครั้งนี้ปกติจะเป็นกิลเยโมและเวสพอร์ตเตอร์ ในเรื่องการวางยุทธศาสตร์กิลเยโมยังด้อยกว่าเวส พอร์ตเตอร์ เวสหัวเราะอย่างใจเย็น “ยังไม่มีอะไรสำหรับเรา, ตอนนี้ ไปทดสอบกำลังของศัตรูกันก่อน”
เพียงเมื่อฝ่ายหนึ่งรู้จักคู่ต่อสู้และรู้จักตนเองก็สามารถรับชัยชนะได้เหมือนเคย
ทั่วทั้งเมืองค็อดถูกเปลี่ยนเป็นป้อมค่ายทหารขนาดใหญ่ พลเมืองอพยพออกไปนานแล้วบ้านส่วนใหญ่มีทั้งได้รับการบูรณะและรื้อถอน ทั้งอุโมงค์และหลุมถูกขุด ทหารจำนวนมากเรียงรายอยู่บนกำแพงเมืองตะวันออกและทิศใต้ส่วนด้านตะวันตกและเหนือมีทหารอยู่น้อย
อาวุธทุกอย่างระดมมาไว้บนกำแพงเมือง
ลินลี่ย์และบาร์เกอร์สวมชุดเกราะทำตัวเป็นนายทหารตรวจสอบอยู่ที่กำแพงเมืองด้านใต้ กำแพงเมืองเป็นแหล่งของกิจกรรม และกำแพงเมืองก็ยาวหลายกิโลเมตรมีผู้คนจับกลุ่มกันมีคนเกินกว่าแสนบนกำแพงเมืองทิศใต้
“คนมากมายนัก” ลินลี่ย์และบาร์เกอร์จ้องมองจากที่ไกล
พวกเขามองดูเหมือนกระจุกดาวหนาแน่น ทหารหนึ่งล้านหกแสนนายของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเต็มภาคพื้นมุ่งหน้าสู่เมืองค็อด คนหนึ่งล้านหกแสนคน! เป็นจำนวนที่พูดง่าย แต่เมื่อทหารมากมายบุกเข้ามา...
ช่างน่ากลัวนัก!
แม้แต่ลินลี่ย์ก็ยังรู้สึกกดดัน
“ใครจะรู้ว่าผู้คนมากมายเพียงไหนต้องมาตายในสงครามครั้งนี้”บาร์เกอร์ถอนหายใจ
ขณะจ้องมองดูทหารจำนวนมากมายลินลี่ย์ยังคงรู้สึกว่าการสู้รบครั้งนี้เป็นสงครามที่โหดเหี้ยมอำมหิต แต่ว่าตั้งแต่ก่อตั้งสังคมมนุษย์สงครามก็ดำรงคงอยู่มาด้วยเช่นกัน
แม้แต่ลินลี่ย์และคนของเขาก็สามารถเห็นกองทัพของศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาได้ในความเป็นจริงทหารเหล่านั้นยังอยู่ห่างไกลออกไป
เพียงแต่เพราะกองกำลังของศัตรูมีมากเกินไป ทหารบนกำแพงเมืองสามารถมองเห็นได้ไกลออกไป
“ปล่อยให้ว็อทส์จัดการเถอะ เขาคือแม่ทัพของเรา เราไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับเขา” ลินลี่ย์นำบาร์เกอร์ไปที่กำแพงเมืองทางทิศใต้ ว็อทส์ในตอนนี้อยู่ในอาคารเล็กๆไม่เป็นที่สังเกตในทิศใต้ของเมือง
เมื่อเห็นลินลี่ย์และบาร์เกอร์ ว็อทส์แสดงความเคารพทันที
“ว็อทส์! ใต้เท้าลินลี่ย์กับข้ามาเพื่อคุ้มกันเจ้า” บาร์เกอร์หัวเราะ
ไม่ว่าปกติว็อทส์จะใจแข็งเพียงใด แต่ตอนนี้เขาตื่นเต้นมากขึ้น ลินลี่ย์หัวเราะ “พอเถอะ จงมีสมาธิกับการเตรียมตัวรับมือศัตรู ท่านมีกลยุทธใดใช้รับมือทหารหนึ่งล้านคนบ้างไหม?”
ว็อทส์หัวเราะ “ไม่ต้องรีบ ไม่ว่าพวกเขาใช้วิธีใดๆ ก็ตาม ข้าจะใช้มาตรการตอบโต้ที่เหมาะสมได้”
“ท่านคิดว่าพวกเขาทำไปเพื่ออะไรกับการโจมตีของพวกเขา?” บาร์เกอร์ถาม
“หลังจากพวกเขาข้ามแม่น้ำ พวกเขาไม่เร่งโจมตีแต่กลับให้ทหารของพวกเขาได้พักและรอให้ฟ้าสาง ข้าคาดว่า... ในช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมง พวกเขาจะมาถึงเมือง ตอนบ่ายพวกเขาคงจะเริ่มเปิดการโจมตีระลอกแรก” ว็อทส์หัวเราะอย่างใจเย็น
“ระลอกแรกไม่น่าจะรุนแรงนัก พวกเขาเพียงแต่ทดสอบความแข็งแกร่งของเรา ท่านวางแผนตอบสนองยังไงบ้าง?” บาร์เกอร์ถาม
“ปืนใหญ่พลังเวท”
ว็อทส์ตอบ
“ท่านจะใช้ปืนใหญ่พลังเวททันทีเชียวหรือ?”บาร์เกอร์ขมวดคิ้ว ปืนใหญ่พลังเวทคืออาวุธลับของพวกเขา ควรจะใช้ช่วงเวลาวิกฤติมากกว่า ว็อทส์กล่าวด้วยความมั่นใจ “ท่านแม่ทัพสูงสุด, ไม่ต้องกังวลคอยดูอย่างสบายใจก็พอ เมื่อถึงเวลา แล้วท่านจะเข้าใจ”
“ท่านสร้างบรรยากาศลึกลับต่อหน้าข้าเชียวหรือ?” บาร์เกอร์ส่ายศีรษะและหัวเราะ
ลินลี่ย์เพียงแต่นั่งเงียบๆอยู่ที่ด้านหนึ่ง ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือส่งมอบการดำเนินการสู้รบนี้ให้คนเหล่านี้ เวลาผ่านไป..ลินลี่ย์ลืมตาและกล่าวกับว็อทส์ “เริ่มเตรียมตัวได้แล้ว ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาส่งหน่วยหน้าของพวกเขามาและเตรียมจะโจมตีแล้ว”
ว็อทส์มองดูลินลี่ย์อย่างประหลาดใจ
ลินลี่ย์ไม่อธิบายมากเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่ต้องใช้พลังจิตของเขาตรวจสอบ แต่เนื่องจากพลังรู้แจ้งในกฎธรรมชาติแห่งธาตุลมแม้จะอยู่ห่างหลายกิโลเมตร ลินลี่ย์ก็สามารถรู้สึกถึงทุกอย่างได้ชัดเจนถ้าเขาต้องการทำ
“ใต้เท้ากองกำลังศัตรูทั้งสองเริ่มโจมตีประตูเราแล้วขอรับ” นายทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาทันที
แม้ว่ากำแพงเมืองจะทอดยาวหลายกิโลเมตรแต่การโจมตีโดยรวมจะอยู่กลางประตูเมือง
ว็อทส์ชำเลืองมองลินลี่ย์จากนั้นเริ่มออกคำสั่งทันที “ดำเนินตามแผนการเดิมของเรา เตรียมปืนใหญ่พลังเวทไว้ มอบของขวัญต้อนรับอาคันตุกะของเราหน่อย” ว็อทส์หัวเราะ และดวงตาของนายทหารนั้นเป็นประกายตื่นเต้นเช่นกัน “ขอรับ, ใต้เท้า”
“มาเถอะ ไปดูกัน” ลินลี่ย์ยืนขึ้น
บนกำแพงเมืองลินลี่ย์และบาร์เกอร์กำลังมองดูข้างล่าง พวกเขาเห็นทหารทั้งสองดินแดนจำนวนมากกำลังบุกจู่โจมเข้ามาข้างหน้า เทียบกับทหารหนึ่งล้านหกแสนคนทหารสี่หมื่นคนนับว่าไม่มาก แต่เมื่อบุกเข้ามาพวกเขายังรู้สึกหมือนคลื่นผู้บุกรุกโจมตี
“ฆ่า!”
ทหารหลายหมื่นคนข้างล่างยกโล่ของพวกเขาจู่โจมใส่ประตูเมืองด้วยอาวุธในมือ ความโกรธของพวกเขาดังกึกก้องเหมือนเสียงฟ้าผ่า ทหารจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาพร้อมกับบันไดปีนเมืองขณะที่ในใจของพวกเขากังวลว่าจะถูกยิงด้วยธนูจากทหารบนกำแพงเมือง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจไม่ใช่ธนูแต่เป็นไฟ
“ไฟ!” เสียงโกรธเกรี้ยวคำราม
อักษรรูนบนปืนใหญ่พลังเวททั้งสิบกระบอกเรืองแสงทันทีและมวลพลังธาตุที่น่ากลัวเริ่มคลุมรอบปืนใหญ่ ทันใดนั้นปืนใหญ่พลังเวทปลดปล่อยเสียงคำรามกึกก้องน่ากลัวขณะที่แสงยิงใส่กองกำลังของศัตรูทันที
“ปืนใหญ่พลังเวท!” เสียงร้องน่ากลัวดังขึ้น
หนึ่งในบอลเพลิงยิงลงกลางกองกำลังทหารและคนที่อยู่ใกล้บอลเพลิงมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน เมื่อบอลเพลิงกระทบพื้นก็เหมือนเปลววงแหวนเพลิงซึ่งเริ่มขยายเป็นเหมือนระลอกน้ำไปทุกตำแหน่ง ทหารทุกคนที่สัมผัสวงแหวนเพลิงต่างร้องโหยหวนถูกเผาผลาญทั้งเป็น
เวทธาตุไฟ:วงแหวนเพลิง!
ด้วยแรงระเบิดเพียงครั้งเดียวมีคนตายไปเป็นร้อย
ลูกบอลแสงอื่นเช่นบอลแสงสีฟ้าตกลงในกลุ่มทหารเช่นกัน และทหารในพื้นที่รอบๆแข็งเป็นน้ำแข็งทันทีจากนั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้นๆ นี่ บอลแสงสีฟ้านี้พอแตกระเบิดก็มีวัตถุยิงออกมาทุกทิศ“ควั่บๆ”ทหารหลายคนถูกอาวุธบินเหล่านี้นับไม่ถ้วนเริ่มร้องโหยหวนทรมานเนื่องจากแรงระเบิดนั้น
เวทธาตุน้ำ: ศรพิรุณทะเลคลั่ง!
ปืนใหญ่พลังเวทรูปแบบต่างๆจะใช้กับอัญมณีเวทรูปแบบต่างๆ สร้างพลังโจมตีรูปแบบต่างๆ แต่ไม่ต้องสงสัยเลยแค่อุปสรรคจากปืนใหญ่พลังเวทอย่างเดียวก็ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นพัน
แต่จากนั้นปืนใหญ่พลังเวทก็เปล่งแสงอีกครั้ง
“ปัง!” “ปัง!” “ปัง!”
แทบจะในเวลาเดียวกันปืนใหญ่พลังเวททำงานอีกครั้งศัตรูถูกเผาจนตาย ถูกยิงถูกแช่แข็ง ถูกฝูงตั๊กแตนกิน หรือถูกพลังสายฟ้าจนตาย...ปืนใหญ่พลังเวททั้งสิบกระบอกยิงใส่ทหารทั้งสองกองทัพนั้นเป็นตัวแทนของสองศาสนจักร
เวสพอร์ตเตอร์และกิลเยโมอยู่ด้วยกัน
“ใต้เท้า” นายทหารแสดงความรพและกล่าวรายงาน “กองทัพร่วมสองฝ่ายเริ่มโจมตีระลอกแรกที่ประตูทิศใต้และประตูตะวันออกเริ่มถอยเช่นกัน เราพบว่าประตูทิศใต้มีปืนใหญ่พลังเวทสิบกระบอกขณะประตูทิศตะวันออกมีห้ากระบอก ปืนใหญ่พลังเวทเหล่านี้มีพลังโจมตีเทียบเท่านักเวทระดับแปด”
กิลเยโมแค่นเสียงเย็นชา “นี่คือสิ่งที่ข้าเกรงอยู่แล้วว่าพวกเขาจะใช้ปืนใหญ่พลังเวท ดังนั้นพวกเขาก็มีอยู่จริงๆ ใครขายมันให้พวกเขา?”
เวสพอร์ตเตอร์หัวเราะอย่างใจเย็น “นั่นยังไม่เป็นปัญหาในตอนนี้ ปืนใหญ่พลังเวทที่พวกเขามีอยู่ มันอยู่ในความคาดการณ์ของเราอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีเพียงห้ากระบอกในประตูทิศตะวันออก อย่างนั้นพรุ่งนี้...จะโจมตีเต็มรูปแบบกันจริงๆ”
“โจมตีเต็มรูปแบบ?” กิลเยโมมองดูเวสพอร์ตเตอร์
เวสพอร์ตเตอร์พยักหน้า “ใช่แล้ว เราจะแกล้งทำเป็นให้ความสนใจประตูทิศใต้ขณะที่กองกำลังเล็กๆของเราไปที่ประตูทิศตะวันออก แต่ส่วนน้อยที่โจมตีที่ประตูทิศตะวันออกจะเป็นหน่วยทหารฝีมือดีของเรา” เวสพอร์ตเตอร์พูดหนักแน่น
“เวส พอร์ตเตอร์,เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?” กิลเยโมมองดูเขา “เราจะเน้นการโจมตีที่ประตูทิศตะวันออกหรือ?”
อัตราส่วนของกองกำลังไม่ได้ระบุว่าแต่ละกองกำลังจะทรงพลังเพียงใด ถ้าทหารเป็นพวกฝีมือดี อย่างนั้นคนสักแสนคนก็อาจสามารถเอาชนะทหารธรรมดาสี่แสนได้
“จริงคือเท็จ เท็จคือจริง พวกเขาแค่หลอกศัตรูของพวกเขา ถ้าทหารฝีมือดีแสนคนโจมตีพร้อมกันรวดเดียว ถ้าประตูทิศตะวันออกไม่เตรียมตัวพร้อมเต็มที่ เราอาจไม่สามารถทำลายผ่านไปได้ในรวดเดียว” เวส พอร์ตเตอร์พูดอย่างมั่นใจ
กิลเยโมหัวเราะ “ถ้าข้าเป็นผู้บัญชาการของศัตรู เมื่อข้าเห็นทหารเป็นล้านคนของเจ้าที่ด้านนอกประตูทิศใต้ มีเพียงแสนคนที่ประตูทิศตะวันออก ข้าจะให้ความสนใจที่ประตูเมืองด้านทิศใต้เช่นกัน