ตอนที่แล้วตอนที่ 10-35 เรียกประชุม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10-37 พลังปืนใหญ่พลังเวท

ตอนที่ 10-36 ประตู


การล่าอสูรเวทระดับแปดและเก้าเป็นงานที่ยากเย็นแสนเข็น ทุกคนสามารถคิดได้เลยว่าแก่นเวทของอสูรเวทมีค่ามากเพียงไหน  อย่างไรก็ตามอัญมณีในเหมืองอัญมณีเวทเหล่านี้มีคุณภาพเทียบเท่าแก่นอสูรเวทระดับเจ็ดและแปด และมีบางส่วนที่เทียบเท่ากับแก่นอสูรเวทระดับเก้า

ภายใต้แสงคบเพลิงอัญมณีเวทกึ่งโปร่งใสสร้างเงาแสงวูบวาบดูน่ามึนงง

และนอกจากนี้ที่ท้ายอุโมงค์ของเหมืองมีประตูบานหนึ่ง

ประตูที่ไม่ควรจะมีอยู่

“ข้าไม่สามารถหาประตูนี้พบด้วยพลังจิตของข้าได้  เหมือนกับว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่มีอยู่นี่มันประตูอะไรกัน?” ลินลี่ย์ประหลาดใจและงงงวย พลังจิตของเขาไม่สามารถเจาะผ่านประตูนี้ได้ทันที  เขาจะกล้าบุกเข้าไปข้างในนี้ได้ยังไง?

ลินลี่ย์หันไปมองบาร์เกอร์  “บาร์เกอร์, ท่านเคยเข้าไปดูหรือยัง?”

บาร์เกอร์พยักหน้า  “ข้าไปมาแล้ว บอกตามตรงเลยข้าเข้าไปแล้วรู้สึกตกใจ”

“แต่ใต้เท้า, จะดีที่สุดท่านควรเข้าไปหลังจากแปลงร่างแล้ว เมื่อท่านก้าวเข้าไปในประตู ท่านจะถูกคลื่นพลังงานโจมตีใส่  ถ้าพลังป้องกันของท่านไม่เพียงพอ...ลำพังประตูเท่านั้นก็สามารถฆ่าผู้บุกรุกได้” บาร์เกอร์พูดอย่างจริงจัง

ลินลี่ย์ลอบตกใจ

บาร์เกอร์คือนักรบอมตะระดับเซียน  เป็นสุดยอดนักรบที่มีพลังป้องกันสูงที่สุด  เมื่อเขายังพูดอย่างนั้น...ทุกคนคงคิดได้ว่าพลังโจมตีนั้นจะรุนแรงมากเพียงไหน

หลังจากถอดเสื้อและเครื่องแต่งกายร่างช่วงบนแล้ว  ลินลี่ย์แปลงร่างเป็นมังกรทันใดนั้นร่างของเขาคลุมไปด้วยเกล็ดมังกรสีน้ำเงิน  เขาจ้องไปที่ประตูลึกลับด้วยดวงตาสีทองเข้ม  ก่อนจะเดินเข้าไป

“ซี่............”

คลื่นพลังงานที่คล้ายกับมีดฟันใส่ลินลี่ย์อย่างดุเดือดทันทีที่เขาเดินเข้าไปในประตู  แรงฟันนับล้านครั้งที่ฟันใส่เขาเกิดเป็นประกายไฟอยู่เหนือเกล็ดสีน้ำเงินของลินลี่ย์

“นี่คือ...” แทบจะทันทีที่ลินลี่ย์เข้าไป เขารู้สึกตกใจ ฉากภาพภายในประตูตรงข้ามกับที่ลินลี่ย์คาดไว้  เบื้องหลังประตู... เป็นพื้นที่มิติที่เหมือนฟองสบู่ที่โปร่งแสงพื้นที่มิตินี้จะเป็นมิติทรงกลมยาวสิบเมตร

พื้นที่ทรงกลมยาวสิบเมตร

และมิติทรงกลมนี้ถูกจัดไว้เหมือนเป็นห้องฝึกมีเพียงแค่โต๊ะ เตียงและเก้าอี้เท่านั้น มันถูกปกป้องจากม่านพลังด้านนอกป้องกันคนนอกไม่ให้เข้ามาข้างในได้ง่าย

เขาเงยหน้าขึ้นจ้องดูเหนืออากาศ  จากนั้นมองรอบๆ เขาเห็นว่าด้านนอกเยื่อใสเป็นอวกาศยุ่งเหยิง

พื้นที่มิติปั่นป่วนหลากสีสันเป็นริ้วละลอกปรากฏแล้วก็หายไปอย่างต่อเนื่อง  ลินลี่ย์รู้สึกทึ่งเมื่อได้เห็นพลังงานที่น่ากลัวนั้น

“ใต้เท้าลินลี่ย์”  บาร์เกอร์ก็เข้ามาด้วยเช่นกัน  “เมื่อข้าเข้ามาที่นี่  ข้าเองยังรู้สึกว่ายากจะเชื่อ  บอกข้าทีว่าท่านคิดกับเรื่องนี้ยังไง?”

ลินลี่ย์สูดหายใจลึก  “จากสิ่งที่ข้ารู้มีพิภพนับไม่ถ้วนคงอยู่ในมิติที่ปั่นป่วนนี้ ตัวอย่างเช่น ในทวีปยูลาน ถ้าท่านยังคงมุ่งหน้าไปจนถึงที่สุด..ท่านจะสามารถเห็นพื้นที่ปั่นป่วนนี้ เมื่อความแข็งแกร่งของท่านถึงระดับที่แน่นอน ท่านอาจเปิดห้องมิติได้ด้วยตัวเองในอวกาศปั่นป่วนนี้ได้”

ลินลี่ย์ตรวจสอบห้องมิติทรงกลมนี้อย่างระมัดระวัง

“และห้องมิติทรงกลมนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องฝึกฝนเป็นไปได้ว่าคือสิ่งที่ยอดฝีมือที่ทรงพลานุภาพสร้างขึ้นมาเพื่อฝึกฝน  ยอดฝีมือผู้นี้อาจเป็นชาวทวีปยูลานหรือบางทีถ้าจะพูดให้ถูกมากกว่าก็คือ... เขาเคยเป็น”

ลินลี่ย์ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าใดนัก  แต่เขาชื่นชมยอดฝีมือผู้ที่สร้างห้องมิตินี้

“ห้องมิติที่ถูกสร้างน่ะหรือ?”  บาร์เกอร์ถอนหายใจอย่างทึ่งเช่นกัน

“สี่จอมเทพสร้างสร้างพิภพระดับสูงทั้งสี่ไม่ใช่หรือ?  ส่วนมหาเทพทั้งเจ็ดสร้างเจ็ดแดนศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?” ลินลี่ย์หัวเราะ “มียอดฝีมือที่สามารถเปิดห้องมิติเป็นของตนเองได้”

ลินลี่ย์เข้าใจว่าแม้แต่เทพระดับต้นก็มีเพียงแต่วิชา‘แดนเทพ’ ระดับพื้นฐานสุด

ใครบางคนที่สามารถสร้างห้องมิติในท่ามกลางมิติปั่นป่วนต้องเป็นบุคคลที่พิเศษอย่างมิต้องสงสัย

บาร์เกอร์ตาเป็นประกาย  “ใต้เท้าลินลี่ย์ ตอนนี้ข้ารู้แล้วทำไมถึงมีแหล่งอัญมณีเวทขนาดใหญ่ที่นี่  ดูสิ  แก่นธาตุที่นี่มีความหนาแน่นสูงจนน่ากลัว  แม้แต่คนอย่างข้าที่มีระดับสัมพันธ์ธาตุต่ำก็สามารถรู้สึกได้ถึงธาตุต่างๆที่นี่ได้  และนอกจากแก่นธาตุแล้ว  ยังมีพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์ที่นี่เช่นกัน”

ลินลี่ย์เองก็สามารถรู้สึกได้ถึงพลังหนาแน่นของธาตุที่นี่

ดินไฟ น้ำ ลม สายฟ้า แสง ความมืด ความหนาแน่นของธาตุทั้งหมดที่นี่สูงส่งเหลือเชื่อนอกจากธาตุทั้งเจ็ดนี้แล้วลินลี่ย์ยังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานรูปแบบอื่นด้วยเช่นกัน  มีพลังรูปแบบหนึ่งที่คล้ายกับพลังของซาสเลอร์,พลังงานทำลายล้างที่น่ากลัว และพลังงานที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต..

“นี่ควรจะเป็นพลังงานที่เป็นของสี่จอมเทพ” ลินลี่ย์รู้ว่านอกจากเจ็ดพลังงานของธาตุทั้งเจ็ดแล้วยังมีพลังงานเฉพาะอีกสี่รูปแบบ พลังงานที่ลึกซึ้ง

ลินลี่ย์มองดูบาร์เกอร์ “ประตูนั่นควรจะเชื่อมระหว่างทวีปยูลานและมิตินี้ เป็นไปได้ว่าห้องลับนี้จะดึงดูดพลังงานธาตุมามากมายซึ่งสามารถสร้างเป็นแหล่งอัญมณีเวทรายรอบประตู”

“อย่างไรก็ตาม...”

“ยอดฝีมือลึกลับผู้ฝึกฝนอยู่ที่นี่น่าจะจากไปนานแล้วนานมากทีเดียว”  ลินลี่ย์มั่นใจกับเรื่องนี้

“โอว?” บาร์เกอร์มองดูลินลี่ย์อย่างคลางแคลงใจ

“ไม่มียอดฝีมือลึกลับนี้ฝึกฝนที่นี่ ก็ไม่มีทางที่แก่นธาตุมหาศาลขนาดนั้นจะมารวมกันอยู่ที่นี่ขณะนี้เราอยู่ในดินแดนอนารยชน ถ้าเราไม่มาที่เหมืองนี่ใครเล่าจะค้นพบอัญมณีเวททั้งหมดนี้เล่า?”

ลินลี่ย์หัวเราะ  “พูดตามเหตุผลการสร้างที่เก็บพลังเวทขนาดมหึมาอย่างนั้น จะต้องมีแก่นธาตุมหาศาลที่นี่ และมีในปริมาณที่น่ากลัวอีกด้วย  เป็นไปได้ว่ายอดฝีมือทั่วทั้งทวีปยูลานคงจะรู้สึกถึงได้”

“แต่ไม่มีใครในประวัติศาสตร์ของเราที่เคยพูดถึงเจ้าสิ่งนั้นเลย  ดังนั้นพลังงานธาตุปริมาณมหาศาลที่ตกค้างอยู่ที่นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมายาวนานมากแล้ว”

ขณะที่เขาพูดลินลี่ย์หลับตาและนั่งลงทันที

“ใต้เท้าลินลี่ย์?”  บาร์เกอร์เรียกเบาๆ

แต่ดูเหมือนเหมือนลินลี่ย์จะไม่สังเกตถึงตัวเขาแม้แต่น้อย ขณะที่เขานั่งนิ่งอยู่กับที่ทำสมาธิอย่างเงียบงัน

ชีพจรโลกและความใหญ่โตของมัน...

ลมที่กราดเกรี้ยวรุนแรงและความคล่องแคล่วอ่อนโยนของมัน...

ความร้อนที่แผดเผาของเพลิงและอำนาจระเบิดของมัน

สายน้ำที่อ่อนโยนเหมือนทุ่งฝ้ายปุยนุ่นกว้างไม่มีที่สิ้นสุด

ภายในห้องมิตินี้ลินลี่ย์รู้สึกถึงธรรมชาติได้ชัดเจนกว่าที่เคยรู้สึกมาก่อน  ตอนนี้ เขายังรู้สึกถึงการเต้นของชีพจรแผ่นดินได้ชัดเจนกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าและจังหวะเฉพาะตนในสายลม เขาสามารถรู้สึกถึงเส้นทางที่เขาควรเลือกต่อไป

แม้ว่าจะมีสัมพันธ์ธาตุต่อแก่นธาตุไฟในระดับทั่วไปก็ยังมีความรู้สึกเพิ่มขึ้นมาก ลินลี่ย์สามารถรู้สึกถึงแก่นธาตุไฟในระดับสูงและรุนแรงขนาดนั้นได้ พอๆกับความสัมพันธ์กับธาตุดินตามปกติของเขาตอนที่อยู่นอกห้องมิตินี้

แม้ว่าแก่นธาตุน้ำจะยังไม่รู้สึกชัดนัก  แต่ลินลี่ย์ก็ยังรู้สึกถึงจังหวะและการไหลที่เป็นเอกลักษณ์ได้

และเขายังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์จากจอมเทพทั้งสี่

“อย่างนั้นนี่ก็คือรูปแบบการเต้นของชีพจรโลกสินะ” ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงคลื่นความยินดีในหัวใจของเขา เขารู้สึกเหมือนกับว่าการฝึกฝนของเขาก่อนหน้านี้คล้ายกับการฟังเสียงนาฬิกาที่อยู่ห่างออกไปเป็นพันๆกิโลกเมตร  เสียงของนาฬิกาไม่ชัดเจน  แต่ตอนนี้ เขาเหมือนอยู่ใกล้โคตรนาฬิกาฟังเสียงที่ดัง เขาสามารถรู้สึกและได้ยินชัดเจนถึงจังหวะของนาฬิกาในตอนนี้

ความลึกลับของการเต้นชีพจรโลกปรากฏชัดแจ้งแก่เขาทันใด

“คลื่นสั่นสะเทือน 256 ชั้น? ฮะฮะ..นั่นจะใช้ได้ยังไงกัน ที่นี่ในทวีปยูลาน รู้สึกเหมือนกับมีชั้นชีพจรโลกนับไม่ถ้วนเต้นอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจังหวะเต้นของชีพจรโลกจะมีชั้นแล้วชั้นเล่า  ในชั้นหนึ่งๆ มีความลึบลับแฝงอยู่นับไม่ถ้วนเป็นความลึกลับที่ไร้ขีดจำกัด ครอบคลุมทั้ง 256 ชั้นไว้ทั้งหมด”

ลินลี่ย์เข้าใจได้ทันทีว่าการฝึกฝนของเขาควรจะเป็นเส้นทางใด

ในอดีตการฝึกฝนของลินลี่ย์คล้ายกับการอ่านหนังสือและทำหนังสือที่หนาขึ้น แต่ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือทำให้หนังสือบาง  และหนังสือนี้ก็คือจังหวะเต้นของชีพจรโลก  หนึ่งในเคล็ดวิชาสัจธรรมแห่งธาตุดิน

“เมื่อถึงระดับคลื่น 256 ชั้น ข้าแค่มาถึงครึ่งทางของความลึกลับจังหวะชีพจรโลก  ตอนนี้สิ่งที่เราต้องทำคือ...ลดสัจธรรมแห่งธาตุดินให้เหลือเพียงคลื่นชั้นเดียว”

เดิมทีเขาสร้างจากคลื่นชั้นเดียวจนถึง 256 ชั้น แต่ตอนนี้.. เขาต้องการกลับมาที่ชั้นเดียว

เมื่อใดก็ตามที่ลินลี่ย์สามารถบรรจุสัจธรรมแห่งธาตุทั้งหมดได้ในคลื่นสั่นสะเทือนทีเดียวและสามารถใช้พลังชีพจรของโลกได้เต็มที่ในคลื่นสั่นสะเทือนนั้น  ถึงตอนนั้นเขาจะอยู่ในระดับเชี่ยวชาญและเป็นไปได้ว่าด้วยพลังจากการฟันดาบของเขาเพียงครั้งเดียว เขาจะสามารถสั่นสะเทือนคู่ต่อสู้ของเขาจนเหลือแต่กองเหลวๆ

“เป็นพื้นที่ฝึกฝนที่ล้ำค่า”  ลินลี่ย์ลืมตาของเขา  ตอนนี้เขาเต็มไปด้วยความสุขใจ

“ใต้เท้าลินลี่ย์?”บาร์เกอร์เห็นว่าลินลี่ย์ตื่นขึ้นแล้ว เขาผ่อนคลายในที่สุด  “ใต้เท้า!  ท่านนั่งอยู่กับที่ถึงสามวัน”

“สามวัน?” ลินลี่ย์รู้ว่าเมื่อจมอยู่กับความรู้สึกในกฎธรรมชาติแทบจะไม่รู้สึกถึงเรื่องเวลาเลย  อย่างไรก็ตาม นับว่าคุ้มค่านัก..การฝึกฝนของเขาติดเป็นคอขวดอยู่ที่คลื่น 256 ชั้นมาเกินกว่าปีแล้ว

หากปราศจากห้องฝึกลึกลับ...

บางทีเขาคงจะเป็นเหมือนยอดฝีมืออื่นอีกหลายคนติดอยู่ในสภาพคอขวดเป็นสิบๆปี หรือบางทีอาจเป็นร้อยปี รอคอยช่วงเวลารู้แจ้งในพริบตา  เพียงแค่นั้นเขาถึงจะรู้วิธีดำเนินการฝึกฝนต่อ

“มิน่าเล่ายอดฝีมือลึกลับนั้นถึงได้สร้างพื้นที่มิติเป็นห้องฝึกฝนของตนเอง  แน่นอน.. การฝึกฝนในห้องมิติในท่ามกลางอวกาศที่ปั่นป่วนสับสนจะทำให้ผู้ฝึกรู้สึกได้ถึงกฎธรรมชาติต่างๆได้ชัดเจนมากขึ้น” ลินลี่ย์ได้รับรู้แล้วถึงคุณประโยชน์ของสถานที่นี้

แม้ว่าจะไม่มีสมบัติหรือเครื่องมือเทพในห้องนี้แต่เพื่อเชี่ยวชาญการฝึกฝนในเรื่องกฎธรรมชาติต่างๆห้องนี้ก็คือสมบัติที่ล้ำค่าในตัวมันเอง

“ขอบคุณสำหรับของขวัญของท่าน,ท่านผู้อาวุโส”  ลินลี่ย์คำนับห้องฝึกนั้น

เมื่อเขาหันหน้าไปมองบาร์เกอร์ที่ทำท่างงงวย  เขากล่าว “บาร์เกอร์ ตอนนี้ออกไปก่อนเถอะ มีแนวโน้มว่าในสองสามวันนี่จะเกิดการสู้รบในเมืองค็อด”  ขณะที่เขาพูด ลินลี่ย์เดินออกมาจากห้องมิติ

บาร์เกอร์ยังคงงงอยู่ดี ทำไมลินลี่ย์ถึงได้คำนับต่อยอดฝีมือนั้นทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน?

เขาไม่เข้าใจว่าลินลี่ย์รู้สึกยินดีขนาดไหน

เขาทำสมาธิและใคร่ครวญมากเกินกว่าปีแต่ไม่มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นความรู้สึกที่ทำให้อึดอัดมากขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าติดอยู่ที่คอขวดการฝึกฝนอยู่นานเท่าใด  แต่ต้องขอบคุณห้องลับนี่เส้นทางการฝึกฝนในเรื่องกฎธรรมชาติของเขาง่ายขึ้นมาบ้าง

“ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไปในอุโมงค์นี้ ต่อไปในอนาคตจะไม่มีการอนุญาตให้ทำเหมืองตรงนี้เช่นกัน”  ขณะที่เขาเดินออกมาจากอุโมงค์เขาออกคำสั่งนายทหารที่อยู่ใกล้ๆ ห้องมิตินี้คือสิ่งที่ทุกคนได้แต่ฝันเท่านั้น

มันมีค่ามากยิ่งกว่าสมบัติเทพใดๆเสียอีก

บางทีแม้แต่เทพสงครามหรือมหานักพรตก็คงอิจฉาและอยากได้ถ้าพวกเขาพบเจอมัน

“เทพชั้นต้นไม่น่าจะมีความสามารถสร้างห้องมิตินี้ได้”  ลินลี่ย์คิดในใจตนเอง เขามีความรู้สึกว่าความสามารถที่จะสร้างห้องมิติได้อย่างมั่นคงในท่ามกลางอวกาศที่ปั่นป่วนนี้แม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ก็ต้องเป็นยอดฝีมือที่มีพลังน่ากลัวจึงจะทำได้

ลินลี่ย์และบาร์เกอร์บินเคียงข้างกันไปที่เมืองค็อด

ทั้งสองคนมุ่งหน้าไปที่ศูนย์บัญชาการทหาร  ภายในชั้นสามของโรงแรมนั้นว็อทส์และผู้ช่วยของเขากำลังโต้เถียงกันอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นว่าลินลี่ย์และบาร์เกอร์เข้ามาข้างใน ทุกคนยืนทำความเคารพ

“ว็อทซ์!  สถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นยังไงบ้าง?”  ลินลี่ย์ถาม

ว็อทซ์รีบรายงาน  “ท่านลอร์ดลินลี่ย์ ตามที่เราได้สืบทราบมาศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงายังคงส่งคนข้ามแม่น้ำมาอย่างต่อเนื่อง  อย่างไรก็ตามจำนวนของพวกเขามีมากมายและพวกเขาทุกคนมีอาวุธล้อมตีเมือง มีแนวโน้มว่าจนถึงค่ำพวกเขาก็ยังจะข้ามแม่น้ำได้ไม่หมด”

ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย

“ข้าได้ยินการโต้เถียงแล้ว   พวกเจ้ากำลังโต้เถียงกันด้วยเรื่องอะไร?”  บาร์เกอร์ถามด้วยความสงสัย

ว็อทซ์กล่าว“คืออย่างนี้, กองทัพเกินกว่าหกหมื่นถึงเจ็ดหมื่นข้ามแม่น้ำมาได้แล้ว  กองกำลังของพวกเขาค่อนข้างจะยุ่งเหยิง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่ตามมาหลังจากข้ามแม่น้ำ ผู้ช่วยของข้าเสนอให้เราฉวยโอกาสออกไปโจมตีพวกเขา”

“อย่างไรก็ตาม ข้าเสนอความคิดเห็นอีกอย่างหนึ่ง”ว็อทซ์กล่าว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด