ตอนที่ 10-34 ภาระของอสูรร้าย?
ภายใต้การจ้องมองของลินลี่ย์ เทวทูตสี่ปีกได้แต่ยิ้ม “ใต้เท้าลินลี่ย์คือสมาชิกยอดฝีมือระดับที่ทรงพลังที่สุดในทวีปยูลานในปัจจุบันนี้ ข้าคิดว่าท่านคงไม่ลดตัวลงมาโจมตีใส่ข้า” เทวทูตสี่ปีกไม่มีอะไรมากไปกว่าเซียนระดับกลางเลย
แม้จะเป็นเมื่อสิบสองปีที่แล้วลินลี่ย์กับบีบีก็มีสามารถฆ่าเทวทูตสี่ปีกได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
“ช่วยข้าส่งข้อความไปให้โอคาซี่ย์ด้วย”ลินลี่ย์ชำเลืองมองชายชรา
“ใต้เท้าลินลี่ย์,เชิญบอกข้าได้ทั้งหมดเท่าที่ท่านต้องการเลย” ชายชราพูดอย่างนอบน้อม
ลินลี่ย์พูดอย่างสงบ “เขาเป็นคนเลือกร่วมกองกำลังกับศาสนจักรเจิดจรัส นี่คือการกระทำที่โง่เขลาที่สุด ในอนาคต เขาจะต้องเสียใจกับการกระทำนี้แน่นอน”
ชายชราพยักหน้า “ข้าจะถ่ายทอดคำพูดของท่านไปให้ใต้เท้าโอคาซี่ย์แน่นอน อย่างไรก็ตามข้ายังคงต้องบอกอะไรบางอย่างให้ท่านทราบใต้เท้าลินลี่ย์! ในความเป็นจริงในดินแดนอนารยชนนี้ท่าทีคุกคามที่ท่านมีต่อเรายังมากกว่าศาสนจักรเจิดจรัสเสียอีก”
“งั้นหรือ?” ลินลี่ย์หัวเราะ
เขาเข้าใจความหมายของคำพูดเหล่านั้น ตอนนี้คนผู้มีพลังคุกคามเขาได้ในทวีปยูลานก็สุดยอดเซียนทั้งห้า ความเข้าใจในเรื่องกฎธรรมชาติของลินลี่ย์ยังไม่เท่ากับห้าสุดยอดเซียนเหล่านั้น ที่สำคัญไม่ว่าวิชาสัจธรรมแห่งธาตุดินหรือสัจธรรมแห่งธาตุลม เขาก็ทำได้แต่เพียงเทียบเท่าระดับของฮิกกินสันและฮาร์เวิร์ด
อย่างไรก็ตาม ความสามารถโดยธรรมชาติของนักรบเลือดมังกรนั้นยิ่งใหญ่มาก
นักรบเลือดมังกรแข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาสิบเท่าตั้งแต่แรกเริ่ม ดังนั้นแม้ว่าห้าสุดยอดเซียนจะมีการรู้แจ้งในกฎธรรมชาติที่มากกว่า...ถ้าพวกเขาสู้กันเองจริงก็ยากจะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนแอ
ไม่มียอดฝีมือในลัทธิเงาและทั้งศาสนจักรเจิดจรัสสามารถสู้กับลินลี่ย์ตัวต่อตัวได้
ลินลี่ย์อยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งอย่างนั้นทำให้ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงากลัวเป็นธรรมดา ตามปกติแล้วทั้งสององค์กรนี้มีความต้องการจะร่วมมือทำงานกันอย่างลับๆ ที่สำคัญไม่ว่าพวกเขาจะยึดครองพื้นที่ไว้มากมายเท่าใด.. ก็ยังเป็นยอดฝีมือขององค์กรที่กำหนดชะตากรรมของพวกเขา
“ข้าเข้าใจแล้วว่าท่านหมายความว่ายังไง” ลินลี่ย์รู้สึกได้ทันทีว่าเทวทูตสี่ปีกค่อนข้างจะอารมณ์ดี “อย่างไรก็ตาม,ข้าไม่ได้มีความสนใจในอาณาเขตดินแดนเท่าใดนัก ลัทธิเงาของพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวมากเกินไป ถ้าพวกเจ้าเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรบาลุค”
ชายชราส่ายศีรษะ “ใต้เท้าลินลี่ย์, ยอดฝีมืออย่างตัวท่านเองไม่ได้สนใจอำนาจทางโลกๆ แต่น้องชายท่านเล่า ราชาวอร์ตัน? ต่อให้น้องชายของท่านไม่สนใจแล้วทายาทของอาณาจักรบาลุคเล่า? พวกเขาจะต้องขยายดินแดนอย่างต่อเนื่องและจะต้องการรวบรวมดินแดนอนารยชนทั้งหมด”
ลินลี่ย์ตกใจเล็กน้อย..จากนั้นหัวเราะ
“ท่านเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่มองดูชายชรา จากนั้นหันหลังและหายไปจากห้อง
หลังจากลินลี่ย์จากไป ชายชราลอบถอนหายใจ แม้ว่าตั้งแต่เริ่มต้นจนจบลินลี่ย์ไม่มีท่าทีคุกคามเขาแม้แต่น้อย แม้ว่าจะยืนอยู่กับที่ เขาก็ทำให้เทวทูตสี่ปีกรู้สึกได้ถึงความกลัว...เขาเข้าใจว่าความแตกต่างพลังระหว่างทั้งสองนั้นช่างห่างกันไกล
ภายในเมืองค็อดตอนนี้ พลเมืองจำนวนมากกำลังอพยพออกไป ศักดิ์ศรีของราชวงศ์บาลุคในอาณาจักรนั้นสูงส่งมาก เมื่อมีราชโองการมาถึงพูดโอกาสที่จะเกิดสงครามได้สูง พลเมืองเหล่านี้ก็อพยพกันอย่างว่าง่ายทั้งหมด
แน่นอนว่าบ้านในอนาคตของพวกเขาจะได้รับการจัดสรรให้
อาคารสามชั้นที่เคยเป็นโรงแรมเดิมกลายเป็นศูนย์บัญชาการทหารประจำเมืองค็อด วอทซ์ยืนอยู่ที่หน้าต่างชั้นสามมองดูการอพยพ เขาแอบถอนหายใจ เขาเข้าใจว่า.. บ้านของพลเมืองจะต้องถูกทำลายแน่นอน
การสร้างเมืองเอกค็อดให้เป็นป้อมปราการทหารทำให้บ้านพักอาศัยของพลเรือนมากมายถูกทำลาย และอุโมงค์ หลุมถูกขุดไปทุกที่
แม้ว่าพระราชาจะชดใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อโยกย้ายพลเมืองเหล่านี้เพื่อให้พวกเขาทิ้งบ้านเรือนซึ่งใช้เวลาถึงสิบสองปีสร้างขึ้นมา มันเป็นเจ็บปวดลึกในใจของพลเมือง
“ภายใต้การรวมตัวตั้งเป็นอาณาจักรชีวิตของพวกเขาดีกว่าเมื่อสิบสองปีก่อนมาก” ว็อทซ์มองดูเหมือนเป็นคนวัยกลางคน แต่ในความเป็นจริงเขาอายุเก้าสิบแล้ว เขารู้ว่าดินแดนอนารยชนในอดีตนั้นวุ่นวายเพียงไหน เด็กกำพร้ามีจำนวนนับไม่ถ้วน จากจุดนี้ใครๆก็สามารถเห็นได้ว่าสงครามในอดีตนั้นสู้รบกันหนักหนาเพียงไหน
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” ว็อทซ์พูดอย่างใจเย็น
“ใต้เท้า! ท่านสมุหกลาโหมมาเยือนขอรับ” ทหารที่เข้ามารายงานทันที
“ใต้เท้าสมุหกลาโหม?” ว็อทซ์กล่าวทันที “งั้นนำข้าไปพบเขา”
พลเมืองของอาณาจักรบาลุคโดยปกติจะเทิดทูนคนที่มีพรสวรรค์ ยอดฝีมือที่ทรงพลังที่คอยค้ำจุนอาณาจักรบุคคลหลายเลขหนึ่งย่อมเป็นลินลี่ย์แน่นอน รองลงมาก็คือพระราชาวอร์ตันและจากนั้น... ผู้นำห้าเทพศึก เซียนนักรบอมตะ บาร์เกอร์
ภายในลานด้านหลังโรงแรม
บาร์เกอร์นั่งดื่มเหล้ารออยู่แล้ว ขณะเมื่อว็อทซ์เข้ามาแสดงความเคารพ “ท่านสมุหกลาโหม!” บาร์เกอร์เงยหน้าและมองดูเขาจากนั้นหัวเราะ “โอว ว็อทซ์นั่นเอง มาเถอะ มาตรงนี้ ทำตัวตามสบาย”
ผ่านมาเกินสิบสองปีแล้ว อาณาจักรได้ค้นพบผู้มีพรสวรรค์มากมายหลายคน
บาร์เกอร์และน้องๆ ของเขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการฝึกฝน พวกเขาไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเรื่องอื่น ว็อทซ์เป็นผู้ที่บาร์เกอร์ได้พบเจอและให้การสนับสนุน
“มาดื่มกันเถอะ” บาร์เกอร์รินเหล้าให้ว็อทซ์แก้วหนึ่ง
ว็อทซ์ถาม “ท่านสมุหกลาโหม! วัตถุประสงค์ที่ท่านเดินทางมาในครั้งนี้ก็คือ..?”
บาร์เกอร์หัวเราะ “ข้าเพิ่งบอกเจ้าไปเมื่อเร็วๆ นี้แล้วไม่ใช่หรือ?ข้าจะเอาปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทมาให้เจ้า” ว็อทซ์นัยน์ตาเป็นประกาย บาร์เกอร์พูดต่อ “ข้าเอามาทั้งหมดสามสิบหกกระบอก ปืนใหญ่พลังมณีเวทสามสิบหกกระบอกได้จัดเตรียมเอาไว้แล้ว”
“จัดเตรียมไว้แล้ว?” ว็อทซ์กังวล “แต่ท่านจะนำของทั้งหมดมาได้อย่างไร? ท่านสมุหกลาโหม! ปืนใหญ่พลังมณีเวทเหล่านั้นต้องอยู่ไกลแน่นอน การขนของมาทั้งหมดจะต้องใช้เวลามากมายแล้วเราจะมีเวลาพอหรือ?”
บาร์เกอร์ส่ายศีรษะและหัวเราะ “เพื่อจัดการกับปืนใหญ่พลังมณีเวทเหล่านี้ข้าใช้เวลาเดินทางตลอดทั้งวัน”
ว็อทซ์สับสน
ท่านมหาเสนาบดีหมายความว่ายังไง?
บาร์เกอร์โบกมือไปตำแหน่งพื้นที่ว่างในลาน
ทันใดนั้น ปืนใหญ่พลังมณีเวทปรากฏในอากาศทีละกระบอกๆปืนใหญ่เหล่านั้นถูกจัดเรียงเป็นสี่แถว แถวละเก้ากระบอก แต่ละกระบอกมีขนาดยาวสองหรือสามเมตร และความกว้างของปากกระบอกปืนใหญ่มีขนาดครึ่งเมตร ปืนใหญ่เต็มไปด้วยอักษรรูนที่ซับซ้อน
ภายใต้แสงอาทิตย์ปืนใหญ่พลังมณีเวทส่องประกายแพรวพราวน่าหลงใหล
ปืนใหญ่พลังเวทสามสิบหกกระบอก
“นี่...นี่...” ว็อทซ์ตื่นเต้น
“ว็อทซ์เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อแหวนมิติเก็บสมบัติม่าก่อนหรือ?” บาร์เกอร์แค่นเสียง “โชคดีที่ของข้าเองก็ใหญ่พอ แค่สามารถยัดปืนใหญ่พลังเวทมาได้สามสิบกระบอก อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้ปืนใหญ่พลังเวทนี้ข้าต้องวิ่งไปครึ่งทวีปยูลานและต้องบินกันตลอดทั้งวัน ก็เพื่อรวบรวมปืนใหญ่ทั้งหมดมาที่นี่แหละ”
ปืนใหญ่พลังเวททั้งสามสิบหกกระบอกนี้เป็นปืนขนาดใหญ่ทั้งหมด
ขนาดของปากกระบอกปืนใหญ่และอักษรรูนที่ซับซ้อนเป็นเครื่องพิสูจน์ของระดับปืนใหญ่เหล่านี้ ปืนใหญ่ระดับนี้ไม่สามารถนำมาจากจักรวรรดิใหญ่ๆได้ แต่แม้ว่าจะเป็นด้วยเครือข่ายการค้าของหอการค้าดอว์สัน พวกเขาก็ยังรวบรวมได้น้อยอยู่ดี
และโดยผ่านการเก็บปืนใหญ่ไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติของเขา บาร์เกอร์ก็สามารถนำปืนใหญ่ทั้งหมดมาได้โดยง่าย
“ปืนใหญ่ทั้งสามสิบหกกระบอกเหล่านี้เทียบเท่ากับจอมเวทระดับแปดสามสิบหกคน และมันจะมีพลังเวทไร้ขีดจำกัดขนาดไหน” บาร์เกอร์หัวเราะ นักเวทระดับแปดทั้งหมดสามารถใช้เวทระดับแปดได้เพียงสามครั้งก่อนที่พลังเวทจะหมดไม่เหลือ
แม้ว่าพวกเขาจะมีไม้เท้าเวทที่ทรงพลัง พวกเขาอาจจะร่ายเวทได้เพียงสี่หรือห้าครั้ง
แต่ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทนี้โจมตีได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานเท่าที่จะมีอัญมณีเวทเติมลงไป
“ใต้เท้าสมุหกลาโหม,ด้วยปืนใหญ่พลังเวททั้งสามสิบหกกระบอกนี้ ถ้าเราใช้ได้โดยตรง ก็จะสามารถใช้รับมือกองทหารได้เป็นแสนแน่นอน” หน้าของว็อทซ์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และจากนั้นเขาหัวเราะ “แต่แน่นอนข้าก็ต้องการอัญมณีเวทให้เพียงพอด้วย”
อัญมณีเวทคือตัวการผลาญเงินอย่างแท้จริง
ด้วยการยิงในแต่ละนัดเหรียญทองก็ถูกเป่าหายกระจายไปกับกระสุนปืนใหญ่ ไม่มีสมบัติเพียงพอ ใครจะยินดีใช้มันเล่า?
“ไม่ต้องห่วง ในไม่ช้าอัญมณีเวทจะถูกส่งมาด้วยเช่นกัน” บาร์เกอร์พูดให้ความมั่นใจ
“ศัตรูของเรามีจำนวนเป็นล้าน เมื่อสงครามเริ่มปืนใหญ่พลังเวททั้งสามสิบหกกระบอกนี้จะต้องใช้อัญมณีเวทมากอย่างน่าประหลาดแน่นอน” ว็อทซ์มองดูบาร์เกอร์ “ท่านสมุหกลาโหม! โปรดนำอัญมณีเวทมาให้มากเท่าที่ทำได้เถอะ”
บาร์เกอร์พยักหน้า
เขาสามารถเก็บปืนใหญ่พลังเวทไว้ในแหวนมิติเก็บสมบัติของเขาได้ แต่ขนาดของแหวนมีจำกัด ถ้าเขาขนย้ายอัญมณีเวทเป็นจำนวนมาก แหวนมิติเก็บสมบัติของเขาคงจะเล็กเกินไปเขาคงต้องเดินทางเกินสิบเที่ยว
ที่เหมืองอัญมณีเวท พวกเขาไม่ได้ตบตาหรือแกล้งทำเหมืองกันต่อไปแล้ว เนื่องจากศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาระดมพลและกองทัพของพวกเขาแล้ว พวกเขาต้องรีบเร่งขุดกันอย่างเต็มกำลัง เหมืองอัญมณีเวทเหล่านี้ไม่เหมือนกับเหมืองทองแดงหรือเหมืองเหล็ก
วัสดุเหล่านั้นจำเป็นต้องผ่านการหลอมและต้องทำงานกันอีกมาก
แต่อัญมณีเวทต้องการแค่ขัดและเจียระไนเท่านั้น จากนั้นก็เป็นการคัดคุณภาพ ซึ่งเป็นการทำเหมืองที่ง่ายสิ่งที่เป็นเรื่องยุ่งยากก็คืออัญมณีเวทเหล่านั้นแข็งมาก
ยิ่งเป็นอัญมณีเวทระดับสูง ก็ยิ่งแข็งมากและแข็งมากกว่าหินปกติมากมาย
เครื่องมือธรรมดาไม่สามารถขุดออกมาได้เลย
คนงานเหมืองเหล่านี้ต้องคัดเลือกมาเป็นพิเศษ พวกเขาจะต้องมีความแข็งแรงอย่างน้อยเป็นนักรบระดับสามความแข็งแรงของพวกเขาบวกกับเครื่องมือขุดเจาะที่พิเศษก็แทบไม่ทำให้เขาขุดออกมาได้เลย
“แคล้ง!” “แคล้ง!” “ปัง!”....
เสียงขุดดังขึ้นไม่มีหยุด หลายคนอยู่ที่นี่เพื่อขุด แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความเร็วส่วนบุคคล แต่ทุกคนร่วมมือกัน เป็นผลทำให้ได้อัญมณีเวทออกมาเป็นถุงๆ ส่งออกมาอย่างต่อเนื่องจากนั้นค่อยจัดเป็นกองๆ คัดสรรระดับคุณภาพ
เป็นอย่างนี้มาสองเดือนตั้งแต่พวกเขาเริ่มทำเหมือง
ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ขุดเหมืองเสร็จไปเพียงส่วนเดียว
“เกิดอะไรขึ้น? พวกเขาบอกเราให้นำหีบเหล็กยักษ์และให้ใส่อัญมณีเวทไว้ในนั้น หีบเหล็กยักษ์ขนาดนั้นถ้าใช้เก็บอัญมณีเวทก็จะหนักเป็นล้านปอนด์ แล้วจะขนออกไปได้ยังไง?” ทหารรักษาการณ์จ้องมองกล่องเหล็กยักษ์ซึ่งยาวห้าสิบเมตรกว้างสามสิบเมตรและสูงสามสิบเมตร ทุกคนพากันงงไปหมด
กล่องเหล่านี้ใหญ่โตมหึมา ทำไมถึงได้ใช้กล่องใหญ่ขนาดนั้นมาใช้เก็บอัญมณีเวท?
แม้ว่าอัญมณีเวทจะไม่ได้หนักมากมายอะไร แต่เมื่อบรรจุเต็มกล่องยักษ์ย่อมมีน้ำหนักหลายล้านปอนด์แน่นอน อัญมณีเวทหนักหลายล้านปอนด์ กองทัพธรรมดาจะเคลื่อนย้ายได้ยังไง?มันคงจะไม่แย่นักถ้าพวกเขาแบ่งเป็นส่วนเล็กๆ แยกขนส่ง แต่รวมกันแบบนี้
ไม่ใช่ว่าแหวนมิติเก็บสมบัติจะสามารถบรรจุของขนาดใหญ่แบบนั้นได้
หลังจากทำเหมืองมาเป็นเวลาสองเดือน อัญมณีเวทที่พวกเขาขุดออกมาเต็มกล่องเหล็กยักษ์ พวกเขาใช้โซ่เหล็กขนาดมหึมาล่ามมัดรอบหีบยักษ์อย่างแน่นหนา โซ่ทุกข้อหน้าหนึ่งเมตร และมีเป็นสิบๆ เส้นพันรอบหีบยักษ์
“เดี๋ยวมังกรยักษ์จะมาขนกล่องยักษ์นี้ไป พวกเจ้าทุกคนเงียบ อย่าได้แตกตื่นเกินไป” นายทหารออกคำสั่ง
มังกรยักษ์?
ทหารทุกคนจ้องมองในท้องฟ้าขณะที่พวกเขารอคอย
ในยามดึก ท้องฟ้ามีพระจันทร์เต็มดวง
มังหฤโหดร่างขนาดเกินร้อยเมตรปรากฏขึ้นในท้องฟ้าจริงๆ ทหารข้างล่างรู้สึกเหมือนว่าโลกมืดและลักษณะที่น่าเกรงขามของมังกรหฤโหดทำให้ชีพจรของพวกทหารเต้นแรง มังกรหฤโหดยาวร้อยเมตรร่อนลงพื้น
“เจ้านายสั่งข้า มังกรระดับเซียนชั้นสูงให้ขนของให้เขานะนี่เฮ้ออออ” มังกรหฤโหดแพล็กเก็ตแอบถอนหายใจ
ดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงขนาดตะกร้าของมันกวาดมองทหารที่อยู่ใกล้ เขาพ่นลมหายใจอย่างไม่พอใจและยกหีบเหล็กที่หนักเป็นล้านปอนด์บินขึ้นไปในอากาศ ภายใต้แสงจันทร์มันบินมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ไปยังเมืองค็อดพร้อมกับหีบเหล็กยักษ์