ตอนที่แล้วตอนที่ 41 : สำเร็จพลังที่สอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 : บาดเจ็บ

ตอนที่ 42 : พลังเต็มที่ของหมัดทลายศิลา


หลินมู่หายไปจากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่ง เขานั้นจางหายไปจากตำแหน่งหนึ่งและก่อตัวขึ้นในอีกไม่กี่เมตรห่างจากจุดเดิม ‘ก้าวพริบตา’ พลังที่สองที่หลินมู่ได้มากนั้นทำให้เขาย้ายตำแหน่งตัวเองได้ในระยะสั้น ๆ

เขาพบว่าเขาย้ายตำแหน่งตัวเองได้ไกลสุด 10 เมตรในการใช้พลังครั้งเดียว และเขายังรู้อีกด้วยว่าตำแหน่งที่เขาจะเคลื่อนย้ายได้นั้นต้องเป็นจุดที่เขามองเห็น อย่างเช่น เขามิอาจย้ายตัวเองไปข้างหลังได้ แต่ถ้าเขาหันหน้าไปมองตำแหน่งนั้น เขาจะย้ายตัวเองไปได้

ขีดจำกัดอีกหนึ่งอย่างก็คือถ้าหากมีวัตถุขนาดใหญ่ขวางระหว่างหลินมู่กับตำแหน่งที่เขาจะไป เขาจะเคลื่อนย้ายตัวเองไม่ได้ เขาต้องเห็นตำแหน่งที่เขาจะเคลื่อนย้ายอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นการใช้พลังจะล้มเหลวแม้ว่าจะใช้พลังปราณไปแล้วก็ตาม

หลินมู่ยังไม่อยากจะหยุดอยู่เลยแต่พลังปราณของเขาก็เกือบจะหมดเสียแล้ว เขาสนุกสนานกับความรู้สึกของการใช้พลังเพราะมันเป็นการเคลื่อนไหวที่เร็วที่สุดที่หลินมู่เคยทำมา

“ข้าต้องไม่ลืมตัว ยังมีเรื่องที่ต้องทำอยู่อีก”

หลินมู่พูดกับตัวเอง

หลินมู่เตรียมเนื้อและบ่มเพาะพลังจนเนื้อสุก เขาได้เรียนรู้ว่ายิ่งใช้พลังปราณหมดมากครั้งเท่าใดเขาก็ยิ่งบ่มเพาะพลังและฟื้นฟูพลังได้เร็วมากเท่านั้น การนอนหลับช่วยให้เขาฟื้นพลังปราณได้เองก็จริง แต่ขั้นตอนมันช้าและเขาฟื้นพลังปราณได้แค่ครึ่งเดียวจากการนอนแปดชั่วโมง มันเทียบกับการบ่มเพาะพลังปราณด้วยตัวเองไม่ได้เลย

หลินมู่ยังพบอีกด้วยว่าปราณสูงสุดที่เขาฟื้นฟูได้จากการนอนนั้นเท่ากับปริมาณที่เขาบ่มเพาะพลังด้วยตัวเอง เขาไม่สามารถนอนและบ่มเพาะพลังเพิ่มจากเดิมได้นอกจากจะบ่มเพาะพลังเองและเพิ่มขีดจำกัดสูงสุดไป

เมื่ออาหารกลางวันพร้อมแล้วหลินมู่ก็เริ่มรับประทาน ขณะที่กินนั้นเขามีความคิดที่จะทดสอบพลังของหมัดทลายศิลา มันถูกกล่าวไว้ในตำราว่าหมัดทะลายศิลานั้นเข้ากันได้กับพลังหลายแบบและสามารถผสมผสานพลังกันได้อย่างอิสระ

หลินมู่อยากจะเห็นพลังที่แท้จริงของหมัดทลายศิลาเมื่อเขาผสานพลังชีวิตเข้ากับพลังปราณ แม้มันจะน่ากลัวสักหน่อยที่หมัดทลายศิลานั้นใช้พลังชีวิตของเขาจนหมดในการใช้ครั้งเดียว แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่ามันจะเป็นเช่นเดียวกันกับพลังปราณหรือไม่

ไม่กี่นาทีต่อมา หลินมู่จบมื้อกลางวันและพร้อมที่จะทดสอบความสามารถของหมัดทลายศิลา

‘ขอลองหน่อยก็แล้วกัน’

หลินมู่คิด

หลินมู่ยืนตั้งท่าและปรับลมหายใจกับวิชาหมัดให้เข้ากัน แต่ตอนนี้เขาควบคุมพลังปราณเพื่อสร้างวายุพลังที่มือขวาแทนที่จะเป็นพลังชีวิต เขานำทางพลังปราณจากตันเถียนอย่างระมัดระวังเข้าสู่เส้นปราณที่มือขวาและปล่อยให้มันหมุน

ไม่นานวายุก็ก่อตัวขึ้น แต่พลังปราณไม่หยุดการถูกดูดซับ เมื่อวายุถูกสร้างแล้วหลินมู่ก็ไม่ต้องใช้สตินำทางปราณอีกต่อไปเพราะมันเคลื่อนตัวมาที่มือขวาของเขาเอง แต่เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ใช้พลังปราณที่มีทั้งหมดไปครึ่งส่วนเพื่อให้วายุปราณคงที่

หลินมู่ฝืนตัวเองปล่อยวิชาออกไป

“หมัดทลายศิลา!”

~ฟึ่บ

มวลอากาศพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงแหลมคมของลมที่เสียดสีกันเองดังจนแสบแก้วหู มวลอากาศพุ่งไปปะทะกับต้นไม้ที่อยู่หน้าหลินมู่ด้วยแรงปะทะอย่างรุนแรง เปลือกไม้ที่ปกคลุมต้นไม้อยู่นั้นหลุดออกไปทันที และรอยกำปั้นตื้น ๆ ก็ถูกทิ้งไว้ที่เนื้อไม้เปลือยเปล่า ต้นไม้สั่นไหวและมวลอากาศก็แยกเป็นสองส่วนพุ่งไปปะทะกับต้นไม้ต้นด้านหลังต่อไปจนพวกมันสั่นสะเทือน

หลินมู่หายใจเข้าลึกทำร่างกายให้สบาย เขาตกใจกับพลังของหมัดทลายศิลา

“ถ้ามันแข็งแกร่งขนาดนี้ในตอนที่ข้าต่อยอากาศ แล้วถ้าข้าต่อยคนตรง ๆ มันจะเป็นยังไงกัน?”

หลินมู่สงสัย

‘แล้วถ้าข้าผสานพลังปราณกับพลังชีวิตเข้าด้วยกัน มันจะทรงพลังแค่ไหนกันนะ?’

หลินมู่คิด

ความคิดที่จะผสานพลังปราณกับพลังชีวิตยังคงฉายซ้ำในใจหลินมู่ เขาเพียงแค่ทดสอบวิชากับอากาศแต่มิได้ทดลองกับของแข็งเลย เขาอยากจะเห็นพลังและความสามารถทั้งหมดของวิชาเพราะเขาไม่รู้ว่าจะตกไปอยู่ในสถานการณ์คับขันที่วิชานี้เป็นทางออกสุดท้ายเมื่อใด

หลินมู่มิอาจห้ามใจตัวเองและอยากจะลองวิชาในทันที แต่เขาที่อยากจะทดสอบพลังที่แท้จริงของวิชานั้นต้องหาเป้าหมายที่เหมาะสมกับการทดสอบ เขามิอาจทดสอบมันกับตัวคนหรือสัตว์ป่า เขาจึงไปหาหินก้อนใหญ่

“ทางที่ดีกว่าในการทดสอบวิชานี้ ก็คงต้องทดสอบวิชาให้สมชื่อมันล่ะมั้ง”

หลินมู่พูดพลางหัวเราะเบา ๆ

หลินมู่เดินไปที่ลำธารเล็กเพราะเขารู้ว่าที่นั่นมีก้อนหินอยู่ไม่ไกล เขาไปถึงที่นั่นใน 10 นาทีจากนั้นก็มองหาคนรอบ ๆ หรือสัตว์ป่าที่อาจจะมารบกวนเขา ในตอนนี้เขาไม่อยากจะเปิดเผยวิชาให้กับผู้ใด

เมื่อหลินมู่ยืนยันว่าไม่มีคนอยู่ใกล้ เขายืนหน้าก้อนหินใหญ่ที่สูงยิ่งกว่าตัวเขา มันสูงเกินสามเมตร เขาตั้งท่าเตรียมปล่อยหมัดและผสานลมหายใจกับวิชาหมัด

และมาถึงส่วนที่ยาก หลินมู่ต้องหลอมรวมพลังปราณกับพลังชีวิต เขาไม่เคยทำมันมาก่อนจึงไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จในครั้งแรกเลยหรือไม่

หลินมู่ปล่อยให้พลังชีวิตใจร่างกายก่อตัวเป็นพลังวายุที่มือซ้าย เขาเลือกมือซ้ายเพราะมันเป็นมือข้างที่เขาไม่ถนัดและคงไม่รบกวนเขามากถ้าหากมันบาดเจ็บ เขารู้ว่าเขาจะบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ว่าจะใช้วิชากับคนหรือสัตว์ ซึ่งเขาจะฟื้นตัวได้ในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น

พลังชีวิตส่วนมากของเขาเริ่มหมุนอยู่ในแขนซ้าย จากนั้นเขาก็นำทางพลังปราณผ่านเส้นปราณมาที่แขนซ้าย เดิมทีเขาคิดว่ามันจะเป็นขั้นตอนที่ยากและไม่สำเร็จในครั้งแรก แต่ความจริงก็แสดงให้เห็นว่าเขาคิดผิดเมื่อพลังปราณได้หลอมรวมกับพลังชีวิตอย่างง่ายดายและหลอมรวมกันเป็นวายุพลัง

หลินมู่มองดูวายุพลังที่แขนที่เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งอื่น พลังวายุนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานจากรูปของสายลมมันก็ได้กลายเป็นวายุพลังที่อัดแน่นจนเป็นวารี

หลินมู่รู้สึกได้ถึงพลังที่กักเก็บไว้ในวายุพลังวารีนี้ มันไม่เหมือนกับที่เขาเคยรู้สึกมาก่อนเลย เมื่อวายุพลังคงที่ในที่สุดแล้ว หลินมู่ก็ใช้พลังชีวิตและพลังปราณไปจนหมด

เขารู้ว่าเขามีโอกาสเดียวเท่านั้น เขาหายใจเข้าลึกและปล่อยพลังออกไป

“หมัดทลายศิลา!”

~ฟึ่บ~~~~~ตู้มมมมมม!!

ครั้งนี้ไม่มีเสียงสายลมหรือมวลอากาศ มีเพียงพลังลุ่น ๆ ที่พุ่งตรงไปข้างหน้า ทันทีที่หมัดของหลินมู่ปะทะกับผิวหิน พลังวายุในแขนซ้ายของเขาก็ถูกส่งผ่านออกไป

ราวกับทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหว แต่ต่อมาก้อนหินที่อยู่ตรงหน้าหลินมู่ก็หายไปพร้อมกับเสียงระเบิดดังลั่น เสียงระเบิดดังก้องนภาและดังไปไกล ก้อนหินได้กลายเป็นเศษหินกระจายไปทั่วพื้นที่ด้านหลัง

แทงปะทะของเศษหินทำให้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้หักลงไปทันที ส่วนต้นไม้ที่อยู่ไกลก็มีเศษหินฝังอยู่ในเนื้อไม้ มีก้อนเนื้อที่มิอาจบอกได้ว่าเป็นสิ่งใดตกอยู่ที่พื้นด้วย นั่นอาจจะเป็นนกเคราะห์ร้ายหรือสัตว์เล็กที่รับแรงกระแทกจากเศษหิน

เสียงระเบิดหินนั้นดังไปไกลจากป่าและยังคงดังก้องสะท้อนนภาต่อไป

ไม่กี่กิโลเมตรจากหลินมู่ ลึกไปในป่า คนกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรที่ดูเหมือนกับตัวนิ่มยักษ์ พวกเขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงและทุกการโจมตีก็มีพลังมหาศาลอยู่ด้วย บอกได้เลยว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้บ่มเพาะปราณจากหน่วยทหารรับจ้างชั้นสูง

พวกเขากำลังอยู่ในการต่อสู้อันดุเดือดและในตอนนั้นเองก็มีเสียงระเบิดดังก้องมาจากระยะไกล เสียงระเบิดทำให้เหล่าทหารรับจ้างและสัตว์อสูรเป็นกังวล สัตว์อสูรหยุดชะงักไปครู่หนึ่งราวกับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัว สัตว์อสูรตัวนิ่มมิอาจทนไหวและม้วนตัวกลิ้งหนีไปด้วยความเร็วสูงโดยทิ้งทหารรับจ้างเอาไว้

“นั่นมันเสียงอะไร ทำไมสัตว์อสูรถึงหนีไปกัน?”

หนึ่งในทหารรับจ้างถาม

“มันไม่ใช่แค่เสียง มันมีพลังปราณอยู่ในเสียงด้วย เป็นพลังปราณที่แข็งแกร่งมาก”

สตรีถือแส้พูดขึ้นมา

“ดูจากระยะของเสียงแล้ว และดูจากพลังปราณที่มีอยู่ในเสียง มันน่าจะมาจากผู้บ่มเพาะพลังในขอบเขตชำระปราณขั้นสูงสุด หรือไม่ก็ขอบเขตรวมแกน”

ชายที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างพูด

“เราต้องตามสืบหรือไม่หัวหน้า?”

ชายอีกคนถาม

“ไม่ นั่นไม่ใช่งานของเรา ไม่ต้องสนใจ”

หัวหน้าพูดด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยในแววตา

กลับมาที่จุดระเบิด หลินมู่นอนอยู่บนพื้นจับแขนซ้ายเอาไว้ เสียงระเบิดไม่เพียงแต่จะกลบเสียงในป่า แต่มันยังกลบเสียงกรีดร้องของหลินมู่ไปด้วย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด