ตอนที่แล้วตอนที่ 318 – ตอนที่ 299 หลั่งเลือดต่อสู้คว้าชัย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 320 – ตอนที่ 301 ปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ

ตอนที่ 319 – ตอนที่ 300 ยกระดับ, รวบรวมสมบัติ, การกลับมาของเย่ว์หยาง


ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลง, เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวเรียกคัมภีร์ที่ส่องแสงเรืองรองออกมาพร้อมกับปรับเพิ่มระดับกันทีละคน

คัมภีร์ของพวกเขาเปล่งแสงที่มีสีสันแตกต่างกัน

คัมภีร์อัญเชิญของเจ้าอ้วนไห่เปล่งแสงสีเขียว, ของเสวี่ยทันหลางสีฟ้าและขององค์ชายเทียนหลัวเปล่งแสงสีขาว บรรดาพวกเขา เจ้าอ้วนไห่อ่อนด้อยที่สุด ระดับต่ำชั้นที่สุด แต่ต่อสู้อย่างดุเดือดที่สุด ห้าวหาญที่สุดได้รับรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุด แรดผิวเหล็กของเขายกระดับจากอสูรทองแดงระดับ 4 เป็นอสูรเงินระดับ 4 และมันยังวิวัฒนาการจากแรดผิวเหล็กเป็นแรดนอเงิน ถ้ามันยกระดับและชั้นของมันเพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง มันจะพัฒนากลายเป็นอสูรที่หายากที่สุดในแผ่นดิน นั่นก็คือแรดเพชรที่มีพลังแข็งแกร่งพอๆ กับแมมม็อธสายฟ้า

วิวัฒนาการครั้งนี้มีความหมายต่อเจ้าอ้วนไห่มาก แรดของเขาในที่สุดก็มีที่ยืนหยัดกับเขา

แรดเหล็ก ตามปกติแล้วจะอยู่ในสถานะแรดเหล็กจนตลอดชีวิตของมัน แต่ตราบใดที่มันสามารถวิวัฒนาการเป็นแรดนอเงินได้ มีโอกาสถึง 99% ที่มันจะกลายเป็นแรดเพชร ดังนั้นเจ้าอ้วนไห่ฉีกยิ้มไม่ยอมหุบเต็มใบหน้ากับพัฒนาการของเขาครั้งนี้

แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักและเจ็บหนักจนแทบจะยืนไม่ไหว แต่ศึกครั้งนี้ก็คุ้มค่า

เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ได้แต่อิจฉาเขา

พวกเขาไม่ได้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญ ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถได้รับประสบการณ์และยกระดับระหว่างต่อสู้ได้ พวกเขายังคงไม่มีความสามารถได้รับรางวัลสำหรับการยกระดับจากกฎโบราณอีกด้วย ตัวอย่างเช่น แรดเหล็กของเจ้าอ้วนไห่ไม่เพียงแต่วิวัฒนาการเป็นแรดนอเงินเท่านั้น มันยังคงได้รับทักษะใหม่ด้วย “กระดูกเหล็กกล้า” เย่คงอิจฉามากจนน้ำลายหก

ความแตกต่างระหว่างคนครอบครองคัมภีร์หรือคนไม่มีอยู่ตรงนี้

เสวี่ยทันหลางไม่ได้เปิดเผยรางวัลสำหรับการยกระดับของเขา เขายังคงรักษาลักษณะท่าทีเยือกเย็นของเขาต่อไป อย่างไรก็ตาม ความยินดีที่ไม่สามารถซ่อนเร้นในดวงตาของเขาทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนเขาจะได้รับรางวัลที่ดี

ดาวตกเพลิงฟ้า อสูรสายเฉพาะธาตุขององค์ชายเทียนหลัวก็ยกระดับขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันเป็นอสูรระดับทองตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปร

บรรดาคนที่ได้ยกระดับมากที่สุดไม่ใช่เสวี่ยทันหลาง, ไม่ใช่เจ้าอ้วนไห่ แต่เป็นเย่ว์ปิง

ผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีของนางวิวัฒนาการเป็นขุนพลพฤกษาพันปีหลังจากยกระดับขึ้น

มันยกระดับเป็นอสูรเงินระดับ 5 จากเดิมที่เป็นอสูรทองแดงระดับ 5 ขุนพลพฤกษาพันปีสูงใหญ่มากกว่าผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปี และมองดูเหมือนมนุษย์มากขึ้น นอกจากนี้มันยังครอบครองหัวใจพฤกษาโบราณ หัวใจพฤกษาโบราณเป็นของสำคัญมากสำหรับนักรบพฤกษา เพราะตราบใดที่หัวใจพฤกษาโบราณของพวกมันยังคงเหมือนเดิม นักรบพฤกษาจะไม่มีทางตาย ขุนพลพฤกษาพันปีไม่เพียงแต่ได้รับพลังต่อสู้ระดับสูงเท่านั้น มันยังได้รับพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เส้นทางพัฒนาการของนักรบพฤกษาก็คือ นักรบพฤกษา, ผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปี, ขุนพลพฤกษาพันปีและพญาไม้โบราณหมื่นปี

นักรบพฤกษาของเย่ว์ปิงอีกเพียงขั้นตอนเดียวก็จะเป็นพญาไม้โบราณหมื่นปี ที่ยังไม่มีผู้ใดในโลกนี้มี

เรื่องหัวใจพฤกษา เป็นจุดเริ่มต้นของทักษะของนักรบพฤกษาที่จะพัฒนาได้เหมือนมนุษย์และจะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์

เชี่ยนเชี่ยน, โล่วฮัว, เย่ว์หวี่และคนอื่นๆ ได้รับการยกระดับที่แตกต่างกันไป ในบรรดาพวกนาง เสวี่ยอู๋เสียฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดไคหยาง, โหลวเว่ยและยังฆ่าผู้อาวุโสปีศาจร้อยแปลงจึงได้รับรางวัลใหญ่ที่สุด

หญิงสาวทุกคนตัดสินใจไม่เปิดเผยว่าพวกนางได้รับการยกระดับมากเพียงใด

ปีศาจและสัตว์ประหลาดจากแดนอเวจีถูกกำจัดหมด

ทหารระดับสูงจากอาณาจักรสือจินตายในการต่อสู้เกือบทั้งหมด ผู้รอดเพียงไม่กี่คนยอมจำนน ขณะที่คนอื่นๆ กลัวถูกลงโทษกลับยอมฆ่าตัวตาย

สมาชิกตระกูลเย่ว์ผู้เลือกข้างเย่ว์ชิวต่างยอมจำนนและสมาชิกกับนักสู้ของตระกูลทั้งหมดผู้อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเย่ว์ชิวตัวปลอมที่ถูกจองจำได้รับการปลดปล่อย พวกเขาเริ่มจัดการกับความยุ่งเหยิงทันที รักษาคนเจ็บและดับไฟจัดการควบคุมพื้นที่ของพวกเขา

หน่วยรักษาการณ์ตระกูลเย่ว์อย่างเช่นหลินเหมี่ยวและหลินเหล่ยผู้เลือกติดตามเย่ว์หยางถึงกับใจเต้นแรงเมื่อในตอนนี้พวกเขาถูกมองเป็นวีรบุรุษ

แม้แต่พี่น้องในครอบครัวสาขาก็ยังเรียกพวกเขาว่าพี่หลิน เมื่อพวกเขาทักทาย ญาติสนิทของพวกเขา ตัวอย่างเช่นญาติผู้พี่ผู้น้อง ต่างก็จับพวกเขาโยนขึ้นอากาศอย่างตื่นเต้น พวกเขารู้สึกว่าสถานะของตระกูลหลินในตระกูลเย่ว์คงจะได้รับยกย่องในอนาคต เมื่อเย่ว์หยาง นักสู้ปราณก่อกำเนิดกลับมาควบคุมในฐานะเป็นผู้นำตระกูลเย่ว์, ครอบครัวหลินก็จะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น ยามประจำตระกูลที่ไม่ได้ยอมจำนนในตอนแรกก้มหน้ายอมรับผิด ยามในตระกูลผู้มีส่วนร่วมในการฆ่าปีศาจก็ยังคงดีกว่า อย่างน้อยพวกเขาก็ยังพิสูจน์ความจงรักภักดีของพวกเขาในนาทีสุดท้าย พวกที่ต่อต้านจนถึงที่สุด แม้ไม่มีใครคร่ากุมพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคงยืนเงียบอยู่อีกด้านหนึ่งรอเวลาที่จะถูกจับลงทัณฑ์

ทุกคนเป็นสมาชิกตระกูลเย่ว์ ใครผิดใครถูก ใครภักดี ใครทรยศ ก็เห็นประจักษ์กันทุกคนแล้ว

บางคนต้องการความได้เปรียบจากความวุ่นวายแล้วสลับข้างหรือ?

นั่นเป็นไปไม่ได้แน่นอน

เมื่อผู้อาวุโสทั้งสองได้รับการปลดปล่อยจากห้องคุมขังและเห็นว่าปราสาทตระกูลเย่ว์เสียหายมากมายเพียงไร สมาชิกของตระกูลเย่ว์จำนวนหนึ่งเสียชีวิตนอนทอดร่างกับพื้น พวกท่านทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หลั่งน้ำตา ศึกครั้งนี้นับเป็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่ตระกูลเย่ว์เคยเผชิญมาแน่นอน โชคดี ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะ ตระกูลเย่ว์สามารถเอาชนะและผ่านมันมาได้

เพราะมีรุ่นผู้เยาว์ตระกูลเย่ว์ อย่างคุณชายสามเย่ว์หยางเป็นผู้มาแก้วิกฤติได้อย่างน่าอัศจรรย์

ด้วยพลังของเขาเอง เขาได้สังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปจำนวนหนึ่งและขับไล่ซุ่นเทียนจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยและเงาร้ายลึกลับที่พวกเขาสงสัยว่าน่าจะเป็นประมุขนิกายพันปีศาจ เขายังไล่ล่าประมุขนิกายบรรพตขจีตวนมู่หลงเฉิงและสังหารเขาได้ในแดนอเวจี

ถ้าเขาไม่กลับมาปราสาทตระกูลเย่ว์ ตระกูลที่ไม่เคยล่มสลายในอดีตหลายพันปีบางทีคงถูกเหยียบย่ำจมธรณีไปแล้ว

“ตอนนี้, เราจำเป็นต้องรอพี่สามกลับมาก่อน” เย่ว์ปิงรู้ว่าพวกเขาต้องจัดการเรื่องในตระกูลของพวกเขา แต่นางเกลียดที่จะต้องจัดการเรื่องของตระกูลพวกเขา ยิ่งกว่านั้น นางไม่รู้วิธี อีกด้านหนึ่งเย่ว์หวี่เข้าไปที่ลานใหญ่หน้าปราสาทและปลอบโยนผู้สูงอายุ, สตรีและเด็กที่กำลังกลัวจนคิดอะไรไม่ออก มีปีศาจ 2-3 ตัวบุกเข้ามาในลานปราสาท แต่พวกมันถูกลุงรองเย่ว์หลิ่งและน้องเก้าเย่ว์เฟิงฆ่า ดังนั้นผู้สูงอายุ สตรีและเด็กๆ จึงปลอดภัย

“ไม่เป็นไรแล้ว พี่ของเจ้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน” เสวี่ยอู่เสียเช็ดเลือดที่เปื้อนหน้าเย่ว์ปิงเบาๆ และปลอบนางด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางมีปฏิกิริยาดีที่สุด มันเป็นตัวแรกที่วิ่งออกไปนอกประตูก่อนนางพญากระหายเลือด, ปีศาจดอกหนามและคนอื่นๆ

เจ้านายของพวกเขากลับมาแล้ว

มันสามารถรู้สึกถึงความคงอยู่ของเย่ว์หยางโดยจำแนกจากพลังปราณ

นางพญากระหายเลือดและปีศาจดอกหนามสามารถรู้สึกถึงปราณของเขาได้เหมือนกัน แต่พวกนางช้ากว่าเล็กน้อย พวกนางบินตามหลังฮุยไท่หลางด้วยความดีใจ

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆที่ได้รับบาดเจ็บหนักและยังอยู่ในระหว่างรักษาตัวก็กระเสือกกระสนและวิ่งออกไปเพื่อต้อนรับการกลับมาของเย่ว์หยางด้วยตนเอง

เซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคนมีร่างโชกเลือดพร้อมกับเย่ว์หยาง เดินมาถึงประตูใหญ่พร้อมกัน พวกเขาดูราวกับว่าไปจมกองเลือดมา มีบาดแผลฉีกขาดอยู่บนผิวของพวกเขา แต่ท่าทางของพวกเขายังสงบและใจเย็น เหมือนกับว่าแผลบนตัวของพวกเขาไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของคนอื่น มีแต่แววภูมิใจอยู่บนใบหน้าพวกเขา ทั้งนี้เพราะหลังจากต้องเสียสละดังกล่าว ในที่สุดพวกท่านก็สามารถฆ่าองครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งสองของอาณาจักรสือจินผู้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาได้

พวกเขาทุกคนเป็นองครักษ์พิทักษ์ฟ้า แต่องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของต้าเซี่ยแข็งแกร่งกว่า

บาดแผลบนร่างของพวกเขาในตอนนี้เป็นเหมือนเครื่องพิสูจน์ที่พวกเขาเอาชนะองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของสือจินได้

แน่นอนว่า พวกท่านอายเล็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างเย่ว์หยางที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย แต่พวกท่านรู้แต่แรกแล้วว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ธรรมดา ดังนั้นพวกท่านจึงไม่รู้สึกแย่

ความจริง ไม่ใช่ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้รับบาดเจ็บ

เขาได้รับบาดเจ็บหนักจริงๆ แต่ว่าบาดแผลเหล่านั้นถูกเยียวยาด้วยเพลิงอมฤต แผลเหล่านั้นจึงมองไม่เห็นอีกต่อไป

เซียนนักพรตและบัณฑิตนั้นรู้ว่าเย่ว์หยางสู้กับตวนมู่หลงเฉิง, ซุ่นเทียนและคนอื่น.. แต่พวกท่านไม่รู้ว่าเขาก็ยังสู้กับจ้าวปีศาจบารุธ, ฮาซิน, โอวเกิน,และราชาลิชกรุนและหม่าฝ่า มิฉะนั้นพวกท่านอาจตกใจจนหัวใจวายก็ได้ ความจริงเหนืออื่นใด เย่ว์หยางยังคงช่วยปลดผนึกให้สาวกิเลนหลงทาง ได้เห็นหงส์เพลิงสองพี่น้องแฝงตัวอยู่ในอีกโลกหนึ่งในคัมภีร์เทพฤทธิ์

เมื่อเด็กสาวกิเลนบุกเข้าโลกในคัมภีร์เทพฤทธิ์ นางถูกหงส์เพลิงสองพี่น้องขับไล่ออกมา หลังจากนั้นหงส์เพลิงสองพี่น้องจึงค่อยยินยอมให้นางเข้ามาในโลกคัมภีร์เทพฤทธิ์

นอกจากนี้เย่ว์หยางยังรู้สึกว่าเขาฝันที่จะลักพาตัวเด็กสาวกิเลนผู้หลงลืมทางให้ได้

ตอนแรก เขาต้องการจะเจรจากับพี่น้องหงส์เพลิง

อย่างไรก็ตาม หงส์เพลิงสองศรีพี่น้องยังเด็กนัก เด็กกว่าเสี่ยวเหวินหลีเสียอีก พวกเธอยังพูดไม่ได้ แต่เมื่อเย่ว์หยางพยายามปรับความคิดของตนให้เข้ากับพวกเธอ เขารู้สึกวิงเวียนศีรษะ เหมือนกับว่าศีรษะหนักแต่เท้าเบา เพลิงอมฤตลุกท่วมตัว และเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขากำลังจะระเบิด ด้วยความสามารถในปัจจุบัน เขายังไม่สามารถสื่อสารกับพี่น้องหงส์เพลิงได้ แน่นอนว่า นี่ยังคงเป็นเพราะพี่น้องหงส์เพลิงก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังของตัวเองได้เช่นกัน

เย่ว์หยางแค่พยายามรู้สึกเพียงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังเข้าใจได้มาก ด้วยความช่วยเหลือของเด็กสาวกิเลนคอยช่วยแปล เขาจึงเข้าใจอะไรได้หลายอย่าง

ตัวอย่างเช่น เขารู้ว่าหงส์เพลิงและกิเลน เป็นอสูรอมตะจิตใจมีเมตตา พวกเธอมีอามรมณ์อ่อนโยนและฉลาดมาก พวกเธอมีหัวใจธรรมชาติที่บริสุทธิ์ที่สุด ดังนั้นพวกเธอจะไม่โจมตีใส่ศัตรูของพวกเธอในเวลาปกติ ยกเว้นศัตรูพวกนั้นเป็นอันตรายต่อพวกเธอ

ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะมีคนเก็บงำความตั้งใจชั่วต่อเย่ว์หยางไว้ ในสถานการณ์ปกติ พวกเธอจะไม่ยอมออกมาสู้

สำหรับแหล่งที่มาของพวกเธอ หญิงสาวกิเลนก็ไม่สามารถบอกถึงสถานที่ซึ่งหงส์เพลิงทั้งสองจากมา อย่างไรก็ตาม นางระบุว่าเย่ว์หยางเป็น บิดาของพวกเธอ นางรู้สึกว่าเสี่ยวเหวินหลีก็เป็นธิดาของเขา นางไม่สนเรื่องความแตกต่างแห่งเผ่าพันธุ์แม้แต่น้อย นี่ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกพูดไม่ออก ยิ่งกว่านั้น เด็กสาวกิเลนยังชอบเสี่ยวเหวินหลีมาก นางรู้สึกว่าปีศาจอสรพิษน้อยนี้อารมณ์ดีกว่าเมื่อเทียบกับพี่น้องหงส์เพลิง เสี่ยวเหวินหลีไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใดเกี่ยวกับเรื่องให้นางเข้ามาในโลกภายในคัมภีร์เทพฤทธิ์ ยิ่งกว่านั้น เธอยังไม่เหมือนพี่น้องหงส์เพลิงที่ชอบไล่นางออกมา

หญิงสาวกิเลนไม่รู้ว่าความรู้สึกที่แท้จริงของเสี่ยวเหวินหลีก็คือ ตราบใดที่เธอไม่พยายามสู้เพื่อกระตุ้นความสนใจของบิดาเธอ เธอก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นไรมาก

เย่ว์หยางมั่นใจถึง 80% ว่าไข่หงส์เพลิงต้องอยู่ในถุงมิติน้อยที่นักพรตเฒ่าทิ้งไว้ให้เขา อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ว่าพวกมันฟักออกมาได้อย่างไร

บางทีเทพธิดากระบี่ฟ้าคงจะให้เขาก็ได้ เขาไม่ควรสนใจเรื่องนี้มากเกินไปนักในตอนนี้ มีนางจัดการครอบครัวให้เขา เย่ว์หยางก็คงรู้สึกสบายใจ เขารู้สึกว่าถ้าเป็นกรณีนั้น เขาคงเพลิดเพลินกับชีวิตรักได้และปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เทพธิดากระบี่ฟ้าจัดการไป ถ้าเขามีปัญหาภายใน เขาจะขอให้เทพธิดากระบี่ฟ้าภรรยาคนแรกของเขาช่วยคลี่คลายให้ ถ้าเป็นปัญหาภายนอกเขาจะขอให้เสวี่ยอู๋เสียภรรยาลำดับสองช่วยแก้ไขให้

นางเซียนหงส์ฟ้าสัญญาว่าจะมาพบเย่ว์หยางในเวลาอื่น จากนั้นก็โบกมืออำลาจากไป

ถ้านางยังไม่จากไป เซียนนักพรตและบัณฑิตองครักษ์ฯ ก็คงรู้สึกอึดอัดใจมาก มือของพวกเขาชุ่มเหงื่อ หัวใจของพวกเขาเต้นแรงขึ้น นี่ไม่ใช่เพราะนางจะล่อลวงพวกเขา แต่เป็นเพราะนางคือมารกฎฟ้าผู้อื้อฉาว นางมารจากวังมารผู้ฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา นางเป็นศัตรูคู่อาฆาตของอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวมาพันปีแล้ว

สัมพันธ์ที่ดีระหว่างเย่ว์หยางและมารกฎฟ้า ไม่ได้หมายความว่าเซียนนักพรตและบัณฑิตองครักษ์ฯ จะประมาทนาง อย่าว่าแต่มองนางเป็นมิตรเลย

ดังนั้น หลังจากเซียนนักพรตและบัณฑิตกลางคนต่อสู้เสร็จ มารกฎฟ้ายิ้มให้เย่ว์หยางเล็กน้อยและจากไปทันที

การกลับมาของเย่ว์หยางเท่ากับเร่งรัดให้องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของสือจินตายเร็วขึ้น

แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้ร่วมสู้ แต่องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของสือจินตกอยู่ในความระส่ำทันทีเมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางกลับมา พวกเขาสูญเสียความตั้งใจสู้ทันที เซียนนักพรตฉวยโอกาสใช้วิชาไม้ตายสูงสุดจัดการศัตรูของเขา จากนั้น เขาหันไปรวมพลังกับบัณฑิตกลางคนสู้เอาชนะองครักษ์พิทักษ์ฟ้าของอาณาจักรสือจินอีกคนหนึ่ง ในที่สุดพวกเขาก็กลับมาที่ปราสาทตระกูลเย่ว์อย่างสง่างามเป็นการประกาศชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแอบเทเลพอร์ตมาถึง

ไม่มีแม้แต่แผลเดียวบนร่างของเขา แต่ผลงานของเขาก็มีส่วนช่วยเย่ว์หยาง

ทั้งนี้เพราะเขาได้ใช้ความสามารถในการเทเลพอร์ตของเขาเปลี่ยนจุดหมายเทเลพอร์ตที่พวกแดนอเวจีตั้งที่หมายไว้ที่ต้าเซี่ยและเทียนหลัวให้ไปปรากฏที่สนามรบมรณะที่เป็นงานทดลองของเขา ยิ่งไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดรบกวนแผนการของเขา เขาจึงทำให้เมืองหลวงของทั้งสองอาณาจักรปลอดภัยด้วยฝีมือของเขาเอง

ปราณของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าถูกใช้จนหมดสิ้นและเขาเหนื่อยแทบตาย ผิวของเขาซีดขณะที่เทเลพอร์ตกลับมาที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ เขาเงื้อไม้ตะพดเดินรี่เข้าหาเย่ว์หยางเตรียมจะเคาะศีรษะของเย่ว์หยาง

ทั้งนี้เป็นเพราะความคิดแผลงๆ เช่นนี้เย่ว์หยางเป็นคนต้นคิด

แม้ว่าจะได้ผลดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะประสบการณ์มากมายของเขาและความจริงที่ว่าเขาบรรลุความสามารถระดับใหม่ในทักษะเทเลพอร์ต อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ารู้สึกว่าเขาเกือบตายไปแล้วเพราะสูญเสียพลังภายในมากไป เขายังรู้สึกกลัวจนถึงตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะเดินมาเคาะศีรษะเย่ว์หยาง เย่ว์ปิงก็วิ่งเข้ามาหาพี่ชายนางโผเข้ากอดพี่ชายทั้งน้ำตานองหน้า

แน่นอนว่านางร้องไห้เพราะมีความสุข

พอเห็นพี่ชายกลับมาได้ เย่ว์ปิงรู้สึกว่าภาระที่ถ่วงอยู่ในจิตใจถูกยกออกหมด

พี่ชายนางคือท้องฟ้าของนาง ไม่มีพี่ชาย นางไม่อาจจะคิดได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมารดา, น้องสาวและตัวนางเอง

นางพญากระหายเลือด, ปีศาจดอกหนามและโคเงาต่างวิ่งมาต้อนรับเจ้านายพวกเขาและกอดเขาแน่น

ฮุยไท่หลางสีตัวกับขาเย่ว์หยางอย่างมีความสุข

นี่คือสถานะพิเศษเฉพาะมันเท่านั้น ไม่มีใครแย่งไปจากมันได้

เมื่อไม่สามารถกอดเย่ว์หยางได้และไม่กล้าทำอะไรกับเซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคนที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ เย่คงกับเจ้าอ้วนไห่จึงต้องฝืนใจกอดอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแทน

พวกเขายกอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าโยนขึ้นอากาศด้วยความร่าเริง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขายังอ่อนเพลียและบาดเจ็บ แขนพวกเขาจึงไม่มีแรงพอที่จะรับอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่ถูกจับโยนขึ้นไปในอากาศเมื่อเขาร่วงตุ้บลงที่พื้น

“ตุ้บ!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากระแทกพื้นอย่างหนัก หลังแทบหักเจ็บปวดมากจนครวญครางออกมาอย่างน่าสงสาร

“ศึกครั้งนี้ เราเอาชนะศัตรูได้เด็ดขาดและได้รับชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกชื่อของพวกเจ้าไว้ พวกเจ้าได้สร้างปาฏิหาริย์ที่จะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง อาณาจักรของเราก็ปลอดภัย ปราสาทตระกูลเย่ว์ได้รับการปกป้อง เพราะความพยายามอย่างหนักของพวกเจ้า” เซียนนักพรตชูแขนขึ้นและยกย่องเจ้าอ้วนไห่, เย่คงและผู้เยาว์คนอื่นๆ ที่ยังโชกเลือดอยู่

“ไชโย เฮ้..” ปราสาทตระกูลเย่ว์ที่เกือบกลายเป็นซากหักพังกึกก้องไปด้วยเสียงไชโยโห่ร้องอึกทึก ทุกคนส่งเสียงโห่ตามต้องการ รู้สึกภูมิใจในชัยชนะที่พวกเขาคว้ามาได้ในครั้งนี้

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัว, อี้หนานและเสวี่ยอู๋เสียยืนอยู่ด้านข้าง ห่างจากกลุ่มคน ขณะที่พวกนางยืนมองเย่ว์หยางเงียบๆ

สีหน้าของพวกนางเต็มไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน

พวกนางทุกคนกังวลความปลอดภัยของเขา

ทุกคนต้องการกอดเขาแน่นๆ ต้อนรับการกลับมาของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลานี้ พวกนางต้องให้โอกาสสหายและคนในตระกูลได้โห่ร้องส่งเสริมเขา

**************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด