ตอนที่ 309 เพลิงดำและกองทัพ
ตาขวาของถังเทียนพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงดุจเลือด
บางอย่างระเบิดออกมาจากส่วนลึกในร่างของเขาและพุ่งเข้าไปในสมอง ร่างของถังเทียนสั่นและม่านตาของเขาสูญเสียประกาย และตาสีน้ำเงินด้านซ้ายของเขากลายเป็นว่างเปล่าและสีแดงที่ออกมาจากส่วนลึกภายใน ครอบครองพื้นที่ดวงตาของเขา
เพลิงดำลุกโพลงออกมาจากภายในร่างของเขาอย่างเงียบงันลามไปตามผิวของเขาในพริบตาเพลิงดำก็กลืนตัวถังเทียนและภายในเพลิงดำมีแต่เพียงเงาที่เห็นได้
เขากางแขนยืนอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ เพลิงดำยังคงเผาต่อไป ตาคู่สีแดงค่อยๆขยายใหญ่อยู่ภายในเพลิงดำสั่นสะท้านจิตวิญญาณผู้คน
เขาเป็นเหมือนกับเทพอสูร
“นั่นคือ...เพลิงดำ!” สีหน้าของชิวจื่อจวินเปลี่ยน เสียงของเขาสั่น
ซือหม่าเซี่ยวหันหน้ามามองและเหม่อมองจ้องศิษย์พี่ของเขา ศิษย์พี่...
เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มผมน้ำตาลมองเห็นศิษย์พี่ตื่นตระหนก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ของเขาจะทำหน้าแบบนั้น
เขาไม่สามารถห้ามตนเองไม่ให้หันหนีและสายตาของเขาจับอยู่ที่ร่างที่กำลังมีเพลิงดำลุกไหม้
หลางวี่ตกใจอย่างหนักเมื่อเขาเห็นถังเทียนมีเพลิงดำครอบคลุมตัว สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เมื่อเขาเห็นว่าถังเทียนมีเนตรราชันย์มยุรา เขามีความคิดจะสร้างความลำบากใจให้ถังเทียนแล้ว แต่ตอนนี้ ความคิดนั้นหายไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าเพลิงดำคืออะไร แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าไปวุ่นวายได้แน่
เขาคือเจ้าผู้ปกครองกลุ่มดาวนกยูง และเขาอาบพลังของกลุ่มดาวนกยูงมาหลายปีแล้ว ดังนั้นพลังสายเลือดในร่างของเขาเปลี่ยนสภาพไปนานแล้ว แต่เขาเข้าใจชัดเจนว่าพลังสายเลือดของเขาคงพลาดท่าในระยะเวลาสั้นๆเมื่อเผชิญหน้ากับพลังสายเลือดของถังเทียน
ถูหรูไห่กำลังจ้องมองดูการต่อสู้ แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง เขาไม่ได้เข้าร่วมเอง นอกจากทั้งหกแล้วเหมิงเว่ยสร้างความกังวลให้เขาน้อยที่สุด แต่ไม่เคยคิดว่าเหมิงเว่ยจะเป็นคนที่เผชิญความยุ่งยากมากที่สุด
กระบวนการต่อสู้อยู่ในลักษณะคุมเชิง ตาซ้ายสีฟ้าของถังเทียนทำให้เขาดูน่าสนใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นถังเทียนบังคับให้เหมิงเว่ยใช้พลังของกลุ่มดาว เขาประหลาดใจ แต่คิดว่าคงจะจบการต่อสู้ได้
แต่เมื่อเห็นถังเทียนปลดปล่อยเพลิงดำ เขาถึงกับลุกขึ้นยืน
พลังสายเลือด...นั่นคือพลังสายเลือดอย่างแน่นอน!
อารมณ์ของเขาเครียด,เขาไม่เคยได้ยินว่าพลังสายเลือดจะสามารถสร้างเพลิงดำออกมาได้ ตาของเขาเบิกกว้าง เขาโน้มตัวไปข้างหน้า จนลืมไปว่าเขากำลังจ้องมองจออยู่
ถูหรูไห่รู้จักพลังสายเลือดในปัจจุบันทั้งหมด สายเลือดระดับสูงที่สุดก็คือสายเลือดระดับเงินของตำหนักระนาบกลาง สำหรับพลังสายเลือดระดับสูงเขาทำได้แต่เพียงฝันเท่านั้น
เขาเป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์โบราณ? หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่โชคดี
ใจของถูหรูไห่เต็มไปด้วยความคิดนับไม่ถ้วน ตาของเขาไม่ได้ละจากจอภาพ ตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความละโมบและความหลงใหล ถ้าเขาสามารถผลิตสายเลือดที่มีระดับสูงมากกว่าสายเลือดระดับเงินของกลุ่มตำหนักระนาบกลาง อย่างนั้นสถานะผู้เฒ่าของตระกูลเขาก็จะยกขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง!
มีผู้อาวุโสตระกูลหลายคนในองค์การวิญญาณมืด แต่แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้อาวุโสตระกูล แต่สถานะของพวกเขาบางทีก็แตกต่างราวฟ้ากับดิน ยิ่งพวกเขาทำให้องค์การวิญญาณมืดมากขึ้น ตำแหน่งก็จะยิ่งสูงและมีอำนาจมากและความมั่งคั่งก็จะตามมา
เหตุผลที่เขาขยายข้อพิพาทครั้งนี้ก็เพราะเรื่องนั้น ตำแหน่งของเขาไม่ว่าจะสร้างความยุ่งเหยิงในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ยังไงก็ตาม ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขามีคุณวุฒิและอำนาจอย่างแน่นอนในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ไม่ว่าจะเกิดผลกระทบเนื่องจากข้อพิพาทใดก็ตามล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาจะสร้างทุกอย่างไปตามอำนาจของเขาไม่มีใครสามารถกล่าวโทษโยนความผิดให้เขาได้
ตลอดหลายปีมานี้ เขามักต้องการจะไต่บันไดขึ้นไปให้สูงกว่านี้ แต่เขารู้ว่าเป็นไปไม่ได้
สายเลือดเงินของตำหนักในระนาบกลางมีความแข็งแกร่งมากสำหรับเขา สำหรับสายเลือดเงินจากตำหนักระนาบสุริยุปราคาที่มีคุณภาพสูงยิ่งกว่าถือว่าเป็นสายเลือดระดับสูงที่สุด และไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงิน จะได้สายเลือดเงินจากตำหนักระนาบสุริยุปราคามาได้ ท่านจะต้องมีความสำเร็จในกลุ่มดาวตำหนักในระนาบสุริยุปราคา ในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคา บางตำหนักเกือบจะถูกทำลายอยู่แล้วแต่ไม่มีใครกล้าต่อสู้กับทายาทของตำหนักในระนาบสุริยุปราคา
แม้ว่าสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาจะต่อสู้ระหว่างกัน แต่พวกเขาก็ปกป้องทายาทพวกเขาพอกัน ศิษย์ของสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาสามารถต่อสู้ฆ่าฟันกันเองได้ แต่ถ้ามีใครพยายามเอาพลังสายเลือดไป พวกเขาจะต้องเผชิญกับการร่วมมือโจมตีจากสิบสองวังระนาบสุริยุปราคา
นอกจากนี้ปัจจุบันนี้ราชสีห์เลโอนคือคนหนึ่งที่ตัดสินใจออกหน้า เพราะเรื่องของพลังสายเลือด พวกเขาได้ก่อสงครามใหญ่ถึงสามครั้งแล้ว เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำ
ต่อให้เป็นองค์การวิญญาณมืดซึ่งเป็นองค์กรใหญ่ พวกเขาก็ไม่กล้าเริ่มก่อสงครามกับมหาอำนาจใหญ่เหล่านี้
ตอนนี้มีแต่เพียงสายเลือดจากตำหนักระนาบสุริยุปราคาเท่านั้นที่ถูกซื้อมาด้วยราคาแพงลิ่วในองค์การวิญญาณมืด แต่จากตำหนักระนาบสุริยุปราคาเอง ก็มีคนผู้เชี่ยวชาญในสิบสองตำหนักระนาบสุริยุปราคาทำธุรกิจเอง หลังจากบรรลุความสำเร็จ แต่ไม่มีที่จะไป และใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก พวกเขาจึงใช้สายเลือดแลกเปลี่ยนเพื่อความอยู่รอดหรือมีลูกหลานที่อาจมีความสำเร็จที่ดีกว่า
เพราะเรื่องเหล่านี้ตำหนักที่เกี่ยวข้องกันจึงทำตัวปิดตาข้างหนึ่ง
แม้แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือพลังสายเลือดทอง
นั่นคือโลกที่แตกต่างไปจากเดิมสิ้นเชิง
สายเลือดเงินแห่งวังระนาบสุริยุปราคาต้องอยู่ในตัวถังเทียนแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้วใจของถูหรูไห่ก็สงบ ถ้าเป็นสายเลือดเงินของตำหนักระนาบสุริยุปราคา อย่างนั้นหมายความเขาไม่สามารถแตะต้องถังเทียนได้ แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นพลังสายเลือดโบราณ ถ้าเป็นอย่างนั้นถังเทียนจะกลายเป็นเนื้ออ้วนพีทันที
ตำหนักระนาบสุริยุปราคาของกลุ่มดาวไหนที่สามารถสร้างเปลวเพลิงดำได้? เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น เขาสะดุ้งด้วยความตกใจ
ดูเหมือนว่ากลุ่มดาวทั้งหมดก็สามารถทำได้
กลุ่มดาวสิงห์ก็ถูกยกย่องเพราะมันคือไฟแม้ว่าเพลิงดำจะเห็นได้ยาก แต่ถ้าเป็นในกลุ่มดาวสิงห์ บางทีอาจมีระดับสูงมากก็ได้ กลุ่มดาวคนยิงธนูก็ยังมีธนูไฟและบางทีกลุ่มดาวแมงป่องก็น่าจะมีระดับที่สูงกว่า....
ถูหรูไห่คิดไม่ออกเลยได้แต่จ้องดูผลลงเอยของสงครามอย่างกังวล
ถ้าถังเทียนมีพลังสายเลือดของตำหนักระนาบสุริยุปราคา อย่างนั้นเหมิงเว่ยก็อยู่ในอันตราย
***************
ในสนามรบคนเกือบทั้งหมดจ้องดูการต่อสู้ระหว่างถังเทียนกับเหมิงเว่ย แต่ยังมีการต่อสู้อีกศึกหนึ่ง ที่ยังมีคนหลายคนติดตามสนใจดูนั่นก็คือกองทัพหมาป่า ในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ ไม่เคยมีกองทหารที่คุณภาพต่ำขนาดนี้เลย
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือพรสวรรค์ที่ยากจะมี ทุกกองทัพต้องมีผู้นำทัพ และมีแต่ผู้นำทัพที่มีความสามารถในการนำทัพเท่านั้นจึงจะเป็นกองทัพที่แท้จริง
ผู้นำทัพต้องสามารถนำทัพและควบคุมคนได้เกินสิบคนเพื่อโจมตีนักสู้
ผู้นำทหารจะต้องเป็นคนที่ไม่ธรรมดายิ่งกว่านักสู้ ผู้นำทหารคนใดสามารถสั่งการคนได้สิบคนจะมีค่าจ้างสูงมากในทุกกองกำลัง ผู้นำทหารจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสองอย่างคือประการแรกก็คืออำนาจสั่งการของเขา นักสู้เท่าใดที่เขาสามารถสั่งการได้ยิ่งเป็นนักสู้ระดับสูงก็ยิ่งสั่งการได้ ปัจจัยที่สองระดับของกลยุทธ์ สถานการณ์ในสนามรบมีการเปลี่ยนแปลง ขอเพียงตัดสินใจได้ถูกเวลาก็จะได้ผลสำเร็จออกมาดีที่สุด
ผู้นำทหารส่วนใหญ่มีพลังเฉพาะตัวอ่อนแอนอกจากนี้ผู้นำทหารมักจะฝึกฝนวิทยายุทธเสริม พวกเขาฝึกฝนควบคุมรังสีการควบคุมรังสีกลิ่นอายก็คือความสามารถในการควบคุมความสามารถปล่อยพลังรังสีดาบกระบี่ เป็นต้น ยิ่งพลังควบคุมรังสีที่สูงก็ยิ่งมีพลังสั่งการที่สูง
เมื่อได้ยินว่ากลุ่มดาวหมาป่ามีกองทัพ ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องตลก จนกระทั่งพวกเขาได้ยินว่านักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีตายและได้รับบาดเจ็บจากทหาร พวกเขาจึงเริ่มให้ความสนใจทันที
อย่างนั้น เมืองเล็กๆนี้สร้างกองทัพได้จริงๆ น่ะหรือ?
ด้วยการติดใจในข้อสงสัยนี้ กองทัพหมาป่าจึงเริ่มดึงดูดความสนใจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้คนได้เห็นว่าผู้นำทหารความจริงก็คือขุนพลวิญญาณผู้หนึ่งก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยขึ้นอีก
ผู้นำทหารเป็นขุนพลวิญญาณที่ถูกยกย่องขุนพลวิญญาณทหารและดูไม่ธรรมดาเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการสั่งการกองกำลังยี่สิบคนหรือต่ำกว่า กองกำลังส่วนใหญ่ องค์การส่วนใหญ่จะใช้ขุนพลวิญญาณทหาร สำหรับขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการได้เกินห้าสิบคน มีราคาแพงมากและยากที่จะทนต่อองค์กรใดๆ ได้ นอกจากนี้ ขุนพลวิญญาณยังมีความรู้จำกัด แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังสั่งการ แต่เมื่อเทียบกับคน พวกเขามีความยืดหยุ่นคล่องตัวเพียงพอ พวกเขาสามารถใช้กองทหารที่มีจำนวนขนาดเล็ก แต่หาได้ยากที่พวกเขาจะใช้กองกำลังที่มีจำนวนมาก
เมื่อทุกคนเห็นว่าจำนวนของทหารก็คือสองร้อยคน พวกเขาพากันประหลาดใจกันหมด
ขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการได้ถึงสองร้อยคนมีราคาสูงเทียมฟ้าแน่นอน แต่ในเวลาอันรวดเร็ว พวกเขาก็ต้องตระหนักว่ายังมีขุนพลวิญญาณในอีกกองกำลังหนึ่งสั่งการได้ห้าสิบคน ถ้าเป็นเช่นนี้พลังสั่งการของขุนพลวิญญาณหน้าไพ่ก็คือร้อยห้าสิบคน
ขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการถึงสองร้อยคนมีราคาเทียมฟ้า แต่ขุนพลวิญญาณที่มีพลังสั่งการได้ร้อยห้าสิบคนก็เทียมฟ้าเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงร่ำรวยมาก
แต่ทุกคนยังคงส่ายศีรษะ ขุนพลวิญญาณมีพลังสั่งการเพียงพอแต่จะอาศัยทหารเช่นนั้นเพื่อเอาชนะสมาชิกองครักษ์ตระกูลถูสามคนนั่นเป็นการคิดตื้นเกินไป หลายคนคลี่คลายความสงสัยของตัวเองและกลายเป็นว่าพวกเขาไม่สนใจการต่อสู้ คิดแต่เพียงว่านักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีนั้นอาจประมาทเกินไปและถูกกองกำลังกล้าตายสยบได้
กองทหารที่อยู่เบื้องหลังปิงจัดรูปขบวนแปลกอีกแถวหนึ่งที่รวมอยู่ข้างหลังเขามีรูปเหมือนร่ม
นั่นมันขบวนรบอะไร?
พวกคนที่เพ่งมองดูขุนพลวิญญาณในสนามรบอดแค่นเสียงไม่ได้ ขุนพลวิญญาณนี้คงดื่มด่ำกับจินตนาการของตัวเองจึงได้ก่อรูปขบวนที่แปลกประหลาด ใช้ขุนพลวิญญาณเป็นผู้นำทหารในการรบ ทำให้ทุกคนเชื่อว่าถังเทียนเลิกทำกองทัพและด้วยขุนพลวิญญาณนำทัพแสดงรูปขบวนประหลาดแบบนั้นทุกคนพบว่าเป็นเพียงเรื่องน่าตลก
ปิงยังคงสงบมาก
แม้ว่าหน่วยกล้าตายจะได้ฝึกมาแต่กลยุทธ์ขบวนร่มมาไม่กี่วัน แต่เมื่อคิดจะอาศัยช่วงเวลาไม่กี่วันจะเชี่ยวชาญกลยุทธ์นี้ได้นั้นเป็นไปไม่ได้
แต่โชคดีที่ความตั้งใจแท้จริงของเขาไม่ใช่ตรงนั้น เขากลยุทธ์นับไม่ถ้วน แต่ยังใหม่เกินไปที่จะอาศัยแก๊งคนเหล่านี้เข้าต่อสู้กับศัตรูเป็นเรื่องยากและน่ากลัว และถ้าตามวิธีต่อสู้ธรรมดาถือว่าไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน ถ้าเขามีเวลาสักสองสามเดือนเขามั่นใจว่าเขาจะพาหน่วยกล้าตายนี้ย่ำศัตรูทั้งสามได้สบาย แต่ตอนนี้ไม่ใช่
ถ้าเขาต้องการได้ชัยชนะในตอนนี้ เขาก็ต้องอาศัยกลยุทธ์อย่างไม่เป็นทางการเท่านั้น
ศัตรูทั้งสามมีประสบการณ์ต่อสู้และไม่เร่งบุกตะลุยใส่ขบวน ได้แต่วนดูรอบๆและวิ่งกลับมาที่ด้านหลังขบวนกองทหาร นับเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบขบวนรบที่แปลกประหลาด แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เรื่องขบวนรบมากนัก แต่พวกเขาสามารถบอกได้ว่าด้านหลังขบวนรบต้องมีจุดอ่อนใหญ่อยู่
แต่ นั่นคือจุดที่พวกเขาจะได้พบกับถังอี้
ถังอี้มีพลังสั่งการได้หกสิบ จ่าทหารทั่วไปมีพลังสั่งการได้ห้าสิบ แต่เขาเป็นจ่าตรีชั้นทอง ดังนั้นเขาจึงสามารถควบคุมเพิ่มได้อีกสิบ
การสั่งการคนห้าสิบถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
บุรุษทั้งห้าสิบคนใต้บังคับบัญชาของเขาก็ว่องไวมากวิ่งตรงเข้าหาศัตรูทั้งสาม ไม่ต้องมีการเสียเวลา ดาบฟันขาม้าในมือเขาฟันออกและแทบจะในเวลาเดียวกันนักสู้เผ่าหมาป่าด้านหลังของเขาปล่อยพลังดาบโค้งพร้อมกัน
รังสีดาบขนาดใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิวขู่ขวัญคนทั้งสาม พวกเขาหลบไปข้างหนึ่งและเพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเขาทันที
“ขุนพลวิญญาณที่นำทหารนี้คือตัวยุ่งยาก” หน้าของผู้เฒ่าฟงเคร่งเครียดรวมทั้งอีกสองคน
ถังอี้ตัดสินใจเลือกแนวทางโจมตีได้ถูกต้องและรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาฉวยได้ประโยชน์จากการหาโอกาสได้ดี
“กองทัพกำลังเปลี่ยนขบวน” จื่อจิง (สตรีผมม่วง) เตือน
ตามคาด กองกำลังที่อยู่ด้านหลังถังอี้กำลังเปลี่ยนรูปขบวนอย่างรวดเร็ว
“วิ่งไปตรงโน้น ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหน พวกเขาก็มีเพียงห้าสิบคน” ผู้เฒ่าฟงกัดฟัน “หมั่นจู้ เจ้านำขบวนบุก”
“ตกลง” หมั่นจู้ผู้มีรูปร่างดุจหอคอยสูงใหญ่กว่าคนอื่น ทุกคนเห็นด้วยพลังป่าเถื่อนดุร้ายของเขาเหมาะกับสถานการณ์อย่างนี้
เมื่อเห็นทั้งสามคนวิ่งตรงเข้าหาเขาถังอี้ยังคงมีสีหน้าเฉื่อยชาและเงื้อดาบฟันขาม้าในมืออีกครั้ง