ตอนที่ 308 เพราะข้าต้องการชนะ!
“ศิษย์พี่เนตรราชันย์มยุราคืออะไร?” ซือหม่าเซี่ยวหันมาถามด้วยความสงสัย มีเรื่องเพียงไม่กี่อย่างที่สามารถทำให้ศิษย์พี่ของเขามีสีหน้าเช่นนั้นได้และเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ!
“เกราะเพลิงฟีนิกซ์, เนตรราชันย์มยุรา,หอกโดดเด่นเซนทอร์, กระเรียนเหินฟ้าบูรพา, หมาป่าวิริยะแห่งสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้” ชิวจื่อจวินพูดอย่างเคร่งขรึม มีคนไม่มากนักที่ยังจำลำนำเก่านี้ได้และข้ายังจำได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน เป็นลำนำที่กล่าวถึงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ เกราะเพลิงฟีนิกซ์แห่งกลุ่มดาวฟีนิกซ์ เกราะของพวกเขามีความเกี่ยวข้องกับเพลิงเกราะของพวกเขาแกร่งกร้าวทรงพลังที่แม้แต่เกราะคุณภาพสิบเก้าดวงดาวขอบฟ้าเหนือก็ยังมิอาจเทียบได้ หอกเซียนแห่งกลุ่มดาวเซนทอร์เป็นการพูดถึงกลุ่มดาวเซนทอร์(คนครึ่งม้า) ที่กล่าวถึงคนของกลุ่มดาวเซนทอร์ถนัดในการใช้หอกซัดที่เหมือนสายลม และพวกเขาเป็นพวกที่มีอารมณ์สุนทรีย์ เปิดเผยใจกว้าง ส่วนผู้ก่อตั้งกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังภายในกระเรียนได้รังสรรค์สิ่งสำคัญไว้หลายอย่าง พวกเขามีมรรคาวิชาบู๊เป็นของตนเองแตกต่างจากกลุ่มดาวอื่นมาก หมาป่าวิริยะเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมของกลุ่มดาวหมาป่าแห้งแล้งกันดารคนในกลุ่มดาวหมาป่าจึงมีอุปนิสัยอดทนสูง และในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงเรื่องนั้นได้”
“อย่างนั้นเนตรราชันย์มยุราคืออะไร?” เป็นครั้งแรกที่ซือหม่าเซี่ยวได้ยินลำนำนี้และรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่มาก แต่ศิษย์พี่ของเขาไม่พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเนตรราชันย์มยุรา
“ดูเหมือนว่าจะเป็นวิทยายุทธรูปแบบหนึ่ง” สีหน้าของชิวจื่อจวินเคร่งขรึม “กล่าวกันว่าเนตรราชันย์มยุราสามารถมองเห็นวิทยายุทธถึงหมื่นชนิดในโลกได้ และน่าจะเป็นวิชาที่ใช้ตามองสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและตัดสินใจเลือกโอกาสที่ดี มีน้อยคนมากที่เชี่ยวชาญวิชานี้ เป็นไปไม่ได้ที่ถังเทียนจะฝึกได้สำเร็จ”
เมื่อได้ยินศิษย์พี่พึมพำกับตัวเอง ซือหม่าเซี่ยวประหลาดใจ “ทำไมถังเทียนไม่สามารถฝึกให้เชี่ยวชาญได้เล่า?”
ชิวจื่อจวินเรียกความรู้สึกกลับมาและอธิบาย “เนตรราชันย์มยุราทรงพลังมาก เพราะต้องใช้พลังของกลุ่มดาวจึงจะเชี่ยวชาญได้ มีเพียงเจ้าปกครองกลุ่มดาวเท่านั้นจึงจะใช้พลังของกลุ่มดาวได้ และหลางวี่คือเจ้าปกครองกลุ่มดาวคนปัจจุบัน สมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวนกยูงก็คือขนนกยูงก็ตกอยู่ในมือของเขา ดังนั้นข้าจึงคิดว่าแปลกที่ถังเทียนใช้เนตรราชันย์มยุราได้อย่างไร”
“กลุ่มดาวนกยูง?”ทันใดนั้นซือหม่าเซี่ยวคิดอะไรบางอย่างได้ และเชิดหน้าขึ้น “ข้าเพิ่งคิดอะไรบางอย่างได้ มีข่าวเมื่อไม่นานมานี้ลือกันว่าสมบัติของกลุ่มดาวนกยูงหลายชิ้นมีระดับพลังที่ตกลงไปสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนในกลุ่มดาวนกยูงจนหลายคนคิดว่ากลุ่มดาวนกยูงจะพบกับวาระสุดท้ายเหมือนกับกลุ่มดาวเพอร์ซูส”
“เหมือนกับจะเป็นเช่นนั้น” สีหน้าของชิวจื่อจวินเขียวคล้ำ “ถังเทียนต้องใช้วิชาบางอย่างจับพลังของกลุ่มดาวนกยูงไว้แน่”
“ท่านสามารถใช้พลังจับพลังงานของกลุ่มดาวได้ด้วยหรือ?” ซือหม่าเซี่ยวไม่อยากเชื่อเรื่องนั้น
“เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่มันยากจะเกิดขึ้นได้” ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะ “รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่เคยตกทอดลงมา เราคอยดูการต่อสู้กันไปก่อน”
สายตาของทั้งสองเพ่งมองการต่อสู้อีกครั้ง
ถังเทียนกำลังยืนตรงอยู่ในอากาศ ปลดปล่อยรังสีเยือกเย็นและเพ่งมองเหมิงเว่ย กล้ามเนื้อทุกส่วนล้าและเจ็บปวด แต่กับอารมณ์และหัวใจของเขากลับเย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็งขัดกับความรู้สึกของร่างกาย
ในอากาศเขาก้าวเดินทันที ร่างของเขากระพริบและหายไปทันที
กระบวนท่าลมพราง
ตาของเหมิงเว่ยหรี่แคบนางพลิกข้อมือและกระบี่ในมือนางฟันลงทันที
ไม่มีรัศมีทองปล่อยออกมา มีแค่พลังล้วนๆ
กระบี่ฟันตัดอากาศและแรงที่สะสมอยู่ในตัวกระบี่ทำให้อากาศรอบกระบี่สั่นสะเทือนจนรูปกระบี่ดูบิดเบี้ยวผิดเพี้ยน
ตัวกระบี่ฟันถูกร่างถังเทียนได้อย่างแม่นยำ แต่กลับไม่มีความรู้สึกว่ากระทบถูกอะไร ทำให้เหมิงเว่ยตระหนักได้ทันทีว่าพลาด
นางรั้งกระบี่และถอยกลับทันที
ทันใดนั้นหิ่งห้อยสามจุดปรากฏอยู่ในสายตานาง
หิ่งห้อยเพลิงจ้าวปีศาจ
ความรู้สึกถึงอันตรายไหลเข้ามาในหัวของเหมิงเว่ย นางสะบัดข้อมือโดยไม่ต้องคิดทำให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศกระบี่ของนางปลดปล่อยพลังกระบี่ปะทะใส่หิ่งห้อยเพลิงทั้งสามตัว
เผียะ เผียะ เผียะ!
ทุกๆ กระบี่ที่ปะทะใส่จุดหิ่งห้อยเพลิงจะมีกระแสปราณแท้เย็นยะเยียบทะลักเข้ามาตามตัวกระบี่
ทันใดนั้นเหมิงเว่ยรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังจับกระบี่น้ำแข็ง มันเย็นยะเยียบสุดขีด นางสั่นจนเกือบจะทิ้งกระบี่ แต่ร่างของนางทนได้ ดังนั้นนางกัดฟันและข่มความรู้สึกตอบโต้
พลาดอีกแล้ว!
ความรู้สึกอันตรายปรากฏอีกครั้ง เป็นหิ่งห้อยเพลิงจ้าวปีศาจอีกครั้ง
ตัวกระบี่เคลื่อนไหวเผียะ เผียะ เผียะ และโจมตีใส่อย่างแม่นยำ เหมิงเว่ยสั่นอีกครั้ง มือขวาของนางแข็งอย่างรวดเร็ว
ฟิ้ว..
ทันใดนั้นมีประกายหนึ่งปรากฏอยู่ต่อหน้านางเหมิงเว่ยยังคงมีสีหน้าธรรมดาเปลี่ยนเป็นถือกระบี่มือซ้ายและฟันใส่ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
มีประกายไฟกระพริบอยู่ต่อหน้าเหมิงเว่ย ภาพเลือนรางของถังเทียนปรากฏอยู่ภายในประกายนั้นทันที สีหน้าของเหมิงเว่ยยังคงสงบราบเรียบ กระบี่ในมือนางไม่เชื่องช้าลงแม้แต่นิดและยังคงโจมตีใส่ภาพของถังเทียนได้อย่างแม่นยำ
แม้แต่หิ่งห้อยเพลิงจ้าวปีศาจที่ซ่อนเอาไว้ก็ยังไม่อาจสร้างความยุ่งยากให้กับเหมิงเว่ย ทุกครั้งที่มือนางมือแข็งอย่างรวดเร็ว นางจะรีบเปลี่ยนสลับมือ
มือซ้ายและมือขวาของนางแข็งแกร่งพอกัน
ภาพในดวงตาน้ำเงินของถังเทียนเห็นว่าเหมิงเว่ยไม่มีจุดอ่อนใดๆ ทั้งสิ้น วิชากระบี่ของนางเรียบง่ายและนางรู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองและใช้ได้อย่างเหมาะเจาะกับตนเอง เหมิงเว่ยมีจุดอ่อนแต่นางรู้วิธีป้องกันจุดอ่อนนั้นแทน
นั่นคือพฤติกรรมที่แท้จริงของยอดฝีมือ นักสู้ทุกคนไม่ว่าจะเป็นนักสู้ชนิดใดก็ตามล้วนมีจุดอ่อนกันทุกคน แต่ถังเทียนไม่ลังเลใจ เขายังไม่เปลี่ยนรูปแบบการโจมตีของเขาด้วยวิชาเนตรราชันย์มยุราพลังของลมพรางและกรงเล็บเพลิงภูตพรายทำให้เปล่งประกายเต็มที่
ถังเทียนยืมพลังของเนตรราชันย์มยุราจึงทำให้กลายเป็นยันเสมอกับเหมิงเว่ย
สีหน้าของเหมิงเว่ยยังคงสงบ แต่ใจนางสั่นสะท้าน
พลังของถังเทียนอยู่ในขอบเขตนี้จริงๆ
วิชากรงเล็บของเขาแปลกประหลาดมากทั้งทรงพลังและซับซ้อน เหมือนกับเป็นวิชากรงเล็บขั้นสุดยอด และปราณแท้ของเขาก็มีรังสีที่เยือกเย็นแต่แรก แต่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วรุนแรงและประหลาดมาก ปราณแท้ของเขาเหมือนกับสว่านเจาะ
แต่ที่ทำให้เหมิงเว่ยลำบากจริงๆก็คือเขามีท่าร่างที่โดดเด่น
บัดเดี๋ยวก็โผล่ทางขวาจากนั้นเดี๋ยวก็โผล่มาทางด้านซ้าย บางครั้งวิ่งเข้าใส่ และบางครั้งก็ถอย เหมือนกับว่าร่างของเขาเปลี่ยนตำแหน่งได้ตลอดเวลาผิดกับหลักการโดยสิ้นเชิงนี่ทำให้ถังเทียนสามารถโจมตีจากแง่มุมใดก็ได้ เหมิงเว่ยต้องใช้ความระมัดระวังเต็มที่รับมือกับวิธีโจมตีที่แปลกประหลาดของถังเทียน
นอกจากนั้นเล้วการโจมตีของถังเทียนในแง่มุมต่างๆ อย่างถูกที่ถูกเวลาสร้างความตื่นตะลึงจนแม้แต่เหมิงเว่ยก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
นางจำเป็นต้องใช้สมาธิมากขึ้นจึงจะสามารถป้องกันต้านรับการโจมตีของถังเทียนได้ ถ้าไม่อย่างนั้น ปราณแท้ของถังเทียนซึ่งความจริงอยู่ในระดับเจ็ดก็ยังทำให้นางตกอยู่ในความลำบากอย่างใหญ่หลวง
ทั้งสองฝ่ายใช้ความเร็วเข้าเอาชนะกันและกันทำให้ผู้คนที่จับตามองเวียนหัวไปตามๆ กัน
ทันใดนั้นเหมิงเว่ยเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและนางก็รีบตื่นเต้นทันที
ทันใดนั้นนางเข้าใจทันทีว่ากลยุทธ์โจมตีของถังเทียนก็เพื่อให้นางเครียดและกังวลตั้งแต่แรก ดังนั้นจิตใจและสมาธิของนางเริ่มเหนื่อยล้า หลังจากถังเทียนกระตุ้นการทำงานดวงตาสีน้ำเงินประหลาด พลังโจมตีของเขาอาจไม่เปลี่ยนแต่พลังการคุกคามกลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า
วิทยายุทธทางสายตาที่ทำให้นัยน์ตาคมกล้าและหาจุดอ่อนได้หรือ? แข็งแกร่งมาก!
นี่เป็นครั้งแรกที่เหมิงเว่ยรู้สึกเหนื่อยล้าในการต่อสู้
นี่คือความตั้งใจที่แท้จริงของถังเทียนหรือ?
และเจ้าผู้นี้...เขาถูกเราจู่โจมไปหลายครั้งแล้ว เขายังมีพลังเหลือมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร
เหมิงเว่ยสงสัยอยู่ในใจ นางรู้ขอบเขตการโจมตีของนางดีและหลังจากโจมตีถังเทียนมากมายหลายครั้ง เขายังทำท่าเหมือนกับไม่เป็นอะไร ถังเทียนมีพลังแข็งแกร่งแต่เฉพาะเมื่อเทียบกับคนธรรมดาเท่านั้น แต่สำหรับนางยังถือว่าไม่มีอะไร
หากพูดตามเหตุผลพลังในร่างของเขาควรจะหมดไปนานแล้ว แต่ทำไมเขายังสามารถปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ขนาดนั้น?
ติง!
กระบี่ในมือนางยังปะทะกับกรงเล็บของถังเทียนและนางรู้สึกผิดปกติบางอย่าง นางเข้าใจถูก กระบี่ของนางแฉลบอย่างรวดเร็ว นี่คือสัญญาณว่านางเหน็ดเหนื่อยและใช้พลังมากเกินไปและถังเทียนผู้มีความหลักแหลมในการต่อสู้จะสังเกตเห็นได้แน่นอน
ไม่,ข้าจำเป็นต้องเปลี่ยนสถานการณ์นี้!
เหมิงเว่ยยืนยันการตัดสินใจนางไม่ลังเลและรีบรั้งกระบี่และถอยกลับ
สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือถังเทียนไม่ได้ไล่ตาม
ในที่สุดเหมิงเว่ยก็เห็นสภาพของถังเทียนได้ชัดและคลายใจลง ถังเทียนตัวเปียกโชกร่างของเขาเหมือนกับอาบเหงื่อมา แม้ว่าสีหน้าจะเย็นเหมือนน้ำแข็ง แต่เม็ดเหงื่อเกาะพราวอยู่เต็มใบหน้า ลมหายใจหนักหน่วงแขนของเขาสั่นเล็กน้อย สามารถบอกได้เลยว่าเขาเป็นเหมือนธนูที่พุ่งจนสุดล้าแล้ว
เหมิงเว่ยไม่ได้ดูถูกแม้แต่น้อย ถังเทียนสร้างความประหลาดใจให้นางมากเกินไปจริงๆ
นางไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้นและเลือดของนางเริ่มพลุกพล่าน นางชูกระบี่ตะโกน “วาฬขาวเอย จงประทานกระบี่ให้ข้า”
ทันใดนั้นภาพของกลุ่มดาววาฬปรากฏขึ้นในท้องฟ้าและแสงรังสีอบอุ่นยิงลงมาจากฟ้าครอบคลุมกระบี่ในมือนาง
ปัง!
ปราณที่น่าทึ่งแผ่ออกมาผมของเหมิงเว่ยกระพือพัดพลิ้ว กระบี่ของนางชี้ขึ้นท้องฟ้าระหว่างคิ้วของนางเคร่งขรึมเหมือนกับว่านางเป็นเทพธิดานักรบ
ในทัศนวิสัยสีน้ำเงินที่ถังเทียนมองเห็น ปราณของเหมิงเว่ยพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็วและความรู้สึกถึงอันตรายสุดขีดครอบคลุมทั่วตัวของเขา หัวใจที่เย็นเฉียบของเขารู้สึกถึงความไม่มั่นคงอย่างช่วยไม่ได้
ที่น่าประหลาดใจก็คือถังเทียนหยุดใช้เนตรราชันย์มยุราตาซ้ายสีน้ำเงินหมองลงอย่างรวดเร็ว ปราณยะเยือกรอบตัวหายไปทันทีและความเจ็บปวดเมื่อยล้าไหลบ่าเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ ถังเทียนครางจนแทบสลบ เขากัดฟันทนทำให้หน้าของเขาบิดเบี้ยวและดูน่ากลัวมาก
ลุงบอกว่าผู้หญิงดุร้ายเหมือนไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ใช่ไหม พวกนางเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายขนาดนั้น ด้วยเหตุนี้ลุงปิงถึงได้ไม่แต่งงาน...
ฮึ,ข้าไม่คิดเช่นนั้น ข้าต้องใช้ท่านั้น
ใครจะไปรู้ว่าใช้ได้ผลหรือเปล่า,เฮ้, เจ้าต้องลองใช้ดู ตกลง....
ถังเทียนเยาะเย้ยตนเองและหัวเราะในใจ เขาใช้พลังที่ยังเหลือและกางแขน ตลอดทั้งร่างของถังเทียนสั่นไหวมองดูเหมือนหุ่นไล่กาที่กำลังสั่นเพราะแรงลม
ท่าของเขาเช่นนี้นับว่าน่าเกลียดอย่างแท้จริง....รอให้ข้าแข็งแกร่งมากกว่านี้ก่อน ข้าจะเปลี่ยนท่าใหม่แน่นอน ถ้าข้าแพ้ยัยผู้หญิงไดโนเสาร์นี่ละก็ เจ้าวัวแมงวันคงได้ล้อข้าตาย...
ถังเทียนกัดฟันและจ้องเหมิงเว่ย เขาต้องการจะยิ้มแต่เพราะพลังที่เหลือน้อยนิดจึงทำได้แค่เบะปาก ราวกับว่าเขากำลังระบายลมหายใจ ในสถานการณ์เช่นนี้การเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่ทำให้ถังเทียนสูญเสียความกล้าหาญสักนิด ตรงกันข้ามกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างแท้จริง
เหมือนกับว่ามีบางอย่างที่หลับลึกอยู่ภายในร่างของเขากำลังตื่นขึ้นช้าๆ
ศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าข้าเอาชนะนางได้ มันจะต้องพอใจมาก
ศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถ้าข้าเอาชนะนางได้ อย่างนั้นก็หมายความว่าข้าจะก้าวหน้าได้อีกครั้ง ข้าจะมีพลังที่แกร่งกร้าวยิ่งขึ้น
ทำไมข้าถึงได้ตื่นเต้นนัก...ทำไมข้าถึงมีความสุขนัก.... ทำไมข้าถึงได้ไม่กลัวเลย
เพราะข้าต้องการชนะ!
ทำไมข้าถึงต้องการชนะ....
เพราะเมื่อข้าชนะ,ทุกคนจะยกย่องข้า เพราะเมื่อข้าชนะ ข้าจะร่ำรวย เพราะเมื่อข้าชนะ ข้าสามารถไปในที่ไกลๆ ได้ เพราะเมื่อข้าชนะ ข้าก็สามารถสู้ต่อได้
ข้าต้องการชนะทุกการต่อสู้! และชนะตลอดไป!
ข้าโลภขนาดนั้น
ถังเทียนหัวเราะจนเห็นฟันขาว เขาตะโกนลั่นราวกับสายฟ้า
“พลังตาสีแดง!”