ตอนที่ 307 ผึ้งล่องหน
สถานการณ์ด้านหลิงซิ่วดีกว่าถังเทียนมาก
วิชาดาบของตู๋เตา (ดาบเดี่ยว)คล่องแคล่วว่องไว ความเปลี่ยนแปลงในกระบวนท่าของเขาประหลาดมากจนทำให้หลิงซิ่วลอบประหลาดใจ แต่หอกทะเลจุดของเขาเหมือนกับเป็นดาวข่มวิชาดาบหอกทะเลจุดเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องและไม่ได้รับความกระทบกระเทือนจากคู่ต่อสู้
ตู๋เตา (ดาบเดี่ยว) ยังคงประหลาดใจนักรบบนหลังม้าอย่างหลิงซิ่ว วิชาหอกของพวกเขามักจะรุนแรงและใช้ในแนวตรง แต่เขาคาดไม่ถึงว่าวิชาหอกของหลิงซิ่วจะครอบคลุมพื้นที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
หอกทะเลจุดเป็นเหมือนหนองน้ำที่มีพลังดึงดูดจากมัน ด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อรังสีหอกกวาดผ่านไปสองสามครั้ง หัวใจของตู๋เตารู้สึกได้ถึงอันตรายที่กล้าแข็งมาก
ใจของตู๋เตาตื่นตัว เขารู้ว่ามันไม่สามารถไปได้ไกลกว่านั้น
หน้าของเขามีรอยสีดำและเหลืองปรากฏเหมือนกับลายผึ้งตัวหนึ่ง
ใจของหลิงซิ่วสั่นทันที ปราณของคู่ต่อสู้กลับกลายเป็นคล่องแคล่วว่องไวมากขึ้นและเขาไม่สามารถตรึงเขาไว้ได้
ทันใดนั้นม่านตาของหลิงซิ่วหดลีบทันที มือขวาของตู๋เตาหายไปในอากาศ
ไม่ทันรอให้เขาได้ตั้งตัว รังสีดาบก็มาปรากฏต่อหน้าเขาทันที รังสีดาบทุกส่วนมีขนาดเล็กเท่าปลายเล็บ แต่รวมกลุ่มกันเป็นปริมาณหนาแน่นอยู่ด้วยกัน มันดูเหมือนพาหนะต่อแตน รังสีเยือกเย็นนับไม่ถ้วนฉายประกายรวมอยู่ในกลุ่มรังสีดาบ ใครเห็นก็บอกได้ว่าอันตรายอย่างมาก
“ดาบผึ้ง”
รังสีดาบคล้ายกับฝูงผึ้งมีความละเอียดอ่อนและหนา เมื่อรังสีหอกปะทะกับมัน เกิดประกายไฟนับไม่ถ้วนปริมาณของมันลดลงไปถึงครึ่ง แต่มันก็ทำลายหอกทะเลจุดของหลิงซิ่วลงได้
หลิงซิ่วชะงักด้วยความประหลาดใจพร้อมกับความคิด ฟลามิงโกถอยทันที นิ้วของเขาบิดอย่างต่อเนื่องและในชั่วพริบตารังสีหอกของเขาก็ถูกปล่อยออกมาอีก
หลังจากทำลายหอกทะเลจุดต่อเนื่องถึงสองชั้นดาบผึ้งก็หายไป
ตู๋เตาไม่ได้ไล่ต่อเขาจำเป็นต้องพักหายใจด้วยเช่นกันหอกทะเลจุดของหลิงซิ่วเต็มไปด้วยแรงหนืดและดึงดูด ถ้าเขาไม่ระวังให้ดี เขาอาจตกอยู่ใต้พลังวิชานี้ก็ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกับวิชาหอกที่แปลกประหลาดเช่นนี้
ทั้งสองฝ่ายจ้องกันอยู่เงียบๆ
หลิงซิ่วหยีตามองดูตู๋เตาที่ยืนยืดตัวตรงอยู่ต่อหน้าเขาลวดลายผึ้งดำตัดเหลืองคลุมไปทั่วตัวของตู๋เตาทำให้ตัวเขามีสีสดใส หัวใจของหลิงซิ่วมีแววคลางแคลงใจบางประการ วิชาดาบของคู่ต่อสู้ทำให้เขามีความรู้สึกคุ้นเคย
ความรู้สึกคุ้นเคยนี้จู่ๆก็โผล่ออกมาหลิงซิ่วกล้าสาบานได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับวิชาดาบแปลกประหลาดนั้น
ตู๋เตารู้สึกว่าอุณหภูมิของเลือดเขาค่อยๆลดลง เขายิ้มเย็นชาและกำด้ามดาบแน่น
ชิ้ว!
ร่างของตู๋เตาหายไป
หัวใจของหลิงซิ่วเต้นแรง ขณะเดียวกันรังสีเยือกเย็นปลดปล่อยมาจากด้านหลังคอของเขา
หลิงซิ่วไม่คิดอะไรหมอบร่างแนบกับหลังของฟลามิงโกทันที
ซี่.....
รังสีดาบเฉียดผ่านบนศีรษะเขาไปเป็นรังสีที่เยือกเย็นจนผมของหลิงซิ่วตั้งชัน ปลายผมสีเงินด้านหลังศีรษะของเขาถูกตัดไปปอยหนึ่งและปลิวกระจายไปกับสายลม
ไวมาก!
หลิงซิ่วมีประสบการณ์ต่อสู้มากและฟลามิงโกก็สื่อสารความคิดกับเขาได้ มันไม่ได้ไปข้างหน้า แต่กระโดดถอยหลังทันที
การโจมตีครั้งที่สองของตู๋เตากลายเป็นฟันใส่อากาศว่างเปล่าและใจของเขารู้สึกอึ้ง นักสู้หลายคนเมื่อพบกับการลอบทำร้ายจากด้านหลังปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือเคลื่อนไหวไปข้างหน้าเพื่อพยายามหลบศัตรู
การกระทำที่คาดไม่ถึงของหลิงซิ่วทำให้เขามีเวลาพักหายใจ
หอกทะเลจุดถูกปล่อยออกมาอีกครั้ง
ฟิ้ว
ร่างของตู๋เตาหายไปแต่ครั้งนี้หลิงซิ่วเตรียมตัวไว้แล้ว เขาบิดนิ้วอย่างนุ่มนวลและหอกทะเลจุดแปรสภาพเป็นหอกโจมตีรูปลูกกลมครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ
ไม่ต้องคำนึงว่าตู๋เตาจะลอบโจมตีจากด้านไหน เขาจะต้องสัมผัสกับกระโจมหอก
เอ...แล้วเขาอยู่ไหน
หลิงซิ่วตระหนักได้ทันทีที่ตู๋เตาหายไป และหน้าของเขาเปลี่ยนทันที ไม่ดีแล้ว เขาอยู่เหนือข้า
เงาใต้เท้าของเขาเริ่มมีเงาเข้มข้น
ด้วยความเร็วสุดยอดของเขา ตู๋เตาเงื้อดาบสุดมือรังสีดาบนับไม่ถ้วนคล้ายกับฝูงผึ้งสีดำส่งเสียงหึ่งๆ รอบดาบของเขา
เมฆดาบผึ้ง!
ตาของตู๋เตาเป็นประกายเยือกเย็น เขาตัดสินใจจบการต่อสู้ให้รวดเร็ว เมฆดาบผึ้งต้องใช้ปราณปริมาณมหาศาล ตู๋เตาจึงยากที่จะใช้ออก แต่คาดว่าผู้ที่ทำลายได้คนแรกก็คือหัวหน้าเหมิงเว่ย
มือของเขาเคลื่อนไหวเล็กน้อยก่อให้เกิดรังสีดาบเล็กๆ นับไม่ถ้วนทั้งหมดพ่นออกมาจากตัวดาบอย่างต่อเนื่องและเข้าไปรวมกลุ่มกับเมฆดาบผึ้ง
เมฆดาบมีความหนาแน่นมากขึ้น ขณะที่ตู๋เตามีสีหน้าเครียด สายตาเขาจับจ้องหลิงซิ่ว
ไป..และตายซะ
ตู๋เตากำลังร่วงลงมาจากฟ้าใช้ท่าดาบที่ดุร้ายฟันลงมาอย่างรุนแรง
เพราะเหตุผลบางประการหลิงซิ่วที่อยู่ข้างล่างมองดูแปลกๆ
**************************************************
กลุ่มดาวแกะ
“เฮ้, จั่วเยี่ยน เจ้าทำอะไรอยู่?” โอวหยางสือชำเลืองมองจั่วเยี่ยนที่กำลังมองดูจอด้วยสีหน้าที่แปลกประหลาด “เจ้ากำลังพักอยู่หรือ? เจ้ามีสอบตอนบ่ายนี่”
“ข้ากำลังดูคนต่อสู้” จั่วเยี่ยนไม่ได้หันศีรษะมาตอบ เขามองดูอย่างตั้งใจมือถือถังข้าวโพดคั่วและพูดพลาง “การทดสอบทั้งหมดก็ศูนย์เหมือนเดิม ทำไมจำเป็นต้องทำที่เหลือด้วย?”
โอวหยางสือต้องการร้องคิดไม่ถึงเลยว่าเขาลืมไปว่าเขากำลังคุยกับนักศึกษาคนหนึ่ง
จั่วเยี่ยนพูดโดยไม่มองดูโอวหยางสือพร้อมกับยัดข้าวโพดคั่วใส่ปาก “นี่อาจจะได้รับการยกย่องว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่างกลุ่มมหาอำนาจภายใต้สวรรค์จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปนับจากนี้ พ่อหนุ่มสุดหล่อ ถ้าเจ้าพลาดการต่อสู้ครั้งนี้ นั่นจะเป็นความเสียใจไปชั่วชีวิตเจ้า...”
โอวหยางสือตื่นเต้นเล็กน้อย แต่หลังจากคิดเรื่องอาจารย์ผู้ตรวจสอบจะทำการทดสอบตอนบ่าย ใจของเขาก็สั่นไหว
ถ้านักศึกษาไม่ทำการทดสอบ อาจารย์จะต้องเรียกเขาคุยแน่
ถ้าโอวหยางไม่ทดสอบอาจารย์จะตีเขาจนตาย
“ข้าเกือบทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว ข้าต้องไม่ไขว้เขวเพราะเจ้าบ้านี่ แต่...”
“การต่อสู้ที่ไหน?” โอวหยางสือถาม เขาเกลียดตัวเองที่ไม่มีวินัยเพียงพอ
“กลุ่มดาวหมาป่า” จั่วเยี่ยนไม่ได้สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงของโอวหยางสือความสนใจของเขาอยู่ที่ภาพในจอ
“ฮ่า” โอวหยางสือคิดว่าในที่สุดเขาก็พบโอกาสที่จะเยาะเย้ยพวกนักศึกษาแล้วดังนั้นเขาฉวยโอกาสหาข้ออ้าง “เจ้าหนูเจ้าต้องใส่ใจที่อย่างนั้นด้วยหรือ! กลุ่มดาวหมาป่า? ที่กันดารห่างไกลอย่างนั้นน่ะหรือ? จะสามารถทำให้สวรรค์เปลี่ยนแปลงได้? มีแค่เพียงกลุ่มดาวอย่างของเราสิบสองตำหนักอุปราคาจึงจะมีคุณสมบัติทำเช่นนั้นได้”
“หือ...” คำตอบของจั่วเยี่ยนทำให้โอวหยางสือรู้สึกว่าจั่วเยี่ยนไม่ได้ฟังคำสอนของเขา“ขณะที่โอวหยางสือเตรียมจะพูดโจมตีอีก จั่วเยี่ยนอ้าปากกล่าวทันที ”พูดถึงคนที่ใช้ดาบดูเหมือนเขาจะใช้พลังสายเลือดผึ้งของกลุ่มดาวผึ้ง”
โอวหยางสือตกใจและส่ายศีรษะ “เป็นไปได้ยังไง? นั่นมาจากดาวที่กลุ่มดาวแกะยึดไม่ใช่หรือ? เฮ้ความรู้ประวัติศาสตร์ของเจ้าไม่มีอะไรเลยเหรอ?”
กลุ่มดาวผึ้งเป็นกลุ่มดาวโบราณที่หายไปแล้ว ถ้าเป็นกลุ่มดาวอื่น โอวหยางสืออาจจะไม่รู้ แต่กลุ่มดาวผึ้งนักศึกษาของกลุ่มดาวแกะทุกคนรู้จักดีเพราะมันถูกผนวกเข้ากับกลุ่มดาวแกะ
ทันใดนั้นโอวหยางสือคิดถึงสถานะของนักศึกษาที่อยู่ต่อหน้าเขา ความรู้สึกที่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้าใจผิดพลาด เขาเข้าไปดูใกล้ๆ เมื่อเขาเห็นจอมดาบแขนเดียวเขาอุทานขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
“นั่นคือพลังสายเลือดของกลุ่มดาวผึ้ง”
“ก็ใช่น่ะสิ”จั่วเยี่ยนตอบอย่างรวดเร็ว ความเร็วสูงมากจนเหมือนกับมีพลุอยู่ในปากเขาแล้วระเบิดออกมาเป็นตรงพุ่งออกมาจากปาก เขาพึมพำ “กลุ่มดาวผึ้งเราน่าจะไปจับคนที่ค้นคว้าดีไหม? นี่ยากจะหาโอกาสได้ ต้นกำเนิดของกลุ่มดาวแกะเราและกลุ่มดาวผึ้งเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง ใครจะรู้เราอาจพบบางอย่างที่น่าสนใจจากนั้นก็ได้..”
หัวใจโอวหยางสือเคร่งเครียด แต่เขายังใจเย็นและเขายังพูดกับตัวเองต่อไป “อย่าเพิ่งไป อย่าเพิ่งไป...”
“แล้วเรื่องสอบจะเอายังไง?”
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นโอวหยางสืออยากเอาหัวกระแทกเต้าหู้ตายนัก
“สอบ? มีโอกาสดีๆ อย่างนี้อยู่ต่อหน้าเจ้าและเจ้ายังคิดเรื่องสอบอีกหรือ? เจ้ามีความคิดที่ตื้นขนาดนั้นเชียวหรือ? ก็ได้ ข้ายอมรับว่าข้ามองเจ้าผิดไป! อย่างมากก็ทนสักเดือนหนึ่งและนั่นก็คือการลงโทษหนักสุดที่เราสามารถเผชิญ ศิษย์พี่ คิดดูแล้วกับการทำงานหนักเดือนหนึ่งแลกกับโอกาสดีๆ สักครั้งมีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะต้องปฏิเสธ”
จั่วเยี่ยนเริ่มพ่นคำออกมามากมายทันทีทำให้โอวหยางสือรู้สึกมึนงง
“ก็ได้ข้าจะไป”
เมื่อพูดเช่นนั้นโอวหยางสือตื่นขึ้นจากสภาวะที่ไม่ได้ตั้งใจ และเสียใจทันทีและกล่าว “สิ่งที่ข้าหมายถึงก็คือ...”
จั่วเยี่ยนตบไหล่ของโอวหยางสือหนักๆ และห้ามไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพต่อโอวหยางสือ“เป็นไปตามคาดของศิษย์พี่โอวหยาง,สติปัญญาและแรงบันดาลใจของเจ้าไม่ใช่ว่านักเรียนอื่นจะมี ความฝัน ความฝันของเจ้าจึงควรค่าแก่การชื่นชม มีแต่คนอย่างเจ้าเท่านั้นจึงเหมาะจะมีความฝันเช่นนั้น แน่นอนว่าเราจะกลับมาพร้อมกับรางวัลการเดินทางและเวลานั้นทุกคนจะประหลาดใจกับการค้นพบของเรา ซึ่งแม้แต่ศิษย์พี่จื่อหลิงก็คงประหลาดใจมากและสรรเสริญความสำเร็จของศิษย์พี่นางจะต้องหลงรักศิษย์พี่แน่ ตอนนี้เรามีปัญหาง่ายๆประการเดียวก็คือค่าใช้จ่ายในการเดินทางแพง เราจำเป็นต้องได้เงินหกแสนเหรียญดาวเพื่อทำให้แผนนี้สำเร็จได้”
จื่อหลิง..เงาร่างของนางปรากฏในใจของโอวหยางสือ หลังจากตื่นตัวแล้ว เขาโพล่งออกมา
“ข้ามีหนึ่งล้านเหรียญดาว”
จั่วเยี่ยนปรบมือและตอบกระตือรือร้น“ตอนนี้แม้แต่ปัญหาสุดท้ายก็หายไปแล้ว ยังจะมีอะไรที่หยุดไม่ให้เราคิดถึงแผนใหญ่ได้? เวลาเป็นเรื่องสำคัญ ศิษย์พี่โอวหยางเราไปกันเถอะ”
เพียงหลังจากโอวหยางสือก้าวเท้าออกจากประตูในที่สุดเขาก็เรียกความรู้สึกกลับมา
สีหน้าเขาแข็งค้าง เดี๋ยงก่อนข้าเพิ่งเห็นอะไร...
“ข้าก็รู้,ศิษย์พี่ ท่านช่างกล้าหาญนัก ท่านไม่มองหน้าไม่เหลียวหลังและไม่กลัวคนไม่รู้จัก เพราะศิษย์พี่รักษาสัญญา ศิษย์พี่ก็สามารถผูกใจผู้คนได้ง่ายดาย”
แต่จั่วเยี่ยนและโอวหยางสือไม่ทันได้สังเกตว่าบนจอด้านหลังพวกเขาปรากฏเป็นภาพของหลิงซิ่ว
****************
เหมิงเว่ยมองดูถังเทียนด้วยความตกใจ
ตายซ้ายของถังเทียนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มทันทีเย็นเฉียบราวกับไพลิน
เป็นใบหน้าเดียวกับหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แต่เขามีท่าทางเยือกเย็นเฉยเมยเหมือนกับน้ำแข็ง ราวกับว่าบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่ในอากาศเปลี่ยนเป็นอีกคน
อารมณ์ของคนเปลี่ยนไปขนาดนั้นได้อย่างไร?
ใจของเหมิงเว่ยสั่นอย่างอธิบายไม่ได้ ถังเทียนที่ยืนอยู่ต่อหน้านางเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่อันตราย
นัยน์ตาซ้ายสีน้ำเงินเหมือนแข็ง...หรือว่าจะเป็น
จากในระยะไกล ในมุมที่แตกต่าง หลายๆเสียงเริ่มพูดคุยกัน
กลุ่มดาวนกยูงหลางวี่ผู้กำลังนั่งอยู่ในตำหนักกำลังมองดูการต่อสู้อยู่ลุกขึ้นยืนทันที เขาจ้องมองถังเทียนในจอด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ “เนตรราชันย์มยุรา”
ตาของชิวจื่อจวินแทบจะถลนทันทีชุดยาวของเขากระพือขณะที่เขาวิ่งเข้ามา ปากของเขาพึมพำคำพูด “เนตรราชันย์มยุรา”เนตรราชันย์มยุรา