ตอนที่แล้วตอนที่ 305 ดาวสงคราม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 307 ผึ้งล่องหน

ตอนที่ 306 วาฬขาวแห่งวังระนาบกลาง


ระหว่างพบกันครั้งแรกในเมืองหย่งอัน  ทั้งสองคนไม่ได้สู้กันแค่เพียงใช้ปราณของพวกเขาทดสอบกันซึ่งเหมือนกับเป็นการสัมผัสแสดงตน แต่เวลานั้นถังเทียนเข้าใจว่าสตรีนั้นแข็งแกร่งทรงพลังมาก

เหมิงเว่ยทรงพลังเหมือนสายฟ้าฟาด ทั่วทั้งตัวนางเหมือนกับปลายกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศ กระบี่ในมือของนางมีรัศมีทองปกคลุม

แข็งแกร่งมาก!

เมื่อกระทบรังสีกระบี่ที่พุ่งเข้ามาตรงๆ ทำให้ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกแทงและถูกตัดเป็นชิ้น

ความตั้งใจสู้ของถังเทียนเพิ่มสูงขึ้นความเร็วที่พุ่งไปข้างหน้าเพิ่มขึ้นกะทันหันและกรงเล็บแมวโลหิตในมือของเขากางออกได้ยินเสียงแมวร้องเลือนรางรอบตัวเขา

เขายังไม่กระตุ้นการทำงานของเนตรราชันย์มยุรา  เนื่องจากเขาต้องการทดสอบว่าสตรีนางนี้แท้จริงแล้วแข็งแกร่งมากเพียงไหน เกิดรังสีแพรวพราวที่ปลายนิ้วของถังเทียน เนื่องจากกรงเล็บเพลิงภูตพรายเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นทุกที

สายลมที่เหมือนกับกระบี่ฟันเข้าใส่ใบหน้าเขา  แต่หัวใจเขาไม่มีความกลัว

นี่คือศัตรูแข็งแกร่งที่สุดที่เขาได้พบ

เมื่อเห็นถังเทียนวิ่งเข้านางโดยไม่มีความอ่อนแอแต่อย่างใด แสดงอย่างชัดเจนว่าเขาแน่วแน่ไม่หวั่นไหวต้องการจะสู้  สายตาเย็นชาของเหมิงเว่ยหรี่ลง  รังสีเยียบเย็นยิงขึ้นไปในท้องฟ้าในอากาศนางสะบัดข้อมือกระบี่ของนางมีเสียงสั่นสะเทือนออกมา

เงาร่างทั้งสองเหมือนกับสายฟ้าที่ปะทะกันเอง

เมื่อกระบี่ของคู่ต่อสู้กับกรงเล็บเพลิงภูตพรายของเขาปะทะกัน  หัวใจของถังเทียนรู้สึกถึงความผิดปกติได้  ไม่ถูกต้อง!

พลังที่ป่าเถื่อนและน่าสะพรึงกลัวมากที่ออกมาจากกระบี่ของคู่ต่อสู้  โดยไม่ทันได้ต่อต้าน ทั่วร่างของถังเทียนถูกหวดเหมือนลูกบอลที่ยิงออกมาเป็นเส้นตรงและถูกฟาดลงไปที่ทราย

ปัง!

พลังรุนแรงทำให้เนินทรายที่สูงสิบเมตรระเบิดทรายหนักร้อยตันระเบิดกระจาย เป็นภาพน่าตื่นตามาก

หัวของถังเทียนมึนชาปากของเขาเต็มไปด้วยทราย  แต่ไม่มีการรอให้เขาได้ตั้งตัว  รังสีกระบี่ที่แทงลงมาที่ทรายปรากฏต่อหน้าของเขา

ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนั้น  ถังเทียนใช้ฝ่ามือทั้งสองกันใบหน้าของเขา

ปัง!

ถังเทียนได้รับบาดเจ็บหนักถูกเหวี่ยงกระเด็นอีกครั้ง  และฝ่ามือทั้งสองของเขารู้สึกเหมือนกับจะแตกหัก

เมิ่งเว่ยเป็นเหมือนหนอนกินกระดูกไล่เกาะติดเขากระบี่ของนางกระบี่แล้วกระบี่เล่าใช้ออกอย่างเรียบง่ายและคล่องแคล่ว  แต่พลังของนางน่าสะพรึงกลัว  ตัวกระบี่ของนางที่มีแสงทองคลุมรอบเป็นเพียงกลยุทธดึงความสนใจ  ไม่มีใครคิดว่าร่างที่เล็กและน่ารักของนางจะมีพลังน่ากลัวขนาดนั้น

ถังเทียนถูกไล่ต้อนเหมือนคนโง่

เขาคิดว่าความแข็งแรงในร่างกายของเขาเป็นสิ่งน่าภูมิใจและได้เปรียบมากที่สุดแล้ว  แต่พลังของเหมิงเว่ยที่ปล่อยออกมาจากกระบี่ทำให้เขาไม่มีโอกาสปล่อยพลังตอบโต้

พลังของเหมิงเว่ยมากกว่าถังเทียนถึงสามเท่า

ความแข็งแกร่งของร่างกายล้วนๆสู้กับวิชากระบี่ที่คล่องแคล่วเรียบง่าย นับว่าปราณแท้ของถังเทียนและวิทยายุทธของถังเทียนพ่ายแพ้สิ้นเชิง

ถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณที่น่าทึ่งของเขาและพลังของเขาแข็งแรงมากกว่าคนทั่วไปมากเขาคงตายภายใต้ดาบไวของเหมิงเว่ยแล้ว

**************************

ในเมืองหย่งอันเจ้าเมืองหลี่และม่อเว่ยเทียนกำลังสนใจดูการต่อสู้อย่างใกล้ชิด

ผู้อาวุโสหลี่ผิดหวังมาก  “ถังเทียนกำลังจะตาย เหมิงเว่ยแข็งแกร่งที่สุดในหกองครักษ์ตระกูลถู  จากการต่อสู้นี้ไม่มีข้อสงสัยแล้ว”

ม่อเว่ยเทียนมองดูขณะที่ถังเทียนถูกข่มอย่างสิ้นเชิงทำให้เขากังวลมากจนฝ่ามือชุ่มเหงื่อ เมื่อได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสอ้วนหลี่ เขาแสดงความเห็น “อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องกังวลมากเกินไป”

“โอว,ประมุขม่อคิดว่าถังเทียนยังกลับมาสู้ได้อีกหรือ?” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่ผงะ แต่จากนั้นเขาส่ายศีรษะและไอเบาๆ กล่าวด้วยความโกรธและอิจฉา  “ถูหรูไห่มีชีวิตที่ดีจริงๆ  ถูหรูไห่กับข้าเป็นศัตรูกัน  และข้ารู้สถานการณ์ที่มาของหกองครักษ์ดีกว่าใครอื่น”

“โอว ข้าอยากฟังรายละเอียด”  สายตาของม่อเว่ยเทียนไม่ได้ละจากจอภาพขณะกล่าว

“หกองครักษ์ตระกูลถูเป็นหกนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งถูหรูไห่สร้างขึ้นมา  ในเวลานั้นมีการแข่งขันกับคนอีกสามสิบหกคน  และมีพวกเขาเหลืออยู่หก  สำหรับหกองครักษ์ตระกูลถูนั้นถูหรูไห่ทุ่มเงินของตระกูลใช้ไปทั้งหมด ขณะนั้นข้ายังคงหัวเราะเยาะเขาว่าโง่ แต่กลายเป็นข้าต่างหายที่เป็นหมูโง่”

ม่อเว่ยเทียนชำเลืองมองร่างของเจ้าเมืองหลี่และอยากจะบอกว่า “ความจริงเจ้าก็เป็นหมูอยู่แล้ว”

เจ้าเมืองอ้วนหลี่ยังคงพูดต่อ “เหมิงเว่ยผู้นี้คือผลผลิตที่สมบูรณ์แบบที่สุดของถูหรูไห่  นอกจากสามสิบหกคนแล้ว  เหมิงเว่ยยังอ่อนแอที่สุดในตอนนั้น  และได้แต่ฝึกวิทยายุทธหยาบๆ นางเป็นเด็กกำพร้าที่ถูหรูไห่เก็บมาจากถนนเมื่อตอนอายุสิบเอ็ดขวบ  ตอนนั้นตัวยังผอมแห้งอยู่เลย ถูหรูไห่ใช้พลังสายเลือดและเริ่มสร้างคนสามสิบหกคน ในเวลาอันรวดเร็วบางคนก็ไม่สามารถทนรับได้และตายไป  พลังสายเลือดยังคงพัฒนาต่อเนื่อง  จนกระทั่งเหลือหกคนสุดท้าย  และเหมิงเว่ยเทียบกับอีกห้าคนยังมีความเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นอีก ไม่มีใครคิดว่าเด็กหญิงตัวน้อยในปีนั้นจะกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด”

“ถูหรูไห่ทำสิ่งนั้นจริงๆ หรือ?”  หน้าของม่อเว่ยเทียนซีดขาว  “องค์การวิญญาณมืดห้ามไม่ให้ทำสิ่งนั้นไม่ใช่หรือ?”

เจ้าเมืองหลี่ตอบด้วยความรู้สึกที่ช่วยไม่ได้  “องค์การวิญญาณมืดเป็นสถานที่มีผู้คนปนเปรวมอยู่ในกลุ่มผู้ซื่อสัตย์  ใครจะไปสนใจ ถูหรูไห่ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ทำแบบนี้ และทั้งสองฝ่ายก็ยินยอมท่านคิดว่าเงินมาจากไหนเล่า?”

ม่อเว่ยเทียนพูดไม่ออก

“พลังสายเลือดของเหมิงเว่ยก็คือพลังสายเลือดวาฬขาวแห่งกลุ่มดาววาฬหนึ่งในสิบวังระนาบกลาง”  เจ้าเมืองหลี่พูดและสูดหายใจลึก  “นี่คือพลังสายเลือดเงินแห่งสิบตำหนักระนาบกลางสามารถรองรับพลังสายเลือดจากกลุ่มดาวระดับสูงเช่นนั้นได้ซึ่งแตกต่างจากของเล่นจากกลุ่มดาวอื่น พลังที่แข็งแกร่งรุนแรงที่สุดของนางก็คือพลังของวาฬขาว  น่าเสียดายนางไม่สามารถกระตุ้นพลังสายเลือดได้อย่างสมบูรณ์  ถ้าไม่อย่างนั้นด้วยพลังของวาฬขาว  ใครจะสามารถต่อต้านนางได้”

ม่อเว่ยเทียนพูดไม่ออก  เลือดเงินจากสิบตำหนักระนาบกลาง  คำพูดนี้ทำให้เขากลัวแทบตาย

*****************

ฐานที่ทำการตระกูลซือหม่า

ซือหม่าเซี่ยมองดูจนตกตะลึง  “ผู้หญิงป่าเถื่อนอะไรเช่นนั้น!  ศิษย์พี่ วิชากระบี่ของนางทรงพลังมากเหลือเกิน!”

ท่านต้องบอกว่า พลังและรูปแบบการต่อสู้ของเหมิงเว่ยมีพลังเหนือกว่าถังเทียนสิ้นเชิง  เป็นท่วงท่าที่ตรงเรียบง่ายไม่ฟุ่มเฟือย  ตั้งแต่แรกก็ข่มถังเทียนจนโงหัวไม่ขึ้น  ไม่มีการปล่อยพลังอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่ใช้ท่ากระบี่ธรรมดาท่าแล้วท่าเล่า แต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกกดดันจนผู้คนหายใจไม่ออก

ชิวจื่อจวินที่มีสีหน้าซีดขมวดคิ้ว “นั่นไม่ใช่เรื่องจริงทั้งหมด นางอาศัยพลังสายเลือดของนาง และความรู้ในวิชากระบี่ของนางก็ยังถือว่าธรรมดา”

“สายเลือดที่ทรงพลังขนาดนั้น  นั่นคือพลังสายเลือดระดับขั้วจักรวาลหรือเปล่า?”  ซือหม่าเซี่ยวตื่นเต้น

“ไม่, น่าจะเป็นระดับตำหนักในระนาบกลาง”  ชิวจื่อจวินขมวดคิ้ว และกลับคืนสู่ความสงบ  “สิบตำหนักในระนาบกลาง มีเพียงกลุ่มดาวเดียวเท่านั้นที่ทรงพลังขนาดนั้น  นั่นคือกลุ่มดาวปลาวาฬ  ปราณของสตรีนางนี้ธรรมดา สายตานางเยือกเย็น  ก็น่าจะเป็นพลังสายเลือดวาฬขาว  นักสู้ที่ใช้เลือดวาฬขาวจะมีบุคลิกไร้ที่ติ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของซือหม่าเซี่ยวหายไปทันที  สีหน้าของเขาเคร่งเครียด

มีพลังสายเลือดอยู่มากมาย  แต่เพื่อสร้างอัจฉริยะที่แท้จริง ปกติพวกเขาจะแบ่งประเภทสายเลือดออกเป็นสามกลุ่มใหญ่ คือสายเลือดกลุ่มดาว,  สายเลือดโบราณ, และสายเลือดใหม่

สายเลือดกลุ่มดาวเนื่องจากมีพลังของกลุ่มดาวจึงมีความแข็งแกร่งมากมายแน่นอน สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในกลุ่มดาวนั้นจะได้รับการอาบแช่พลังของกลุ่มดาวทั้งวันและคืน  จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะให้กำเนิดพลังสายเลือดประเภทกลุ่มดาว  ยิ่งมีผู้สามารถทนรับพลังของกลุ่มดาวได้ พลังสายเลือดที่ได้รับก็จะบริสุทธิ์มากขึ้น ดังนั้นเจ้าผู้ปกครองกลุ่มดาวทุกรุ่นจะมีพลังสายเลือดที่แข็งแกร่ง  ลูกหลานทายาทของพวกเขาจึงมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับพลังสายเลือดมามาก

พลังสายเลือดโบราณเป็นพลังสายเลือดที่ตกทอดมาจากเผ่านักสู้โบราณเผ่าพันธุ์โบราณทั้งหมดมีการสืบเผ่าพันธุ์มาเป็นเวลานานนับไม่ถ้วนและมีการแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์ต่างๆทำให้พลังสายเลือดแตกต่างผิดไปจากเดิม สิ่งดีก็คือลูกหลานจะกลายเป็นคนฉลาดขึ้น แต่ข้อเสียก็คือความสามารถในการต่อสู้ก็จะหายไป  ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดพยายามสกัดและแสวงหาพลังสายเลือดโบราณนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้คนได้ฟื้นคืนพลังต่อสู้

กลุ่มพลังสายเลือดใหม่จัดเป็นพลังพลังสายเลือดที่หลากหลายรวมทั้งพลังสายเลือดที่ผลิตออกมาโดยการผสมเปลี่ยนแปลงจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือด  พลังสายเลือดเหล่านี้จะเป็นของใหม่และหลายชนิดไม่เคยปรากฏให้เห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ และจึงเรียกว่าเป็นพลังสายเลือดใหม่  แต่พลังสายเลือดนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมักมีข้อบกพร่องที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ดังนั้นพลังสายเลือดชนิดนี้จึงไม่เป็นที่ต้องการของตลาดและไม่มีใครกล้าทดลองใช้

กลุ่มดาววาฬเป็นกลุ่มดาวของสิบตำหนักระนาบกลาง อำนาจส่วนใหญ่จะอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าปกครองกลุ่มดาว  จะสามารถได้รับเลือดวาฬขาวได้ แสดงว่าตำแหน่งของเขาในกลุ่มดาววาฬต้องไม่ต่ำทราม

ซือหม่าเซี่ยวหยุดหัวเราะทันที  และเริ่มห่วงถังเทียนเขาถามด้วยความสงสัยทันที “ถ้าศิษย์พี่ต้องการสู้กับนาง ท่านจะใช้วิธีอะไร?”

“นางฉลาดและใช้พลังได้รวดเร็ว แต่ถ้านางรู้จักวิธีรวบรวมการโจมตีหลายครั้งของนาง  พลังของนางจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า”  ชิวจื่อจวินพูดอย่างเฉื่อยชา  “น่าเสียดาย นางไม่มีคนคอยแนะนำนาง  ดังนั้นความรู้ในวิชากระบี่นางจึงน้อยนิด  ถ้านางพบกับยอดฝีมือเชิงกระบี่ที่แท้จริงนางจะลำบาก ในเรื่องพลังกระบี่ของนาง”

“อย่างนั้นก็ดี ดีแล้ว” ซือหม่าเซี่ยวตอบ “ด้วยคำแนะนำของศิษย์พี่ ชีวิตน้อยๆ ของข้ายังแทบไม่ต้องกังวล และคงไม่จบเหมือนถังเทียนแน่”

“อย่าดูถูกถังเทียน”  ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะ  “ดูให้ดีๆเขาอาจจะเสียเปรียบตกเป็นเบี้ยล่างมาก แต่ยังไม่มีสัญญาณพ่ายแพ้เลย เขาไม่อ่อนแอและสัญชาตญาณของเขาน่าทึ่งมากจริงๆ  พลังใจของเขาหนักแน่นมาก  เจ้าอย่าดูถูกคนแบบนั้นจะดีกว่า”

********************

ถังเทียนกัดฟันทนทุกๆ กระบี่จะทำให้ตลอดทั้งร่างของเขาสั่นไหว กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาสั่นเทิ้ม และผิวของเขารู้สึกเหมือนกำลังไหม้ในพริบตาร่างของเขาหลั่งเหงื่อท่วมราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ

ที่น่ากลัวที่สุดก็ยังเป็นมือของเขาเหมือนกับว่ามันหักไปแล้ว เขาแทบไม่รู้สึกถึงมือเลย

เหมิงเว่ยที่อยู่ต่อหน้าเขาดูเหมือนจะไม่รู้จักว่าความกลัวคืออะไรกระบี่แล้วกระบี่เล่าที่นางฟันใส่ นางเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่หายากชนิดหนึ่ง  ลุงปิงเคยเล่าให้เขาฟังมาก่อน ผู้หญิงก็คือไดโนเสาร์ทีเร็กซ์ที่สามารถพ่นไฟได้และถังเทียนได้แต่หยัน แต่หลังจากสู้กับเหมิงเว่ย เขารู้สึกว่าลุงปิงพูดถูก นอกจากยังไม่สามารถพ่นไฟได้ เหมิงเว่ยแทบจะคล้ายไดโนเสาร์ทีเร็กซ์เข้าไปทุกที

แต่ถังเทียนไม่รู้ว่าเหมิงเว่ยก็ประหลาดใจพอๆ กับเขา

เหมิงเว่ยนับอยู่ในใจ  นางปล่อยพลังโจมตีไปถึงสามสิบเอ็ดครั้ง

ในชีวิตของนางไม่มีใครสามารถต้านรับการโจมตีของนางได้ถึงสามสิบเอ็ดครั้ง

ถังเทียนป้องกันซ้ายและขวาเซไปเซมาตรงโน้นทีตรงนี้ทีเหมือนกับว่าจะล้มได้ทุกเมื่อ แต่หลังจากการโจมตีสามสิบเอ็ดครั้ง เขาก็ยังไม่พังทลาย  ถังเทียนยังคงป้องกันพลังกระบี่ได้ครั้งแล้วครั้งเล่าได้ต่อไป  เหมิงเว่ยคิดว่าเขาโชคดี  แต่หลังจากโจมตีถังสามสิบเอ็ดครั้ง  แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่โชค

ไม่เพียงแต่เหมิงเว่ยที่รู้สึกผิดปกติ  แต่หลายๆคนเริ่มจะสังเกตเห็นว่าถังเทียนที่อยู่ห่างจากความพ่ายแพ้เพียงเล็กน้อยและถูกข่มกดดันอยู่ตลอดในตอนนี้ยังคงต้านรับอย่างแข็งขัน

เหมิงเว่ยหยุด  ในที่สุดนางก็ตระหนักได้ว่านางประเมินถังเทียนต่ำเกินไป การโจมตีที่แข็งแกร่งของนางไม่สามารถคุกคามถังเทียนได้  ถังเทียนแข็งแกร่งกว่าที่นางคิดมากก็จริง  แต่ก็แค่นั้น

เหมิงเว่ยชูกระบี่ตรง

ภายใต้การโจมตีที่บ้าคลั่งของนาง  สัญชาตญาณที่โดดเด่นของถังเทียนถูกใช้จนถึงระดับสุดยอด

หลังจากทนมานานเขาที่ตกตะลึงและตื่นเต้นในตอนแรก  ถังเทียนเริ่มถูกพลังโจมตีที่บ้าคลั่งรุนแรงต้อนเอาจนอยู่ในสภาพทุลักทุเล

เป็นกระบวนการที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ชีวิตแขวนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย  แต่หลังจากผ่านไปแล้ว ก็เหมือนกับได้พบโลกใหม่

อ้อ...คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของข้ามีเพียงแค่นั้นเอง...

หึ... หึ..หึ

เสื้อผ้าบนตัวถังเทียนฉีกขาดรุ่งริ่ง ใบหน้าของถังเทียนที่เต็มไปด้วยเหงื่อเริ่มมีไอระเหยออกมาเป็นไอสีขาวเขาอ้าปากหอบหายใจปล่อยให้เหงื่อเข้าไปในปากเขา

เค็มเป็นบ้า...

เขาเป่าปากช้าๆดูน่าตลกระคนน่าเกลียด เขาก้มหน้าและหลับตาเหมือนกับว่าจะฟื้นคืนพลังของร่างกาย

ข้าเห็นวิชากระบี่ของเจ้าแล้ว.....

คราวนี้ตาข้าบ้างล่ะ...

ในอากาศถังเทียนยืดตัวขึ้นทันที เขาเงยหน้าทันทีและเม็ดเหงื่อทั้งหมดร่วงลงกับพื้นทรายเบื้องล่าง

เหมิงเว่ยรู้สึกถึงบางอย่างและหัวใจนางแทบกระดอน

ภายใต้แสงอาทิตย์สาดส่อง  ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อสงบมากจนทำให้ผู้คนใจเต้นแรง

ใต้ขนตาที่มีเหงื่อเกาะดูเหมือนจะสั่นด้วยเหตุผลบางอย่าง

ถังเทียนลืมตาขึ้นช้าๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด