ตอนที่แล้วตอนที่ 301 ไปกันใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 303 เริ่มสงคราม

ตอนที่ 302 เตรียมทำศึก


ฤดูที่ดอกท้อบานสะพรั่งทั่วทั้งสวนจะงดงามไม่มีใดปาน

ซือหม่าเซี่ยวอยู่กับมารดากำลังเพลิดเพลินชมดอกไม้ในสวน  ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะระดับสูงของตระกูล  ดังนั้นหมู่บ้านของมารดาเขาจึงเป็นสถานที่ๆดีมาก

“โอว,ถ้าเจ้างานยุ่งก็ไม่ต้องมากับข้าก็ได้” สตรีชรากล่าว “ข้าอยู่ที่นี่ได้เช่นกัน ที่นี่ไม่มีอะไรยากลำบาก  อย่าห่วงไปเลยเสี่ยวหวี่ก็มากับข้าได้เช่นกัน”

“ยากนักที่ข้าจะมีโอกาสได้กลับมา ส่วนใหญ่ข้าจะอยู่ข้างนอกเสมอในช่วงหลายปีนี้ไม่ค่อยมีโอกาสมาปรนนิบัติท่านแม่เลย” ซือหม่าเซี่ยวพูดด้วยความเคารพ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหายไปแล้ว เหลืออยู่แต่รอยยิ้มที่อบอุ่นเท่านั้น

“กระดูกข้ายังแข็งแรงและสุขภาพยังดีอยู่”  แม้ว่าหญิงชราจะพูดเช่นนั้น แต่นางก็ยังรู้สึกมีความสุข  “วันนี้อากาศดี  บุปผชาติก็เบ่งบานเช่นกัน  เสี่ยวหวี่ ไปเอาเหล้ามาข้าอยากดื่มสักเล็กน้อย”

สาวใช้ประจำตัวรับคำและไปเอาเหล้าทันที

ซือหม่าเซี่ยวไม่ได้ห้ามนาง  เมื่อเขายังเยาว์วัย  เพื่อจะเลี้ยงดูเขา นางได้สะสมพิษเย็นไว้จำเป็นต้องได้รับเหล้าอุ่นเพื่อรักษาร่างกาย ปราณและเลือดนางให้อุ่น  เมื่อเห็นใบหน้าชราภาพของมารดา  หัวใจของซือหม่าเซี่ยวขมขื่น  เขาช่วยดึงผ้าห่มคลุมเข่ามารดา “ฤดูใบไม้ผลิปีนี้อากาศยังค่อนข้างเย็นอยู่  ท่านแม่ต้องระวังให้มากขึ้น”

หญิงชรารับรู้ถึงความกังวลห่วงใยของบุตรชายนางเช่นกัน

นางพูดขึ้นทันใดว่า“เร็วๆ นี้ข้าได้ยินว่าตระกูลสาขาหลายตระกูลมาหาเจ้าใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว พวกเขาต้องการเลื่อนสถานะผู้บุตร”  ซือหม่าเซี่ยวไม่มีอะไรต้องปิดบังมารดา  เขาพูดอย่างชัดเจน

สตรีชรานั่งตัวตรงมากขึ้น  สีหน้านางเคร่งขรึมยิ่งขึ้น  “ตั้งแต่เจ้ายังเด็กเจ้ามีมุมมองที่แข็งแกร่งและอารมณ์ที่แปรปรวน ข้าไม่เคยถามเรื่องของเจ้า แต่เซี่ยวเอ๋อ, เกิดอะไรขึ้น ปีนั้นที่เราทั้งสองผิดก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ปล่อยวางไปได้แล้ว”

ซือหม่าเซี่ยวตอบอย่างนุ่มนวล  “คำพูดของท่านแม่กำลังบอกว่า, สวรรค์เบื้องล่างตระกูลซือหม่าไม่อาจอยู่ได้ ข้าจะไม่ตัดสินให้พวกเขาตายแน่  นอกจากนี้ ผู้บุตรต้องดูแลภายในครอบครัว จำเป็นต้องได้ผู้ช่วย”

“นั่นคือวิถี, นั่นแหละคือวิถี”  สตรีชราผงกศีรษะนางรู้สึกได้ทันทีว่าคำพูดของนางไม่สมเหตุผล ทำให้นางอดขำตนเองมิได้  “เจ้าดูสิ, สองเราแม่ลูกเหมือนกับว่าเจ้ากลายเป็นประมุขตระกูลไปแล้ว”

ขณะนั้นเสี่ยวหวี่นำเหล้ามาให้ ซือหม่าเซี่ยวช่วยรินให้หญิงชราทันทีและกล่าวอย่างใจเย็น“ถ้าผู้บุตรต้องการจะเป็น ก็เป็นไปตามธรรมชาติ”

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้หญิงชรามองดูบุตรของนาง แม้ว่าเขาจะไม่เปลี่ยนไปมากนักจากอดีตที่ผ่านมาไม่กี่ปี  แม้ว่ายังคงมีรอยยิ้มที่อบอุ่นและน่ารัก  แต่ลึกๆ ในดวงตาของเขายังคงมีความลึกลับอย่างอื่นซ่อนอยู่ซึ่งถูกสลักลึกจากความยากลำบาก

นางรู้สึกภูมิใจทันทีและยิ้มตอบ  “อย่างนั้นแหละ ลูกข้า”

หญิงชราไอจากนั้นโบกมือ “ไปเถอะ, ไปเถอะ, ข้าไอสักครู่ เดี๋ยวก็หายแล้ว”

“อย่างนั้นผู้บุตรขอลาไปทำงานก่อน”ซือหม่าเซี่ยวโบกมืออำลาหญิงชรา

เมื่อออกมาจากลานบ้าน  รอยยิ้มอบอุ่นหายไปทันทีและสายตาของเขาพลันเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง

“ครอบครัวที่หนึ่งและที่สองส่งคนไปแก้มือ”ชิวจื่อจวินพูดเฉื่อยชา “พวกเขาพลาดท่าเจ็บตัวจากครั้งก่อนและครั้งนี้พวกเขารวมพลังกันโจมตีหุบเขากิ้งก่า”

ซือหม่าเซี่ยวกับคืนท่าทีวายร้ายอีกครั้งและถามขณะหัวเราะ“การต่อสู้เป็นยังไง?”

“พวกเขาพบกับเซียนหมัดมวย”  ชิวจื่อจวินชำเลืองมองซือหม่าเซี่ยว กล่าว “พวกเขาถูกกำจัดเรียบ”

“ไม่เคยคิดเลยว่ากลุ่มดาวกิ้งก่าจะมีนักสู้ที่น่ากลัวอย่างนั้น”  ซือหม่าเซี่ยวก็มีสีหน้าประหลาดใจ

ชิวจื่อจวินยังคงใจเย็น  เขาเห็นรายงานของเซียนหมัดมวยที่อาศัยอยู่ในหุบเขากิ้งก่า  และมองดูซือหม่าเซี่ยว  “ทำไมพวกเขาถึงโจมตีหุบเขา?”

“ข้าจะรู้ได้ยังไง?”  ซือหม่าเซี่ยวโบกมือและทำท่าเกียจคร้าน  แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาของศิษย์พี่ของเขาซึ่งแหลมคมดุจกระบี่ได้  เขาหัวเราะ “ข้าได้ยินว่ามีสาวงามคนหนึ่งที่หุบเขากิ้งก่า และพวกญาติๆข้าก็เป็นคนอารมณ์สุนทรีย์ พวกเขาอาจไปพบนางโดยบังเอิญ บางทีเซียนหมัดผู้นั้นอาจมีความเกี่ยวข้องกับสาวงามนั้นก็ได้ โอว อย่างนั้นโชคของพวกเขาต้องแย่แน่นอน”

ในที่สุดชิวจื่อจุนก็เข้าใจ  เขาเข้าใจนิสัยของศิษย์น้องของเขาชัดเจน  การเชื่อมโยงแหวนวงแล้ววงเล่าต้องใช้เทคนิคบางอย่างดังนั้นเทคนิคที่แท้จริงก็คือการเคลื่อนไหวที่แท้จริง

เรื่องบังเอิญ...หรือว่าทุกอย่างจะเป็นศิษย์น้องเขาบงการ

ตระกูลสาขาที่หนึ่งและที่สองถูกกำจัดหมด

นิสัยของศิษย์น้องของเขาคงจะไม่ให้โอกาสพวกเขาแน่นอน  เหยื่อใดก็ตามที่ศิษย์น้องของเขาจับตาไม่มีทางมีชีวิตเพื่อบอกเรื่องราว... นอกจากว่า...

เมื่อคิดถึงรายงานที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ชิวจื่อจวินรู้สึกดีทันที และหน้าที่ซีดของเขามีรอยยิ้มเล็กน้อย

“โอวจริงสิ, อูเถี่ยหวี่และหวยไป่หัวตายแล้ว

ซือหม่าเซี่ยวยิ้ม  “คราวนี้ยอดฝีมือคนไหนอีกล่ะ?”

“คนที่ฆ่าอูเถี่ยหวี่เรียกว่าอาเฮ่อ  และคนที่ฆ่าหัวไป่หัวชื่อว่าหลิงซิ่ว”

ชิวจื่อจวินมองดูศิษย์น้องของเขาด้วยความสนใจ

ซือหม่าเซี่ยวสีหน้าตะลึง  และถาม “คนของถังเทียนใช่ไหม?”

“ถูกแล้ว!”  ชิวจื่อจวินยิ้ม

เมื่อศิษย์พี่ของเขายิ้ม  ซือหม่าเซี่ยวโกรธ และแค่นเสียง  “ข้าต้องการเห็นรายงานศพของพวกเขา”

หน้าของซือหม่าเซี่ยวจริงจังขึ้น  เขาอ่านรายงานจนจบ  การต่อสู้ระหว่างอาเฮ่อและอูเถี่ยหวี่มีรายละเอียดมาก  แต่แทบจะไม่มีรายละเอียดใดๆในการต่อสู้ระหว่างหลิงซิ่วและหวยไป่หัวเลย

อาเฮ่อไม่ได้ลอบโจมตี  แต่เป็นการท้าสู้อย่างเปิดเผยและฆ่าเขา

แม้ว่าอูเถี่ยหวี่จะแข็งแกร่ง  แต่ในสายตาของซือหม่าเซี่ยว  เขายังไม่นับว่าเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง  ถ้าเขาต้องการจะฆ่าอูเถี่ยหวี่เป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขา ตระกูลซือหม่ามีผู้อาวุโสตระกูลที่ทรงพลังมาก

แต่ความจริงแล้วเป็นการถูกฆ่าตายระหว่างประลองต่อสู้

อาเฮ่อ,  ชื่อนี้แปลก ซือหม่าเซี่ยวรู้เรื่องเขาน้อยมาก รู้แต่ว่าเขาเป็นบริวารของถังเทียนที่มาจากสำนักเล็ก

หลิงซิ่วเขายิ่งรู้น้อยเข้าไปใหญ่

“กระบี่กระเรียนของเขายังไม่ได้ชักออกจากฝักด้วยซ้ำ”  สีหน้าของชิวจื่อจวินเคร่งเครียด  “แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคลื่นหมีปฐพี  แต่ ข้าได้ตรวจสอบมาแล้ว กลุ่มดาวกระเรียนฟ้าไม่มีสมบัติดวงดาวเช่นนั้น  แต่ผู้คนที่ได้ตรวจสอบไปก่อนนั้นบอกว่า  ผู้นำของสำนักกระเรียนมีกระบี่เล่มหนึ่งอยู่ที่เอวและดูคล้ายกับกระบี่ที่อยู่ในมือของอาเฮ่อ ส่วนหลิงซิ่วมีข้อมูลเรื่องเขาน้อยมาก เขาฝึกแต่วิชาหอก”

เป็นครั้งแรกที่ซือหม่าเซี่ยวผงะ

เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว

เขาเริ่มให้ความสนใจถังเทียนอย่างมาก  “ไปรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับถังเทียน  คนผู้นี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว”

“อย่างนั้นเจ้าตั้งใจจะทำยังไงกับกลุ่มดาวหมาป่า?”

“หวยไป่หัวตายแล้วไม่ใช่หรือ?”  ซือหม่าเซี่ยวกลับคืนความสงบและหัวเราะ  “องค์การวิญญาณมืดไม่เหมือนเรา  พวกเขาไม่ค่อยพูด ปล่อยให้พวกเขาสู้และทดสอบถังเทียนกับกลุ่มของเขาไปก่อน”

“ก็ดีเหมือนกัน”  ชิวจื่อจวินพยักหน้า  เขาชำเลืองมองศิษย์น้อง  ตอนนี้เขากำลังอ่านรายงานในมือของเขาอย่างระมัดระวัง  สมาธิของเขาแน่วแน่มาก

ศิษย์น้องไม่ได้ตื่นเต้นมาเป็นเวลานานมากแล้ว!

*********************

เหมิงเว่ยยังคงอยู่บนถนนและรวบรวมรายงาน  ทั้งหกคนนั่งล้อมโต๊ะมีสีหน้าบิดเบี้ยวดูไม่ได้ทุกคน ในมือของพวกเขาเป็นรายงานเรื่องหลิงซิ่วกับหวยไป่หัว  ไม่มีใครอื่นรายงานการต่อสู้กับพวกเขา

“วิชาหอกที่แปลกประหลาดนั้นสามารถเปลี่ยนคนให้เป็นรูปปั้นได้จริงๆ  และสองชั่วโมงต่อมารูปปั้นก็หายไป”  บุรุษร่างใหญ่กำยำถาม  “ผู้เฒ่าฟง ท่านรู้จักวิชาหอกนี้บ้างไหม?”

ผู้เฒ่าฟงเป็นม้าของวิญญาณมืด  สีหน้าของเขาเคร่งเครียด  “ตอนนี้ข้าไม่รู้  แต่ข้าส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว”

“พลังของหวยไป่หัวเป็นยังไงบ้าง”  มือกระบี่แขนเดียวถาม

“นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีลำดับที่ 9287”ผู้เฒ่าฟงระลึกถึงข้อมูล “และเรายังให้สมบัติแดนขั้วจักรวาลไปด้วย พลังของเขาน่าจะอยู่ราวๆ ระดับที่ 9000”

หน้าของพวกเขายิ่งน่าเกลียดกว่าเดิม

“เมื่อเป็นเช่นนั้นอย่างนั้นพลังของหลิงซิ่วและอาเฮ่อ ก็น่าจะอยู่ราวๆ 8800”  สตรีผมม่วงกล่าวหน้าผากของนางมีผลึกสีม่วงฝังอยู่ในนั้น

“อย่างนั้นถังเทียนเล่า?”  คนพูดเป็นชายชราตัวเตี้ย  เขาดูธรรมดา แม้แต่เสื้อผ้าของเขาก็ยังธรรมดา ถ้าเขาอยู่ในกลุ่มผู้คนจะไม่มีใครหาเขาพบ

“ไม่มีบันทึก” ผู้เฒ่าฟงส่ายหัว “แต่แข็งแกร่งมากกว่าอีกสองคนแน่นอน”

“ทำไม?” สตรีผมม่วงกล่าว

“เพราะเขาคือพี่ใหญ่ของทั้งสาม”  ผู้เฒ่าฟงอธิบาย

ทุกคนจึงได้ตระหนักทันที  นั่นถูกแล้ว ปกติหัวหน้ากลุ่มจะแข็งแกร่งที่สุดตลอดไป ในโลกผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้ชนะ

“นี่จะทำให้สู้ด้วยยาก”  มือกระบี่แขนเดียวกล่าว

บุรุษร่างใหญ่หัวเราะ  “ได้สู้กับยอดฝีมือระดับนี้ยิ่งน่าตื่นเต้น ถ้าเจ้ายังคงสู้กับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอเหมือนเดิม  ก็ไม่มีความหมายอะไร”

ผู้เฒ่าฟงหัวเราะ  “ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าแพ้ไปครั้งหนึ่ง

“คนตัวใหญ่แพ้เมื่อสองวันก่อนเหรอ?”  สตรีผมม่วงถามด้วยความสงสัย

“ใช่แล้ว ที่เมืองหย่งอัน”บุรุษร่างกำยำพูดอย่างละอายใจ

“พวกเจ้าทุกคนไปเมืองของเจ้าอ้วนหลี่หรือ?  เจ้าอ้วนหลี่ได้คนฝีมือดีขนาดนั้นมาเมื่อไหร่”สตรีผมม่วงถาม

“ไม่ใช่เจ้าอ้วนหลี่”  เหมิงเว่ยตัดบท  “อย่าพูดถึงเรื่องอื่นเลย  ให้ความสำคัญภารกิจก่อน”

ทุกคนตัวสั่น

“ข้าจะรับมือถังเทียนเอง” เหมิงเว่ยจะผูกขาดสู้กับศัตรูที่สู้ได้ยากที่สุด  “ผู้เฒ่าจวินรับมืออาเฮ่อ,ดาบเดี่ยวจะรับมือหลิงซิ่ว  พวกเจ้าสามคนรับมือกับทหารของถังเทียน  ข้าได้ยินว่าพวกเขามีขุนพลวิญญาณรับดูแลดีที่สุดพวกเจ้าต้องระวังตัวไว้ เราไม่เคยสู้กับกองทัพมาก่อน”

“ได้” ทุกคนตะโกนขึ้นอย่างขึงขัง

**************************

ถังเทียนมองดูอาเฮ่อทางด้านซ้ายมือ  จากนั้นก็มองหลิงซิ่วที่อยู่ทางด้านขวาเหมือนกับว่ามีสิ่งแปลกประหลาดบนใบหน้าพวกเขา

หลิงซิ่วพูดอย่างเหลืออด  “รีบพูดได้แล้ว  พูดในเรื่องที่เจ้าต้องการพูด  อย่าได้เสียเวลาฝึกฝนของข้า”

อาเฮ่อยังคงสงบ

“ข้าสงสัย พวกเจ้าทั้งสองคนกล้ามากขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”  ถังเทียนเดินวนรอบๆ ทั้งสองคน  “หึ หึ ข้าบอกไม่ได้เลย  ในเวลาแค่สามวันข้าต้องโกนหนวดโกนเคราเพื่อมองดูพวกเจ้าทั้งสองคนใหม่”(หมายถึงต้องประเมินกันใหม่)

อาเฮ่อช่วยพูด“ในสามวัน ข้าก็ยังประเมินเจ้าใหม่เหมือนกัน”

“โอว, ต้องประเมินใหม่”ถังเทียนค่อยรู้สึกตัว เขารีบพูดจริงจังทันที “หกองครักษ์ตระกูลถูกำลังมาและเป้าหมายของพวกเขาครั้งนี้ก็คือเรา”

“หกองครักษ์ตระกูลถู?  ไม่เคยได้ยินชื่อเลย”  หลิงซิ่วส่ายหัว

“ทั้งหกเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทั้งนั้น”  ถังเทียนกล่าว “คนที่ลำดับต่ำสุดยังคงอยู่ในระดับไม่เกิน 9000  แต่คนที่มีอันดับสูงที่สุดก็คือ 8511”

หลิงซิ่วสีหน้าเปลี่ยน  แม้แต่อาเฮ่อ ก็ยังหน้าเครียด

นั่นคือคู่ต่อสู้ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขาจะต้องเผชิญ  ตามกฎของทำเนียบสวรรค์วิถี  ทุกๆ ร้อยอันดับหมายความถึงความแตกต่างเรื่องคุณภาพของนักสู้

อันดับ 8511!

“ใครจะสนกันเล่าพวกเขาอันดับเท่าไหร่หรือชื่ออะไร หอกของข้าจะฆ่าพวกเขา” หลิงซิ่วพูดอย่างห้าวหาญ

“ถูกต้อง, ถูกต้อง” ถังเทียนหัวเราะและโบกมือ“แต่เมื่อเรารู้เร็วขึ้น เราก็ต้องต้อนรับพวกเขาบ้าง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด