ตอนที่ 301 ไปกันใหญ่
ฉากเสียงฮือฮาเหมือนกับจะอยู่ห่างไกลออกไปขณะที่เสียงเริ่มหายไป
อาวุธจักรกลพันชุดที่ราคารวมสิบหกพันล้าน นั่นจะเป็นจำนวนให้หนุ่มชาวฟ้าสามารถซื้อกลุ่มดาวอีกาสามารถรวบรวมทั้งกลุ่มดาวหมาป่าสามารถซื้อสมบัติเงินมาตรฐานขอบฟ้าเหนือได้เกินพันชุดและสามารถซื้อสมบัติชั้นทองห้าสิบชุดให้ผู้เฒ่าเฟ่ยใช้ในห้องปฏิบัติการได้
ถังเทียนเกือบกระแทกศีรษะตนเองแล้ว นี่เขากำลังบ้าหรือเปล่า? ความจริงเขากำลังคิดรับสมบัติมูลค่าสิบหกพันล้านเหรียญให้ผู้เฒ่าเฟ่ยจริงๆหรือ? ก็ได้ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะบ้า แต่เขาผิดแล้วเขากำลังหลงใหลได้ปลื้มกับจำนวนเงินสิบหกพันล้านต่างหาก
สวรรค์สงสารข้าแล้ว
เด็กยากจนเคยเห็นเงินสิบหกพันล้านเมื่อใดกัน? หลังจากคิดเรื่องการทำเงินพันห้าร้อยล้านของเขาเร็วๆ นี้เขามีความมั่นใจมาก ทำให้เขามีความสุขมาก ผู้มีอิทธิพลผู้มีอิทธิพลแน่นอน
ถังเทียนกำลังประสบกับการทดสอบตนเองเพราะเขารู้ว่าสวรรค์จะไม่ให้ขนมปังฟรีแน่
“ท่านคิดจะทำเรื่องไร้สาระอะไรกัน?”น้ำเสียงถังเทียนเหมือนเป็นการส่งข้อความเตือน ผู้อาวุโสม่อนิ่งเงียบไม่พูดต่อ เขาคลางแคลงใจกับการกระทำของผู้เฒ่าคนนี้
ม่อเว่ยเทียนชำเลืองมองผู้อาวุโสอ้วนหลี่ที่ภูมิใจกับความสำเร็จของเขาเองและฝืนยิ้ม “โลกตกอยู่ในความวุ่นวายและไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงได้ ตระกูลม่อเป็นเพียงเรือลำน้อยเผชิญกับคลื่นลมแรง จึงจำเป็นต้องอิงอยู่กับอำนาจใหญ่”
“เหลวไหล”แม้จะผ่านหน้ากาก แต่สายตาถังเทียนแจ่มชัดยิ่ง “ข้ามีพลังอำนาจยิ่งใหญ่อะไรกัน แม้ว่าท่านจะอิงอยู่กับอำนาจใหญ่ แต่ท่านไม่อาจอยู่ติดกับข้าได้ตลอด”
“คุณชายดูถูกตัวเองเกินไปแล้ว”ม่อเว่ยเทียนยิ้มและพูดเบาๆ “คุณชายคือคนที่สามารถพลิกโลกด้วยมือข้างเดียวได้ กลุ่มดาวหมาป่าจะเป็นแค่เพียงสวนหลังบ้านของคุณชายในอนาคต แม้ว่าพวกเขาจะค่อนข้างยากไร้ แต่เผ่าหมาป่าก็ยังเป็นชุมชนกลุ่มก้อนด้วยการที่คุณชายปกครองพวกเขา ก็ย่อมไม่มีปัญหา”
“ข้าเกลียดจริงเมื่อมีคนโกหกข้า” ถังเทียนหงุดหงิด เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่เป็นมิตร “อย่ามาพูดหว่านล้อมข้าเลย”
ม่อเว่ยเทียนปาดเหงื่อที่หน้าผาก แม้ว่าเขาจะมีฝีปากดีแต่เขากลัวพบกับคนไม่มีเหตุผลเป็นที่สุด เขาเห็นความร้ายกาจของถังเทียนมาแล้ว เมื่อเขาได้ยินเสียงห้าวของถังเทียน เขารู้ว่าเรื่องแย่กำลังจะเกิดขึ้น เขารีบพูดต่อ “คุณชายอย่าเพิ่งโมโหความจริงข้าคิดส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเข้าค่ายฝึกอบรมด้วย”
“กลุ่มหนึ่งหรือ?”
“ก็ประมาณสี่ร้อยหรือห้าร้อย”ม่อเว่ยเทียนกล่าว
“ท่านคิดจะมีกองกำลังนักสู้อาวุธจักรกลหรือ?”ถังเทียนพูดตรงๆ
ม่อเว่ยเทียนตอบ “ข้ายังจะมีทางเลือกอะไรอีก? ตระกูลม่อไม่สามารถหายอดฝีมือที่แท้จริงสักคนได้ ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยจำนวนคน ในช่วงเวลาที่ยุ่งยากนี้ ถ้าข้าไม่มีอะไรไว้ป้องกันตัวเองบ้างอย่างนั้นตระกูลม่อคงได้ประสบภัยพิบัติ”
ถังเทียนสามารถเห็นแสงรำไร แต่เขาไม่อาจเข้าใจได้ทำไมคนพวกนี้ถึงได้พูดอย่างกะอวสานโลกกำลังจะมาถึงอย่างนั้น แต่จากนั้นเขาเปลี่ยนใจและความคิด ยังไงอวสานโลกก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา เป้าหมายของเขาคือไปกลุ่มดาวกางเขนใต้เพื่อตามหาเชียนฮุ่ย
“นั่นไม่น่าจะมีปัญหา” ถังเทียนไตร่ตรอง“ไปที่เมืองสามวิญญาณและหาครูฝึกในค่าย เขาจะกำหนดราคาเอง”
ถังเทียนเข้าใจความสามารถของตนเองได้ชัดเจน เขาเด่นเรื่องเล่นบทรุนแรงและลูกไม้ทั้งหมดซ่อนอยู่ในแขนเสื้อเขา แค่พันห้าร้อยล้านเหรียญ นั่นเป็นจำนวนที่มากแต่สาระของมันได้มาจากการบังคับตบทรัพย์แต่เมื่อเห็นความไม่ซื่อของม่อเว่ยเทียนแล้ว ถังเทียนรู้สึกว่าเขาควรปล่อยให้ปิงที่มีแนวคิดคล้ายกันได้รับมือเขาดีกว่า
ม่อเว่ยเทียนรู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลก
เพื่อมีส่วนร่วมในจำนวนเงินมั่งคั่งมหาศาลถังเทียนไม่ได้จัดการเป็นส่วนตัวเองเขากลับเปิดทางให้เขาไปพบบริวารของเขาปรึกษาเรื่องราว มีความเป็นไปได้สองประการคือหนึ่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของค่ายฝึกฝนเป็นสมาชิกระดับแกนนำหรือสิบหกพันล้านไม่ใช่จำนวนเงินมากพอในสายตาของถังเทียน เขารีบขจัดความคิดนั้นทันที สำหรับเขาแล้วที่มาที่ตระกูลม่อแล้วขายวัสดุห้าพันล้าน ความมั่งคั่งของเขาก็ยังไม่ถือว่ามาก
ความคิดของม่อเว่ยเทียนแจ่มชัดทันที
ทันใดนั้นเขาตระหนักว่าคำพูดทั้งหมดที่เขาได้พูดก่อนหน้านั้นเป็นประโยคที่ดีที่สุด ตระกูลม่อเป็นพันธมิตรที่ดีที่สุดของถังเทียน และถังเทียนมีวิชาจักรกลที่ยอดเยี่ยมและไม่สนใจจักรกลปานกลางเหล่านี้นั่นคือสิ่งที่ตระกูลม่อต้องการแน่นอน สถานะการเงินของถังเทียนอาจไม่ยิ่งใหญ่ แต่ตระกูลม่อมีเงิน ที่สำคัญยิ่งกว่า ถังเทียนไม่ใช่แค่เพียงนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีเพียงคนเดียวเท่านั้น เขายังมีนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีอีกสองคนเป็นผู้ช่วย บวกกับเขามีกองทัพ
แม้ว่าถังเทียนอาจเห็นสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกับแย่แต่เนื่องจากคนผู้นี้ยังมีอารมณ์มาเที่ยวที่เมืองหย่งอันได้ เขาต้องมีความมั่นใจ
ถ้าถังเทียนสามารถแยกออกมาจากสถานการณ์แบบนี้ได้ อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นจุดสนใจของโลก ถังเทียนยังเยาว์วัยมาก เขาจะต้องประสบผลสำเร็จในอนาคตแน่นอน
ที่สำคัญคือ นี่คือโลกที่ปกครองโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด นักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะมีหลักที่แท้จริงอยู่บนโลก ความมั่งคั่งทั้งหมด อำนาจและศักดิ์ศรีที่อยู่รอบตัวทั้งหมดแข็งแกร่ง
ถังเทียนมองดูเหมือนกับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เมื่อดูความก้าวหน้าที่เขาทำได้ ม่อเว่ยเทียนถึงกับตกใจ
เด็กหนุ่มคนนี้จะเติบโตได้อีกมากมายเพียงไหนกันแน่
ปกติม่อเว่ยเทียนจะพบว่าตัวเขาเองมีความสุขุมดี แต่ปัจจุบันนี้ เขาไม่สามารถทำนายได้เลยปัจจุบันนี้พลังที่ถังเทียนมีอาจไม่ถึงกับดีที่สุดในขอบฟ้าใต้ แต่ไม่ต้องต้องสงสัยเลยว่าเขาสามารถขึ้นไปถึงระดับสุดยอดของขอบฟ้าใต้ได้แน่นอน จากความสามารถของเขา สิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ เขาสามารถกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลน้อยได้อย่างไม่มีปัญหา
คนอื่นอาจจะข้องใจว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ของกลุ่มดาวกางเขนใต้ความจริงตกอยู่ในมือถังเทียน แต่ม่อเว่ยเทียนรู้ว่าไม่ใช่แค่ข่าวลือแน่ อาวุธจักรกลวิญญาณของเซรีนสร้างขึ้นด้วยวิชาจักรกลกลุ่มดาวกางเขนใต้แน่
หลังจากแยกแยะประเด็นออกไปม่อเว่ยเทียนมองเห็นแสงสว่างทันที ถังเทียนยังมีการเจรจาต่อรองที่ต้องรับมืออีกมาก
เมื่อเห็นม่อเว่ยเทียนเงียบอยู่นาน ถังเทียนรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ “มีปัญหาอะไรไหม?”
ม่อเว่ยเทียนรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วและรีบกล่าว “ข้าคิดอะไรเพลินไปหน่อย โอวจริงสิ ท่านจอมยุทธ, อาจารย์เซรีนมีผลงานอะไรออกมาใหม่บ้างไหม?”
ถังเทียนส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้เรื่องนั้น นางอยู่ที่เมืองสามวิญญาณ”
เซรีนกำลังวุ่นอยู่กับการสร้างฐานบรอนซ์และตัวถังเทียนเองก็มีงานมากเช่นกัน
ม่อเว่ยเทียนพยักหน้า “เมื่องานนี้จบ ข้าจะไปแน่” เขาตั้งใจไปที่เมืองสามวิญญาณเป็นการส่วนตัว นี่คือเรื่องที่สำคัญสำหรับตระกูลม่อมาก
ผู้อาวุโสอ้วนหลี่ถูกกลุ่มคนล้อมรอบ ทุกคนเข้าใจว่าการสร้างกองทัพเมืองหย่งอันจะเป็นเรื่องสำคัญสุดยอด อนาคตของเมืองหย่งอันจะไม่เป็นที่คลางแคลงเมื่อมีกองทัพดำรงอยู่ นั่นคือสิ่งที่แต่ละตระกูลจำเป็นต้องคิดพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ตัวพวกเขาเองได้รับตำแหน่งด้วย
แต่คนอ้วนผู้นี้มีวิธีการของเขา ภายในครึ่งชั่วโมง เขาก็แยกตัวออกมาจากกลุ่มผู้คน
เมื่อเห็นการสนทนากันระหว่างถังเทียนและม่อเว่ยเทียนเขาหย่อนก้นนั่งลงและฝืนยิ้ม “พวกท่านยังสบายใจได้ ส่วนข้าถูกกดดันจนเหงื่อตก”
“เมื่อท่านเจ้าเมืองมีข้อร้องขอ ผู้กล้าทั้งหมดก็มารวมตัวกัน” ม่อเว่ยเทียนชื่นชม
ถังเทียนฟาดขาดหมูไปสิบขาแล้ว ไม่มีพื้นที่ในท้องว่างอีกต่อไป ได้แต่จิบน้ำมะนาวขณะที่ปล่อยเวลาล่วงเลย
เมื่อเห็นเจ้าเมืองหลี่นั่งอยู่ใกล้โต๊ะของถังเทียน ทุกคนรวมตัวอื้ออึงก็หยุดทันที พวกเขามองดูถังเทียนด้วยท่าทีอึดอัดหน้ากากที่ดูเป็นสีแดงดูราวกับจะกลืนกินได้ทุกเวลา
อสูรร้ายนั่นยังคงมีกลิ่นเหม็นรุนแรง หลังจากที่เขาอิ่มแล้ว
เจ้าเมืองหลี่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อยเขายัดเค้กชิ้นหนึ่งเข้าไปในปากก่อนจะเช็ดปาก “กองทัพยังจะไม่ได้สร้างกันง่ายๆ ยังต้องใช้เวลาอีกนานและข้าก็แทบจะหมดแรงเสียแล้ว ถังเทียนผู้นั้น เขาจะเป็นใครก็ตาม ช่างโชคดีมาก ที่มีบริวารที่ยอดเยี่ยม”
ม่อเว่ยเทียนไม่ได้มองดูถังเทียน เขาหัวเราะเบาๆ กล่าวต่อไป “ในฐานะเป็นเจ้าเมืองผู้ทรงเกียรติ ถ้าท่านเอ่ยปาก มีคนแบบไหนเล่าที่ท่านเรียกไม่ได้?”
เจ้าเมืองหลี่ส่งการ์ดเงินสองสามใบให้และพูดกับถังเทียน “เขายังเป็นคนฉลาดและมีการ์ดสองสามใบเตรียมไว้ น้องซิงอย่าถือสาอะไรมาก สาวน้อยจากบ้านของเขาก็ไม่เลวนัก นางฉลาดมาก น้องซิงสนใจบ้างไหม? ถ้าสามารถสร้างสัมพันธ์กับน้องซิงได้ หึ หึ แย่หน่อยที่ข้าไม่มีธิดาสักคน”
“ข้าจะเก็บการ์ดเงินไว้ และคงต้องขอปฏิเสธสาวน้อย”ถังเทียนพูดอย่างเกียจคร้าน เขาแค่อิ่มเกินไป
“ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน” เจ้าเมืองหลี่ไม่ประหลาดใจ “เมื่อเจ้ามีหญิงงามอย่างแม่นางติงตังแล้ว สาวงามปานกลางจะเป็นที่สนใจของน้องเราได้ยังไง”
พอพูดถึงตอนนี้ บริวารคนหนึ่งวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
บุรุษผู้นี้สวมเกราะแข็งแรง หน้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่น เห็นได้ชัดว่าเขาเดินทางมาไกล
เกิดความเงียบอีกครั้ง ทุกคนรู้ว่าต้องมีเรื่องเกิดขึ้น และผู้อาวุโสที่อยู่ข้างตัวเจ้าเมืองรู้จักบุรุษผู้นี้ เขาคือม้าองค์การวิญญาณมืดและเป็นบริวารของเจ้าเมือง
มีข่าวอะไรที่จำเป็นให้เขาต้องรายงานเป็นการส่วนตัวด้วย?
เจ้าเมืองหลี่เพิ่งจะยกชามขึ้นเมื่อหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดและเขาวางชามคืน
บุรุษผู้นั้นรีบวิ่งเข้าไปหาเจ้าเมืองหลี่อย่างตื่นเต้น เขารายงาน “ท่านเจ้าเมือง ข่าวล่าสุดจากกลุ่มดาวหมาป่า”
ถังเทียนยืดหลังขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เจ้าเมืองหลี่ตาเป็นประกายขณะออกคำสั่ง “ว่าไป!”
“อูเถี่ยหวี่และหวยไป่หัวตายแล้ว!”
เจ้าเมืองหลี่ตกใจ ทันทีนั้นเองเขามีอาการตอบสนองเหมือนกับว่าตื่นเต้นเล็กน้อย “ใคร? ใครแทรกแซงเข้ามา?”
“ไม่มีใคร,แต่เป็นคนของถังเทียน” ม้าขององค์การวิญญาณมืดนี้ก็มีสีหน้าตื่นเต้นบ้างเช่นกัน “ตอนเช้าตรู่ จู่ๆ อาเฮ่อก็ปรากฏตัวที่ค่ายของอูเถี่ยหวี่และท้าประลอง อูเถี่ยหวี่รับคำท้า การต่อสู้ดุเดือด สุดท้ายอูเถี่ยหวี่ถูกกระบี่อาเฮ่อฟันใส่ มีนักสู้หลายคนเป็นพยานในเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์ของหลิงซิ่วและตำแหน่งของเขาไม่เป็นที่ทราบชัดในตอนนี้ แต่หวยไป่หัวและฮัวหยางศิษย์ของเขาถูกหอกของหลิงซิ่วฆ่าตายกันหมด”
ถังเทียนจ้องมองอย่างสับสน
เสี่ยวเฮ่อกับเสี่ยวซิ่วอุกอาจนัก เขาเพิ่งออกมาได้ไม่กี่วันเอง?
ฝีมือพวกเขาก้าวหน้าขึ้นแล้วหรือ?
เจ้าเมืองหลี่รู้สึกเหลือเชื่อ หลังจากชะงักไป เขาหัวเราะทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า! ถูหลูไห่! เอย ถูหลูไห่! เจ้าคงไม่เคยคิดว่าถังเทียนจะร้ายกาจขนาดนี้! น่าสนใจ!สิ่งที่แต่เดิมดูอ่อนแอที่สุด ความจริงกลับแข็งแกร่งนัก หลายอย่างพลิกผันแล้ว”
ม่อเว่ยเทียนตะลึงจ้องมองถังเทียน
เขารู้ว่าบริวารของถังเทียนสองคนเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี แต่เขาไม่เคยคิดว่าทั้งสองคนจะร้ายกาจมากนัก!
เขามักสังเกตการณ์ต่อสู้ครั้งนี้เสมอ ในหัวของเขา เขามีความคิดอย่างหนึ่ง ทุกคนกำลังจะคลั่ง
ม่อเว่ยเทียนเข้าใจไม่ผิด
แม้ว่าจะเป็นศึกที่ชิงพื้นที่เงียบสงบ แต่ทั้งสองศึกนี้ก่อให้เกิดโกลาหล
ทุกคนรู้ว่าไม่ว่าศึกนี้จะจบลงเช่นไร จะมีผลกระทบต่อเนื่องตามมา แต่ในความคาดเดาของทุกคน พวกเขาจะต้องเข้าไปพัวพันกับกลุ่มมหาอำนาจใหญ่ทั้งสาม
ไม่มีใครคาดเลยว่าตัวละครที่อ่อนแออย่างถังเทียนจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องได้ขนาดนี้ แทนที่จะเป็นไปตามคาดการณ์ของพวกเขา แต่เขากลับเปลี่ยนสถานการณ์โดยสิ้นเชิง
ในสายตาของทุกคนมองว่า ถังเทียนคือแผ่นโดมิโนแผ่นหนึ่ง
เมื่อโดมิโนแผ่นแรกล้มแต่ตกไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีใครคาด ตัวละครเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ทุกคนดูแคลนกลับพลิกสถานการณ์นี้ขึ้นมาได้อย่างสิ้นเชิง
รูปแบบเหตุการณ์นี้จะมุ่งไปในทิศทางใด? ไม่มีใครทราบ!
ทุกคนกำลังจะบ้า