ตอนที่ 10-32 ร่วมกองกำลัง
แหล่งแร่อัญมณีเวทที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ทวีปยูลานถูกพบเจอโดยอาณาจักรบาลุคซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเพียงสิบสองปี
“ดินแดนอนารยชนเป็นพื้นที่เกิดสงครามและการสู้รบมาโดยตลอด ในรอบหลายพันปีไม่มีกลุ่มอำนาจแม้แต่กลุ่มเดียวที่มีโอกาสได้ขุดแร่และทำเหมือง ข้าไม่คาดเลยว่าในพื้นที่ก่อตั้งนี้ เราจะหาแหล่งแร่ใหญ่ขนาดนั้นได้ทันที” ลินลี่ย์อดถอนหายใจอย่างทึ่งมิได้
แต่ขณะเดียวกันลินลี่ย์ค่อนข้างสงสัย
ขอบเขตของแร่อัญมณีเวทถูกสร้างมาจากแก่นธาตุขนาดมหึมาที่ค่อยๆผ่านแรงอัดกดดันจนแข็งเป็นรูปอัญมณี จะสร้างเป็นแหล่งอัญมณีเวทใหญ่มหาศาลขนาดนั้นได้จำเป็นต้องมีแก่นธาตุตามธรรมชาติมากมายมหาศาล ทำไมถึงมีแก่นธาตุมากมายที่นี่?
แต่เมื่อลินลี่ย์ตรวจสอบพื้นที่ด้วยพลังจิตของเขา เขาไม่พบอะไรที่เป็นลักษณะพิเศษเกี่ยวกับพื้นข้างล่าง
“ไม่ดีแน่” สีหน้าวอร์ตันเปลี่ยน
“มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์มองดูวอร์ตันด้วยความประหลาดใจ และบีบีก็รู้สึกเหมือนกัน “วอร์ตันน้อย เราเพิ่งจะพบแหล่งอัญมณีเวทใหญ่ทำไมเจ้าถึงบอกว่าไม่ดี?”
วอร์ตันส่ายศีรษะ เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง “พี่ใหญ่,ท่านบอกว่าแหล่งแร่อัญมณีเวทนี้มีมูลค่าเป็นร้อยพันล้านเหรียญทอง นอกเหนือจากในด้านการเงินแล้วในด้านที่สำคัญที่สุดของแหล่งอัญมณีเวทก็คือ.. สามารถเอามาใช้ในสงครามได้ท่านน่าจะรู้เรื่องนี้ดีใช่ไหม?”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“เจ้ากำลังพูดถึงปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทใช่ไหม?” ลินลี่ย์ถาม
ปืนใหญ่อัญมณีเวทถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือนักเล่นแร่แปรธาตุและช่างทำอาวุธโลหะ พวกเขาทำให้การใช้ประโยชน์ของเวทมนตร์เป็นไปในวงกว้างโดยไม่ต้องใช้จอมเวทระดับสูง ในอดีตในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เฟนไลก็ยังมีปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทแต่น่าเสียดาย วันหายนะแม้แต่อสูรเวทระดับเซียนก็เข้ามาร่วมด้วยจำนวนอสูรเวทบินได้ก็มีมากมายมหาศาลเช่นกัน นี่ทำให้ไม่มีเวลาให้ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทได้เริ่มยิง
ความจริงปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทเป็นของที่สร้างพลังโจมตีที่มีประสิทธิภาพมากในสงคราม
ตัวอย่างเช่น ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทคุณภาพสูงต้องใช้อัญมณีเวทในปริมาณที่มากในการยิงแต่ละครั้งพลังที่ปลดปล่อยออกมาเทียบเท่ากับเวทระดับเจ็ดหรือระดับแปด สามารถฆ่าคนเป็นร้อยได้ง่าย ในสนามรบถ้าฝ่ายไหนสามารถยิงปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทสักสิบกระบอกและยิงได้สองสามครั้ง..
กองกำลังของศัตรูจะมีกำลังทหารลดน้อยลงไปเป็นหมื่นนี่จะส่งผลกระทบใหญ่ต่อผลของสงคราม
แต่ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทเป็นหลุมสูบเงินที่ไร้ก้นปริมาณของอัญมณีเวทที่ต้องใช้ไปมีจำนวนที่น่ากลัว ในอดีตเมื่ออาณาจักรบาลุคก่อตั้งในพื้นที่นี้ศัตรูไม่ได้ใช้ปืนใหญ่พลังมณีเวทเลย เพราะพื้นที่แร้นแค้นอย่างนี้ไม่สามารถหามาใช้ได้
ด้วยการยิงจากปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทในแต่ละครั้ง อัญมณีเวทจะถูกใช้ไปในปริมาณมาก และสิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าทอง!
“อัญมณีเวทในปริมาณน้อยก็สามารถซื้อขายกันได้ด้วยทอง” หน้าของวอร์ตันเคร่งเครียด “แต่ปริมาณมากมายจะถูกจำกัดตรวจสอบโดยจักรวรรดิต่างๆ พวกเขาจะไม่ยอมให้คนภายนอกได้ซื้อของเหล่านี้ แม้ว่าบางคนจะมีส่วนร่วมในการลักลอบค้า แต่จะทำได้มากสักแค่ไหน?”
ลินลี่ย์พยักหน้า เป็นไปได้ยังไงที่ประเทศจะยอมให้ประเทศศัตรูซื้อยุทธภัณฑ์ทหารจากพวกเขาในปริมาณมาก?
วอร์ตันพูดอย่างจริงจัง “เป็นเรื่องง่ายที่จะซื้อปืนใหญ่พลังอัญมณีเวท และในความเป็นจริง เนื่องจากอาณาจักรของเราก็มีพลังเข้มแข็ง ถ้าเราใช้เงินบางส่วนเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยเหมืองอัญมณีเวทที่ใหญ่ขนาดนั้นบวกกับปืนใหญ่พลังอัญมณีเวท..กำลังของทหารของเราก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์”
ที่สำคัญยังมีนักเวทอยู่น้อย กระบวนการทดสอบที่ลินลี่ย์ได้ทำมาในอดีตเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องนั้น
หลังจากกลายเป็นจอมเวทคนหนึ่ง การเข้าถึงระดับเจ็ดหรือสูงกว่านั้น? นั่นยิ่งมีแนวโน้มน้อยลง ในทวีป มีแต่เพียงจักรวรรดิยิ่งใหญ่,สหภาพศักดิ์สิทธิ์และพันธมิตรมืดจึงจะสามารถสร้างกลุ่มนักเวทได้
อาณาจักรบาลุคของลินลี่ย์ยังไม่มีความสามารถสร้างกลุ่มนักเวทดังกล่าวได้
แต่ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวท...ปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทสิบกระบอก ถ้าประเทศมีอัญมณีเวทอย่างเพียงพอ ก็คงไม่ด้อยไปกว่ามีกลุ่มนักเวทอยู่ด้วย
“พี่ใหญ่” วอร์ตันมองดูลินลี่ย์ “เจ้าควรจะรู้ว่าในทวีป มีสี่จักรวรรดิใหญ่และอาณาจักรอื่นๆในการต่อสู้ของพวกเขาจะไม่ใช้เซียนเข้าร่วมเว้นแต่จะกลายเป็นสงครามเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ถ้าพวกเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย..อย่างนั้นปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทจะมีความสามารถเปลี่ยนสนามรบได้ ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิมืดพบว่าตอนนี้เรามีแหล่งแร่อัญมณีเวทขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยูลาน อย่างนั้น.....”
สีหน้าของลินลี่ย์กลายเป็นขึงขังเช่นกัน
เขาใช้เวลาฝึกฝนมานานจนทำให้เขาลืมเรื่องการสู้รบในโลกไปแล้ว
“เจ้าพูดถูก เมื่อศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาพบเรื่องนี้เข้าพวกเขาอาจร่วมกำลังกันโจมตีตีอาณาจักรของเรา” ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงการคุกคามในบัดนี้ ในอดีต พวกเขาทำข้อตกลงกันว่าในสงครามธรรมดาเซียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
อย่างนั้น...
อาณาจักรบาลุคมีประชากรเพียงร้อยล้านคนจะสู้กับกองกำลังร่วมของศาสนจักรเจิดจรัสและลิทธิเงาซึ่งควบคุมพลเมืองเป็นจำนวนมากมายกว่าได้อย่างไร
ทั้งสองฝ่ายมีอาณาเขตใหญ่กว่าพื้นที่ซึ่งลินลี่ย์มี และยังมีพลเมืองมากมายยิ่งกว่า ประชากรที่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาควบคุมมีจำนวนรวมกันราวสี่ถึงห้าร้อยล้าน
“พี่ใหญ่ เราควรทำยังไงดี?” วอร์ตันมองดูลินลี่ย์
ตาของลินลี่ย์เป็นประกายเยือกเย็น “ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้เราต้องหาทางซื้อปืนใหญ่พลังอัญมณีเวทก่อน เราจะให้หอการค้าดอว์สันช่วย! และจากนั้นเราต้องเริ่มต้นทำเหมืองอย่างจริงจัง ถ้าศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงามาจริงๆ อย่างนั้นเราจะอาศัยปืนใหญ่อัญมณีเวทช่วยสนับสนุนกองทัพที่เล็กกว่าของเรา”
“ได้เลย, พี่ใหญ่” ตาของวอร์ตันเป็นประกายเช่นกัน
ลินลี่ย์ตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาจะไม่ซ่อนตัวหรือขลาดเขลา
ในไม่ช้าคนจำนวนมากถูกส่งเข้าไปในพื้นที่นี้เพื่อเริ่มทำเหมืองอัญมณีเวท ขณะเดียวกันทหารจำนวนมากก็เข้ามาคุ้มครองที่นี่ เมื่อมีการทำเหมืองคนงานทำเหมืองจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมกับกิจกรรมภายนอก และเป็นธรรมดา เงินเดือนของพวกเขาสูงเช่นกัน
สำหรับคนภายนอก พวกเขาประกาศว่าได้พบแร่ที่มีค่ามาก
คำสั่งเงียบของอาณาจักรบาลุคได้ผลเป็นอย่างดี ผ่านไปหนึ่งเดือนเต็มไม่มีข้อมูลนี้รั่วออกไป อย่างไรก็ตามศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงายังมีหน่วยสอดแนมสองสามคนอยู่อาณาจักรบาลุค บางครั้งข่าวบางอย่างอาจจะรั่วออกไปได้ ในที่สุดศาสนจักรเจิดจรัสก็พบความจริงของข่าวนี้จากสมาชิกครอบครัวของชาวเหมือง
ภายในคฤหาสน์ที่สง่างามแห่งหนึ่ง
“เหมืองอัญมณีเวทที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยูลานน่ะหรือ? อย่างน้อยขนาดสิบกิโลเมตร?” บุรุษหนุ่มผมขาวอ่านจดหมายในมือของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที และยิ่งเขาอ่านมากขึ้นก็ยิ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด
บุรุษหนุ่มผมขาวนี้ดูเหมือนยังอายุเยาว์ แต่ในความเป็นจริงทั้งไฮเดนส์และโอเซนโนไม่ได้แก่ไปกว่าเขาเลย
ทั้งนี้เป็นเพราะ...เขาเป็นเทวทูตระดับเซียนของศาสนจักรเจิดจรัส สามพันปีที่แล้วเขาลงมายังทวีปยูลาน แม้ว่าพลังของเขาในฐานะเทวทูตจะไม่เพิ่มขึ้นและศักยภาพของเขาไม่อาจเทียบได้กับมนุษย์ แต่เขาอยู่มานานเป็นผลให้เขามีสติปัญญาสูงส่งพอๆ กับมนุษย์
อาร์ฟานเทวทูตสี่ปีก หัวหน้าคนปัจจุบันของกองกำลังศาสนจักรเจิดจรัสในดินแดนอนารยชน
“ข่าวดี” หน้าของอาร์ฟานมีรอยยิ้ม จากนั้นเขาสั่งคนส่งข้อความทันที “จงรีบไปปล่อยข่าวให้พวกลัทธิเงาทราบเดี๋ยวนี้ คอยดูด้วยว่าพวกเขามีปฏิกิริยายังไง”
“ขอรับ, ใต้เท้า” บุรุษวัยกลางคนตอบด้วยความเคารพ
อาร์ฟานพยักหน้าเล็กน้อย
ถ้าพวกลัทธิเงาสนใจจะโจมตีอาณาจักรบาลุค นั่นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีทีเดียว แม้ว่าพวกเขาจะไม่โจมตีการแจ้งข่าวให้พวกเขาทราบก็ไม่ส่งผลต่อศาสนจักรเจิดจรัสอยู่ดี
“ส่งข่าวนี้ไปที่เกาะศักดิ์สิทธิ์ทันที ขอให้เกาะศักดิ์สิทธิ์มอบหมายคำสั่งจะให้เราทำยังไงต่อไป!” อาร์ฟานสั่ง เขารู้...การตัดสินใจในเรื่องสำคัญเช่นนั้นในแดนอนารยชนมาจากเกาะศักดิ์สิทธิ์
ในไม่ช้า....
คำสั่งจากเกาะศักดิ์สิทธิ์ก็มาถึง
อาร์ฟานอ่านข้อความและเป็นไปตามที่เขาคาดการณ์
“รวมกำลังกับพวกลัทธิเงาและโจมตีอาณาจักรบาลุค เราต้องได้แหล่งแร่สามในสี่ นั่นคือส่วนแบ่งขั้นต่ำ” คำสั่งง่ายมาก ที่สำคัญ หลายอย่างต้องไม่พูดโดยเปิดเผย” ในฐานะผู้จัดการพื้นที่นี้ อาร์ฟานไม่ใช่คนโง่ ตัวอย่างเช่นเขาจะต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้พวกลัทธิเงาต้องใช้พลังงานและอำนาจมาก
อาร์ฟานยิ้ม เขาคิดเอาเองว่า “ดูเหมือนว่าได้เวลาตอบรับจากลัทธิเงาแล้ว”
เมื่อครู่นี้เมื่อเขาส่งคนปล่อยข่าวไปให้พวกลัทธิเงา พวกลัทธิเงาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว... พวกเขาเชิญอาร์ฟานไปปรึกษาเรื่องนี้ อาร์ฟานไม่ตอบรับพวกเขาทันที แต่กลับขอให้พวกเขารอแทน และตอนนี้ เขาถือคำสั่งของเกาะศักดิ์สิทธิ์แล้ว
ทุกอย่างเริ่มขึ้นตอนนี้
ในเมืองเล็กธรรมดาที่ไม่เป็นที่สังเกต คฤหาสน์เล็กธรรมดาหลังหนึ่ง เทวทูตสี่ปีกอาร์ฟานและตุลาการศาลลัทธิเงาโอคาซี่ย์ ทั้งสองนั่งตรงข้ามประจันหน้ากันต่างคนต่างดื่มไวน์
“ไม่เลว รสชาติและสีสันยอดเยี่ยมมากน่าจะเป็นไวน์น้ำฟ้าจากจักรวรรดิยูลานใช่ไหม?” โอคาซี่ย์หัวเราะ
“ท่านโอคาซี่ย์รู้เรื่องไวน์ดีจริงๆ” อาร์ฟานหัวเราะอย่างใจเย็น “อย่ามัวแต่อ้อมค้อมอยู่เลย วันนี้ท่านเชิญข้ามาที่นี่ ท่านโอคาซี่ย์จะคุยปัญหาเรื่องเหมืองอัญมณีเวทของอาณาจักรบาลุค ท่านต้องการพูดอะไรกันแน่ท่านโอคาซี่ย์?”
โอคาซี่ย์ขยิบตาจากนั้นจิบไวน์ด้วยความพอใจ “ท่านอาร์ฟาน,ท่านจะว่าอะไรไหม ถ้าข้าจะขอเหล้านี้ติดมือกลับไปด้วยสักหลายขวด? ข้าคิดว่า ข้า.. ข้าหลงรักเจ้านี่เสียแล้ว”
อาร์ฟานขมวดคิ้ว เขารู้สึกหงุดหงิด
แต่เนื่องจากนี่เป็นการเจรจาเขาต้องอดทน
ท่านโอคาซี่ย์เป็นไปได้หรือว่าท่านต้องการจะคุยเรื่องไวน์กับข้ายันค่ำคืน?” อาร์ฟานพูดจริงจัง
โอคาซี่ย์มองดูอาร์ฟานและเริ่มหัวเราะลั่น “ท่านอาร์ฟาน, ข้าก็แค่หยอกท่านเล่น ก็ได้ ลัทธิเงามีความคิดบางอย่างเกี่ยวกับเหมืองอัญมณีเวทแห่งจักรวรรดิบาลุค อย่างไรก็ตาม...เราไม่ต้องการพัวพันทำสงครามกับอาณาจักรบาลุค”
“ท่านไม่ต้องการหรือ?” อาร์ฟานมองดูโอคาซี่ย์อย่างระมัดระวัง
โอคาซี่ย์ผู้นี้มีแผนอะไรอยู่กันแน่? เขาไม่ต้องการร่วมรบกับอาณาจักรบาลุคหรือ? อย่างนั้นการประชุมครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร?
“ท่านโอคาซี่ย์ ท่านหมายความว่ายังไง?” หน้าของอาร์ฟานไม่พอใจ
โอคาซี่ย์ยิ้ม “ความจริง, อาร์ฟาน เจ้าควรจะเข้าใจ พวกเราทั้งหมดต้องส่งคนไปยังอาณาจักรบาลุคและพูดว่า... ‘ศาสนจักรเจิดจรัสกำลังเตรียมการโจมตีอาณาจักรบาลุค และเชิญลัทธิเงาเข้าร่วมกับพวกเขาด้วย ตราบใดอาณาจักรบาลุคยินดียกอัญมณีให้บางส่วน อย่างนั้นลัทธิเงาจะเตรียมปลีกตัวออกห่างจากเรื่องนี้ไม่เข้าข้างฝ่ายใด ถ้าท่านยินดีให้เพิ่มมากอีกนิด เราสามารถช่วยท่านรับมือกับศาสนจักรเจิดจรัสได้”
โอคาซีย์มองดูอาร์ฟานที่ในตอนนี้มีสีหน้าบิดเบี้ยว “อาร์ฟาน, บอกข้ามา, ลินลี่ย์กับวอร์ตันจะเลือกอะไร?”
อาฟาร์เงียบ
“ความเป็นปฏิปักษ์ที่ลินลี่ย์มีต่อศาสนจักรเจิดจรัสมีไม่ใช่เรื่องเล็ก” โอคาซี่ย์พูดอย่างสบายใจ
ความจริงโอคาซี่ย์พูดถูก ด้านลินลี่ย์บางทีจะไม่ยินดีให้แร่อัญมณีเวทกับลัทธิเงาหรือบางทีอาจจะมอบให้ลัทธิเงามากมายเพื่อให้ช่วยพวกเขาจัดการกับศาสนจักรเจิดจรัสร่วมกัน
ที่สำคัญศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเป็นฝ่ายตรงกันข้ามอยู่แล้ว
อาร์ฟานรู้ว่าในตอนนี้สถานการณ์ไม่เป็นใจให้กับพวกเขาอย่างมาก
“ท่านโอคาซี่ย์”อาร์ฟานมองดูโอคาซี่ย์อย่างจริงจัง “ท่านรู้ไหมว่าแหล่งอัญมณีเวทมีขนาดเท่าใด?”
“ข้าไม่รู้ แต่น่าจะใหญ่กว่าเหมืองอัญมณีเวทชั้นเลิศหลายสิบเท่า” โอคาซี่ย์กล่าว มีคนน้อยมากที่รู้ขนาดที่แน่นอนของเหมือง ที่สำคัญ ยังไม่มีการขุดเหมืองอย่างเต็มที่มีแต่คนอย่างลินลี่ย์เท่านั้นที่สามารถตรวจสอบพื้นที่ด้วยพลังจิตของเขาและสามารถรู้ขนาดแน่นอนชัดเจนได้
แต่ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาจะกล้าส่งยอดฝีมือระดับเซียนไปเสี่ยงสู้กับลินลี่ย์อย่างนั้นหรือ?
บางทีลินลี่ย์คงจะฆ่าเซียนนั้นได้ทันที
ที่สำคัญในการทำสนธิสัญญาก่อนหน้านั้นพวกเขาเพียงแต่บอกว่าเซียนไม่สามารถเข้าร่วมในการสู้รบได้ แต่ลินลี่ย์ยังคงได้รับอนุญาตให้ฆ่าเซียนอื่นได้
อาร์ฟานพยักหน้า “เนื่องจากเจ้าไม่รู้ขนาดของแหล่งอัญมณีเวท อย่างนั้นถ้าลินลี่ย์ให้อัญมณีเวทคุณภาพดีที่ดูเหมือนมากกับท่าน ท่านก็ยังไม่ทราบขนาดของเหมืองทั้งหมดอยู่ดี”
“ก็จริง” โอคาซี่ย์ยอมรับเรื่องนี้
ลินลี่ย์อาจจะประกาศขนาดของเหมืองไว้เพียงบางส่วนซึ่งมีค่าเพียงไม่กี่แสนล้านเหรียญทั้งที่ขนาดอาจจะใหญ่กว่านั้นถึงสิบเท่า ที่สำคัญ ไม่มีใครรู้ขนาดที่ใหญ่แน่นอน... มันง่ายที่ลินลี่ย์จะโกหกพวกเขา
“ตราบใดที่เราร่วมกองกำลังกันต่อต้านอาณาจักรบาลุค เราจะแบ่งเหมืองอัญมณีเวทครึ่งต่อครึ่งก็แล้วกัน ไม่ว่าเหมืองจะมีขนาดใหญ่เพียงไหนก็ตาม” อาร์ฟานกล่าว
“ครึ่งหนึ่ง?” โอคาซี่ส่ายศีรษะ “เจ็ดสิบ-สามสิบเราเจ็ดสิบ เจ้าสามสิบ”
อาร์ฟานพูดเย็นชา “โอคาซี่ย์ อย่ามากเกินไปนัก ถ้าเราแบ่งครึ่งเราก็สามารถร่วมมือกันได้ในอนาคต” โอคาซี่ย์ยักคิ้วจากนั้นหัวเราะ “เมื่อเป็นอย่างนั้น.. ข้าจะไปช่วยฝ่ายลินลี่ย์ เราไม่ต้องเสี่ยงอะไรเลย และเราก็จะได้อัญมณีมาจำนวนมาก”
อาฟานขมวดคิ้ว
“หกสิบสำหรับฝ่ายเจ้า สี่สิบสำหรับฝ่ายเรา คำเดียว จะเอาหรือไม่?” หน้าของอาร์ฟานขึงขังมากขึ้น
โอคาซี่ย์มองดูอาร์ฟาน จากนั้นยกแก้วเหล้าของเขา เขายิ้มพลางกล่าว “ท่านอาร์ฟาน มาเถอะ มาดื่มฉลองการร่วมกำลังกันของพวกเรา!”
หน้าของอาร์ฟานค่อยมีรอยยิ้ม
“ยินดีด้วย” เขายกแก้วเหล้าด้วยเช่นกัน
ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาเพื่อประโยชน์ความมั่งคั่งมหาศาลภายในเหมืองอัญมณีเวท ยินดีร่วมกองกำลังกัน นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่าไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูตลอดกาลมีแต่ความสนใจผลประโยชน์ตลอดกาลเท่านั้นที่ยั่งยืน และผลประโยชน์เหล่านี้บางครั้งก็เป็นเงิน บางครั้งก็เป็นอำนาจ บางครั้งก็เป็นความเสน่หา