ตอนที่ 10-23 งานแต่งงาน
โอคาซี่ย์ลงมายืนที่กลางทะเลสาบขณะเดียวกันเขาถอดชุดคลุมสีดำออก ภายในเขาอยู่ในชุดสูทสากลเหมือนกับสุภาพบุรุษเข้าร่วมงานเลี้ยง
“ท่านเดลี่,ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานแล้ว แต่เราเพิ่งมีโอกาสได้พบกันในวันนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ” โอคาซี่ย์ยิ้มพลางคำนับและจากนั้นหันไปมองโอเซนโนที่อยู่ใกล้ๆ “โอว, โอเซนโน แล้วใครเล่าที่อยู่ใกล้ๆ เจ้า?”
เสียงของเลห์แมนดังกึกก้อง “ผู้บัญชาการเลห์แมนแห่งหน่วยซีลล็อท!”
“ท่านเลห์แมน” โอคาซี่ย์ยิ้มและพยักหน้า
“อาจารย์ลินลี่ย์ สิบปีที่แล้ว ลัทธิเงาของเราเชิญเจ้าให้เข้าร่วมกับเรา แต่น่าเศร้าที่ในเวลานั้นศาสนจักรเจิดจรัสฝังกรงเล็บไว้กับเจ้าและไม่ยอมปล่อยเจ้าไป” โอคาซี่ย์มองดูลินลี่ย์และเริ่มบ่นราวกับว่าได้พบสหายเก่าของเขา
ลินลี่ย์ได้แต่ยิ้มให้อย่างสุภาพ
“พอเถอะ” เดลี่หัวเราะอย่างใจเย็น “ทุกคนควรรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร เป็นเรื่องที่ค่อนข้างไม่เหมาะสมที่เซียนจะเข้าร่วมต่อสู้กับคนธรรมดา จักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียนทั้งสองไม่ใช้เซียนในการสู้รบอย่างธรรมดา เซียนเป็นแหล่งพลังแห่งความน่ากลัวเกินไป”
เดลี่ถอนหายใจ “ข้าอยู่ในดินแดนอนารยชนมานานหลายพันปีแล้วในตอนนี้ ข้าไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในแดนอนารยชนด้วยเช่นกัน ดังนั้น...ข้าขอเสนอว่าในการสู้รบระหว่างพวกท่านทั้งสามฝ่าย พวกเซียนไม่ควรจะเข้าร่วม พวกท่านยินดีจะยอมรับข้อเสนอนี้ไหม?”
“ตกลง” โอเซนโนพยักหน้า
ลินลี่ย์ยิ้มและพยักหน้า
เดลี่มองดูโอคาซี่ย์ที่กำลังยิ้มทันที “ท่านไม่ต้องถามก็ได้ แน่นอนข้ายอมรับ”
“เยี่ยม” หน้าของเดลี่เคร่งเครียด เพียงแค่เขาพลิกมือ ก็ดึงม้วนกระดาษออกมาสี่ม้วนและปากกาหนึ่งด้าม “อย่างนั้นในวันนี้เราทั้งสี่จะเขียนสนธิสัญญากันหนึ่งฉบับ ถ้าฝ่ายใดฝ่าฝืนสัญญา... อย่างนั้นอีกสามฝ่ายที่เหลือจะใช้พลังทำลายพวกเขา!”
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว ขณะที่โอคาซี่ย์และโอเซนโนตกใจ
ตอนนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่ฝ่ายย่อมเป็นฝ่ายเดลี่แน่นอน เดลี่มีฮิกกินสัน, ฮาร์เวิร์ดและเซียนคนอื่นๆหนุนหลังเขา
“ลงชื่อตรงนี้” เดลี่รีบเขียนสัญญาทั้งสี่ฉบับ จากนั้นส่งให้ลินลี่ย์, โอเซนโนและโอคาซี่ย์
โอคาซี่ย์เพียงแต่ยิ้มและลงชื่อเป็นคนแรก ลินลี่ย์ลงชื่อของเขาอย่างไม่ลังเล
“ลงชื่อก็ได้!” โอเซนโนลงลายมือชื่อของเขาด้วยเช่นกัน
“ดีมาก” เดลี่ยิ้ม “พวกเราแต่ละฝ่ายจะได้สำเนากันคนละฉบับ แต่แน่นอน... ข้อตกลงนี้ร่างขึ้นมาด้วยเกียรติยศส่วนตัวของพวกเรา ถ้าใครบางคนกระทำการไร้ยางอายปล่อยให้มีเซียนเข้าต่อสู้ จากนั้นทำลายหลักฐาน..พวกท่านต้องรู้ว่าไม่มีความลับอยู่ในอากาศแน่ เมื่อมันถูกทำลายอีกสามฝ่ายก็จะทำลายฝ่ายที่สี่ด้วยเช่นกัน”
……
ในเวลามืดค่ำ หมอกยามราตรีปกคลุมทั้งท้องฟ้า
ลินลี่ย์และเดเลียเพลิดเพลินกับราตรีที่เงียบสงบ
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ชีวิตของเราจะมีความสุขสงบมากขึ้น” หน้าของเดเลียมีร่องรอยแสดงความสุข นางยิ้มพลางกล่าว “ในอนาคตเราจะไม่ต้องกังวลอะไรหลายอย่างอีกต่อไป ลินลี่ย์, ในอนาคต, เจ้าจะเสียใจกับการตัดสินใจวันนี้บ้างไหม? ความจริง,เจ้าไม่ต้องเห็นด้วยกับวันนี้ก็ได้ ข้าคิดว่าเดลี่ก็ยังสนับสนุนเจ้าอยู่ดี”
ลินลี่ย์ก็เช่นกันรู้สึกว่าเดลี่ยังคงสนับสนุนฝ่ายพวกเขา
แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วย แต่เดลี่คงไม่ยอมให้ศัตรูฆ่าเขา
“ไม่, ข้าจะไม่มีวันเสียใจกับการตัดสินใจวันนี้” ลินลี่ย์ประคองแขนเดเลียไว้ “เพราะถ้าข้าไม่เห็นด้วย เนื่องจากพลังปัจจุบันของเข้า แม้ว่าข้าจะปกป้องตนเองได้ ข้าอาจจะไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ ถ้าเจ้าตายไป..ข้าคิดว่าข้าคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตของข้าแน่!”
เป็นเพราะเขาคิดถึงเดเลียและญาติสนิทมิตรสหายจึงทำให้ลินลี่ย์ตัดสินใจเช่นนั้น
“ขอบคุณ” เดเลียอิงศีรษะแนบอกลินลี่ย์และพูดอ่อนหวาน
ลินลี่ย์รู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลและรู้สึกว่าครั้งนี้เขาตัดสินใจถูกต้อง
…..
วันที่21 กรกฎาคม ศักราชยูลานที่ 10010 เมืองบาลุคซิตี้หรือแบล็คเดิร์ทเดิมตอนนี้เต็มไปด้วยความคึกคักและวุ่นวาย การก่อสร้างเมืองบาลุคเสร็จสิ้นแล้ว ภายในเมืองได้รับการปรับปรุงใหม่ รูปแบบการก่อสร้างเมืองบาลุคเน้นที่ ‘เรียบง่าย’ และใช้ประโยชน์ได้สูง
วังหลวงกินพื้นที่ไม่มากนัก ราวๆ สองตารางกิโลเมตร
ในอดีตเมื่อแคว้นบาลุคถูกจัดตั้ง พวกเขาก็เริ่มปรับปรุงผังเมือง หลังจากผ่านไปห้าเดือน พวกเขาก็สร้างสำเร็จจนได้ สิ่งก่อสร้างในวังเกือบทั้งหมดเป็นอาคารเดี่ยวชั้นเดียว ขณะที่อาคารที่สูงที่สุดมีเพียงสองชั้น ท้องพระโรงใหญ่ของตำหนักมีขนาดใหญ่มากสามารถจุคนได้ถึงเจ็ดร้อยคน
และวันนี้ท้องพระโรงเต็มไปด้วยแขกเหรื่อ
“พระราชาลินลี่ย์,ข้าพระองค์ในฐานะตัวแทนของจักรวรรดิโรฮอลท์ขอร่วมแสดงความยินดีอย่างจริงใจ” บุรุษวัยกลางคนกล่าวแสดงความเคารพลินลี่ย์ ลินลี่ย์ดื่มสุราคารวะกับเขาหนึ่งจอก ขณะที่เดเลียเดินคล้องแขนกับเขายิ้มให้กับทั้งสอง
ทั้งสองคนเหนื่อยมากจากการต้อนรับแขกเหรื่อ แต่พวกเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน
“วันนี้มีอาคันตุกะมามากมายเลยทีเดียว” วอร์ตันเดินมาอยู่ข้างลินลี่ย์ “พี่ใหญ่! ราชทูตจากจักรวรรดิโรฮอลท์,จักรวรรดิไรน์และจักรวรรดิโอเบรียนล้วนแล้วมากันหมด โอว...ดูสิคนพวกนั้นมาจากราชอาณาจักรในที่ราบใหญ่ตะวันออก”
“ถวายบังคมพระราชาลินลี่ย์ ในนามของพระราชาแห่งราชอาณาจักรมู่หาน ข้าพระองค์เป็นตัวแทนส่งความปรารถนาดีอย่างจริงใจของพระราชาเรา” ทูตที่มาจากอาณาจักรมู่หานแห่งที่ราบใหญ่ตะวันออกไกลดื่มคารวะลินลี่ย์ และลินลี่ย์ก็ต้องแสดงออกเพื่อเห็นแก่หน้าพวกเขาเป็นธรรมดา
ลินลี่ย์และเดเลียต่างก็ยิ้มต้อนรับ
“ลินลี่ย์,ดูเหมือนว่าเจ้าค่อนข้างเหนื่อยนะ” เดเลียพูดอ่อนโยน
“ก็ไม่ถึงกับแย่นักหรอก” ลินลี่ย์ฝืนยิ้ม ลินลี่ย์ไม่ชอบรับแขก แต่วันนี้เป็นงานแต่งงานของเขาเอง เขาไม่อาจปลีกตัวจากความรับผิดชอบนี้ได้ เดเลียกล่าวนุ่มนวล “เอาอย่างนี้เป็นไง? สำหรับคนมีศักดิ์ฐานะรองลงไป ให้ข้าต้อนรับพวกเขาเอง”
ในอดีตเดเลียเคยเป็นนักการทูต ดังนั้นการสนทนาเจรจาจึงเป็นเรื่องที่นางทำได้ง่าย
และนางทำได้ดีกว่าลินลี่ย์มากที่เอาแต่พูดสั้นๆไม่กี่ประโยค
“ท่านคาร์ดินัลกิลเยโมแห่งศาสนจักรเจิดจรัสมาถึง!” เสียงดังมาจากนอกหอประชุม และทั่วทั้งหอโถงใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ ลินลี่ย์และศาสนจักรเจิดจรัสมีความแค้นต่อกันเป็นที่ทราบกันดีกันทุกคนในที่นี้ ที่สำคัญข่าวว่าลินลี่ย์สังหารหกเทวทูตแพร่กระจายไปทั่วทวีปแล้ว
แต่เดี๋ยวนี้ศาสนจักรเจิดจรัสกลับส่งคนมาจริงๆ หรือนี่?
“ราชาลินลี่ย์” กิลเยโมคำนับอย่างสุภาพ ขณะที่เขาก้าวออกมาข้างหน้า
ลินลี่ย์ยังคงจำได้ถึงเมื่อสิบปีที่แล้วกิลเยโมมาที่สถาบันเอินส์เพื่อรับเขาเข้าทำงาน ตอนนั้นหลังจากผ่านไปมากกว่าสิบปี กิลเยโมยังคงเป็นคาร์ดินัล ขณะที่เขาในตอนนี้เป็นราชาของราชอาณาจักรหนึ่ง ที่แม้แต่ศาสนจักรเจิดจรัสก็ต้องยอมประนีประนอมด้วย
“ท่านกิลเยโม! เชิญเข้ามาพักข้างในก่อน” ลินลี่ย์กล่าวพลางยิ้มพลาง
“คณะศิษย์จากวิทยาลัยเทพสงครามเดินทางมาถึง!”
คนที่มาถึงก็คือคาสโตรและศิษย์อื่นอีกสองคน
“ใต้เท้าแม็คเคนซีเดินทางมาถึงแล้ว!”
ยังคงเป็นเซียนอีกคนหนึ่ง
“ใต้เท้าโอคาซี่ย์แห่งลัทธิเงาเดินทางมาถึงแล้ว”
เมื่อได้ยินรายชื่อราชทูตจากอาณาจักรต่างๆ และจักรวรรดิต่างๆ ต่างคนต่างหามุมสนทนากัน โอวสวรรค์, มีแต่เซียนทั้งนั้น
“ศิษย์สามคนของมหานักพรตแห่งจักรวรรดิยูลานเดินทางมาถึงแล้ว!”
ลินลี่ย์และเดเลียเดินทางไปต้อนรับพวกเขาทันที เมื่อเห็นพวกเขาแล้วเดเลียร้องเรียกอย่างตื่นเต้นทันที “พี่ใหญ่!” คนที่อยู่ตรงกลางของกลุ่มคนทั้งสามก็คือดิ๊กซี่, ดิ๊กซี่และศิษย์ร่วมสำนักทั้งสองเดินเข้ามาหาเพื่อแสดงความยินดีกับลินลี่ย์
“ลินลี่ย์, ในที่สุดเจ้าก็ทำให้น้องสาวของข้าสมหวังเสียที” ดิ๊กซี่มาอยู่ต่อหน้าลินลี่ย์และยิ้มให้
เมื่อพวกเขายังเรียนอยู่ที่สถาบันเอินส์ ลินลี่ย์กับดิ๊กซี่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสองอัจฉริยะคนสำคัญ
จู่ๆดิ๊กซี่กระซิบที่หูของลินลี่ย์ “ลินลี่ย์,ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ในอนาคตเจ้าอย่าทำให้น้องสาวข้าโกรธจะดีกว่า มิฉะนั้น.. ต่อให้ข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้ ข้าจะขอให้อาจารย์ออกหน้าเองเป็นการส่วนตัว!”
“ไม่ต้องรบกวนให้อาจารย์เจ้าต้องปรากฏตัวหรอกน่ะ ข้าจะเป็นคนลงโทษตัวเอง” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ
วันนี้ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ว่าเขากับดิ๊กซี่สนิทกันมากขึ้น เมื่อเห็นวิธีที่ลินลี่ย์ตอบรับดิ๊กซี่อย่างเป็นมิตร เดเลียรู้สึกมีความสุข
ขณะนั้นเอง
“ศิษย์ของเซียนศักดิ์สิทธิ์แห่งทุ่งราบใหญ่ตะวันออกมาถึงแล้ว!” เสียงดังขึ้นจากนอกหอโถงจัดงานทำให้ลินลี่ย์รู้สึกมึนงง
ใครกันเซียนศักดิ์สิทธิ์?
วันนี้เดลี่มาถึงแต่เช้าและเขามาอยู่ข้างตัวลินลี่ย์ และกระซิบ “ลินลี่ย์,ปัจจุบันนี้มีคนอยู่สี่คนในทวีปยูลานที่มีพลังระดับเดียวกับข้าอยู่สี่คน ในจำนวนนั้นมีอยู่คนหนึ่งเป็นยอดฝีมือจากทุ่งราบใหญ่ตะวันออกไกล นามเซียนศักดิ์สิทธิ์ถูลี่
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจแล้ว
มีห้าสุดยอดเซียนคนหนึ่งคือเฟน อีกคนหนึ่งคือเดลี่ อย่างนั้นคนที่สามก็คือถูลี่ อีกสองคนเป็นใครกัน?
ชาวทุ่งราบวัยกลางคนโพกผ้าอยู่บนศีรษะเดินเข้ามาหาโดยมีสองคนตามหลัง เมื่อเห็นลินลี่ย์ชาวทุ่งราบผู้นั้นยิ้มให้ “ราชาลินลี่ย์ ข้าชื่อมัวร์ขอส่งความยินดีและจริงใจจากอาจารย์ข้ามายังท่าน”
“ข้าขอบคุณท่านถูลี่อย่างจริงใจเช่นกัน” ลินลี่ย์ยิ้ม
ดวงตาของมัวร์เป็นประกาย “งั้นพระราชาลินลี่ย์ก็รู้จักชื่ออาจารย์ข้าแล้วอ้อ.. ท่านเดลี่นี่เอง” ชาวทุ่งราบคำนับเมื่อเห็นเดลี่
มัวร์ได้พบอาจารย์เขาก่อนนั้น ถูลี่เคยซ้อมฝีมือกับเดลี่มาก่อน อาจารย์ของเขา ถูลี่บอกไว้ว่าเดลี่ผู้นี้มีพลังฝีมือเท่ากับตัวเขาเอง มัวร์จึงต้องแสดงความสุภาพเป็นธรรมดา
“ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งเดินทางมาถึง!”
เดลี่และเพนน์สลีนออกไปต้อนรับนางทันที ลินลี่ย์กับเดเลียก็ออกไปด้วยเช่นกัน ลินลี่ย์รู้สึกสงสัยมาก ตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งที่ลึกลับมีความแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มีผมยาวสีหยก และนางดูเหมือนนางเยือกเย็นเป็นเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ยากจะเข้าถึงได้ ด้านหลังของนางเป็นเด็กสาวรูปงามสองคน
“พี่ใหญ่” เพนน์สลีนดีใจอย่างเห็นได้ชัด
เดลี่กระซิบลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! ท่านหญิงศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งนี้นามว่าโรซารี่ เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็ง พลังของนางเทียบเท่ากับข้า” เมื่อได้ยินคำนี้ลินลี่ย์เข้าใจทันทีว่าโรซารี่นี้เป็นหนึ่งในห้าเซียนสุดยอด
ตอนนี้เขารู้จักสี่สุดยอดเซียนแล้วเฟน เดลี่ ถูลี่และโรซารี่
“คนสุดท้ายเป็นใคร?” ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจ น่าเสียดายที่ยอดฝีมือคนสุดท้ายไม่ได้มาด้วย เมื่อผ่านเวลาแต่งงานไปแล้วก็คงได้ข้อสรุป
ท้องพระโรงของอาณาจักรบาลุคมีกลุ่มเซียนจำนวนมากมาย ราชทูตจากจักรวรรดิใหญ่ร่วมสนทนากัน ขณะที่พวกเซียนก็ร่วมสนทนากับเซียนคนอื่น เดลี่และโรซารี่ต่างก็สนทนาร่วมกัน
การแบ่งระดับแยกออกชัดเจน
“ราชทูตแห่งจักรวรรดิยูลานเดินทางมาถึง!”
คนที่มาถึงก็คือจอร์จ
“พี่รอง” ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะลั่น, และจอร์จวิ่งเข้ามาหาเขาอย่างตื่นเต้น จากนั้นตั้งใจโค้งคำนับอย่างงาม “โอว..พระราชาลินลี่ย์! ข้าพระบาทจอร์จในนามของฝ่าบาท..อุ๊บ!” ลินลี่ย์ตบไหล่จอร์จ, ไม่ยอมให้เขาพูดออกมา
“พอเลย ชู่ว.. ยังจะทำแบบนี้กับข้าอีก” ลินลี่ย์ดีใจอย่างมาก “มา มาเถอะ มาเจอน้องสี่อยู่กับข้า”
“น้องสี่อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?” จอร์จตื่นเต้นเป็นที่สุด
ตั้งแต่พวกเขาแยกย้ายกันไปเมื่อเจ็ดหรือแปดปีที่แล้ว เขาไม่ได้พบเรย์โนลด์แม้แต่ครั้งเดียว
“น้องสี่!” “พี่รอง!”
แทบจะทันทีที่เรย์โนลด์กับจอร์จพบเจอกัน พวกเขาตะโกนโหวกเหวกโบกมือให้กันทันที และขณะนั้นเอง...
“ผู้อำนวยการหอการค้าดอว์สันเดินทางมาถึง” ก่อนที่โฆษกจะประกาศจบ เยลวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในท้องพระโรง เขาพบเห็นลินลี่ย์, เรย์โนลด์และจอร์จทันที
“ฮะฮ้า.. น้องรอง น้องสาม น้องสี่ พี่ใหญ่ของพวกเจ้ามาแล้ว”
เยลหัวเราะลั่นวิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขา
หลายคนในหอโถงหันมามองดูสหายทั้งสี่คน ถ้าเป็นคนธรรมดาทำให้เกิดภาพเช่นนี้บางทีอาจถูกตำหนิไปแล้ว แต่นี่คือลินลี่ย์และสหายสนิทของเขา จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไร
สิบปีต่อมาสี่พี่น้องก็ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาในที่สุด
“เฮ้อ,ทันทีที่เจ้าเด็กน้อยลินลี่ย์เป็นพระราชา เขาจะเริ่มแสดงตัวอีกบทบาทหนึ่ง มหาดเล็กของเขายังทวงถามจดหมายเชิญกับข้าด้วยไหมนี่? และต้องถามไหมว่าข้าเป็นใคร? โธ่.. ช่างเจ็บปวดเสียเหลือเกิน!” บุรุษวัยกลางคนท่าทีเกียจคร้านอยู่ในชุดยาวหลวมสบายมาปรากฏตัวที่กลางท้องพระโรง เขาหยิบแก้วเหล้าที่อยู่ใกล้จากนั้นจิบสองอึก ดูเหมือนจะมีความพอใจมาก
“อืมม ไม่เลว” สีหน้าพอใจปรากฏอยู่บนในหน้าเขา
“ท่านซีซาร์?!” ในท้องพระโรงบาร์เกอร์เห็นบุรุษวัยกลางคนผู้นี้ก่อน เขาไม่มีทางลืมนักสู้ระดับเทพ ผู้ช่วยชีวิตเขาไว้