ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 21 ลัทธิมารเป็นบ้ากันหมดแล้วหรือ?
ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 21 ลัทธิมารเป็นบ้ากันหมดแล้วหรือ?
หลังจากจางขุยทะลวงสำเร็จ เขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ
ต่อให้อาณาเขตตระกูลฉู่เป็นตำหนักมังกรถ้ำพยัคฆ์ก็ไม่มีทางหยุดยั้งเขาได้
หากตระกูลฉู่ครอบครองอาวุธระดับสมบัติ?
จางขุยสามารถใช้ไข่มุกมิติหลบหนีเพื่อหลบหนีออกไป
ตราบใดที่บุกเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่แล้วหลบหนีออกไปโดยปราศจากบาดแผล เขาย่อมสร้างแรงกดดันตระกูลฉู่ได้มหาศาล
หลังจากนั้นลัทธิมารในก็เผชิญกับแรงกดดันน้อยลง
เมื่อแผนการราบรื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบุกโจมตีซ้ำอีก ตระกูลฉู่ก็ต้องถอนยอดฝีมือกลับมาคุ้มกันอาณาเขตตระกูล รวมถึงสถานที่สำคัญ
ส่วนฉู่เทียนหมิงก็ไม่กล้าออกมาจากอาณาเขตตระกูลฉู่แม้แต่ครึ่งฉื่อ
ตระกูลฉู่ก็ต้องสูญเสียทรัพยากรมหาศาลในการทำลายแผนการหลายปีของลัทธิมาร
และเมื่อราชสำนักมารได้ว่างลงมือ ตระกูลฉู่คงจะถูกทำลายจนไม่เหลือซาก!
หากไม่ใช่เพราะเหตุการณ์นี้ เป้าหมายแรกของราชสำนักมารคงจะเป็นราชวงศ์ฉินแทน แต่ด้วยเหตุการณ์นี้ เป้าหมายแรกของราชสำนักมารจึงเปลี่ยนไปยังตระกูลฉู่
จางขุยกับต่งเฉียนกำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตตระกูลฉู่
ข้อมูลของหอจันทร์ทมิฬได้รับการพิสูจน์แล้วว่าผิด ตระกูลฉู่เลยลดการคุ้มกันลง หัวหน้าพ่อบ้านเองก็กลับไปยังจวนเก่า
และนาน ๆ ทีถึงจะมีผู้อาวุโสขอบเขตว่างเปล่าออกมาลาดตระเวน
ฉู่อวิ๋นปิดประตูเก็บตัวอยู่ในจวนเก่า ส่วนฉู่เซวียนก็กำลังเพ่งมองแผนภาพบ่มวิญญาณและฝึกฝนเคล็ดวิชาเทวะชำระร้อยชั้น
ตอนนี้เจตจำนงวิญญาณของฉู่เซวียนเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตรวมศูนย์ขั้นที่หก
แมววิญญาณสวรรค์กำลังงีบหลับอยู่บนกำแพง
บุปผากลืนวิญญาณกำลังส่ายดอกกับกิ่งก้านไปมาอย่างเบื่อหน่าย
นอกอาณาเขตตระกูลฉู่ เงาสองร่างกำลังใกล้เข้ามาโดยไม่มีใครพบตัว
เมื่อสังเกตอยู่สักพัก ทั้งสองก็ค้นพบตำแหน่งที่จะลอบเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่ได้ง่ายที่สุด จางขุยและต่งเฉียนก็ได้ลอบเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
ถึงแม้จะเรียกว่าการลอบเข้าไป แต่ก็ต่างจากการลอบเข้าไปอย่างไร้แผนการ
หากพวกเขาบุกเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่โดยไม่สนใจอะไร พวกเขาคงจะถูกยอดฝีมือของตระกูลฉู่เข้าขัดขวาง
ทว่าเป้าหมายของจางขุยไม่ใช่บุกเข้าไปในอาณาเขตตระกูลฉู่เพียงอย่างเดียว แต่เขายังคิดที่จะบุกเข้าไปในจวนเก่าของตระกูลฉู่อีกด้วย
แน่นอนว่าจวนเก่าของตระกูลฉู่ใช่ว่าจะบุกเข้าไปง่ายปานนั้น แต่เขาไม่จำเป็นต้องบุกเข้าไปในจวนเก่าจริง ๆ เขาเพียงต้องการบุกเข้าไปในใจกลางของอาณาเขตตระกูลฉู่เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้นเอง
จวนเก่าตั้งอยู่ตรงใจกลางของอาณาเขตตระกูลฉู่
หากมีคนบุกเข้าไปในใจกลางของอาณาเขตตระกูลฉู่
ต่อให้ไม่ได้บุกเข้าไปในจวนเก่า แต่ก็สร้างแรงกดดันให้ตระกูลฉู่มหาศาล
จางขุยมั่นใจมาก!
เมื่อลอบเข้ามาในอาณาเขตตระกูลฉู่ได้อย่างง่ายดาย จางขุยก็เดินเข้าไปอย่างสบายใจเฉิบ ไม่เหมือนกับบุกเข้าไปในตำหนักมังกรถ้ำพยัคฆ์แม้แต่น้อย
กลับกันฐานพลังยุทธ์ของต่งเฉียนด้อยกว่าจางขุย ดังนั้นเขาจึงแสดงสีหน้ากังวลขณะที่จ้องมองรอบตัวอย่างระแวดระวัง
“ไม่ต้องประหม่าขนาดนั้น ถูกค้นพบแล้วอย่างไร?”
จางขุยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า “หากเราเจอผู้อาวุโสของตระกูลฉู่หนึ่งคน เราก็สังหารหนึ่งคน หากเจออีกหนึ่งคนก็สังหารอีกหนึ่งคน สังหารตลอดทางจนไปถึงจวนเก่าตระกูลฉู่เป็นอย่างไร?”
มารดาเจ้าเถอะ! ตงเฉียนก่นด่าในใจ
เจ้าแข็งแกร่งแน่นอนว่าไม่กลัว แต่ข้าไม่มีความสามารถเท่าเจ้า
หากเขาถูกผู้อาวุโสขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่สามขึ้นไปหลายคนห้อมล้อม เขากลัวว่าไม่ทันได้เปิดใช้ไข่มุกมิติหลบหนีก็ถูกอีกฝ่ายสังหารตายเสียก่อน!
ต่อให้เปิดใช้ไข่มุกมิติหลบหนีทัน เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี
หากไม่ระมัดระวังตัว ชีวิตอันมีค่าของเขาคงจะตกตายอยู่ที่นี่
ต่งเฉียนรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากเขารู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในการเดินทางครั้งนี้
เมื่อทั้งคู่กำลังเดินผ่านเรือนสี่ประสาน จางขุยก็พลันหยุดฝีเท้าลง
“นั่นคือที่ที่บุตรชายของฉู่ชิวหลัวอาศัยอยู่หรือ?”
บุตรชายของฉู่ชิวหลัวถูกฉู่เทียนหมิงขับไล่ออกจากจวนเก่า ซึ่งไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด
ก่อนหน้าสายลับในตระกูลฉู่จะถูกกวาดล้าง ลัทธิมารก็ได้รับข้อมูลชิ้นนี้แล้ว
“น่าจะใช่”
ในฐานะรองจ้าวลัทธิมารสาขา ต่งเฉียนย่อมรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฉู่เซวียนเป็นธรรมดา
ลัทธิมารไม่ได้สนใจสายเลือดหลักของตระกูลฉู่ที่อยู่ต่ำกว่าขอบเขตห้วงลี้ลับมากนัก
ยกเว้นบุตรชายของฉู่ชิวหลัว
ต้องไม่ลืมว่าฉู่ชิวหลัวแข็งแกร่งจนถึงกับสะกดข่มทุกคนในอาณาจักรฉิน!
เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลฉู่
จางขุยคิดกับตนเองและเปลี่ยนใจ
“ฉู่ชิวหลัว... ต่อให้บุตรชายของเขาไร้ประโยชน์ไปหน่อย แต่เขายังเป็นบุตรชายของฉู่ชิวหลัว หากเราควบคุมเขา เราอาจได้รับบางอย่างที่ไม่คาดฝัน”
“ท่านจ้าวลัทธิ ท่านหมายถึงรับเขาเข้าสู่ลัทธิมารของเราหรือ?” ต่งเฉียนถาม
ไม่มีใครรู้ว่าฉู่ชิวหลัวและภรรยาเสียชีวิตไปแล้วหรือไม่ เนื่องจากไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับพวกเขาเลยตั้งแต่หายตัวไป
ก่อนพวกเขาจะหายตัวไป มีข่าวลือว่าฉู่ชิวหลัวอยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เก้าและกำลังจะทะลวงไปยังขอบเขตรวมศูนย์
หากเขาไม่ได้หายตัวไป ตระกูลฉู่อาจมียอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์คอยปกป้อง
ความแข็งแกร่งของตระกูลฉู่อาจเหนือกว่าตระกูลฉิน
“มีสองแผน แผนแรก ควบคุมบุตรชายของฉู่ชิวหลัวและช่วยเขาทะลวงไปยังขอบเขตห้วงลี้ลับ แล้วเราก็ให้เขากลับไปยังจวนเก่าตระกูลฉู่และกลายเป็นตัวเบี้ยแก่ลัทธิมารของเรา”
“แผนสอง เรารับเขาเข้าสู่ลัทธิมารของเราและสอนเคล็ดวิชามารให้แก่เขา เขาจะกลายเป็นอาวุธสังหารของลัทธิมารของเรา”
ขณะที่เอ่ย จางขุยก็ดวงตาเปล่งประกายแวววาว
“บุตรชายของฉู่ชิวหลัวฝึกฝนเคล็ดวิชามารและกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาร หากเขาเข่นฆ่าผู้คน ข้าก็อยากดูว่าตระกูลฉู่จะจัดการกับเขายังไง”
ยิ่งจางขุยคิด เขาก็ยิ่งถูกล่อลวงด้วยแผนการนี้ เขากล่าวต่อว่า “หากชราฉู่เทียนหมิงสังหารบุตรชายของฉู่ชิวหลัวด้วยมือของมันเอง ข้าอยากดูว่าฉู่ชิวหลัวจะจัดการกับมันยังไงหากวันหนึ่งเขากลับมา”
“อีกอย่าง หากบุตรชายของฉู่ชิวหลัวอยู่ในลัทธิมารของเรา วันหนึ่งหากฉู่ชิวหลัวกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะให้บุตรชายของเขาไปพบหน้าเขาและดูว่าฉู่ชิวหลัวจะสังหารเขาหรือไม่”
ยิ่งกล่าวมากเท่าไหร่ จางขุยก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น เขากล่าวว่า “บังเอิญมากที่เราขอโอสถใจมารจากราชสำนักมารมาด้วย ด้วยโอสถเม็ดนี้จิตใจของเขาก็จะสับสนวุ่นวายแล้วกลายเป็นสาวกมารผู้ภักดีและส่งเสริมเคล็ดวิชามารของเรา”
ต่งเฉียนกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านจ้าวลัทธิ หากฉู่ชิวหลัวยังมีชีวิติอยู่แล้วมาเห็นบุตรชายของตนเองถูกบังคับเข้าสู่ลัทธิมาร เขาจะไม่บ้าคลั่งและทำลายลัทธิมารของเราหรือ?”
“เจ้ากลัว? หากเกิดเหตุที่แย่ที่สุดเราก็หลบหนี!”
จางขุยเยาะเย้ยและกล่าวว่า “เขาสังหารบุตรชายของตนเองได้หรือ? หากเขายอมสังหารบุตรชายของเขา ก่อนอื่นเขาต้องหาว่าใครคือคนที่ทำให้บุตรชายของเขาถูกจับตัวแล้วถูกบังคับให้เข้าสู่ลัทธิมาร ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉู่เทียนหมิง เจ้าคิดว่าฉู่ชิวหลัวจะทำยังไง”
“เฮ้อ หากไม่ใช่ฉู่เทียนหมิงขับไล่บุตรชายของฉู่ชิวหลัว ลัทธิมารของเราจะมีโอกาสเคลื่อนไหวได้อย่างไร? ข้าอยากดูว่าฉู่ชิวหลัวจะปฏิบัติต่อตระกูลฉู่อย่างไรตอนที่รับรู้เรื่องนี้!”
ต่งเฉียนครุ่นคิดก่อนเห็นด้วย ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ลัทธิมารก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใด
“ไปจับตัวบุตรชายของฉู่ชิวหลัวกันเถอะ ข้าต้องการพาบุตรชายของฉู่ชิวหลัวไปให้ตระกูลฉู่เห็นหน้าสักหน่อย ฉู่เทียนหมิงจะต้องโกรธจนกระอักเลือดตายแน่!”
จางขุยเยาะเย้ยและมุ่งตรงไปยังเรือนสี่ประสาน
ต่งเฉียนตามมาติด ๆ
ฉู่เซวียนถอนหายใจ
ทุกคนจากลัทธิมารเป็นบ้ากันหมดแล้วหรือ?
หากอยากลอบเข้าไปในอาณาเขตก็เข้าไปสิ อยากก่อปัญหาก็ไปก่อปัญหากับตระกูลฉู่โน้น
เหตุใดถึงต้องก่อปัญหาให้แก่เขาด้วย?
หากสองคนนี้ก่อปัญหากับตระกูลฉู่ ฉู่เซวียนย่อมออกจากเรือนสี่ประสานไปขัดขวางไม่ได้
ทว่าสองคนนี้เข้ามาหาเขาถึงที่!
พวกมันกำลังรนหาที่ตาย!
จางขุยมีฐานพลังยุทธ์อยู่ในขอบเขตว่างเปล่าขั้นที่เก้าช่วงต้น ซึ่งปกติในเวลานี้เป็นแค่มดในสายตาของฉู่เซวียน
ทว่าห่างกันไม่นานผู้บุกรุกก็มีฐานพลังยุทธ์เพิ่มขึ้นถึงขนาดนี้แล้ว ในครั้งหน้าคงไม่ใช่มหาอำนาจขอบเขตรวมศูนย์ของราชสำนักมารบุกมาเองหรอกใช่ไหม?
ฉู่เซวียนรู้สึกกดดัน
เขาต้องเก็บตัวอยู่บ้านให้ได้อย่างน้อยหนึ่งปี เขาจึงต้องพยายามไม่สังหารสองคนนี้
ตราประทับเมล็ดพันธุ์วิญญาณกำลังกลับมามีประโยชน์อีกครั้ง
จางขุยกับต่งเฉียนเข้าไปในเรือนสี่ประสานแล้วเห็นฉู่เซวียน ไม่พูดจาแต่อย่างใด จางขุยเคลื่อนไหวทันที
ทันทีที่เขาเคลื่อนไหว สภาพแวดล้อมโดยรอบก็เปลี่ยนไป เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ ต้นไม้ใหญ่สูงตระหง่านเสียดฟ้า ก้อนหินมหึมาร่วงหล่นลงมา คลื่นยักษ์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า คมดาบกวาดผ่านทั่วดินแดน
แย่แล้ว!
จางขุยตกใจ พลังมารพุ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเขาเพื่อเตรียมเปิดใช้ไข่มุกมิติหลบหนี
ทว่าฝ่ามือขนาดใหญ่ก็ได้กวาดผ่านไป ปิดผนึกความจริงลวงจนเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน!
ไม่ว่าจางขุยจะดิ้นรนแค่ไหน เขาก็ยังถูกบีบไว้ภายในฝ่ามือ กระดูกทั่วร่างส่งเสียงแตกร้าวและความรู้สึกถึงความเป็นตายก็ห่อหุ้มอยู่ในหัวใจของเขา!
ขอบเขตรวมศูนย์!
มียอดฝีมือขอบเขตรวมศูนย์ภายในตระกูลฉู่!
เขาคือใคร?
จางขุยรู้สึกหวาดกลัวอย่างสุดจะพรรณนา เขาพยายามรีบเปิดใช้ไข่มุกมิติหลบหนี แต่พลังจิตสัมผัสในตัวเขาถูกปิดผนึก แถมเจตจำนงวิญญาณยังถูกระงับไว้ เขาไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยนิดที่จะหลบหนี
เขารู้สึกสิ้นหวัง!