ตอนที่แล้ววันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0121
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปวันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0123

วันเบาๆ ของมือเก๋าจากต่างโลก 0122


บทที่ 38 เอลเดอร์ลิช พ่อพระของคนตาย (4)

* * *

หนึ่งในวิชาที่ลิลี่เรียนสมัยเด็ก เน้นยำเกี่ยวกับความสำคัญของ ‘ตำนาน’

บุตรีแห่งตระกูลซินก้าผู้สืบทอดหน้าที่การนำทาง จำเป็นต้องคุ้นชินเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับบัลลังก์โบราณ

ลิลี่ถามด้วยความสงสัย

“ท่านแม่บอกว่า มังกรเคยปกครองโลกในช่วงก่อนยุคทอง?”

“ใช่”

“เป็นไปได้ด้วยหรือ? ในตำนานเขียนไว้ชัดเจน มังกรมีไม่เกินหนึ่งพันตัว แถมนั่นยังเป็นจำนวนในยุคฟื้นฟู”

“ตำนานอาจจะโกหกเราก็ได้”

ได้ยินคำพูดมารดา ลิลี่ตัวสั่นเล็กน้อย

มารดาของลิลี่ — ดอยน่า·ซินก้ายิ้มให้ลูกสาวที่ตัวสั่นเบาๆ เพราะมุกตลก

“แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อตำนานหนึ่ง ตำนานอื่นก็จะไร้ค่าเช่นกัน… เป็นคำถามที่ดี นักวิชาการจำนวนไม่น้อยสันนิษฐานว่า ความจริงแล้วมังกรไม่ได้ปกครองโลกอย่างสมบูรณ์”

ลิลี่ตั้งใจฟังมารดา

“ก็เหมือนกับที่ลูกสาวคนเก่งของแม่สงสัย นักวิชาการหลายคนตั้งคำถาม เหตุใดราชาถึงกำราบมังกรอย่างง่ายดายทันทีที่ยุคทองเริ่มขึ้น? พวกเขาเชื่อว่าเป็นเพราะมังกรมีจำนวนน้อย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้มังกรจะเป็นนิรันดร์ชน แต่ก็ไม่ใช่ตัวตนที่สมบูรณ์แบบ”

ลิลี่ไม่ชอบคำตอบ

เป็นทฤษฎีที่สมจริงเกินไปจนฟังดูไม่เหมือนตำนาน

แต่เธอไม่ได้ถามเซ้าซี้ เพราะนั่นยังเป็นแค่ข้อสงสัยที่ไม่ได้รับการพิสูจน์

ลิลี่คิดเช่นนี้ขณะมองดูคลื่นความร้อนสีขาว กำลังแผดเผาปีศาจไปทั้งร่าง

ท่านแม่เข้าใจผิดแล้ว

เผ่าพันธุ์มังกรสามารถปกครองโลกได้ง่ายดาย

มังกรไม่เคยยิ่งใหญ่น้อยกว่าที่ตำนานพรรณนาไว้

“อึก…!”

เพียงพริบตา บรรยากาศกลับไปเป็นแบบเดิม ทิวทัศน์ถูกปกคลุมด้วยพายุ

เบรธของมังกรสร้างความเสียหายมากกว่าที่ตาเห็น เสาลำแสงชุดแรกเป็นแค่การเกริ่นนำ

ลิลี่เงยหน้าขึ้นมองกาลอสร่างยักษ์

ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีการขัดขืน

ทั้งที่โดนเข้าไปขนาดนั้น แต่ปีศาจที่เกิดจากนิรันดร์ชน กลับยังรักษาความเยือกเย็นไว้ได้?

ผิดแล้ว

ลมหายใจของมังกร ไม่อนุญาตให้ทำสิ่งใดเลยต่างหาก

ทุกความเคลื่อนไหวถูกบดขยี้ และเสียงร้องถูกแผดเผา

เปลวเพลิงของตัวตนสัมบูรณ์ ช่วยลงทัณฑ์ปีศาจจากโบราณกาลอย่างโหดเหี้ยม

เพียงเพราะสหายของเขาต้องการ

เสาเพลิงหายไปอย่างรวดเร็ว

ทุกสิ่งเกิดขึ้นและจบลงในพริบตาโดยไม่ต้องใช้คำว่าอดทนรอ แต่ก็นานพอที่มังกรจะเปลี่ยนโลกทั้งใบ

เมฆมืดที่ปกคลุมท้องฟ้าเลือนหายอย่างไร้ร่องรอย ผืนนภาสีครามเกิดรูโหว่เล็กน้อยจนเผยให้เห็นวงกลมอวกาศ แต่ไม่นานก็สมานตัวเอง

ฝนโปรยปรายในไม่กี่อึดใจถัดมา สายฝนจากท้องฟ้าไร้เมฆปะปนไปด้วยคราบขี้เถ้า

สายรุ้งก่อตัว สุริยเทพสองดวงเฝ้ามองทิวทัศน์ที่เกิดจากฝีมือลูกหลานรุ่นแรกของตน

แสงแดดเจิดจ้าแผ่ปกคลุมผืนแผ่นดิน

ทุกคนบรรจงเงยหน้า คนแรกที่เปิดปากคือเทลาเทอรี

รอบตัวเต็มไปด้วยทิวทัศน์หน้าผาที่ไม่เคยมีอยู่

ดินแดนแห่งความตายนามว่าชายแดนใต้ ถูกพลังงานปริมาณมหาศาลกระแทกใส่จนยุบตัวลงต่ำ

“ผืนดินทรุดลง… ทั้งแผ่น”

เป็นทิวทัศน์ที่แสดงให้เห็นว่า แผ่นดินถูกกดทับด้วยแรงปะทะที่น่าอัศจรรย์เพียงใด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าเธอ

จึงยากจะให้เข้าใจว่า เหตุใดตนถึงยังมีชีวิตอยู่

นักบุญหญิงเงยหน้า ทิวทัศน์ที่เกิดจากแสงสว่างอันเข้มข้นค่อยๆ คืนสู่สภาพเดิม

กาลอสหายไปอย่างไร้ร่องรอย แผ่นดินในตำแหน่งที่ปีศาจเคยยืน ถูกหลอมละลายและผุดไอน้ำจำนวนมาก

พื้นหินกลายเป็นสีแดงส่องแสงคล้ายกับถูกสลักด้วยอักษรรูน

คังซอนฮูบรรจงเหยียดตัวตรงพลางกล่าว

“…ครั้งหน้าที่เจอกัน เห็นทีต้องระวังคำพูดหน่อยแล้ว”

นักบุญหญิงหันไปจ้องคังซอนฮู

กาลอสไม่อยู่แล้ว

ปีศาจที่มีชะตากรรมต้องตายพร้อมกับเธอตามคำพยากรณ์ อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นักบุญหญิงก้มหน้า วางฝ่ามือลงบนพื้นหินสีแดงร้อนฉ่า

อาการปวดแสบแผ่ซ่าน มือพองจนผิวหนังลอก

ปากของเธอได้รับอิสระ แต่กลับไม่สามารถพูดคำใด

สายฝนที่ปะปนกับเถ้าถ่านกระหน่ำชุ่มฉ่ำร่างกาย ชุดคลุมนักบวชหนักอึ้ง แต่เสื้อผ้าเปียกๆ กลับไม่ช่วยให้รู้สึกร้อนน้อยลง

นี่คือหลักฐานยืนยันว่า วีว่าซิสซิโม่ยังมีชีวิตอยู่

คำพยากรณ์ผิดพลาด

ไม่สิ มนุษย์ผู้นี้ทำให้มันคลาดเคลื่อน

มนุษย์ตรวจสอบอาการแวมไพร์เล็กน้อย จากนั้นก็หันมาทางนักบุญหญิง

“เห็นหรือยัง”

“…”

“พวกเราไม่ใช่เบี้ยบนกระดานของเทพ”

น้ำตาไหลพรากทันที แต่ก็กลมกลืนไปกับน้ำฝนจนมองไม่เห็น

“ท่านนักบุญหญิง”

รีเบคก้าเดินเข้ามาใกล้

“ข้าดีใจที่ท่านปลอดภัย แต่อยากฟังคำอธิบายว่า เหตุใดถึงทิ้งข้าและหนีมาคนเดียว”

นักบุญหญิงจ้องหน้ารีเบคก้า

แวมไพร์ตนนี้ต้องสูญเสียครอบครัวเพราะคำพยากรณ์ของตน เธอจึงเก็บมาเรียกด้วยความรู้สึกผิด

แต่นั่นไม่ช่วยให้ความรู้สึกผิดบรรเทาลงเลย

“ข้าโทษ รีเบคก้า ข้าขอโทษ…”

นักบุญหญิงไม่กล้าบอกความจริง เพราะกลัวว่าอัศวินผู้พิทักษ์ของตนจะรู้สึกเหมือนถูกหักหลังและทอดทิ้งเธอไป

รีเบคก้ากุมมือนักบุญหญิง

“ข้าไม่เป็นไร”

นักบุญหญิงมองเข้าไปในตารีเบคก้า

กระจกตาสีแดงของแวมไพร์กำลังสะท้อนภาพนักบุญหญิง

“เลิกรู้สึกผิดได้แล้ว ข้าจะไม่ทอดทิ้งท่านไปไหน”

“…”

“ท่านรู้ไหม ผ่านมากี่ปีแล้วที่ข้าตามรับใช้ท่านที่พูดไม่ได้?”

รีเบคก้ายิ้ม สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความโล่งอกและยินดี

“มันหมายความว่า ท่านไม่จำเป็นต้องพูดก็ได้”

นักบุญหญิงพยักหน้ารับพร้อมกับโค้งศีรษะต่ำ

เธอไม่อยากเผยสีหน้าปัจจุบัน

คังซอนฮูมองดูภาพดังกล่าวสักพัก ก่อนจะเดินไปยังใจกลางจุดที่กาลอสเคยยืน

มีคริสตัลก้อนหนึ่งตกอยู่ — คริสตัลสีดำโปร่งแสง

ชายหนุ่มสามารถบอกได้ เอกลักษณ์ของมันคล้ายคลึงกับหัวใจที่ดีโอเน่มอบให้

เมื่อหยิบขึ้นมา เขาพบว่ามันกำลังเต้น น้ำหนักมากกว่าที่คิดไว้พอสมควร

บนนั้นมีอักษรรูนที่ยากจะอ่านออกในทันทีสลักอยู่

“เขียนว่าอะไร?”

“…ทัล talle”

ไม่มีส่วนขยาย มีแค่ ‘ทัล’ คำเดียวห้วนๆ

ลิลี่จ้องคังซอนฮู

“…ทัลคือภาษาที่เจ้าสร้างไม่ใช่หรือ”

“อาจจะไม่ได้สร้าง แต่ค้นพบ”

ดวงตาลิลี่เบิกกว้างยิ่งกว่าเก่า

“…หมายความว่า เจ้าเคยเจอปีศาจตัวนี้มาก่อน?”

คังซอนฮูไม่ตอบ เอาแต่เพ่งคริสตัลสีดำสักพัก

จากนั้นก็สอดใส่เสื้อและเดินกลับมารวมกลุ่ม

เทลาเทอรีจ้องหน้าคังซอนฮูก่อนจะคำนับ

เทลาเทอรีไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ในสายตาเธอมีเพียง: มนุษย์คนหนึ่งพูดภาษารูนที่ซับซ้อนกว่าปกติ จากนั้น ลำแสงลึกลับที่ทรงพลังพุ่งปะทะปีศาจจากด้านบน

ในหมู่นัคชารอนด้วยกัน เทลาเทอรีคือนักวิชาการที่หลงใหลตำนานเอลเดอร์ลิชมากกว่าใคร

แต่ถึงจะคลั่งไคล้ตำนานมากเพียงใด เธอสาบานว่าจะไม่ปล่อยให้ความศรัทธาเข้าครอบงำหลักการ

ทว่าในวินาทีนี้ ความแน่วแน่ของหญิงสาวพังทลายไม่เหลือชิ้นดี

เพราะได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของเอลเดอร์ลิชกับตาตัวเอง

“ท…ท่านเอลเดอร์ลิช…”

“พอเถอะ ฉันไม่ชอบอะไรแบบนี้ และไม่ใช่ชอบพิธีรีตอง ฉันจะหงุดหงิดทุกครั้งที่มีคนคอยเอาอกเอาใจ”

“อะ…”

เทลาเทอรีลุกขึ้นยืนอย่างกระอักกระอ่วน

คังซอนฮูพูดขณะเดินผ่านหน้าหญิงสาว

“แล้วเธอจะทำอะไรต่อ”

“ข้าจะกลับไปที่หอคอย”

“กลับไปทำอะไร”

คังซอนฮูมองหน้าทุกคนก่อนจะพูด

“มากินกันก่อน ฉันหิวแล้ว”

“…ข้าก็ด้วย”

นักบุญหญิงที่กำลังร่ำไห้ รีเบคก้าที่กำลังกุมมือเธอ และเทลาเทอรีที่กำลังปีติยินดีเมื่อได้เจอผู้สร้างบรรพชนในตำนาน ทำได้เพียงยืนมองแผ่นหลังของมนุษย์ที่กำลังเดินลงจากเขา

“…ท่านนักบุญหญิง”

“…”

“ลงไปกันเถอะ”

นักบุญหญิงพยักหน้า

“คุณจอมเวท ยังมีเรี่ยวแรงเหลือไหม”

“…ข้าจะลองดู”

ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมมนุษย์ถึงยังทำตัวผ่อนคลายขนาดนี้

ทั้งที่เขาเพิ่งสร้างตำนานอันยิ่งใหญ่ซึ่งอาจถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาล แต่กลับเดินลงเขาด้วยย่างก้าวไร้อารมณ์

“เท่ชะมัด…”

“…น่ากลัวสิไม่ว่า”

แม้บทสนทนาจะเป็นเช่นนั้น แต่น้ำเสียงทุกคนล้วนตื่นเต้นยินดี

* * *

“…กิโฮเต้พูดว่าอะไร?”

“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันคุยกับกิโฮเต้”

“เพราะนายเหม่อไปชั่วขณะ ต้องมีเหตุผลเบื้องหลังแน่”

“เซนส์แรงชะมัด”

คงดูออกได้เลยสินะ

วินาทีดังกล่าว ฉันติดต่อกับวิญญาณกิโฮเต้ ชนิดที่สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน และเผชิญความทุกข์ยากแบบใด

“…ตาแก่นั่นทำเกินไปหน่อยนะ”

“สำหรับนิรันดร์ชน นี่อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ”

นั่นสินะ สำหรับตัวตนที่ถือครองพลังระดับนั้น การพูดว่า ‘ทำเกินไป’ คงเสียมารยาทน่าดู

อย่างไรก็ดี โลกนี้ไม่สิ่งใดสมบูรณ์แบบ

เพราะความทุกข์ยากที่กิโฮเต้กำลังเผชิญ กระทั่งนิรันดร์ชนก็ฝ่าฟันไปได้ไม่ง่าย

ฉันครุ่นคิดตลอดทางเดินลงภูเขา ด้วยเหตุผลบางอย่าง กลุ่มคนที่ตามมาด้านหลังไม่ยอมพูดอะไรกันเลย

ฉันอึดอัดเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าพวกเขากำลังเกรงใจ

“การหวนกลับของมังกร… ฉันอยากเห็นกับตาสักครั้ง ไม่คิดว่าจะยากลำบากเช่นนี้”

คิดเข้าข้างตัวเองมากไปรึเปล่านะ?

การหวนกลับของมังกรไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ แต่เป็นความปรารถนาของกิโฮเต้

เพราะถูกขอร้องโดยราชา กิโฮเต้จึงต้องรักษาสัญญา

“มังกรกำลังจะหวนกลับในเร็ววัน จนกว่าจะถึงตอนนั้น ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากรบกวนภารกิจของเขา”

เป็นคำสาบานกลายๆ ว่า หลังจากนี้จะไม่มีการเอ่ยนามจริงของกิโฮเต้อีก

ฉันไม่อยากผ่าท้องห่านที่ออกไข่ทองคำ

และอันที่จริง ถัดจากนี้อาจไม่ต้องรบกวนอีกแล้ว

อัญมณีสีครามถูกแงะออกจากเข็มชี้ทองคำ ไม่นานก็กลายเป็นคทายาวกว่าหนึ่งเมตร

ด้ามจับมีลักษณะคล้ายรากไม้ ส่วนหัวเลี่ยมอัญมณีทรงกลมสีคราม

“น…นี่มัน… สมบัติวิเศษที่กล่าวกันว่า ท่านเอลเดอร์ลิชใช้เพื่อสร้างพวกเรา!”

คทาเวทมนตร์แบบดั้งเดิม

ฉันอยากทดสอบประสิทธิภาพให้แน่ชัด

ในกระเป๋าเสื้อมีจอห์นสันที่ถูกขังไว้ในรูปถ่าย

คทาเวทมนตร์ และรูนที่สลักบนคริสตัลของปีศาจ

ถ้ามีสองสิ่งนี้ ฉันอาจได้พบจอห์นสันอีกครั้ง

ไม่สิ ต้องได้พบกันแน่ ฉันรู้สึกแบบนั้น

และทุกครั้งที่รู้สึก มันจะกลายเป็นจริงเสมอ

เก็บคทากลับเข้าไป พวกเราเดินลงเขานานหลายชั่วโมง

แม้ภูเขาจะค่อนข้างสูง แต่เส้นทางไม่ชันและไม่มีอุปสรรค จึงเดินได้ง่ายกว่าที่คิด

มอบความรู้สึกคล้ายการปีนเขาสนุกๆ ที่ทิวทัศน์เต็มไปด้วยพื้นและก้อนหินสีดำ

“กำลังรออยู่เลย”

คนสองคนกำลังมองขึ้นมาจากด้านล่าง

แน่นอนว่าฉันรู้จักพวกเขาดี ผิวพรรณสีอมม่วงซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของอันเดด แต่ร่างกายเรียบเนียนไร้บาดแผล บ่งบอกชัดเจนว่าทั้งสองไม่ใช่อันเดดธรรมดา

ตอนที่อยู่ในปราสาทมืดอาจไม่ทันสังเกตเห็น แต่ท่ามกลางทิวทัศน์แดดจ้าแบบนี้ ฉันเพิ่งรู้สึกว่า พวกเขาเป็นคู่หนุ่มหล่อสาวสวยที่เหมาะสมกันมาก

“ท่านพ่อ”

“ฮาวาสินะ… และข้างๆ เธอ…”

“อดามา”

“…ขอโทษที ฉันความจำไม่ค่อยดี”

“อดามา… ฮาวา?”

จากด้านหลัง เทลาเทอรีที่ได้ยินชื่อ เปิดปากจากจิตใต้สำนึกขณะทบทวนความทรงจำ

“บรรพชนของนัคชารอน…”

เธอกำลังทำหน้าแบบไหนอยู่นะ?

ฉันอยากรู้ แต่ไม่ได้หันกลับไปมองเพราะกลัวเจ้าตัวจะเขิน

“ข้าเห็นพลังของท่านพ่อแล้ว”

“ท่านพ่อ ครั้งนี้ก็เอาชนะชะตากรรมได้อีกแล้วสินะ…”

เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญกับฉันเลย

“เป็นอิสระแล้วใช่ไหม”

“…ท่านหมายถึงพวกเรา?”

“จะมีเรื่องไหนสำคัญกว่านี้อีกล่ะ”

เว้นวรรคครู่หนึ่ง ฮาวาและอดามายิ้มพลางพยักหน้า

“ดีแล้ว”

เทลาเทอรีที่เดินหอบมาตลอดทาง วิ่งพรวดมาอยู่หน้าสุดราวกับมีกำลังวังชาเป็นเลิศ

“บรรพชน… ของพวกเรา…”

ให้เวลาสักหน่อยดีไหมนะ? นี่ถือเป็นการพบกันครั้งของบรรพชนกับลูกหลาน

ในใจอาจคิดแบบนั้น แต่ฉันไม่อยากรอ เพราะตอนนี้เหนื่อยมากเลย

เหนือสิ่งอื่นใด ฉันมีวิธีที่ดีกว่านั้น

“อดามา ฮาวา ไปด้วยกันไหม?”

“ไปไหน?”

“หาอะไรกิน”

“…”

ลิลี่ข้างๆ พยายามควบคุมสีหน้าให้ไม่บิดเบี้ยว

อดามาและฮาวามองหน้ากันสักพัก จากนั้นก็หันมาทางฉันและโค้งคำนับนอบน้อม

เป็นนัยว่า

ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็น

______________________

ตอนฟรีลงทุกวันอังคาร พุธ เสาร์ และอาทิตย์ (3/4)

ติดตามผลงานของผู้แปล และนิยายทุกตอนได้ที่เพจเฟสบุค:

https://www.facebook.com/bjknovel/

หรือพิมพ์ค้นหา: bjknovel

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด