Ep.507 - รุ่งอรุณเบิกฟ้า
4/5
Ep.507 - รุ่งอรุณเบิกฟ้า
[ขวานสลายอากาศ] อาวุธเลเวล 16 , สีม่วงคุณภาพกลาง , การโจมตีทางกายภาพ +120 , โจมตีเจาะเกราะ +40 , คุณสมบัติทั้งหมด +30 , มรดกเสริม : ผู้แยกมิติ , ค่าความทนทาน 26!
มรดก ‘ผู้แยกมิติ’ : พละกำลัง +40 , ว่องไว +30, ค่าพลังชีวิต +50 , ดาเมจจากธาตุมิติ +50 , สกิล : ‘ผ่าแยกมิติ’ , ‘ขวานบินป่นมิติ’
[กระบี่เซียนวายุ] อาวุธเลเวล 16 , สีม่วงคุณภาพต่ำ , การโจมตีทางกายภาพ +100 , คุณสมบัติทั้งหมด + 30 , ความเร็วโจมตี +30% , มรดกเสริม : ‘เซียนวายุ’ , ค่าความทนทาน 31
มรดก ‘เซียนวายุ’ ว่องไว +40 , พละกำลัง +30 , ความเร็วในการเคลื่อนที่ +40 , ค่าพลังจิต +60 , ความเร็วในการปลดปล่อยสกิล +50% , สกิล : : ความโปรดปรานของเทพวายุ
ข้างต้น
คือคุณสมบัติของอาวุธสีม่วงทั้งสองชิ้น
นาเซอร์ตายแล้ว เกรงว่ากว่าจะฟื้นคืนชีพก็ใช้เวลาอีกหนึ่งเดือน
ระหว่างนี้อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ฮังอวี่ตัดสินใจยืมขวานสลายอากาศมาใช้ก่อน
เจ้าสิ่งนี้เป็นอาวุธมือเดียว แค่โบนัสพลังโจมตีก็สูงกว่านักฆ่าขุมนรกซึ่งเป็นอาวุธสองมือสีฟ้าเกือบสองเท่าแล้ว!
แม้ดาบนักฆ่าขุมนรกจะมาพร้อมสกิล ‘นักฆ่าขุมนรก’ ที่สามารถซ้อนทับได้ 100 ครั้งก็ตาม แต่สุดทท้ายมันมีแค่สกิลเดียว
ขณะที่ขวานสลายอากาศมีถึงสองสกิล
ผ่าแยกมิติคือสกิลติดตัว ทุกครั้งที่โจมตี อากาศในบริเวณที่ฟันจะบิดเบี้ยว สร้างรอยแยกมิติและดาเมจจำนวนมาก ทำดาเมจเป็นวงกว้างทั้งยังทะลุการป้องกัน
ส่วนขวานบินป่นมิติ มันเคยถูกนาเซอร์ใช้มาแล้ว เป็นลูกเล่นที่ปลิดชีพบารุต
ความเร็วของบารุตนั้นสูงกว่าฮังอวี่มาก แต่ทำไมมันถึงไม่สามารถหลบเลี่ยงสกิลนี้ได้? เหตุผลก็คือ เพราะขวานบินป่นมิติไม่ใช่การโจมตีธรรมดา แต่เป็นการโจมตีเชิงมิติ ไร้ร่องรอยหรือวี่แวว
หลังจากล็อคเป้าหมาย ก็จะโผล่เข้าหาทันที ไม่มีเวลาให้ตั้งตัวหรือหลบเลี่ยง
แม้ขวานบินป่นมิติจะเป็นสกิลโจมตีเป้าหมายเดียว แต่มันคือการโจมตีที่หลบเลี่ยงไม่ได้และทำดาเมจมหาศาล เรียกได้ว่าเป็นสกิลสำหรับกุดหัวศัตรู
นอกจากขวานสลายอากาศที่หยิบยืมมาแล้ว
ฮังอวี่ยังเลือกใช้ ‘กระบี่เซียนวายุ’
นี่คืออาวุธสีม่วงขุ่นเลเวล 16 มันด้อยกว่าขวานสลายอากาศในทุกๆด้าน ทั้งยังมีเพียงสกิลเดียวคือ ‘ความโปรดปรานของเทพวายุ’
แต่นี่ก็เหมือนกับชุดเกราะวิญญาณปีศาจอมตะ!
การที่ชุดสีม่วงมีสกิลเดียว นั่นหมายความว่าสกิลนั้นแข็งแกร่งมาก
ในกรณีของสกิลนี้ มันมีผลช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตี และความเร็วในการปลดปล่อยสกิลเพิ่มขึ้นมาก ทั้งยังลดการสิ้นเปลืองพลังจิต และมีเอฟเฟกต์ติดตัวช่วยลดระยะเวลาคูลดาวน์ มีผลทันทีเมื่อสวมใส่
ฮังอวี่มีอุปกรณ์สีม่วงสามชิ้นแล้ว หากสวมใส่อุปกรณ์มือเดียวสีม่วงสองชิ้นนี้เข้าไป ตัวเขาคนเดียวจะเทียบได้กับคนหมื่นคน ทั่วทั้งอาณาจักรมังกรโลกา เกรงว่าผู้ที่โค่นเขาได้ มีแค่เฮสการ์เท่านั้น
ฮังอวี่สามารถปราบปรามยอดฝีมือคนใดก็ได้อย่างมั่นใจว่าชนะแน่ๆ
“กองทัพที่พร้อมรบได้มารวมตัวกันในเมืองหนามทมิฬแล้ว”
ฉูเทียนหัววิ่งเข้ามาและพูดว่า “พวกเราพร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ!”
ตอนนี้เป็นเวลาใกล้ค่ำ แต่มันไม่ใช่อุปสรรคแต่อย่างใด
ฮังอวี่พยักหน้าและพูดว่า “ไปกันเถอะ”
ทหารที่ยังพอสู้ไหวกว่า 20,000 นายยกพลเข้าสู่เมืองหนามทมิฬ เมื่อรวมกับกองทัพในเมืองหนามทมิฬ และปืนใหญ่เหนี่ยวนำมนตราของมนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่อีกกว่า 200 - 300 กระบอกแล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทาง
ณ ขณะนี้
เมืองลอยฟ้าได้กลายเป็นป้อมปราการสงครามเคลื่อนที่อย่างเต็มรูปแบบ!
ฮังอวี่นำฝูงชนไล่ล่ากองทัพสันเขามังกรที่ยังเหลือรอด
ทำไมเขาถึงกล้าลงมืออุกอาจเช่นนี้น่ะหรือ?
สาเหตุหลักๆก็เพราะเฮสการ์ไม่ได้อยู่ในแคว้นเดียวดายอีกต่อไป
ราชามังกรหลบหนีโดยใช้คัมภีร์เทเลพอร์ตสีม่วง เมื่อเป็นสีม่วงแสดงว่าเอฟเฟกต์ของมันต้องทรงพลังมาก มากพอที่จะเทเลพอร์ตมันไปยังมุมใดก็ได้ในอาณาจักรมังกรโลกา
ดังนั้นมีแนวโน้มสูงว่าราชามังกรจะกำหนดปลายทางของคัมภีร์ไว้ที่เมืองสันเขามังกร
ราชามังกรคลั่งในเวลานี้ มีโอกาสเก้าในสิบส่วนว่ากลับเมืองไปแล้ว ไม่มีทางเทเลเพอร์ตทางไกลมายังกองทัพที่เดินอยู่ในแคว้นเดียวดาย
กล่าวคือ
กองทัพสันเขามังกรทั้ง 10,000 นายเวลานี้ถูกทิ้งโดดเดี่ยว
เนื้ออ้วนๆชิ้นใหญ่แบบนี้ หากไม่กินคงเสียเปล่า!
อย่างไรก็ตาม กองทัพสันเขามังกรนั้นมีพลังรบเหนือกว่ากองทัพแคว้นเดียวดายมาก หากให้ไล่ตามทางภาคพื้นดิน เกรงว่าคงไม่ทัน
หรือแม้เผชิญหน้ากัน แต่ด้วยพลังรบในตอนนี้ มีโอกาสสูงว่าจะสู้ไม่ได้
ทว่าเมื่อเดินทัพบนเมืองหนามทมิฬ ผลลัพธ์ย่อมต่างออกไป!
แม้เมืองหนามทมิฬต้องใช้หินคริสตัลม่วงจำนวนมากในการลอยฟ้า แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่ไวมาก เรียกได้ว่าเป็นยานบรรทุกป้อมปราการเวอร์ชั่นโลกวิญญาณก็ได้
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
พวกเขาก็ไล่ตามกองทัพสันเขามังกรที่กำลังล่าถอยได้ทัน
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ไม่จำเป็นต้องธิบายโดยละเอียด
สรุปสั้นๆว่าเมืองหนามทมิฬใช้ประโยชน์จากที่ลอยอยู่บนฟ้า โจมตีใส่กองทัพสันเขามังกรจากเบื้องบน
ภายใต้การร่วมมือระหว่างกองทัพเมืองหนามทมิฬและกองทัพแคว้นเดียวดาย เป็นอีกครั้งที่สามารถกวาดล้างทัพศัตรูได้เกือบหมด
สงครามเมืองพายุระห่ำมีการพลิกผันถึงสามครั้ง
แต่สุดท้ายลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับของกองทัพสันเขามังกร
ผลของการต่อสู้ดังกล่าว ทำให้อาณาจักรมังกรโลกาต้องตกตะลึงอีกครั้ง
ขณะเดียวกันยังสร้างความตื่นตะลึงในสังคมมนุษย์
มนุษย์เกือบทั้งหมดในโลกจริง ถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศปิติยินดี
นับแต่วงสนทนาของเพื่อนๆไปจนสื่อต่างๆ กระทั่งรัฐบาลแห่งชาติ ต่างเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะครั้งสำคัญนี้
อาณาจักรมังกรโลกากลายเป็นสถานที่แรกในการลงหลักปักฐานของเผ่ามนุษย์อย่างมั่นคง
ขุมกำลังแก่กล้าเช่นราชามังกรก็ยังพ่ายแพ้
ถึงขนาดนี้แล้ว ยังมีอะไรอีกที่สามารถคุกคามการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในอาณาจักรมังกรโลกา?
แม้จะกล่าวว่าสงครามครั้งนี้อาศัยโชคไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีสาเหตุมาจากการตัดสินใจผิดพลาดของราชามังกร
กระนั้น
ความจริงที่ว่าราชามังกรพ่ายแพ้ไม่อาจหักล้าง
ฮังอวี่พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกครั้งด้วยผลลัพธ์
ตำนานบอสฮังยังไม่พังทลาย
ตรงกันข้ามกลับยิ่งน่าตื่นตากว่าเดิม
ในคืนเดียวกัน
ณ เมืองพายุระห่ำ
ฮังอวี่และระดับสูงของเผ่ามนุษย์ กับตัวแทนชาวพื้นเมืองได้จัดประชุมขึ้น
จ้าวหมิงกล่าวว่า “สถิติคร่าวๆของสินสงครามที่นับได้ แม้เราจะเก็บของดีๆมามากมาย แต่ความสูญเสียก็มากเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซ่อมแซมเมืองหรือสร้างกองทัพใหม่ ก็จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก”
“อืม นอกจากนี้การใช้เมืองหนามทมิฬ จำนวนหินคริสตัลค่อนข้างสิ้นเปลือง เมื่อคำนวณรวมๆแล้วอาจไม่ได้กำไรเลยจากศึกนี้”
มีทหารตายและบาดเจ็บมากเกินไป!
และการบาดเจ็บล้มตายของมนุษย์ยังต้องได้รับการชดเชย!
เมืองพายุระห่ำซึ่งเป็นเมืองหลักทางตะวันตกของแคว้นเดียวดายถูกทำลาย
นาเซอร์ผู้ครองแคว้นก็ถูกสังหารเช่นกัน!
เมื่อบวกกับค่าใช้จ่ายและค่าซ่อมเมืองหนามทมิฬแล้ว ผลรวมทั้งหมด นับเป็นจำนวนมหาศาล
“ตราบใดที่เราไม่สูญเสียมากเกินไป ทุกคนถือว่าได้ประโยชน์ ตราบใดที่กองทัพสันเขามังกรพ่ายแพ้ นั่นถือเป็นกำไรก้อนโต ตราบใดที่สงครามนี้ได้รับชัยชนะ มันคือกำไรมหาศาลสำหรับทุกคน!” ฮังอวี่กล่าว “พวกเราควรประกาศผลสงครามครั้งนี้ให้ทั่วอาณาจักรมังกรโลกาในทันที ส่งข่าวแก่ผู้ครองแคว้นและขุนนางใหญ่ทั้งปวง ประกาศว่าราชามังกรพ่ายแพ้!”
ทุกคนพยักหน้า
อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้?
มันไม่เรื่องการดรอปชุดสีม่วง
ไม่ใช่สินสงคราม
ไม่ใช่จำนวนศัตรูที่ถูกฆ่า
แต่เป็นความพ่ายแพ้ของราชามังกรคลั่ง!
สำหรับอาณาจักรมังกรโลกา
ข่าวนี้ไม่ต่างจากระเบิดนิวเคลียร์!
เหตุใดชาวพื้นเมืองในอาณาจักรมังกรโลกาจำนวนมากถึงภักดีต่อเฮสการ์? นั่นก็เพราะราชามังกรทรงพลังมากเกินไป ทุกตนคิดว่าไม่มีผู้ใดในอาณาจักรนี้สามารถยืนหยัดต่อสู้กับมันได้!
หากรู้ว่าราชามังกรพลาดท่าในแคว้นเดียวดาย นั่นทำกับเป็นการทำลายตำนานอันคงกระพันของราชามังกร!
ฮังอวี่ไม่คาดหวังให้ผู้ครองแคว้นในภูมิภาคต่างๆเข้าร่วมการต่อต้านราชามังกรในครั้งหน้า มากสุดแค่อย่าเอามีดมาแทงข้างหลังในศึกสุดท้ายก็พอ
ฮังอวี่สั่งการ “เหล่าจ้าว ติดต่อมนุษย์ที่ยังอยู่ในภูมิภาคอื่น แล้วคัดเลือกตัวแทนที่จะเป็นผู้ส่งสารของเผ่ามนุษย์จากพวกเขา เดินทางไปเจรจากับผู้ครองแคว้นและเหล่าขุนนางใหญ่”
เขาพูดต่อว่า “คูเวตัน ทาเซีย ดาบพิษ พวกคุณหาทางติดต่อกับกองทัพพันธมิตรหนามทมิฬที่ซุ่มซ่อนอยู่ในภูมิภาคอื่น บอกพวกเขาให้ก้าวออกมา ไม่ต้องซ่อนตัวอีกต่อไป! นี่คือโอกาสทองในชีวิตที่จะโค่นเฮสการ์!”
“ทุกการเคลื่อนไหวหลังจากนี้ ทั้งหมดจะเป็นตัวตัดสินว่าเราสามารถล้มล้างการปกครองของราชามังกรคลั่งได้หรือไม่ อะไรที่มีต้องงัดออกมาให้หมด!”
“รับทราบ!”
“รับทราบ!”
ทุกคนน้อมรับคำสั่ง!
ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์หรือชาวพื้นเมือง ทั้งหมดไม่มีใครตั้งคำถามเรื่องการขึ้นเป็นผู้นำของฮังอวี่
อำนาจของราชามังกรแผ่ขยายไปมาก แค่เมืองหลักหลายแห่งในสันเขามังกรก็มีสมุนทหารโดยรวมเกินแสนแล้ว ไหนจะยอดฝีมือและลูกน้องของราชามังกรอีกมากมายในภูมิภาคต่างๆ
พวกมันสั่งสมความมั่งคั่งมาหลายร้อยปี ดังนั้นไม่อาจหมดสิ้นไปภายใต้ความพ่ายแพ้จากสงครามเพียงแคว้นเดียว
สาเหตุที่พ่ายแพ้ศึกนี้ หลักๆคือราชามังกรใจร้อนเกินไป
เมื่อเผชิญกับขุมกำลังใหม่ที่พร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ มันจึงตัดสินใจฉับพลัน ออกกวาดล้างให้หมดสิ้น
แนวทางนี้ถูกต้องก็จริง
แต่เฮสการ์ประเมินพลังรบและโชคของเผ่ามนุษย์ต่ำไป
โชคบางครั้งก็เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่ง
การปราบกบฏล้มเหลว!
แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณใหม่ได้เบ่งบานแล้ว!