56
บทที่ 56
“สวัสดีครับทุกคน ผม อัลเลย์บอส จากนี้ไปทุกคนจะได้รับชมหน้ากากปริศนา !!ศึกราชันหน้ากากเริ่มขึ้นแล้ว !!!!” ฮยอนอู เริ่มต้นการสตรีมด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยพลังมากกว่าปกติ เขาตั้งใจใช้โทนเสียงที่แตกต่างไปจากเดิมเพื่อกระตุ้นความตื่นเต้นของผู้ชม
-ในที่สุดศึกราชันหน้ากากจะเริ่มแล้ว !?
-ขอถามได้ไหมครับ ว่ามีใครเข้าร่วมการแข่งขันบ้าง !?
-ใครจะบอกนายล่ะ !?ถ้าบอกชื่อผู้เข้าแข่งขันจะต้องสวมหน้ากากทำไม !?
“ทุกคนครับ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะไม่ถูกเปิดเผย แต่รับรองได้เลยว่าทุกคนต่างก็เป็นคนดังแน่นอน และทุกคนจะได้เห็นพวกเขาแล้วววว !!” การตอบรับจากผู้ชมเป็นไปอย่างคับคั่ง ขณะเดียวกัน ฮยอนอู ก็ตอบกลับผู้ชมอย่างสุภาพเช่นกัน
-นี่เขาตั้งใจจะยึดคอนเซปต์ บลัพคิง ของเขาตลอดไปใช่ไหม !?
-มันก็เหมือนกับทุก ๆ วันที่เขาบลัฟนั่นแหละ
ฮยอนอู รู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย เขาไม่ได้บลัฟแม้แต่นิดเดียว เพราะผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดต่างก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง “ถ้าทุกคนคิดว่าผมกำลังโกหก ระวังจะเสียใจทีหลังนะครับ เพราะผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น”
-จริงเหรอ !?
-อัลเลย์บอส ยอมสารภาพมาซะเถอะ ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป
ฮยอนอู กวาดสายตาผ่านหน้าต่างแชทอย่างรวดเร็ว และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะดำเนินรายการต่อในรูปแบบที่เขาต้องการทันที
“พูดไปก็เสียเวลา เอาล่ะ พวกเราไปพบกับผู้เข้าแข่งขันของศึกราชันหน้ากากกันเลยดีกว่า !!”
ทันทีที่ ฮยอนอู พูดจบ วงแหวนเวทมนตร์ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทันใดนั้นมันก็เหมือนกับมีการจุดดอกไม้ไฟ แต่เป็นดอกไม้ไฟในรูปแบบของอารีน่า เมื่อทุกอย่างกลับสู่ความสงบอีกครั้ง เสียงของนักแสดงชั้นนำของโลก แอนเดรีย พาลมาร์ ก็ดังขึ้น
“นักสู้หน้ากากคนแรก โบยบินเหมือนผีเสื้อ ต่อยเจ็บเหมือนผึ้ง หน้ากากแตน !!”
ทันใดนั้น ชายสวมหน้ากากผึ้ง และสวมชุดเกราะที่มีสีเหลืองสลับดำที่ดูโดดเด่นก็ปรากฏตัวขึ้น
-คนปกติเขาใส่เสื้อผ้าแบบนี้กันด้วยเหรอ !?
-อย่าบอกนะว่า อัลเลย์บอส เป็นคนออกแบบแฟชั่นพวกนั้น !?
-ฉันคิดไม่ออกเลยว่าจะมีใครชอบคอสตูมแบบนี้อีก
“ดูเหมือนจะมีหลายคนอยากรู้เกี่ยวกับคอสตูมของเรา มันเป็นคอสตูมที่ออกแบบโดยควินซี่ มันเป็นคอสตูมแบบใช้ครั้งเดียว เมื่อรายการศึกราชันหน้ากากจบลงชุดคอสตูมของผู้เข้าแข่งขันจะถูกลบทันที”
-คงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าใส่ชุดไฟจราจรแบบ อัลเลย์บอส หรอก
-ถ้างั้นหมายความว่า อัลเลย์บอส ไม่ใช่ผู้ชายเหรอ !?
-ไม่ใช่ผู้ชาย ไม่มีรสนิยมด้านแฟชั่น ไม่มีความละอาย ....
ถ้า ฮยอนอู มองหน้าต่างแชทในตอนนี้ เขาจะเห็นว่าความคิดเห็นมากที่กำลังล้อเลียนเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ ฮยอนอู ต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินรายการศึกราชันหน้ากากเป็นอันดับแรก ดังนั้น NIKE จึงได้จัดพนักงานเข้ามารับหน้าที่ในการตรวจสอบเสียงตอบรับของผู้ชม และจดบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้ชมไม่ชื่นชอบเพื่อนำไปปรับปรุงในการออกอากาศครั้งต่อไป
“งั้นเรามาพบกับผู้เข้าแข่งขันคนที่สองกันต่อเลย”
เมื่อ ฮยอนอู พูดจบ เสียงของ แอนเดรีย พาลมาร์ ก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่น่ากลัว หากข้ายังมีกำปั้นทั้งสองข้างนี้อยู่ หน้ากากกำปั้นดุ !!!!”
ผู้เข้าแข่งขันคนที่สองสวมเพียงกางเกงหนัง และไม่สวมเสื้อ หน้ากากของเขาคือหัวหมาป่า โดยรวมแล้วมันดูไม่เข้ากันเอาซะเลย
-โอ้ นี่มันบ้าไปแล้ว
-ระดับแฟชั่นของฝ่ายคอสตูมวันนี้มันสอดคล้องกับสไตล์ของ อัลเลย์บอส ชัด ๆ
-นี่ NIKE จงใจให้ อัลเลย์บอส ใส่ชุดที่ดูเป็นทางการ แต่ปล่อยให้คนอื่นใส่ชุดที่ดูน่าเกลียดเหรอ !?
ทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าด้วยเรื่อง NIKE ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้กับ ฮยอนอู เริ่มแพร่กระจายไปในหมู่ผู้ชมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพวกเขาได้เห็นการปรากฏตัวของผู้เข้าแข่งขันคนที่สอง
“ผู้เข้าแข่งขันคนที่สาม อัศวินผู้พิทักษ์จากยุคกลาง หน้ากากอัศวินดำ !!!!”
การปรากฏตัวของผู้เข้าแข่งขันคนที่สามทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผู้เข้าแข่งขันคนนี้สวมชุดเกราะสีดำหนาปิดบังทุกส่วนของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ด้วยขนาดของชุดเกราะที่ดูเทอะทะมันก็ยังทำให้ผู้ชมไม่ได้รู้สึกประทับใจเท่าที่ควรนัก
-ดูเหมือนว่าชุดนี้จะดูดีที่สุดแล้วใช่ไหม
-นี่มันรายการตลกหรือเปล่า !?
-นี่ไม่ใช่ศึกราชันหน้ากากแล้ว แต่เป็นการประกวดคอสตูมสุดห่วยมากกว่า
“ผู้เข้าแข่งขันคนที่สี่ การกลับชาติมาเกิดของ ร็อคกี้ หน้ากากนักมวยผู้หิวโหย!!!!”
-นั่นมันอะไร !!!
-ทำไมเขาถึงใส่เสื้อผ้าโทรม ๆ แบบนั้น !?
-NIKE ทำเกินไปแล้ว
-พวกเขาไม่มีความยุติธรรมเอาซะเลย
เมื่อ หน้ากากนักมวยผู้หิวโหย ปรากฏตัวขึ้น ในหน้าต่างแชทก็เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย และความสงสาร รูปลักษณ์ของนักมวยผู้หิวโหยดูน่าอนาถอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสวมกางเกง และเสื้อกล้ามขาด ๆ อีกทั้งรองเท้าของเขายังดูเหมือนพร้อมจะขาดได้ตลอดเวลาด้วยซ้ำ
“มันดูดีสุด ๆ ไปเลยใช่ไหม หน้ากากนักมวยผู้หิวโหย คุณชอบชุดของคุณไหมครับ !?” ฮยอนอู จงใจสัมภาษณ์หน้ากากนักมวยผู้หิวโหย เพราะเขาชอบชุดคอสตูมชุดนี้มาก
“ผมเริ่มสงสัยแล้วสิว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ผมอยากกลับไปด้านหลังมากกว่าที่จะยืนอยู่ตรงนี้อีก” หน้ากากนักมวยผู้หิวโหย พูด
แม้ว่าเสียงที่ถูกถ่ายทอดออกมาจะถูกดัดแปลงไปแล้วก็ตาม แต่ผู้ชมยังรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า สิ่งที่เขาพูดออกมานั้นคือสิ่งที่อยู่ในใจของเขาอย่างแน่นอน
“ผมเกรงว่ามันจะสายเกินไปแล้วสำหรับคุณ ตั้งแต่ที่คุณตกลงจะเข้าแข่งขัน คุณก็ต้องเข้าร่วมการแข่งขัน และหากคุณกลายเป็นราชันหน้ากากได้ เราก็จะได้พบกับคุณอีกครั้งในสัปดาห์ต่อไป”
“ม่ายยยย !!” หน้ากากนักมวยผู้หิวโหย ถอนหายใจยาวออกมา
อย่างไรก็ตาม ฮยอนอู ก็เลือกที่จะเพิกเฉยต่อท่าทีของเขา ‘นั่นเป็นเหตุผลที่นายควรจะมีโชคมากกว่านี้’
“ผมหวังว่าผู้ชมจะไม่เข้าใจผิด ชุดคอสตูมทั้งหมดเหล่านี้จะถูกแบ่งด้วยการจับฉลาก และการออกแบบทั้งหมดขึ้นอยู่กับควินซี่แต่เพียงผู้เดียว เอาล่ะ ตอนนี้เราไปพบกับผู้เข้าแข่งขันคนต่อไปกันดีกว่า”
“ผู้เข้าแข่งขันคนที่ห้า นักเต้นรำชาวอเมริกาใต้ผู้เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น หน้ากากทหารรับจ้างแซมบ้า !!!!”
-นี่ฉันกำลังดูอะไรอยู่เนี่ย
-ไม่ใช่ว่าผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดก็จับฉลากมาด้วยหรอกใช่ไหม
-พวกเขาเป็นแรงค์เกอร์จริง ๆ ใช่ไหม
-ดูเหมือนพวกเขาจะไม่มีดวงเอาซะเลย
ชุดของผู้เข้าแข่งขันคนที่ห้าคือชุดซีทรูสีแดง และกางเกงสแล็กรัดรูป ผู้ชมที่ได้เห็นชุดคอสตูมแบบนี้มันทำให้พวกเขารู้สึกรับไม่ได้อย่างแรง พวกเขาคิดไม่ออกเลยว่าใครกล้าออกแบบชุดแบบนี้ขึ้นมาได้
“ผู้เข้าแข่งขันคนสุดท้าย ขอเสียงปรบมือให้กับแหล่งรวมอารยธรรมไฮเทค ตำนานแห่งอุตสาหกรรมในอนาคต หน้ากากนาโนแมชชินแจ็คสัน !!!!”
เมื่อหน้ากากนาโนแมชชีนแจ็คสันปรากฏตัวออกมา มันก็ทำให้เขาดูโดดเด่นกว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ อย่างชัดเจน ชุดของเขาดูเหมือนชิ้นส่วนประกอบโลหะที่ถูกเชื่อมต่อกันอย่างประณีต
-นั่นมันแตงโมใช่ไหม !?
-หุ่นยนต์แตงโมปรากฏตัวแล้ว
-มีแค่ อัลเลย์บอส คนเดียวเท่านั้นแหละที่จะชอบอะไรแบบนี้
-การออกแบบชุดพวกนี้ ... อย่าบอกนะว่า อัลเลย์บอส ซื้อควินซี่ไปแล้ว
ในเวลานั้น พนักงานจาก NIKE ก็ยกป้ายจากมุมที่ผู้ชมมองไม่เห็น
-อธิบายกติกาการแข่งขัน
เมื่อ ฮยอนอู เห็นป้ายที่ถูกยกขึ้น เขาก็รีบทำหน้าที่ของเขาทันที ตอนนี้เขาสามารถดำเนินรายการได้อย่างเป็นธรรมชาติจนพอจะเรียกได้ว่าเป็น MC คนหนึ่งก็ว่าได้ “จากนี้ไปเราจะเข้าสู่ศึกราชันหน้ากากกันแล้ว ขอเชิญหน้ากากแตนขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ”
ฮยอนอู ยืนอยู่ท่ามกลางสนามประลองขนาดใหญ่ เมื่อสิ้นเสียงของเขา หน้ากากแตน ก็เดินมาถึงกลางสนามประลองเช่นกัน
“กติกาง่ายมาก”
[1.หากใครชนะได้ห้าครั้งก่อน คนนั้นจะกลายเป็นราชันหน้ากาก และการถ่ายทอดจะสิ้นสุดทันที ]
[2.นักสู้คนแรกคือหน้ากากนักสู้ที่ปรากฏตัวเป็นคนแรก ]
[3.หลังจากการต่อสู้แต่ละครั้งจะมีเวลาพัก 10 นาที (ระหว่างนั้นผมจะพูดคุยกับผู้ชม) ]
[4.หากไม่มีผู้เข้าแข่งขันท้าชิงภายในเวลา 30 วินาที หน้ากากนักสู้บนสนามประลองจะได้นับชัยชนะโดยอัตโนมัติ (ได้รับชัยชนะทันทีทุก ๆ30 วินาที) ]
[5.ราชันหน้ากากในแต่ละรอบจะมีสิทธิ์ได้ไปต่อสู้กับราชันหน้ากากในรอบถัดไป ]
“กฎทั้งห้าข้อเป็นสิ่งที่เรียบง่ายเลยใช่ไหม !?”
นี่เป็นเพียงกติกาชั่วคราว แต่ ฮยอนอู รู้สึกว่ามันค่อนข้างดีกว่าสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยกติกาแบบนี้มันจะยิ่งกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดอยากท้าประลองกับนักสู้ที่อยู่บนสนามประลองมากขึ้น
‘อยากรู้ไหมล่ะว่าใครเป็นคนคิดเรื่องนี้’
ฮยอนอู เป็นคนคิดเรื่องนี้ เขามีเวลามากพอเพราะ เคล ไม่ได้ให้เขาเตรียมอะไรมากนักในช่วงที่ผ่านมา มันจึงทำให้เขาเรื่องนี้ขึ้นมาได้
‘ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่ฉันเห็นในกองทัพจะช่วยฉันได้’
ฮยอนอู ไม่คิดเลยว่าหนังสือที่เขาเคยอ่านระหว่างการเข้ากรมจะสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์แบบนี้ได้
“ใครจะเป็นผู้ท้าชิงคนแรกสำหรับ หน้ากากแตน กัน !?” เสียงที่คุ้นเคยของ แอนเดรีย ดังขึ้น
“ฉันเอง !!” แทบจะทันทีที่เสียงของ แอนเดรีย ดังขึ้น หน้ากากนักสู้คนหนึ่งก็ยกมือขึ้น
-เราจะได้รู้ไหมว่าพวกเขาคือใครหลังจากการต่อสู้จบลง !?
-ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน
-ภาพและเสียงของศึกราชันหน้ากากคงไม่เป็นแบบนี้ไปจนจบหรอกใช่ไหม
อแมนด้า พนักงานของ NIKE ที่เห็นข้อความในหน้าต่างแชทเริ่มเขียนบางอย่างลงไปบนแผ่นป้าย จากนั้นเธอก็ยกมันให้ ฮยอนอู เห็น
-ให้คำอธิบายเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวตนของผู้แพ้
ฮยอนอู ที่กำลังจะให้เริ่มการต่อสู้เหลือบไปเห็นแผ่นป้ายที่ อแมนด้า ยกขึ้นมา นั่นทำให้เขาตระหนักได้ว่าตัวเองลืมสิ่งสำคัญบางอย่างไป “มีอีกเรื่องที่ผมยังไม่ได้บอก สำหรับผู้แพ้ 3 ครั้ง พวกเขาจะต้องถอดหน้ากาก และเปิดเผยตัวตนของตัวเองทันที”
“นอกจากนี้ ในกรณีที่ชนะบาย ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจะถูกปรับแท้หนึ่งครั้ง ยกเว้นเพียงผู้เข้าแข่งขันที่ได้รับชัยชนะไปแล้วจะเป็นข้อยกเว้น ขออภัยสำหรับคำอธิบายที่ไม่ครบถ้วนก่อนหน้านี้”
ฮยอนอู พูดพร้อมกับโค้งคำนับ
-แล้วเมื่อไหร่จะแพ้สามครั้ง !?
-ดูไปเรื่อย ๆ เถอะ
-แบบนี้สิมันถึงจะน่าดู
“เอาล่ะ เรามาเริ่มการต่อสู้นัดแรกกันเลยดีกว่า คู่แรก หน้ากากแตน ปะทะ หน้ากากกำปั้นดุ”
ขณะที่ ฮยอนอู พูด หน้าต่างข้อความก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
[ราชาแตน VS กำปั้นดุ ]
.....
‘ฉันจะจบมันให้เร็วที่สุด’
กำปั้นดุ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต่อสู้ครั้งนี้แม้แต่นิดเดียว จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือการต่อสู้ในสัปดาห์หน้ามากกว่า
วูบบบ !!!!
ทันใดนั้น แสงสีขาวก็เปล่งประกายขึ้น หมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์เหวี่ยงเข้าหาดาบของ ราชาแตน
“พี่ต้องปกปิดตัวตนของตัวเองให้มากที่สุด พี่คนไม่ได้อยากสู้แค่หนึ่งหรือสองครั้งหรอกใช่ไหม !?” คำแนะนำของ คัง จุนอู หายไปจากใจเขานานแล้ว
กำปั้นดุ คิม ซอกจอง เขาใช้พลังเต็มที่ตั้งแต่ต้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ใช่มองค์ลูริเพียงคนเดียวในคลาสอาชีพนักสู้
‘ฉันไม่สนหรอก !!ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องชนะเพื่อจะได้ไปสู้กับไอ้น้องชายของฉัน’
แสงสว่างจากหมัดทั้งสองข้างของ คิม ซอกจอง ยังคงเปล่งประกายขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเขาไม่ต้องการปล่อยคู่ต่อสู้มีเวลาได้พักหายใจ
‘อึก !!’ ราชาแตน ไรอัล ป้องกันตัวจากการโจมตีของ กำปั้นดุ อย่างยากลำบาก
‘นี่มัน ... ไอ้เจ้าบ้า คิม ซอกจอง จากโลกใหม่ !!’
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาคลาสอาชีพมองค์ทั้งหมดแล้ว คนที่มีข่าวลือว่าจะเข้าร่วมศึกราชันหน้ากากมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือ คิม ซอกจอง หัวหน้ากิลด์โลกใหม่
‘ฉันคงต้องแพ้แน่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป’
ไรอัล คงพ่ายแพ้แน่ ๆ หากเขายังต้องป้องกันแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ หากเขายังซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้ต่อไปเขาจะต้องพ่ายแพ้ ทันใดนั้น ดาบของเขาก็เปล่งแสงสว่างสีเหลืองทองขึ้นมา มันถูกวาดเป็นรูปไม้กางเขนขนาดใหญ่ นี่คือความภาคภูมิใจของชาวอังกฤษ เสาหลักของทีมแมนเชสเตอร์เดวิล นี่คือการโจมตีที่เป็นเอกลักษณ์ของ ไรอัล
พลังของทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด