54
บทที่ 54
[ความทรงจำของฆาตกร ]
[ถือมือนักฆ่าในตำนานแห่งยุค แท้จริงแล้วพื้นผิวของมันเป็นสีขาว แต่มันถูกย้อมไปด้วยคราบเลือดมานานเกินไป ]
[ระดับ : ยูนีค ]
[ข้อจำกัด : ความแข็งแรงมากกว่า 400 , ความคล่องแคล่วมากกว่า 400 , ได้รับชัยชนะ 100 ครั้งในการ PVP]
[ความทนทาน : 1,500/1,500 ]
[พลังโจมตี : 2,000 ]
[พลังป้องกัน : 650 ]
[ความสามารถ : ฟื้นฟูพลังชีวิต และพลังเวทมนตร์ 5% ของความเสียหายที่ทำกับมอนสเตอร์ (รวมถึงผู้เล่น และ NPC) , สามารถใช้สกิล ความคิดของฆาตกร ได้ ]
[ความคิดของฆาตกร : ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 15% เมื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิต ]
‘ไม่มีอะไรน่าพอใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว’
ถุงมือสีแดงคู่นี้เป็นไอเทมพิเศษที่เหมาะสำหรับใช้ในการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แน่นอนว่า ฮยอนอู ไม่สามารถใช้ค่าพลังโจมตีของถุงมือได้ เพราะเขาไม่ใช่คลาสอาชีพนักสู้ หรือมองค์อย่าง คิม ซอกจอง แต่สำหรับค่าพลังป้องกัน 650 ของมันแล้ว มันสามารถนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของพลังป้องกันจากเซตแบล็คจากัวร์ที่เขาสวมอยู่ได้
‘นี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ’
ฮยอนอู มีความสุขอย่างมากที่ได้รับถุงมือคู่นี้มา แล้วเขาก็เชื่อว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา
‘ตอนนี้เหลือแค่ต้องเพิ่มระดับเลเวลให้มากกว่านี้’
“พี่ชาย คุณอยากไปล่ามอนสเตอร์กับผมอีกสักครั้งไหม !?” ฮยอนอู ถาม คิม ซอกจอง
“ล่ามอน !?ดีเลย !!” คิม ซอกจอง ยอมรับข้อเสนอของ ฮยอนอู อย่างมีความสุข
พวกเขาตัดสินใจที่จะไปล่าก็อบลินปีศาจที่อาศัยอยู่ในหุบเขา
.....
ก็อบลินปีศาจได้ปรากฏตัวขึ้นในเทือกเขาตั้งแต่อดีต มันคือมอนสเตอร์ที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจ แม้ว่าหากเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ แล้ว ก็อบลินปีศาจจะไม่ได้มีความแข็งแกร่งทางร่างกายมากนัก แต่พวกมันก็มีสติปัญญาค่อนข้างสูง อีกทั้งพวกมันยังสามารถใช้พลังเวทมนตร์ได้ ซึ่งนั่นทำให้พวกมันกลายเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ทรงพลังที่ปกครองพื้นที่ส่วนหนึ่งของเทือกเขาเฮจินได้ด้วยตัวเอง
ตุ้บ !!!!ก็อบลินปีศาจล้มลงกับพื้น
มันพยายามใช้มีดแทงไปที่ร่างของ คิม ซอกจอง แต่ทว่าก่อนที่มันจะทันรู้ตัว ศีรษะของมันก็ถูกกำปั้นของเขาบดขยี้ไปก่อนแล้ว
[ก็อบลินปีศาจถูกกำจัดแล้ว ]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ ]
ระหว่างการออกล่าร่วมกับ ฮยอนอู มันก็ทำให้ คิม ซอกจอง เกิดความสงสัยอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับทักษะของ ฮยอนอู เพราะท้ายที่สุดแล้วทั้งวีดีโอ และสตรีมของ ฮยอนอู ก็เป็นข้อพิสูจน์สิ่งเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้ คิม ซอกจอง สงสัยก็คือ ทำไม ฮยอนอู ถึงสามารถล่ามอนสเตอร์ในเทือกเขาเฮจินได้
อารีน่าเป็นเกมต่อสู้ที่ไม่ใช่เกม RPG ปัจจัยสำคัญอย่างระดับเลเวล ไอเทมสวมใส่ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถละเลยได้ อย่างไรก็ตาม ไอเทมของ ฮยอนอู เหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก ความเสียหายรุนแรงที่ ฮยอนอู สามารถทำได้มาจากสกิลของเขา ซึ่งมันอาจจะเรียกได้ว่าน่าทึ่งมากที่สุดก็ว่าได้
“น้องชาย สัตว์เลี้ยงของนายวิเศษมาก เขาน่าจะมีประโยชน์กว่านักบวชในระดับเดียวกันอีก”
“บัพของเขาดีมากจริง ๆ นั่นแหละ การฟื้นฟูก็ยังน่าประทับใจ นอกจากนี้การโจมตีด้วยพลังเวทมนตร์ของเขายังสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของก็อบลินปีศาจได้ด้วย”
มันเป็นอย่างที่ คิม ซอกจอง พูด ในแง่หนึ่ง ทังอี มีความสามารถที่น่าประทับใจมาก ทั้งสกิลบัพ , สกิลฟื้นฟู และสกิลโจมตี ด้วยความสามารถเหล่านี้มันทำให้เขาสามารถเทียบได้กับผู้เล่นคลาสอาชีพในระดับเลเวลเท่ากับเขา นอกจากนี้ เนื่องจากค่าสถานะของตัวเขาเอง ทังอี ยังสามารถกลายเป็นแทงค์ฉุกเฉินให้กับ ฮยอนอู ได้อีกด้วย
“ฮี่ ๆ... เห็นไหมนายท่าน ว่าข้ายิ่งใหญ่มากแค่ไหน !?”
คำชื่นชมจาก คิม ซอกจอง ทำให้ ทังอี ตื่นเต้นอย่างมาก เขาปีนขึ้นไปบนศีรษะของ ฮยอนอู พร้อมกับเริ่มต้นไปมาอย่างสนุกสนาน
“ลงมา”
แต่เมื่อเห็นว่า ฮยอนอู ออกคำสั่งด้วยสีหน้าที่จริงจัง ทังอี ก็ต้องกระโดดลงมาทันที
“น้องชาย ทำไมนายถึงดุเด็กน้อยน่ารักคนนี้แบบนั้นล่ะ !?”
ในสายตาของ คิม ซอกจอง แล้ว ทังอี คือเด็กน้อยน่ารักงั้นเหรอ !?
.....
“วิ่งเร็วเข้า !!” ฮยอนอู และ คิม ซอกจอง กำลังวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ที่ด้านหลังของพวกเขาคือฝูงก็อบลินปีศาจมากกว่ายี่สิบตัว การล่าของพวกเขาเป็นไปอย่างราบรื่นมาจนถึงกระทั่งเมื่อพวกเขาเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาปีศาจ
พวกเขาได้รับการต้อนรับจากก็อบลินปีศาจสองตัว แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังจะแยกกันจัดการก็อบลินปีศาจคนละตัวนั้น จู่ ๆ ก็อบลินปีศาจทั้งสองตัวก็หยิบบางอย่างที่ดูเหมือนกับขลุ่ยขึ้นมาเป่า จากนั้นก็อบลินปีศาจจำนวนมากก็โผล่ออกมาจากหุบเขา ทั้ง ฮยอนอู และ คิม ซอกจอง ไม่ลังเลที่จะวิ่งหนีทันทีที่เห็นฝูงมอนสเตอร์จำนวนมากแบบนี้ แต่ไม่ช้าพวกเขาก็วิ่งมาพบกับทางตันที่เป็นหน้าผาขนาดใหญ่
“น้องชาย เราควรทำยังไงดี !?”
“ไม่ต้องกังวล ผมจะลดจำนวนของพวกมันลงสักครึ่งก่อนที่จะเข้าปะทะกับพวกมัน”
ฮยอนอู เตรียมที่จะใช้ลมหายใจแหง่เปลวไฟ ที่เป็นสกิลของแก่นทั้งทะเลทรายที่เขาได้รับมาจากการเอาชนะมังกรทะเลทรายได้ ฝูงก็อบลินปีศาจไม่รู้เรื่องนี้ พวกมันคิดว่าตัวเองสามารถขับไล่มนุษย์ทั้งสองคนมาถึงทางตันได้ และเตรียมที่จะจัดการทุกอย่างให้จบลง
‘ลมหายใจแห่งเปลวไฟ’
เปลวไฟอันทรงพลังกวาดเข้าหาฝูงก็อบลินปีศาจ มันคือเปลวไฟที่พุ่งออกมาจากวงแหวนเวทมนตร์ที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศอย่างกะทันหัน
กี้ !!!!!!!!!
หุบเขาเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นจากผิวหนังที่ไหม้เกรียม เพียงพริบตาเดียวก็อบลินปีศาจก็เหลืออยู่เพียงครึ่งโหลเท่านั้น
“แบบนี้เรายังพอจัดการกับพวกมันได้” คิม ซอกจอง ที่ได้รับสกิลบัพจาก ทังอี กระโดดเข้าหาก็อบลินปีศาจที่เหลืออยู่
ขณะเดียวกัน ฮยอนอู ไม่ได้อยู่เฉยแต่อย่างใด เขาเหวี่ยงดาบไปทางก็อบลินปีศาจ คลื่นพลังดาบที่วาดเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพุ่งผ่านลำคอก็อบลินปีศาจที่พยายามลอบโจมตี คิม ซอกจอง จนศีรษะของมันขาดกระเด็นไป
“ขอบใจมากน้องชาย” คิม ซอกจอง หันมายกนิ้วโป้งให้ ฮยอนอู อย่างพึงพอใจ
‘เป็นคนที่แน่วแน่ดีแฮะ’
การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ด้วยความร่วมมือระหว่าง ฮยอนอู , ทังอี และ คิม ซอกจอง พวกเขาก็สามารถจัดการกับก็อบลินปีศาจที่เหลือเพียงไม่กี่ตัวได้อย่างง่ายดาย
[ก็อบลินปีศาจถูกกำจัดแล้ว ]
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ ]
[เลเวลอัพ ]
[พลังชีวิต และพลังเวทมนตร์ได้รับการฟื้นฟู ]
‘เลเวล 100 สักที’
สำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ เมื่อระดับเลเวลมาถึง 100 มันคือจุดเปลี่ยนคลาสอาชีพครั้งที่สอง นี่เป็นโอกาสที่จะได้ลองเล่นคลาสอาชีพใหม่ หรือเพิ่มความสามารถให้กับคลาสอาชีพเดิมของตัวเอง อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่มีความหมายอะไรมากนักสำหรับ ฮยอนอู เพราะเขาได้เปลี่ยนเป็นคลาสอาชีพ อัศวินแห่งคิออน ที่เป็นคลาสอาชีพระดับแรร์แล้ว ถ้าเช่นนั้นนี่คือก้าวอีกหนึ่งก้าวที่จะทำให้เขาเข้าใกล้พวกแรงค์เกอร์ใช่ไหม !?มันก็ใช่ แต่มันยังไม่เพียงพอ
‘ฉันต้องอัพเลเวล 110 ภายในวันศุกร์นี้ให้ได้’
ไม่มีความแตกต่างกันมากนักระหว่างระดับเลเวลปัจจุบัน กับระดับเลเวล 110 อย่างไรก็ตาม มันเป็นเป้าหมายของ ฮยอนอู ที่เปรียบเหมือนกับกฎเหล็กที่เขาจะไม่ยอมฝ่าฝืนมัน
“พี่ชาย วันนี้เราน่าจะล่ากันพอแล้ว” ฮยอนอู แนะนำให้ คิม ซอกจอง กลับไปยังค่ายของกิลด์เขา
“ตกลง ฉันก็คิดว่าเราล่ากันมาพอแล้ววันนี้”
…..
เคท หัวหน้ากิลด์ไพโอเนียถูกเรียกขานด้วยฉายามากมาย ไม่ว่าจะเป็น หัวหน้ากิลด์ไพโอเนีย , ตัวประหลาด , คนนอกรีต , มหาเศรษฐีรุ่นที่สี่ แต่ชื่อจริงของเขาคือ เคท ปอร์เช่ เขาคือทายาทโดยตรงของ เฟอดินาน ปอร์เช่ ผู้ก่อตั้งบริษัทปอร์เช่ ในวันนี้เขาได้เดินทางไปยัง NIKE Management ที่นิวยอร์กด้วยตัวเอง
“สวัสดี เจมี่ ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ คุณดูดีขึ้นหรือเปล่าเนี่ย !?” เคท พูดทักทายพร้อมกับยื่นมือไปจับมือกับ เจมี่
“คุณคิดว่าผมดูดีกว่าเมื่อก่อนเหรอ !?ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งจนทำให้ผมว่าตัวเองผอมลงมากกว่า” เจมี่ ตอบพร้อมกับจับมือกับ เคท
“ถ้างั้นผมคิดว่าคุณควรจะยุ่งต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยวิธีนี้คุณจะยังรักษาใบหน้าที่หล่อเหลาของคุณต่อไปได้”
“ฮ่า ๆ... เลิกล้อเล่นกันดีกว่า คุณมาที่นี่ด้วยเหตุผลอะไรเหรอ !?”
“ผมอยากลงโฆษณากับคุณในฐานะสปอนเซอร์” เคท พยักหน้าเล็กน้อย เจมี่ พูดถูก เขาเดินทางมาถึงที่นี่เพราะเรื่องของ อัลเลย์บอส
“เคท ที่คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ !?หรือมันเป็นความต้องการของปอร์เช่ !?” เจมี่ ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
มันเป็นข้อเสนอของเขาเองในฐานะรุ่นที่สี่ หรือเป็นข้อตกลงทางธุรกิจจากบริษัทของเขา !?อย่างไรก็ตาม เคท ไม่ได้ตอบกลับมาในทันที เขาเพียงยิ้มอย่างขี้เล่นเล็กน้อยจะเริ่มพูดอีกครั้ง
“การเสนอตัวเป็นสปอร์เซอร์คือความคิดของผม แต่เป็นเพราะการตัดสินใจของทุกฝ่ายในบอร์ดบริหารที่ทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ ผมต้องการช่วงโฆษณา 15 วินาที ที่ไม่สามารถกดข้ามได้ก่อนเข้ารายการศึกราชันหน้ากาก คุณสามารถเสนอจำนวนเงินตามที่คุณต้องการได้เลย คิดว่าข้อเสนอนี้น่าสนใจพอไหมครับ !?” เคท พูดด้วยรอยยิ้ม
นี่เป็นข้อเสนอที่ได้รับการพิจารณามาอย่างดีแล้ว สิ่งที่ เคท ต้องการในตอนนี้คือการตัดสินใจจากทาง NIKE และ อัลเลย์บอส เท่านั้น
“ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาที่จะเป็นคนตัดสินใจ เราเป็นเพียงตัวกรองหลักให้เขาเท่านั้น” เจมี่ พูด จากนั้นเขาก็หยุดเล็กน้อยพลางหยิบน้ำขึ้นมาจิบเบา ๆ
ขณะเดียวกัน เคท ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ‘แปลว่าการตัดสินใจของเขาถือเป็นที่สุดสินะ ...’
มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่อยู่เหนือความคาดหมายของ เคท ไปเล็กน้อย เจมี่ ยังคงพูดต่อ “ถ้าเป็นปอร์เช่ ผมคิดว่าเขาน่าจะยอมรับ อัลเลย์บอส ไม่ได้ใจแคบอย่างที่คุณคิด”
“ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับการเป็นสปอนเซอร์รายใหม่ของเขา” เจมี่ ยืนขึ้นพร้อมแสดงความยินดี
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น”
.....
“คุณเคล ไม่ได้พบกันนานเลยนะครับ”
ฮยอนอู ออกมาด้านนอกในรอบหลายวัน ในวันนี้เขามีนัดกับ เคล และ เจมี่ เพราะมันถึงเวลาที่ศึกราชันหน้ากากจะเผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว
“ผมคิดว่าคุณจะเล่นอารีน่าตลอดทั้งวันซะอีก แต่ดูเหมือนร่างกายของคุณจะดูเฟิร์มกว่าก่อนหน้านี้อีกนะครับ มิสเตอร์จี” เคล พูดอย่างจริงใจ แน่นอนว่ามันควรเป็นแบบนั้น เพราะ ฮยอนอู ถูก ยองชาน ลากไปฟิตเนสตลอดช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้เขาได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่า ฮยอนอู เองก็มีเหตุผลที่เขายังคงออกกำลังอยู่ เพราะหลังจากการฝึกฝนอย่างหนักในฟิตเนสแล้ว เขาก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถจดจ่ออยู่กับอารีน่าได้มากขึ้น อีกทั้งสุขภาพของเขาเองก็ดีขึ้นมากตามไปด้วยเช่นกัน
“อา .. นี่คือเจ้านายของเขา เจมี่ มัวร์” เคล แนะนำชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเขาให้กับ ฮยอนอู ได้รู้จัก
“สวัสดีครับ อัลเลย์บอส ผม เจมี่ มัวร์” เจมี่ พูดพร้อมกับจับมือ ฮยอนอู นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับ ฮยอนอู ด้วยการมาถึงของ เคท มันทำให้เขาตัดสินใจที่จะมาพบกับ ฮยอนอู เพื่อสร้างความสัมพันธ์มากขึ้นก่อนที่จะมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา
“สวัสดีครับ ผม คัง ฮยอนอู หรือจะเรียก มิสเตอร์จี เหมือนคุณเคล ก็ได้ครับ”
“ผมอยากพบคุณมากจริง ๆ ตัวเอกของโลกแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่แห่งยุค อัลเลย์บอส”
ฮยอนอู มองไปยังใบหน้าของ เจมี่ ก็พบว่าดวงตาของชายคนนี้กำลังเปล่งประกายอย่างน่าประหลาด ทำไม เจมี่ ถึงได้มองเขาด้วยสายตาแบบนี้ !?
‘นายก็เป็นผู้ชาย ฉันก็เป็นผู้ชาย มันคงไม่ดีหรอกมั้ง’ ฮยอนอู คิดในใจก่อนจะส่ายศีรษะแรง ๆ สองสามครั้งเพื่อสลัดความคิดที่น่าสยดสยอง มันไม่ใช่เพราะเขาเลือกปฏิบัติ หรือมีความรู้สึกรังเกียจ เจมี่ เพียงแต่เขาไม่ต้องการตกเป็นเป้าหมายของชายหนุ่มคนไหนเลยสักคน
“เอาล่ะ เรามาพูดถึงศึกราชันหน้ากากกันดีไหม !?” ฮยอนอู ดึงมือกลับด้วยร่างกายที่สั่นเทาอย่างรวดเร็ว
‘ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า !?’ เจมี่ เกิดคำถามในใจ
“เคล การจับมือมันมีความหมายอื่นในเกาหลีใต้หรือเปล่า !?” เจมี่ กระซิบถาม เคล
“บอส ครั้งก่อนเขาก็ไม่มีท่าทีแบบนี้นะครับ ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
เป็นไปไม่ได้ที่ เคล จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพราะมีเพียง ฮยอนอู เท่านั้นที่รู้ความคิดของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองไม่ได้ปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้คงอยู่ต่อไป พวกเขารีบพูดถึงจุดประสงค์ทันที “มีข้อเสนอโฆษณาสำหรับศึกราชันหน้ากากถูกยื่นมาที่เรา”
“โฆษณา !?” ฮยอนอู พูดทวนด้วยสีหน้าสับสน ศึกราชันหน้ากากเป็นรายการที่ยังไม่ถูกถ่ายทำด้วยซ้ำ จะมีใครบ้าที่ไหนกล้ามาลงโฆษณากับรายการที่ยังไม่เคยถูกเผยแพร่แบบนี้
“มันเป็นข้อเสนอจากปอร์เช่ คุณรู้จักกับ เคท ไหมครับ ดูเหมือนเขาจะรู้จักคุณนะครับมิสเตอร์จี”
“เคท !?เคท จากกิลด์ไพโอเนียเหรอครับ !?”
“ใช่ครับ !!เขาคือ เคท ปอร์เช่ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของปอร์เช่ ไม่ใช่ว่าคุณรู้เรื่องนี้อยู่แล้วเหรอครับ !?”
“ไม่เลยครับ ผมเคยเจอเขามาก่อน แต่ว่า ...”
“คุณอยากจะรับข้อเสนอนี้ไหม !?แต่ผมแนะนำให้คุณรับข้อเสนอนี้นะครับ ไม่ใช่ว่าปอร์เช่จะยอมเป็นสปอนเซอร์ให้กับใครง่าย ๆ เลย”
‘เขาบอกว่าเขาจะยื่นข้อเสนออีกครั้งถ้าเราได้พบกันอีกครั้ง’ ฮยอนอู คิดในใจ
“ผมเข้าใจ ปอร์เช่เป็นแบรนด์ยานยนต์ระดับโลก คงไม่มีใครบ้าพอปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาหรอกใช่ไหม”
ฮยอนอู ปฏิเสธข้อเสนอจาก เคท ในครั้งก่อน แต่ในครั้งนี้เขาไม่ลังเลยที่จะยอมรับมัน
‘ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขามาจากปอร์เช่ ถ้าฉันรู้ฉันคงตอบรับข้อเสนอของเขาตั้งแต่แรกแล้ว’
จากนั้นทั้งสามก็พูดคุยกับถึงสไตล์การเล่นของ ฮยอนอู และเรื่องรายการศึกราชันหน้ากากที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำ
“นี่คือรายชื่อแขกรับเชิญของสัปดาห์นี้ครับ” เจมี่ พูดพร้อมกับยื่นกระดาษออกมา ฮยอนอู รับมาพร้อมกับเริ่มตรวจสอบรายชื่อทั้งหมด ในนี้มีทั้งผู้เล่นมืออาชีพ สตรีมเมอร์ และบุคคลที่มีชื่อเสียง
“จริงเหรอครับเนี่ย !?พวกเขาสนใจอยากเข้าร่วมรายการจริง ๆ เหรอครับ !?” ฮยอนอู ตกใจอย่างมากเมื่อเห็นรายชื่อบนกระดาษจนเขาต้องเงยหน้ามองตรงไปที่ เจมี่ อย่างไม่กะพริบตา คงไม่มีใครเชื่อแน่ว่าคนในรายชื่อเหล่านี้จะมาร่วมรายการของเขาจริง ๆ พวกเขาจะต้องคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นแน่ ๆ
“นี่เป็นรายชื่อที่เราได้รับการยืนยันมาแล้ว พูดตามตรงเลยว่าเราเองก็ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับแบบนี้เหมือนกันครับ” เจมี่ ไม่แปลกใจกับปฏิกิริยาของ ฮยอนอู แม้แต่นิดเดียว ใครจะจินตนาการได้ว่าคนเหล่านี้จะมาปรากฏตัวพร้อมกันในการสตรีมครั้งนี้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาเชื่อว่าศึกราชันหน้ากากจะต้องดังเป็นพลุแตกตั้งแต่ครั้งแรกแน่นอน