52
บทที่ 52
ขณะที่ ริน กำลังจะส่งลูกไฟยักษ์ออกมานั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น และช่วยชีวิตของ ฮยอนอู เอาไว้ มันเหมือนการลงโทษจากสวรรค์ เพราะจู่ ๆ สายฟ้าก็ตกลงมาบนศีรษะของ เสี่ยว , เว่ย และ ริน ทั้งสามคนตามลำดับ
“นายท่าน ข้ามาช่วยแล้ว !!” ทังอี ปรากฏตัวขึ้นอย่างสง่างามด้วยการหมุนตัวกลางอากาศสามตลบก่อนจะล่อนลงถึงพื้นอย่างไร้เสียง “นายท่าน ท่านเป็นอะไรไหม !?ท่านนี่อ่อนแอจริง ๆ พอไม่มีข้าท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลยสินะ”
ทังอี ปลดปล่อยคำพูดที่ดูผิดจากลักษณะภายนอกของเขาอย่างสิ้นเชิง
“อย่างที่คิด ฉันพึ่งพานายได้คนเดียวจริง ๆ ทังอี” ฮยอนอู อยากจะพุ่งเข้าไปกอด และหอม ทังอี สักฟอด แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกในตอนนี้คือการจัดการกับศัตรูทั้งสามคนเสียก่อน
“บ้าเอ๊ย !!นี่มันอะไรกันเนี่ย !!” สกิลเวทมนตร์ของ ริน ถูกยกเลิกการร่าย และเธอก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะจากการตีกลับของพลังเวทมนตร์ ทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้ตอนนี้มีเพียงอ้าปาก และส่งเสียงออกมาอย่างหงุดหงิดเท่านั้น
[ผู้เล่น ริน ติดสถานะผิดปกติ อัมพาต ]
[ผู้เล่น ริน ติดสถานะผิดปกติ บอบช้ำจากภายใน ]
ความเสี่ยงยิ่งสูง ผลตอบยิ่งสูงตามไปด้วย นี่คือวลียอดฮิตที่มักจะใช้อธิบายเกี่ยวกับความสามารถของจอมเวท เวทมนตร์ของจอมเวทคือสิ่งที่ทรงพลังมาก ดังนั้น ระบบจึงสร้างสถานะผิดปกติ บอบช้ำภายใน ขึ้นเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างคลาสอาชีพ จอมเวทจะได้รับความเสียหายอย่างหนักถูกพลังเวทมนตร์ตีกลับ
นั่นเป็นเหตุผลที่จอมเวทในอารีน่ามักจะมีความระมัดระวังตัวมากกว่าคนอื่น ๆ พวกเขาจะร่ายเวทมนตร์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะเลือกใช้สกิลเวทมนตร์เล็ก ๆ ที่ไม่ต้องใช้คำร่าย หรือมีคำร่ายสั้น ๆ อีกทั้ง ริน มักจะไม่ค่อยออกล่าด้วยตัวเองมากนัก แต่ในตอนนี้เป็นเพราะเธอถูกความโกรธครอบงำจึงทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ตอนนี้ ฮยอนอู ก็เล็งสกิลผ่าจันทร์เสี้ยวตรงไปที่ ริน รออยู่แล้ว ในสนามรบตัวแปรที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้คือจอมเวทที่ทรงพลัง และการกำจัดตัวแปรใด ๆ ที่ไม่น่าไว้ใจก็เป็นหนึ่งในพื้นฐานของการต่อสู้
“กรี๊ดดดดด !!” ริน กรีดร้องพร้อมกับถูกบังคับให้ล็อกเอาท์ออกจากเกม
ตอนนี้เหลือเพียง เสี่ยว และ เว่ย ที่เป็นผู้เล่นคลาสนักรบทั้งคู่เท่านั้น
“นายท่าน ข้าจะช่วยท่านเอง !!” ทังอี เข้าร่วมการต่อสู้อย่างจริงจัง ในช่วงเวลาที่ผ่านมามันทำให้สกิลสายฟ้าฟาดของ ทังอี ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมาก
[สายฟ้าฟาด ]
[สร้างสายฟ้าจากพลังเวทมนตร์ ]
[ประเภท : เรียกใช้ ]
[ระดับ : แรร์ ]
[ความชำนาญ : C+]
[ความสามารถ : ปล่อยสายฟ้าได้ถึงเก้าสาย ล
[คูลดาวน์ : 5 วินาที ]
มันไม่ใช่เพียงแค่สามารถปล่อยสายฟ้าออกมาได้เก้าสายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากเมื่อครั้งที่ความชำนาญยังอยู่เพียงระดับ F เป็นเหมือนไฟฟ้าสถิตเบา ๆ แล้วนั้น เมื่อความชำนาญมาถึงระดับ C+ มันก็จะกลายเป็นกระแสไฟแรงสูงที่น่ากลัว ทังอี ปล่อยสายฟ้าออกมาสองเส้นพุ่งเข้าหา เสี่ยว และ เว่ย ที่พยายามต่อสู้กับ ฮยอนอู
“อ๊ากกกก !!”
“อ๊ากกกก !!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อทั้ง เสี่ยว และ เว่ย ถูกฟ้าผ่า
[ผู้เล่น เสี่ยว ได้รับสถานะผิดปกติ อัมพาต ]
[ผู้เล่น เว่ย ได้รับสถานะผิดปกติ อัมพาต ]
ฮยอนอู ไม่พลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้แน่นอน ศัตรูที่ติดสถานะผิดปกติอัมพาตก็ไม่ต่างไปจากหุ่นซ้อมในสายตาของเขา เลือดสองสายสาดกระเซ็นออกจากร่างของทั้งสองในพริบตา
[เนื่องจากการป้องกันตัวที่ยุติธรรม แต้มกรรมของคุณจะไม่เพิ่มขึ้น ]
“จบสักที”
การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว และผู้ชนะก็คือ ฮยอนอู แน่นอน
‘ฉันได้ยินว่าพวกนั้นเรียกจอมเวทคนนั้นว่า ริน !?’
ฮยอนอู พึมพำกับตัวเองเมื่อมองไปยังร่างที่ค่อย ๆ สลายไปของจองเวทหญิง
.....
ในเทือกเขาเฮจินที่เต็มไปด้วยผู้เล่นจำนวนมากที่กำลังออกล่ามอนสเตอร์นั้น ฮยอนอู กำลังเดินไปรอบ ๆ พลางพึมพำกับตัวเอง “ฉันไม่มีข้อส่วนนี้จาก NIKE นอกจากนี้ ยองชาน เองก็ยังไม่รู้ แบบนี้ฉันคงต้องพึ่งพาตัวเองอย่างเดียว ...”
‘มันคงจะดูแปลกไปหน่อยหากจะขอความช่วยเหลือจากไอโอเนีย’
ฮยอนอู กำลังต่อต้านความคิดของตัวเองที่จะขอความช่วยเหลือจากทีมของ เคท ระหว่างนั้นเขาก็เดินทางมาจนถึงหุบเขาปีศาจ !?หุบเขาปีศาจคือพื้นที่ล่าที่ถูกครอบครองโดยกิลด์โลกใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกิลด์หรือแรงค์เกอร์คนไหนที่ต้องการเข้ามาล่ามอนส์เตอร์ในบริเวณนี้ พวกเขาจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากกิลด์โลกใหม่เสียก่อน
ไม่นานหลังจากคิดหาทางออก ในที่สุด ฮยอนอู ก็ติดต่อหา คิม ซอกจาอง ขณะเดียวกันนี้ คิม ซอกจอง ก็ได้รับเควสให้เข้ามาล่ามอนสเตอร์ในเทือกเขาเฮจินเช่นกัน ดังนั้น ทันทีที่เขาได้รับการติดต่อจาก ฮยอนอู เขาก็รีบมุ่งหน้ามายังหุบเขาปีศาจเพื่อพบกับ ฮยอนอู ทันที
“น้อยชาย นายกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ !?”
“ผมกำลังคิดเกี่ยวกับที่มาของพวกเขา”
“พวกเขา !?คนที่โจมตีนายเหรอ !?”
“ครับ”
“นายบอกว่าหนึ่งในนั้นชื่อ ริน ใช่ไหม !?เธอเป็นจอมเวทที่สวมผ้าคลุมสีแดง ....” คิม ซอกจอง พูดทวนข้อมูลที่ได้รับมาด้วยความครุ่นคิด จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นอย่างกะทันหัน “จุนอู !!”
คัง จุนอู รีบวิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกราวกับคิดว่ามีอะไรเกิดขึ้น “มีอะไรเหรอพี่ !?”
“จุนอู นายรู้จักจอมเวทหญิงที่ชื่อ ริน บ้างไหม !?”
“ริน !?” คัง จุนอู รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของ คิม ซอกจอง เล็กน้อย
‘ริน !?จอมเวทหญิง!?’ จุนอู ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะอุทานออกมา “อ่า !!ฉันรู้จักอยู่หนึ่งคน แต่ฉันไม่รู้ว่า ริน คนนั้นจะเป็น ริน คนเดียวกับที่พี่หมายถึงหรือเปล่า”
เมื่อได้ยินคำพูดของ คัง จุนอู ดวงตาของ คิม ซอกจอง ก็เปล่งประกายขึ้นเล็กน้อยด้วยความหวัง บางทีเขาอาจจะช่วย ฮยอนอู ได้ ดังนั้น เขาจึงรีบให้ จุนอู พูดออกมาทันที “ลองบอกมาสิ”
“พี่ก็รู้จักเขาเหมือนกัน เขาเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เลขาของเขามีชื่อว่า ริน และเธอยังเล่นอารีน่าในคลาสจอมเวทด้วย”
“จริงเหรอ !?น้องชาย บางทีนายอาจจะเคยได้ยินชื่อเขามาเหมือนกัน”
“เขาคือใครเหรอครับ !?” ฮยอนอู ถาม
ฮยอนอู มีรายชื่อบางคนในใจอยู่บ้างแล้ว แต่เขาก็เลือกที่จะถามจาก คิม ซอกจอง ดูก่อน เพราะยิ่งเขามีข้อมูลมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับเขามากขึ้น
“เขาเหรอ !?เขาคือซีอีโอการค้าขนาดใหญ่ เทียนหู่ เขามักจะถูกเรียกว่าท่านประธาน แต่จริง ๆ แล้วเขาคือไอ้สารเลวที่พยายามควบคุมราคาไอเทมในตลาด” คิม ซอกจอง ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อพูดถึง เทียนหู่ สำหรับเขาแล้ว เทียนหู่ คือคนที่เขาไม่อยากนึกถึงด้วยซ้ำ “ไม่มีใครเหมาะสมกับคำว่า นักเลง ไปมากกว่าคนนี้อีกแล้ว นอกจากนี้ไอ้หมอนี่ยังเป็นสตรีมเมอร์อยู่ด้วย แต่ไม่นานธาตุแท้ของมันคงจะเปิดเผยแล้ว”
ควบคุมราคาไอเทม ....
นี่เป็นข่าวที่น่าตกใจไม่น้อย และมันคือเหตุผลที่ทำให้ คิม ซอกจอง เกลียด เทียนหู่ เช่นกัน
ขณะเดียวกันนั้น คัง จุนอู ที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มอธิบายให้กับ ฮยอนอู “จีนมีประชากรมากที่สุด นายรู้ไหมว่านั่นหมายถึงอะไร !?นั่นหมายความว่าเขามีคนจำนวนมากที่สามารถทำงานให้กับเขาได้ เขาใช้คนมากมายในการสร้างตัวละครเลเวลสูง ตอนนี้พวกนั้นกำลังฟาร์มอยู่แถวทางเข้าเทือกเขาเฮจิน”
คิม ซอกจอง ยิ้มอย่างขมขื่น เนื่องจากคำอธิบายของ คัง จุนอู ยังไม่เพียงพอ “นั่นไม่ใช่เหตุผลที่ฉันเกลียดเขา แต่เป็นเพราะมันกว้านซื้อไอเทมระดับแรร์ช่วงเลเวล 160-180 ไปจนหมด”
หลังจากที่ คิม ซอกจอง พูด คัง จุนอู ก็เริ่มอธิบายเพิ่มเติมอีกครั้ง “ไอเทมที่ได้รับจากการล่ามีอยู่ค่อนข้างจำกัด มันจึงเป็นเรื่องปกติที่กิลด์ใหญ่ ๆ จะขายไอเทมที่ไม่จำเป็นทิ้งไปเพื่อสร้างเงินทุนให้กับตัวเอง แต่เขาใช้วิธีการรับซื้อไอเทมพวกนั้นทั้งหมด และวางขายกลับลงไปในตลาดดูราคาปลอม ๆ นายเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมไอเทมของอารีน่าถึงมีราคาแพงมาก !?”
คัง จุนอู ยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์ OK พร้อมกับพูด “มันมีคนมากมายที่ใช้วิธีการเดียวกับ เทียนหู่ นั่นทำให้ราคาไอเทมแพงขึ้นเพราะพวกนั้นพยายามควบคุมตลาด”
‘นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องซื้อไอเทมแพง ๆ...’ แม้ว่า ฮยอนอู จะยังไม่มั่นใจว่า เทียนหู่ เป็นคนส่งผู้เล่นทั้งห้ามา PK เขาหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มเกลียด เทียนหู่ แล้ว
‘ขอให้เป็นหมอนี่เถอะ ฉันจะเหยียบมันให้จมดินไปเลย’
ความปรารถนาที่จะต่อสู้ของ ฮยอนอู เพิ่มขึ้น
.....
ขณะที่ เทียนหู่ เชื่อมต่อเข้ามาในอารีน่า เขาก็พบว่าทีมของ ริน ถูกบังคับให้ล็อกเอาท์ออกมาแล้ว
“บัดซบ !!นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะ !?” เทียนหู่ เหวี่ยงกำปั้นใส่ต้นไม้ข้างทางด้วยความโกรธ
จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ริน บอกฉันสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทีมติดตามถึงล็อกเอาท์ออกไปหมดแบบนี้ !?”
ทันทีที่ออกมาจากแคปซูล และพบกับ ริน ที่รออยู่ก่อนแล้ว ความเดือดดาลของ เทียนหู่ ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เทียนหู่ ขว้างทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยความโกรธ ริน ทำได้เพียงก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ ราวกับคุ้นเคยสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดี ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็ได้รับอนุญาตจาก เทียนหู่ ให้เริ่มพูดได้ “มันเป็นความผิดของฉันเองค่ะ ฉันไม่รู้ว่า อัลเลย์บอส จะเก่งขนาดนี้ ฉันเสียใจ”
“บอกรายละเอียดทั้งหมดที่เกิดขึ้น”
“ฉันอัดวีดีโอเอาไว้ค่ะ ฉันคิดว่าถ้าจัดการกับเขาได้ ฉันจะอัพโหลดมัน แต่ ....”
ริน ยื่น USB ขนาดเล็กที่มีไฟล์วีดีโอเก็บไว้ให้กับ เทียนหู่
“ไปได้แล้ว” เทียนหู่ รับ USB มาก่อนจะให้ ริน ออกไปด้านนอก
จากนั้นเขาก็ต่อ USB กับแล็บท็อปเพื่อเล่นวีดีโอ
.....
อีกด้านหนึ่ง ลีฮุน ได้ลดงานรับจ้างเป็นคนขับลงเรื่อย ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาตั้งใจจะเลือกเป็นคนขับเพราะเงินที่เขาสามารถหาได้ในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากอาชีพนี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว แม้ว่ามันจะไม่พอสำหรับตั้งตัวในโซลได้ แต่มันก็เพียงพอที่จะซื้อร้านค้าเล็ก ๆ ในชนบทได้
ตอนนี้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพัฒนาตัวละครของเขาเอง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากเขาได้พบกับคนคนหนึ่ง นั่นก็คือ อัลเลย์บอส การต่อสู้กับชายคนนี้เพียงครั้งเดียวทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
‘ฉันอยากเป็นเหมือนเขา’
เขาใฝ่ฝันจะเป็นสตรีมเมอร์ จู่ ๆ วันหนึ่ง ลีฮุน ก็ได้รับข้อความจาก ฮยอนอู
-ฉันคือ อัลเลย์บอส
-ฉันส่งข้อความหานายเพราะอยากถามนายว่า นายพอจะรู้จักจอมเวทชื่อ ริน ที่เป็นเลขาของ เทียนหู่ ไหม
“ริน !?เขาหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเหรอ !?”
ลีฮุน นึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมาพบเขาในอดีต เธอแนะนำตัวเองว่าเป็นรองหัวหน้ากิลด์ขนาดใหญ่ และเสนอให้เขาร่วมงานกับเธอ อย่างไรก็ตาม ความจริงที่กิลด์นั้นเป็นโรงงานมนุษย์ขนาดใหญ่ที่มีฐานการตลาดอยู่ในจีน และอินเดีย ก็ทำให้ ลีฮุน ปฏิเสธข้อเสนอไป
“ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าคนพวกนี้เชื่อถือไม่ได้”
เมื่อเขาปฏิเสธข้อเสนอไป ลีฮุน ก็ถูกร้องขอให้รับงานสไนป์ภายใต้หน้ากากของคนขับ
‘ฉันไม่นกสองหัวสักหน่อย ถึงฉันจะเป็นคนขับ แต่ฉันก็ยังมีความภาคภูมิใจของฉัน’
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มันเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ ลีฮุน เคยทำมาในชีวิตของเขา ลีฮุน ทานอาหารจนเสร็จก่อนจะลบข้อมูล เฮเดอร์ ฉายาคนขับของเขาออกจากทุกแพลตฟอร์ม อีกทั้งยังลบรายชื่อลูกค้าทั้งหมดในโทรศัพท์ของตัวเองทิ้งไปด้วยเช่นกัน จากนั้นเขาก็เข้าสู่แคปซูลเพื่อสู่อารีน่า
“จริงสิ !!ผู้ว่าจ้างครั้งนั้นก็คือ เทียนหู่ !!”
ขณะนั้น เขาก็นึกเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้
“ทำไมฉันถึงยอมรับมัน !?เพราะฉันต้องการเงิน ไม่มีงานไหนที่จะได้รายได้มากขนาดนี้อีกแล้ว จะมีใครในประเทศนี้ที่กล้าจ่ายเงินหลายหมื่นหยวนเพื่อจ้างใครสักคน !?” ลีฮุน หยุดเล็กน้อยพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
จากนั้นริมฝีปากของเขาก็เริ่มขยับอีกครั้ง “เทียนหู่ !!”
…..
‘มันเป็นเขาจริง ๆ’
“แต่ทำไมเขาถึงต้องหมายหัวฉัน !?ฉันไม่เคยเจอเขาด้วยซ้ำ!?”
ฮยอนอู เข้าใจได้ในที่สุดว่า เทียนหู่ อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด แต่เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องมุ่งเป้ามาที่เขา
‘เขาเป็นคนที่ฉันไม่รู้จัก ไม่เคยมีสัมพันธ์อะไรมาก่อน ... อ่า สงสัยไอ้หมอนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว’
เขาส่งข้อความออกไปด้วยความหวังเพียงเล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับแจ็คพอตครั้งใหญ่ ด้วยคำตอบที่ได้รับจาก ลีฮุน มันก็ทำให้เขามั่นใจได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็คือ เทียนหู่ แต่ไม่ช้า ฮยอนอู ก็พบกับทางตัน เพราะเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไม เทียนหู่ ถึงต้องการกำจัดเขา
“ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับกิลด์ของเขาด้วยซ้ำ ทำไมไอ้หมอนี่ถึงเข้ามายุ่งกับฉัน !?” ในที่สุด ฮยอนอู ก็โพล่งออกมาด้วยความหงุดหงิด
จากนั้น ฮยอนอู ก็คิดหาวิธีการแก้ปัญหาง่าย ๆ สำหรับสิ่งที่เขายังไม่ได้รับคำตอบ
“ฉันต้องไปเจอไอ้หมอนั่นแล้วถามมันว่ามันทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร!!”
ใบหน้าของ ฮยอนอู เต็มไปด้วยความหงุดหงิด แต่ไม่ช้าริมฝีปากของเขาก็ขดขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
“แต่ว่าฉันต้องไปตามหาไอ้หมอนั่นจากที่ไหน มันอยู่ในเทือกเขาเฮจินเหมือนกันใช่ไหม !?ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะอัดมันให้เละ ... ฉันจะอัดมันจนมันไม่กล้าเข้ามายุ่งกับฉันอีก แล้วฉันค่อยถามเหตุผลทีหลัง”
ดวงตาของ ฮยอนอู เปล่งประกายขึ้น
“รอฉันก่อนเถอะ ไอ้สารเลว”