2080 - สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ไร้ยางอายที่สุดในประวัติศาสตร์
Perfect world 2080 - สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ไร้ยางอายที่สุดในประวัติศาสตร์
หลังจากนั้นไม่นาน การต่อสู้ครั้งนี้ก็เริ่มต้นขึ้น มันจบลงหลังจากผ่านไปพันกระบวนท่า บุคคลนั้นต้องทนทุกข์กับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ โดยทิ้งกองทรัพยากรไว้เบื้องหลังก่อนจะจากไป
“ชัยชนะต่อเนื่องสามครั้ง มีใครอีกบ้างที่อยากจะลอง” สือฮ่าวยืนอยู่ในเวทีและตะโกนออกมาเพื่อยั่วยุอีกครั้ง
รูปลักษณ์ที่โอ้อวดอย่างไร้ยางอายของเขาเป็นสิ่งที่หลายคนไม่สามารถทนมองได้
อย่างไรก็ตามไป๋เจ๋อและจื่อคุนต่างก็เชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่คำการล้อเล่น ความแข็งแกร่งของเขาเพียงพอที่จะทำให้เขาหยิ่งผยองแบบนี้
ผู้สูงสุดสองคนของตระกูลเอ๋าก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เด็กคนนี้แข็งแกร่งมากและไม่หยิ่งผยอง สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงเพียงแต่ว่าคนอื่นไม่รู้เท่านั้นเอง
“ผมขาว ผมม่วง ผมฟ้า ตอนนี้ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” สือฮ่าวชี้ไปที่บางคนซึ่งกำลังมีสีหน้าโกรธแค้นอยู่
เมื่อถูกชี้อย่างจำเพาะเจาะจงเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการต่อสู้ มันก็เป็นไปไม่ได้ ผู้คนต่างขึ้นไปบนเวทีทีละคนและทำการต่อสู้อย่าง “ดุเดือด” น่าเสียดายที่ไม่มีใครสามารถทำให้สือฮ่าวล้มลงจากเวทีได้
หลังจากชัยชนะอย่างต่อเนื่องหกครั้ง สือฮ่าวก็โบกมือของเขา
“เราจะจบกันที่นี่ ข้าจะไม่ต่อสู้อีกต่อไป!”
"ไม่มีทาง!" หลายคนตะโกน
มีผู้เชี่ยวชาญตัวจริงยังไม่ได้เคลื่อนไหวไม่ได้ต่อสู้ ผู้ฝึกฝนบางคนจากดินแดนอมตะได้รับความพ่ายแพ้ไปมากมายมันทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนใบหน้าของพวกเขาถูกฉีกอย่างยับเยิน
“ข้าไม่อยากต่อสู้อีกแล้ว” สือฮ่าวตอบกลับ
"ทำไม? เมื่อกี้เจ้ายังเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ โดยบอกว่าตัวเจ้าเป็นจักรพรรดิ แล้วเจ้ากลัวอะไรอีก?” มีคนตะโกนถาม
“กลัวอะไร? ข้าแค่รู้สึกเจ็บปวดจากภายใน ข้าต่อสู้อย่างเหน็ดเหนื่อยแต่กลับต้องมอบหนึ่งในสิบของของที่ริบได้ให้กับโรงเตี๊ยมนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไร?” สือฮ่าวกล่าว
มารดาเจ้าเถอะ!
ผู้คนรู้สึกเอือมระอาจริงๆ เขาเป็นผู้สูงสุดที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ไม่คิดว่าเขาจะไม่รักษาหน้าของตัวเองแม้แต่น้อย?
เจ้าของร้านปฐมแห่งความโกลาหลพูดไม่ออกทันที นี่คืออะไร? นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับผู้สูงสุดที่ไร้ยางอายถึงขนาดนี้
“แล้วอยากทำอะไรล่ะ” มีคนถาม
“เปลี่ยนสนามประลองข้ารู้สึกว่าที่นี่มันมืดเกินไป” สือฮ่าวพูดอย่างจริงจัง
“จิตใจเจ้าต่างหากที่มืดมน!” เจ้าของร้านต้องการจะด่าเขา แต่เขากลืนมันกลับลงไปในขณะที่กำลังจะพูดเรื่องนี้
ผู้คนจำนวนมากมาที่นี่เนื่องจากการมาถึงของฮวงและวันนี้มีการสู้รบมากมาย ดังนั้นนี่เป็นผลประโยชน์มหาศาล
ในที่สุดเขาก็ปั้นรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “เนื่องจากน้องชายคนนี้ไม่พอใจ เราจึงสามารถเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ เราจะหักค่าใช้จ่ายน้อยลงเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”
“เท่าไหร่?”
“...เป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่ ยังมากเกินไป!”
“แล้ว…”
…
ทุกคนตะลึงเมื่อมองดูการต่อรองของผู้สูงสุดทั้งสองคน
นี่ยังเป็นผู้บ่มเพาะอยู่อีกหรือ? ฝ่ายเจ้าของร้านที่เป็นผู้สูงสุดยังพอเข้าใจได้ แต่ฮวงที่กำลังต่อรองราคาอย่างหน้าดำเคร่งเครียดเขาไม่รู้สึกละอายใจในความเป็นผู้สูงสุดที่แข็งแกร่งที่สุดหรือ?
“เจ้าจะสู้หรือไม่สู้ หากมัวแต่ต่อรองราคาแบบนี้ยังนับเป็นผู้สูงสุดได้อย่างไร!” มีคนเตือน.
“ไสหัวไป หากเจ้าไม่พอใจก็ขึ้นมาสู้!” สือฮ่าวโบกมือด้วยความรำคาญ
ในท้ายที่สุดเจ้าของร้านก็ตกลงที่จะลดค่าบริการลงครึ่งหนึ่ง แต่มีข้อแม้ว่าสือฮ่าวต้องสามารถชนะอีกหกครั้งติดต่อกันหรือมากกว่านั้น
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่พวกเขาตกลงกันอย่างลับๆ ถ้าคนอื่นรู้ว่าเจ้าของร้านต้องการให้ฮวงชนะอย่างต่อเนื่อง พวกเขาอาจจะระบายความโกรธมาที่ร้านนี้แทน
ในวันนั้นชื่อของฮวงแพร่กระจายไปทั่วภูมิภาค มันดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากมาที่โรงเตี๊ยมปฐมแห่งความโกลาหลเพื่อชมการประลอง
หลังจากนั้นไม่นานหลายคนก็รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ในเมืองราชาพานว่าผู้ฝึกฝนชื่อฮวงซึ่งเป็นที่รู้จักว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเต๋ามนุษย์ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้
ในวันนั้นผู้คนมากมายสั่นสะเทือน ตัวอย่างเช่นตระกูลอมตะที่แท้จริงและอัจฉริยะจากเก้าสวรรค์สิบพิภพ
ฮวงปรากฏตัวอย่างลึกลับ พุ่งเข้าใส่เมืองราชาพานเอาชนะวีรบุรุษจากทุกด้าน ทำให้พวกเขาตกตะลึงจริงๆ
แม้แต่ตระกูลราชาอมตะก็ยังให้ความสนใจฮวง มันทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก
ชิงยี่ก็ได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เมื่อได้ยินว่าสือฮ่าวมาถึงอาณาจักรเซียนแล้ว แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่เมืองราชาพาน นางก็รีบมุ่งตรงไปที่เมืองนั้นทันที
ราชาอมตะน้อยเอ๋ากานก็ออกจากความสันโดษและมุ่งหน้าไปที่เมืองราชาพานอย่างไม่รอช้าเช่นกัน
ในเวลาเดียวกันพานยี่อัจฉริยะของตระกูลพานก็ออกมาจากความสันโดษ เมื่อเขาได้รับข่าว เขาก็มุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมปฐมแห่งความโกลาหล
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก่อนที่จะมีการชุมนุมที่โดดเด่น อย่างไรก็ตามตอนนี้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ บุคคลที่มีชื่อเสียงจากทุกเผ่าพันธุ์แทบจะมาถึงที่นี่หมดแล้ว
“เขาคือพานยี่จริงๆ เขาออกมาจากความสันโดษและมาถึงที่นี่เป็นการส่วนตัว!” มีคนร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มคนนี้
ผิวของพานยี่เป็นสีทองแดงไม่ได้หล่ออะไรมาก แต่เขามีความองอาจกล้าหาญสมชายชาตรี เขามีรูปร่างสูงใหญ่ คิ้วหนาและตาโต คิ้วของเขาแทบจะยาวมาถึงขมับ
รอบๆนั้นมีผู้คนมากมาย ชายหนุ่มหล่อเหลา หญิงสาวงดงาม ผิวขาวใสราวกับหยก ในขณะเดียวกันการที่พานยี่ยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขาด้วยสีผิวทองแดง มันทำให้เขามีความโดดเด่นมากจริงๆ
นี่คือบุคคลที่ทรงพลัง แม้ว่าเขาจะอยู่ไกล สือฮ่าวก็ยังรู้สึกได้ว่าคนๆนี้ไม่ธรรมดา พลังโลหิตที่อยู่ในร่างกายของเขาพุ่มพล่านเหมือนกับทะเล แต่ไม่มีสักส่วนเสี้ยวที่แทรกซึมออกมาสู่ภายนอก
นี่เป็นมังกรหลับหรือไม่ก็พยัคฆ์ซุ่ม บรรยากาศรอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยความอันตราย!
พานยี่ก็เฝ้าดูสือฮ่าวด้วยใบหน้าจริงจัง
“ผู้สูงสุดสุดขั้ว!”
นี่คือการประเมินของสือฮ่าว แม้ว่าเขาจะยืนอยู่ที่จุดสูงสุดของ เต๋าสุดขีดไม่มีคู่ต่อสู้ที่อยู่ภายใต้ระดับผู้อมตะที่แท้จริง แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงอันตรายเล็กน้อย
คนผู้นี้แข็งแกร่งมาก เกินความเข้าใจของคนทั่วไป!
เขาสมควรที่จะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในเต๋ามนุษย์ของอาณาจักรเซียนแล้ว!
สือฮ่าวก็เคยได้ยินว่าลูกหลานของราชาอมตะเอ๋าเฉิง เอ๋ากานและทายาทของราชาอมตะพานก็คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรเต๋ามนุษย์
คนเหล่านี้ล้วนมีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ รัศมีของพวกเขากลืนกินจักรวาล มุ่งมั่นที่การเป็นราชาอมตะ!
“พานยี่มาแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าเขาอยากจะก้าวขึ้นไปบนเวที?” บางคนก็เคลื่อนไหว มองอย่างมีความหวัง ใครในโลกนี้ไม่รู้จักพานยี่? พวกเขาทั้งหมดต้องการเห็นเขาลงมือ
เป็นเพราะว่าเขาท่องโลกมาเป็นเวลานานแล้ว ทุกคนต่างอยากเห็นว่าเขาแข็งแกร่งเพียงใด
ในสายตาของหลายๆคน เขาต้องสามารถเป็นผู้อมตะที่แท้จริงได้แน่นอนมันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่ต้องการฝ่าทะลุในเวลาที่ไม่เหมาะสม
ตอนนี้เขากำลังสะสมกำลังก่อตั้งรากฐานของราชาอมตะ เมื่อเขาสร้างรากฐานเต๋าที่ไม่มีวันเสื่อมสลายในอาณาจักรเต๋ามนุษย์ ได้สำเร็จ เขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตอมตะที่แข็งแกร่งที่สุด
“เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ เจ้าสามารถบรรลุเต๋าได้ภายในเวลาห้าร้อยปี สิ่งนี้มีเพียงคนโบราณเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากเจ้าไม่เสียชีวิตไปก่อนชื่อของเจ้าจะจะถูกเล่าขานไปนานแสนนาน”
พานยี่สนทนาลับๆผ่านสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กับสือฮ่าว
แม้แต่ในดินแดนอมตะการบรรลุเต๋าในห้าร้อยปีนั้นก็ยากอย่างยิ่ง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในยุคโบราณที่โหดร้ายที่สุดซึ่งเต็มไปด้วยการต่อสู้นองเลือดครั้งใหญ่
ว่ากันว่าราชาอมตะทุกคนล้วนแล้วแต่เกิดมาในยุคนั้น เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ใช่ผู้ที่บรรลุเต๋าภายในเวลาห้าร้อยปี
เพราะว่าผู้ที่บรรลุเต๋าก่อนกำหนดล้วนมีความแข็งแกร่งและโอหังมากเกินไป มันเป็นเหตุให้พวกเขาถูกสังหารก่อนเวลาอันควร
ราชาอมตะเหล่านั้นผงาดขึ้นจากการเหยียบซากศพของพวกเขา
ไม่ใช่ว่าผู้ที่บรรลุเต๋าตั้งแต่เนิ่นๆจะสามารถหัวเราะได้อย่างถาวร กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยมีราชาอมตะคนใดที่สามารถบรรลุเต่าได้ก่อนอายุห้าร้อยปี