บทที่ 849 แผนสำรอง!(ตอนฟรี)
บทที่ 849 แผนสำรอง!
แม้ว่าจี้เฟิงเพิ่งจะได้พบกับซูหลงเป็นครั้งแรก แต่เขาก็เคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวหลายอย่างของซูหลงมาก่อนแล้ว บวกกับสัญชาตญาณของเขา ทำให้ในการเจอกันครั้งแรกจี้เฟิงจึงมั่นใจได้ว่าซูหลงไม่ได้เป็นคนอารมณ์ร้อนหุนหันพลันแล่นจนทำให้งานพัง นอกจากนั้นสไตล์การจัดการสิ่งต่างๆของเขาก็เฉียบคมและเด็ดขาดมาก อีกทั้งยังเป็นวิธีที่โหดเหี้ยม
แต่ยิ่งเป็นคนแบบนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่คิดจะต่อกรกับผู้อื่นมากนัก
ดังนั้นจี้เฟิงจึงมั่นใจได้ว่าซูหลงจะเลือกหลบหนีอย่างแน่นอน และเขาจะหลบหนีในเวลาที่สั้นที่สุด
จี้เฟิงขับรถออกจากที่จอดรถอย่างรวดเร็วมาที่ถนน และตรงไปที่วิลล่าของโจวเฟยเฟยในเขตชานเมืองทางตอนเหนือของหางโจว ในเวลาเดียวกันเขาก็หันหน้าไปด้านข้างและพูดว่า “เฟยเฟย เธอโทรหาซูยาหยุนที บอกให้เธอเตรียมตัวให้พร้อม และอย่าลืมติดตามการเคลื่อนไหวของซูหลงอย่างใกล้ชิดพร้อมที่จะสกัดกั้นเขาได้ทุกเมื่อ!”
“คุณแน่ใจหรือว่าซูหลงจะหนีไปจริงๆ?” โจวเฟยเฟยยังคงไม่แน่ใจเล็กน้อย เพราะตามความคิดของเธอ ถ้าเธอเป็นซูหลง เธอคงไม่เต็มใจนักที่จะทิ้งทรัพย์สินขนาดใหญ่เช่นนี้ไว้และวิ่งหนีไปตัวเปล่าอย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่ทรัพย์สินที่มีมูลค่าแค่ภายนอก แต่มันยังมีมูลค่าทางใจด้วย เพราะกว่าที่ธุรกิจเหล่านี้จะถูกสร้างและเติบโตจนมาถึงจุดนี้ ซูหลงได้วางแผนและทำงานอย่างหนักมาตลอดระยะเวลาหลายปี จึงเป็นไปได้น้อยมากที่เขาจะทิ้งไปดื้อๆแบบนี้
เพียงเพราะพฤติกรรมโง่ๆของลูกชาย ทำให้การทำงานหนักตลอดหลายปีถูกทำลายลงภายในวันเดียว แล้วเขาจะเต็มใจปล่อยมันไปได้อย่างไร?
จี้เฟิงที่กำลังขับรถพูดอย่างเย้ยหยัน “เก้าสิบเปอร์เซ็นต์! เราไม่สามารถใช้สามัญสำนึกของคนปกติคาดเดาความคิดของคนอย่างซูหลงได้หรอกนะ ลองคิดดูสิ เขาต้องเป็นคนใจเย็น.. ไม่สิ! เลือดเย็นมากขนาดไหนถึงอยู่ในแก๊งตงไห่มาได้ตั้งหลายปี จนกระทั่งถึงเวลาที่เหมาะสม... นั่นหมายความว่าผู้ชายคนนี้มีความอดทนสูงมาก! และตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่าฉันเป็นใคร พูดแล้วก็โมโห มันเป็นเพราะผู้นำโง่เง่าอย่างเกาชิงชุนคนเดียวเลยแท้ๆ!... นั่นแหละ ถ้าเขาไม่หัวร้อนจนบ้าคลั่ง วิธีที่เขาจะเลือกก็คือหนีไปให้เร็วที่สุด!”
“อืม การเตรียมตัวให้พร้อมไว้ยังไงก็ดีกว่า!” โจวเฟยเฟยพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นของจี้เฟิง แต่ในความเป็นจริงเธอยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ
ผู้ที่ไม่เคยประสบความลำบากในการเริ่มต้นธุรกิจ จะไม่มีทางเข้าใจความเจ็บปวดของการถูกคนอื่นทำลาย โจวเฟยเฟยยังคงเชื่อว่าซูหลงจะไม่หนีไป แต่จะหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้อย่างสุดกำลัง
แน่นอนว่าหากท้ายที่สุดแล้วเขาหมดหนทางที่จะต่อสู้จริงๆ การหนีก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกมากมาย
อันที่จริงโจวเฟยเฟยไม่เห็นด้วยกับความคิดของจี้เฟิง เรื่องที่จี้เฟิงกล่าวว่าซูหลงจะเลือกเพียงสองทางนั้น ซึ่งนั่นมันเป็นเพียงแค่การตัดสินจากมุมมองเพียงด้านเดียว
ในความเห็นของโจวเฟยเฟย นอกเหนือจากการหลบหนีอย่างสิ้นหวังแล้ว ซูหลงยังคงมีทางเลือกอื่นเหลืออยู่อีก อย่างเช่น ยอมก้มหัวและยอมจำนนแต่โดยดี หรือไม่ก็ละทิ้งทุกอย่างในตอนนี้และกลายเป็นคนธรรมดา เมื่อยอมถึงขั้นนั้นแล้ว โจวเฟยเฟยเชื่อว่าซูหยวนจะไม่ถึงกับฆ่าซูหลง!
ถ้าจี้เฟิงรู้ว่าโจวเฟยเฟยกำลังคิดอะไรอยู่ เขาคงจะยิ้มและส่ายหัวอย่างแน่นอน แต่ก็คงจะไม่โต้แย้งอะไร
มีหลายสิ่งหลายอย่างสำหรับผู้ที่ไม่เคยสัมผัสมันด้วยตัวเองจะไม่มีวันเข้าใจได้อย่างแน่นอน ความคิดเห็น มุมมอง และความเชื่อเช่นนี้ ไม่สามารถเปลี่ยนได้ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ
แน่นอนว่าพวกเขาสองคนไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดคุยถึงหลักการสำคัญของปรัชญาชีวิต
ในเวลานี้ โจวเฟยเฟยกำลังคุยโทรศัพท์กับซูยาหยุน และจี้เฟิงได้เพิ่มความระมัดระวังเป็นระดับสูงสุด
แม้ว่าจี้เฟิงจะคาดเดาคำตอบได้แล้วว่าสุดท้ายซูหลงจะเลือกการหลบหนีอย่างแน่นอน แต่อย่างที่โจวเฟยเฟยกล่าว เมื่อสิ่งที่คนๆหนึ่งทุ่มเทฟูมฟักทำงานอย่างหนักดูแลมาตลอดหลายปี ถูกทำลายลง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะทนได้ เพราะสิ่งที่ตามมามันคือความโกรธและความเกลียดชังที่ทำให้คนเป็นบ้า!
ดังนั้นจี้เฟิงจึงต้องระมัดระวังไม่ให้ซูหลงส่งคนมาโจมตีเขา อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เช่นนี้ จี้เฟิงไม่สามารถรับประกันได้ว่าซูหลงจะทิ้งรอยเขี้ยวครั้งสุดท้ายไว้ให้เขาก่อนที่จะหนีไปหรือไม่
มันจะดีกว่าหากระมัดระวังตัวไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม แม้จี้เฟิงอยากจะเร่งทำความเร็ว แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่รถติดสุดๆ มีรถอยู่เต็มท้องถนน เยอะจนน่าปวดหัว จะซิ่งแซงทำความเร็วมันคงเป็นได้แค่ฝัน นอกเสียจากว่าจะขับชนรถทุกคันที่อยู่ข้างหน้าแล้ววิ่งตรงไปทั้งแบบนั้น
“สิ่งที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันขอคืนคำ! การจราจรในหางโจว ก็แย่ไม่ต่างจากเจียงโจวเลย!” จี้เฟิงพูดอย่างขมขื่น
โจวเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะเม้มปากและหัวเราะเบาๆ จากนั้นก็พูดว่า “รู้ก็ดีแล้วค่ะคุณชายจี้! แต่อันที่จริง ตราบใดที่เป็นเมืองหลวงหรือเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในประเทศจีน ทุกที่ก็แทบจะเหมือนกันหมด ยิ่งเจริญ สภาพถนนดี คนก็ยิ่งเยอะ รถน่าจะเยอะแบบนี้ไปอีกประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่หลังจากนั้นการจราจรก็น่าจะคล่องขึ้นแล้วล่ะค่ะ”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย “ถ้าต้องรอถึงตอนนั้นพวกเราแย่แน่ เผลอๆก็แย่ตั้งแต่ตอนนี้นี่แหละ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้จี้เฟิงก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและต่อสายไปยังหมายเลขของหลิวเจ๋อจุน
“ครับบอส!” หลิวเจ๋อจุนรับสาย
จี้เฟิงพูดทันทีว่า “เจ๋อจุน เฝ้าระวังรอบๆบริเวณวิลล่าให้ดี เป็นไปได้ว่าอาจจะมีคนฉวยโอกาสนี้ลอบโจมตี!”
“มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับบอส?” หลิวเจ๋อจุนเข้าใจได้ทันทีว่าจี้เฟิงต้องตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง
“ตอนนี้ยัง แต่ฉันสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ” จี้เฟิงพูดเสียงเบา “แต่ระวังไว้ก่อนดีที่สุด ฉันกำลังรีบกลับ!”
“ครับบอส ผมจะระวัง!” หลิวเจ๋อจุนตอบอย่างหนักแน่น
หลังจากวางสาย จี้เฟิงก็จ้องมองไปที่รถข้างหน้าเขาอีกครั้ง เฝ้ามองทุกกระเบียดนิ้ว และตราบใดที่เขาเห็นช่องว่างเพียงเล็กน้อยที่พอจะเบียดแทรกไปได้ เขาจะเร่งความเร็วขึ้นทันที ทำให้เกิดเสียงแตรมากมาย แต่จี้เฟิงไม่สนใจ และยังคงไปตามทางของตัวเอง
ตำรวจจราจรตรงสี่แยกก็เห็นเขาเช่นกัน แต่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เพราะแม้จี้เฟิงจะขับรถเร็วมาก แต่เขาไม่ได้ละเมิดกฎจราจร
ในที่สุด โจวเฟยเฟยก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอหันไปมองจี้เฟิงด้วยความประหลาดใจและถามว่า “คุณชายจี้! ที่คุณพูดโทรศัพท์เมื่อครู่นี้มันหมายความว่าไง? ซูหลงจะโจมตีวิลล่าของฉันที่เขตชานเมืองทางตอนเหนือ? เขาจะไปช่วยคนของเขางั้นเหรอ?”
จี้เฟิงส่ายหัวเล็กน้อย และไตร่ตรองเกี่ยวกับคำที่จะพูดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “จริงๆแล้วฉันก็ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง จะว่าเป็นลางสังหรณ์ก็ได้ ยังไงซูหลงก็คือมาเฟีย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยอมถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง... อย่างน้อยก็ต้องมีแผนสำรอง ถ้าการไกล่เกลี่ยของเกาชิงชุนสำเร็จไปได้ด้วยดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่สำเร็จล่ะ... เขาจะไม่คิดถึงความเป็นไปได้นี้เอาไว้เลยหรือ?”
“ถ้าไม่สำเร็จ ก็เป็นไปตามที่คุณเดาเอาไว้ คือหอบเงินเท่าที่จะหาได้หนีไป!” โจวเฟยเฟยพูดทันที “ถ้าอย่างนั้น คุณชายจี้คิดว่าเขาจะหนีไปหลังจากช่วยซูจุนไท่งั้นเหรอคะ?”
“หึหึ...”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้ม “ใครจะรู้ บางทีเขาอาจไม่คิดที่จะช่วยซูจุนไท่เลยก็ได้ แต่ฉันก็พูดอย่างเต็มปากเต็มคำไม่ได้หรอกนะว่าเขาคิดที่จะจับตัวเธอไปหรือเปล่า แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
“คุณหมายความว่ายังไง?” โจวเฟยเฟยตกใจ
จี้เฟิงชี้ไปที่กระจกมองหลังแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มีมอเตอร์ไซค์ขับตามหลังเรามาซักพักแล้ว”
ใบหน้าของโจวเฟยเฟยดำมืดลงในทันที เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “คุณหมายถึงซูหลงกำลังจะโจมตีเราเหรอ?!”
“ไม่ใช่เรา แต่เป็นเธอ!” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ
“มันต่างกันตรงไหนเนี่ย?!”
โจวเฟยเฟยพูดด้วยความโกรธ ถึงตอนนี้ ผู้ชายคนนี้ยังมาพูดติดตลกอยู่อีก “คุณจะยืนดูอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คนอื่นมาพาตัวฉันไปอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่หรอกๆ!” จี้เฟิงหัวเราะเบาๆ “ฉันแค่สงสัยว่าทำไมพวกเขาไม่ทำอะไรเลยตอนที่เรายังอยู่ที่ลานจอดรถ มันเป็นสถานที่และจังหวะที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จะทำแบบนั้น!”
“ถ้าอยากรู้ก็คงต้องถามซูหลงแล้วล่ะค่ะ!” โจวเฟยเฟยกระแทกเสียง
จี้เฟิงนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า “เฟยเฟย จากที่นี่ไปยังวิลล่าของเธอ มีถนนเปลี่ยวๆเลี่ยงเมืองมั้ย? เราจะไปทางนั้นกัน!”
โจวเฟยเฟยตกใจ “ทำไม? คุณจะหลอกล่อคนที่ติดตามเราไปในที่เปลี่ยวเหรอ?”
“มันไม่ง่ายสำหรับฉันที่จะทำอะไรที่นี่ และมันก็คงไม่ดีสำหรับคนอื่นๆเช่นกัน มันจะดีกว่าที่จะหาสถานที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่าน และรีบจัดการเรื่องนี้ให้มันจบๆ จะได้ไม่ต้องคอยระแวงและถูกตามไปตลอดทางแบบนี้” จี้เฟิงกล่าวอย่างสบายๆ
“แต่ถ้าเราขับไปบนถนนเส้นนี้เรื่อยๆ พวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรเลยนะ ในย่านในกลางเมืองแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาจะจับตัวฉันได้ แต่ตำรวจก็จับพวกเขาได้ทุกเมื่อเช่นกัน ไม่ใช่เหรอ?” โจวเฟยเฟยพูดอย่างลังเล “แต่ถ้าไปถนนเลี่ยงเมือง มันทั้งเปลี่ยวและเสี่ยงอันตราย เพราะถ้าหากพวกเขามีอาวุธอยู่ในมือ เราก็ตกที่นั่งลำบากแล้ว!”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันสัญญาว่าจะพาคุณกลับบ้านอย่างปลอดภัย!”
โจวเฟยเฟยส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และทำได้เพียงชี้ทางลัดให้จี้เฟิง “ใช้เส้นทางข้างหน้า ผ่านคูเมืองเก่าและตรงไปที่วงแหวนรอบนอก”
“โอเค! ทางนั้นนะ!” จี้เฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม และมือของเขาไม่ได้อยู่เฉยๆ มือของเขาควบคุมพวงมาลัยรถอย่างคล่องแคล่ว คันเร่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาให้ความร่วมมือกับพวงมาลัยอย่างเงียบๆ โจวเฟยเฟยถึงกับตื่นตะลึงกับความเร็วของความเคลื่อนไหวนี้
บีเอ็มดับบลิวเอ็กซ์หกที่ถูกขับขี่โดยจี้เฟิง มันรวดเร็วว่องไวราวกับปลาที่อยู่น้ำ บนถนนที่คับคั่งไปด้วยยานพาหนะเช่นนี้ มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากที่จะแซงรถคันอื่นๆเกือบทุกครั้ง และเวลาที่ทำให้รู้สึกลุ้นจนตัวเกร็งมากที่สุดมันเป็นตอนที่กำลังจะแซงรถคันข้างๆ และระยะห่างของรถทั้งสองคันนั้นห่างออกไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร มันทำให้โจวเฟยเฟยถึงกับมีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาจากหน้าผาก
แต่จี้เฟิงในเวลานี้ไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเลย อัตราการเต้นของหัวใจก็ยังคงเป็นปกติ เขารีบขับรถตรงไปที่ด้านข้างของคูเมืองเก่าเพื่อที่จะใช้เส้นทางของถนนวงแหวนรอบนอก ในระหว่างนั้น มอเตอร์ไซค์ที่อยู่ข้างหลังก็เร่งความเร็วและไล่ตามมาเช่นกัน
บนถนนที่คับคั่งไปด้วยยานพาหนะเช่นนี้ มอเตอร์ไซค์จะมีความคล่องตัวกว่ารถยนต์มาก ถึงจะมีช่องว่างเพียงเล็กน้อย แต่มอเตอร์ไซค์ก็สามารถขับลัดเลาะซอกซอนผ่านไปได้
.......
“เอี๊ยดดดด—!!”
ไม่กี่นาทีต่อมา จี้เฟิงก็เหยียบเบรกอย่างแรง และรถก็หยุด
“คุณชายจี้! คุณเบรกทำไม?!” โจวเฟยเฟยถามด้วยความตกใจ
“ก็แค่จะจัดการเรื่องนี้ที่นี่!” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “เราต้องรีบกลับไปที่วิลล่าให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากเสียเวลากับคนเหล่านี้มากนัก!”
“คนเหล่านี้?” โจวเฟยเฟยตกใจและรีบหันกลับไปมอง เธอเห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่ขับตามมาข้างหลังห่างออกไปประมาณสองสามร้อยเมตร และในเวลานี้มอเตอร์ไซค์ก็หยุดแล้วเช่นกัน นอกจากนั้นก็มียานพาหนะคันอื่นๆและคนเดินเท้าผ่านไปมาเป็นบางครั้งคราวเท่านั้น และไม่มีอย่างอื่นเคลื่อนไหวอีก
“ฉันเห็นคนที่ติดตามเรามามีแค่คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นคันเดียวไม่ใช่เหรอ?” โจวเฟยเฟยถาม
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวพวกเขาก็ปรากฏตัว” จี้เฟิงตอบเบาๆ
โจวเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะงุนงง และหันกลับไปมองอีกครั้ง และทันใดนั้นความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
....ที่ด้านหลัง ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร ตอนแรกมีมอเตอร์ไซค์จอดอยู่แค่คันเดียว แต่ตอนนี้ จู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์หลายสิบคันโผล่ออกมา มันขวางถนนเกือบทั้งหมด
“พวกเขาตามเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่?!” หัวใจของโจวเฟยเฟยบีบรัดแน่นขึ้น และถามด้วยความประหลาดใจ
“ถ้าอยากจะได้กระต่ายระหว่างการตัดหญ้า* ซูหลงจะต้องเตรียมตัวมาดีพอ!” จี้เฟิงไม่ประหม่าเลย เขาหัวเราะและพูดว่า “และนี่ก็คือแผนสำรองของเขา!”
....จบบทที่ 849 ~
*ตัดหญ้าฆ่ากระต่าย คำพูดเชิงเปรียบเทียบที่มีความหมายประมาณว่า ตั้งใจทำสิ่งหนึ่ง แต่ระหว่างทางได้สิ่งอื่นติดมือมาด้วย