ตอนที่ 43 การสัมภาษณ์ (2) (อ่านฟรี)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับ สายเลือดแห่งมังกร
ตอนที่ 43 การสัมภาษณ์ (2)
ด้วยใบหน้าที่มีความสุขกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเหรียญทองและมังกรน้อยน่ารักนอนหลับอยู่ในกระเป๋าของเขา เขากำลังเดินทางกลับ ระหว่างทางเขาได้พูดคุยกับหัวหน้าก็อบลินเล็กน้อย
“เปิดห้องนิรภัยที่ด้านบนให้ผมด้วย ผมว่าจะใช้มันในชีวิตประจำวันและเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่ง ผมไม่สามารถมาที่นี่ได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ผมจะมองหาทางที่เร็วกว่านี้เพื่อเข้าสู่สถานที่แห่งนี้” เขาร้องขอ
ก็อบลินพยักหน้า “เส้นทางสู่ห้องใต้ดินลึกเปิดให้พระองค์สำรวจ มันอันตรายมาก กระหม่อมจะไม่ทิ้งก็อบลินไว้ที่นั่น สำหรับห้องนิรภัยใหม่ ฝ่าบาทอยากให้มันใหญ่แค่ไหน”
"อืม ผมแค่ต้องการเก็บเงินไว้ที่นั่น ให้แน่ใจว่ามันใหญ่พอที่จะเก็บได้หลายล้านเกลเลียน ผมว่าจะทำเงินก้อนโตได้ในอนาคต" แม็กนัสเปิดเผยโดยเจตนา
หัวหน้าก็อบลินเลียริมฝีปากเมื่อได้ยินว่าจะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง "เราขอ... ลงทุนในกิจการทำเงินนี้ของพระองค์ได้ไหมพะยะค่ะ"
“ได้สิ แต่ขอผมทำตามแผนทั้งหมดให้เสร็จก่อน แล้วผมจะเล่าให้ฟังทีหลัง” เขาพูดโดยไม่บอกอะไรให้ก็อบลินสนใจ
หลังจากใช้เวลา 20 นาที ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงพื้นผิวแล้วมาถึงอาคาร ดัมเบิลดอร์กับคนอื่นๆ ยังคงรอเขาอยู่ที่นั่น พร้อมกับหญิงสาวผมบลอนด์สวมแว่นทรงแหลม เธอสวมชุดผ้าไหมดูสวยกว่าค่าเฉลี่ย
ทันทีที่แม็กนัสมาถึง เธอก็วิ่งไล่ตามเขา แม็กนัสเลี่ยงเธอโดยหันไปรอบๆ ให้หัวหน้าก็อบลินเป็นผู้นำ เมื่อเห็นใบหน้าที่หงุดหงิดของก็อบลิน ผู้หญิงคนนั้นก็หยุด
“ผมได้ตรวจสอบห้องใต้ดินแล้ว มีแค่ผมเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ กลับกันเถอะ ผมเชื่อว่าเราจบงานที่นี่แล้ว” แม็กนัสพูดแล้วเดินออกไป
ในขณะนั้น ทุกคนกำลังครุ่นคิดว่าควรจะพูดกับเขาอย่างไร รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ต้องเรียกเขาในฐานะกษัตริย์อย่างแน่นอน เพราะเธอเป็นเจ้าหน้าที่ เธอดีใจด้วยซ้ำที่ราชาแห่งอังกฤษกำลังจะเป็นผู้วิเศษซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับทั้งเมอร์ลินและมักเกิ้ลด้วยในเวลาเดียวกัน คุณไม่สามารถได้รับการจัดการที่ดีกว่านี้
ดัมเบิลดอร์ตัดสินใจพูด "ฝ่าบา-..."
“ไม่เป็นไรครับศาสตราจารย์ คุณเป็นเหมือน อืม… ทวดของผม... ทวดหรืออะไรซักอย่าง... เดี๋ยวนะ คุณอายุเท่าไหร่กันแน่ครับ? ผมเห็นว่ามีการกล่าวถึงคุณเร็วที่สุดคือในช่วงปลายปี 1800 ได้มั้งครับ ไงก็ตามคุณสามารถเรียกผมว่าแม็กนัสก็ได้” เขาขัดจังหวะ ในความเป็นจริงเขาไม่ได้ให้ความไว้วางใจหรือศรัทธาในตัวดัมเบิลดอร์มากนัก แต่เมื่อเห็นว่าเขามีความเกี่ยวข้องกันอยู่บ้าง เขาจึงตัดสินใจให้ชายชราสบายใจเพื่อไม่ให้ผู้เฒ่าหยุดไม่ให้เขาทำกิจกรรมบางอย่างในฮอกวอตส์ เขาต้องการสิทธิพิเศษบางอย่างหลังจากเจอเรื่องพวกนี้
ดัมเบิลดอร์ชื่นชมมันมาก ถึงตอนนี้ เขาอาจโดนคนอื่นด่าด้วยซ้ำ เพราะเขามีความเกี่ยวข้องกับผู้สืบสกุลของเมอร์ลิน “แมกนัส เธอเป็นนักข่าวอิสระ ริต้า สกีตเตอร์ เธอจะทำการสัมภาษณ์ตัวเธอ ทำอย่างที่เธอต้องการที่จะทำ”
แม็กนัสหันมามองเธอ "คุณเป็นนักข่าวที่ซื่อสัตย์มีจรรยาบรรณในอาชีพหรือเปล่าครับ?"
ริต้าพบว่าคำถามแปลกแต่รีบตอบ "ใช่ค่ะ ฉันเชื่อในสื่อที่ชอบธรรม"
แม็กนัสพยักหน้า “โอเค มีอะไรเชิญถามผมได้ครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ก็รู้สึกดีขึ้น เธอต้องการให้แม็กนัสแถลงอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่มีการเปิดเผยตัวตนของเขาต่อผู้คน แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ แม็กนัสเป็นสุนัขจิ้งจอกแก่มากประสบการณ์เมื่อพูดถึงการสัมภาษณ์ เขาเตรียมแม้กระทั่งคำถามที่เป็นไปได้ทั้งหมดที่สามารถตอบได้
ริต้า สกีตเตอร์ หยิบสมุดบันทึกและปากกาออกมาเพื่อเขียนคำตอบ เธอขอสัมภาษณ์ครั้งแรกว่า "ขอบคุณที่อนุญาต... แม็กน-..."
“คุณควรจะเรียกผมว่าคุณเพนดรากอนหรือจะฝ่าบาทก็ได้” เขาแก้ไขเธอทันที มิตรภาพกับนักข่าวมักไม่เคยดี
“ค่ะ คุณเพนดราก้อน ขอบคุณสำหรับการสัมภาษณ์นะคะ ช่วงเวลาของคุณในฮอกวอตส์เป็นอย่างไรบ้างคะ?” เธอถาม
"มันก็น่ารักดีครับ ปราสาทมีความสวยงามและผีเป็นแหล่งความสนุกที่มีอยู่ ผมถูกจัดอยู่ในสลิธีริน คุกใต้ดินนั้นค่อนข้างมืดมน แต่ผู้อยู่อาศัยในนั้นมีความกระตือรือร้นมาก ผมได้เพื่อนด้วยและผมก็สนุกกับมัน” เขาตอบ
เธอเขียนทุกอย่างลงในกระดาษแล้วถามอีกข้อ “คุณบอกว่าคุณอยู่สลิธีริน พ่อแม่ของคุณเป็นมักเกิ้ลไม่ใช่เหรอคะ?”
แม็กนัสหน้าเศร้าและถอนหายใจ “ใช่ พวกเขาคือ’มักเกิ้ล’
ผมเพิ่งได้คุยกับภาพวาดของเมอร์ลินเมื่อวันก่อน เขาเสียใจมากกับสิ่งที่สังคมเวทมนตร์ของเราเปลี่ยนไปขนาดนี้ เราใช้ศัพท์เช่น มักเกิ้ล ซึ่งเป็นคำที่ดูถูกคนที่ไม่มีเวทมนตร์ในสายตาของบางคน ย้อนกลับไปในสมัยของเมอร์ลินมนุษย์ที่ไม่มีเวทมนตร์จะถูกเรียกว่าแม็กบ็อบซึ่งเป็นคำที่เป็นมิตรและน่ารัก อย่าลืมคำศัพท์เช่นเลือดผสมและที่แย่กว่านั้นคือเลือดสีโคลน ผมเองถูกเรียกแบบนั้นแต่จะไม่เอ่ยชื่อว่าเป็นใคร?”
ริต้ากำลังเขียนอย่างดุเดือดราวกับว่าเธอได้พบเนื้อหาเหมืองทอง ~ฮ่าฮ่า... นี่สินะ... การผลักดันสุดท้ายของฉัน...~
"คุณต้องการให้กระทรวงนำคำว่าแม็กบ็อบมาใช้ใหม่หรือเปล่าคะ?" เธอตั้งคำถาม
"ไม่หรอกครับ ไม่ใช่คำที่ทำให้แตกต่างกันแต่เป็นวิธีการพูดต่างหาก ผมสามารถสาปแช่งคุณด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะที่แฝงไปด้วยความเกรี้ยวกราด ความหมายเบื้องหลังคำไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับที่ 'มักเกิ้ล' เป็นคำเรียกมนุษย์ที่ผู้วิเศษทุกคนใช้ เราแค่ต้องแน่ใจว่าคำนั้นไม่ถูกมองว่าเป็นคำที่ทำให้รู้สึกเสื่อมเสีย นอกจากนี้ ผมคิดว่าคำว่าเลือดผสมหรือเลือดสีโคลนควรถูกมองว่าเป็นคำที่ไม่เหมาะสมตามกฎหมาย เพราะตราบใดที่มนุษย์มีเวทมนตร์ พวกเขาก็คือพ่อมดแม่มด ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ก็ตาม การแบ่งแยกจะไม่ให้ประโยชน์แก่เราอีกต่อไป” เขาพูดอย่างยืดยาว
รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ ยูจีเนีย เจนคินส์ ยิ้มอย่างมีเลศนัย ~เด็กคนนี้มีสมองมากกว่าพวกเลือดบริสุทธิ์ทุกคนรวมกัน~
“ฉันได้ยินมาว่าคุณถูกลูเซียส มัลฟอยทำร้ายที่หอพักของโรงเรียน เป็นความจริงหรือเปล่าคะ?” เธอถามถึงประเด็นที่เร้าใจ
แม็กนัสยิ้ม นี่คือสิ่งที่เขากำลังรออยู่ “โอ้ เปล่าครับเปล่านั่นเป็นแค่การชกมวยกระชับมิตร ผมลงเอยด้วยการใช้กำลังมากเกินไปจนทำให้เขาแขนหัก”
ดัมเบิลดอร์และมู้ดดี้ที่อยู่ห่างออกไปได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้ม แม็กนัสเพิ่งจัดการปัญหาทั้งหมดของพวกเขาด้วยการพูดแบบนี้ ถ้าตอนนี้แอแบรกซัส มัลฟอยยังกล้าพยายามสร้างปัญหา เขาจะต้องละอายใจ ท้ายที่สุดแล้วลูกชายของพวกเขาก็แพ้ให้กับเด็กอายุ 11 ขวบ แถมทำให้แขนของตัวเองหัก ฝ่ายชายจะพยายามทำให้ข่าวเงียบลงโดยเร็วที่สุด
หลังจากนั้นเธอก็ถามคำถามไร้สาระเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเขาอีก
“ใช่ ผมชอบแพนเค้กมันอร่อยที่สุดแล้ว แม่ของผมทำแพนเค้กที่ดีที่สุดแต่ไม่มีเมนูนี้ที่ฮอกวอตส์ในมื้อเช้า”
แม็กนัสกล่าวว่า แน่นอน เขาทำให้ดัมเบิลดอร์เพิ่มแพนเค้กในมื้อเช้าด้วยการทำเช่นนี้
“คุณมีความเห็นอย่างไรต่อกระทรวงคะ?” จู่ๆ เธอก็ถามขึ้น สิ่งนี้ทำให้รัฐมนตรีขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม็กนัสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและจงใจทำให้เสียงของเขาฟังดูน่ารักขึ้น “อืม ผมเองไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เพราะผมเพิ่งเข้ามาอยู่ในโลกเวทมนตร์ แต่ผมอ่านจากในหนังสือพิมพ์ว่าพ่อมดชั่วร้ายบางคนกำลังฆ่าผู้บริสุทธิ์ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกระทรวงจับไม่ได้ เราไม่มีตำรวจพ่อมดเหรอ? นอกจากนี้ ผมเสียใจมากกับสิ่งที่พวกเขาทำกับเหรียญตราแห่งเมอร์ลิน มันเคยเป็นเหรียญตราแห่งเกียรติยศจริงๆ ของแม่มดและพ่อมดที่ใจดี มีเมตตา และต้องการทำดีเพื่อสังคมผู้วิเศษอย่างสูงแต่ตอนนี้มันเป็นเพียงเหรียญเท่านั้น”
คำพูดครึ่งแรกของเขาทำร้ายรัฐมนตรีดุจหอกทิ่มแทงใจเธอ การฆาตรกรรมเมื่อไม่นานมานี้เป็นจุดอ่อนของเธอ และแม้เธอจะพยายามจับตัวผู้กระทำผิด แต่เธอจะทำอย่างไรได้ในเมื่อคนเลวเหล่านี้มาจากตระกูลที่มีอำนาจและมีอิทธิพลมากที่สุด
“แล้วคุณรู้สึกอย่างไรกับการเป็นลูกหลานของเมอร์ลินคะ?” เธอถามคำถามสุดท้าย
แม็กนัส คราวนี้ตัดสินใจตอบคำเดียว มันเป็นคำที่เขาเพิ่งเรียนรู้มา เขาเคลียร์คอด้วยการไอแล้วพูดเสียงเน้นเป็นพิเศษ "ปลาบปลื้มอย่างที่สุด"
พูดจบก็ลุกขึ้นตัดสินใจเดินออกไป ริต้าถูกทิ้งให้ยืนอยู่ตรงนั้น เดาว่าแม็กนัสจะพูดอะไรบางอย่างมากกว่านี้ แต่ก็เห็นแล้วว่าเธอคิดผิด
พวกเขาออกจากอาคารไปยังถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน ยังมีผู้คนจำนวนมาก แต่ตอนนี้ฝนตกและเมฆดำทะมึนทำให้ดูเหมือนว่าเป็นเวลากลางคืนแล้ว มันเป็นวันที่มืดมน
“เราจะกลับกันไหมครับ ผมขอซื้อของก่อน” แม็กนัสเปล่งเสียง
ดัมเบิลดอร์จะไม่ปฏิเสธเรื่องง่ายๆ แบบนี้ “แน่นอน เราจะไปในอีกหนึ่งชั่วโมง ฉันต้องคุยกับรัฐมนตรีจนถึงตอนนั้น แต่เธอต้องพามือปราบมารมู้ดดี้ไปด้วย เธอต้องเข้าใจ ตอนนี้เธอไม่ใช่แค่เด็กอายุ 11 ขวบธรรมดา เธอมีสถานะพิเศษ”
แม็กนัสเห็นด้วย เขายังไม่รู้ว่าตัวเองมีพลังมากเพียงใดเมื่อเทียบกับพ่อมดผู้ใหญ่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ควรมั่นใจเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่จ๋าของเขาสอนเขาตั้งแต่ยังเล็ก
เขาจำได้ว่าเมื่อเขายังเล็กเพิ่งเรียนรู้สูตรคูณ เขาเริ่มเดาคำตอบแทนการท่องจำ เขาถูกต้องมากเกินไป แต่เกรซรู้เข้าจึงหลอกให้ทายผิด เขามั่นใจมากเกินไปจนปฏิเสธที่จะยอมรับว่าการเดาของเขานั้นผิด
เขาจึงเดินไปพร้อมกับพ่อมดแม้ดอายที่ดูอารมณ์เสียตลอด
“เอาล่ะ แล้วจะไปไหน วันนี้ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้เธอ” มู้ดดี้เดินเคียงข้างเขา
“เปล่า คุณเป็นบอดี้การ์ดของผมต่างหาก” แม็กนัสตอบ
“เฮ้ ผิดแล้ว กระทรวงเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ฉัน ไม่ใช่เธอ เพราะงั้นฉันถึงเป็นพี่เลี้ยงเด็กของเธอ แต่ฉันจะไม่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หรอกนะ ถ้าเธอปล่อยให้ตัวเองลำบาก” มู้ดดี้กล่าว แน่นอนว่าเขากำลังแก้แค้นจากการพบกันครั้งล่าสุดที่แม็กนัสเรียกชื่อเขาเพี้ยนๆ
แม็กนัสหัวเราะเบาๆ “เรากำลังไปร้านหนังสือ แล้วผมจะอ่านหนังสือที่น่าเบื่อที่สุดให้คุณฟัง”
พวกเขาทะเลาะกันตลอดทาง
_____________________________
ริต้า วัยสาว