ตอนที่ 308 – ตอนที่ 289 อย่าน้ำลายหกได้ไหม
เย่ว์หยางตัวปลอมแสดงสีหน้าบูดบึ้ง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร
เย่ว์เยี่ยนมองดูรอบๆ และตระหนักว่าไม่มีใครกล้าลุกขึ้นยืน เขาตะโกนอย่างเดือดดาลว่า “ข้าจะไปก็ได้ ต่อให้คนไม่มีอะไรดีอย่างเจ้าใช้กลอุบาย ข้าก็ไม่กลัวเจ้า!”
“ไสหัวไปซะ!” เย่ว์หยางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
“เจ้าว่ายังไงนะ?” เย่ว์เยี่ยนสับสน ทำไมเจ้าขี้แพ้ผู้ผิดปกติคนนี้ไม่ต้องการให้เขาทดสอบเลือดอีกครั้งงั้นหรือ?
“ข้าบอกว่าเจ้ามันโง่! แล้วข้ายังจะยอมให้เจ้าทดสอบอีกหรือ? ไม่มีใครลุกขึ้นยอมรับ แล้วเจ้าจะเสนอหน้าเพื่ออะไร เจ้ากลัวว่าปัญญาระดับต่ำๆ ของเจ้ายังขายหน้าไม่พอ ถึงต้องเสนอตัวเองขึ้นมาอีกหรือ?” เย่ว์หยางตบหน้าเย่ว์เยี่ยนแรงจนทำให้คุณชายสี่ตระกูลเย่ว์หมุนคว้างล้มลงกับพื้น เย่ว์หยางชี้เย่ว์เป่าและเย่ว์หยางตัวปลอมจากนั้นสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เจ้าทั้งคู่ จงขึ้นมาทดสอบเลือดของพวกเจ้า”
คนที่อยู่โดยรอบเริ่มเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะมีทักษะมองเห็นกลเม็ดในการทดสอบเลือดของศัตรูของเขา แม้ว่าเย่ว์เยี่ยนจะจงเกลียดจงชังเขามาก แต่เขาก็ไม่สงสัยเย่ว์เยี่ยน เขาเพียงสงสัยเย่ว์เป่าและคนอื่นๆ
มีเพียงคุณชายสามตระกูลเย่ว์ตัวจริงเพียงคนเดียวเท่านั้น คุณชายสามที่อยู่ข้างกายของเย่ว์ชิว ไม่ว่าเขาจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม เขาก็ต้องทดสอบอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ทำไมเย่ว์หยางถึงยังชี้มาที่เย่ว์เป่าให้ทดสอบเลือดเป็นครั้งที่สอง?
เป็นไปได้ไหมว่าเย่ว์เป่าก็มีปัญหาเช่นกัน?
ทุกคนสับสน พวกเขาเริ่มมองดูเย่ว์เป่าและพบกับความแปลกใจว่า หน้าของเขาซีดขาวราวกับคนตาย ภายใต้สายตาเยียบเย็นของเย่ว์หยาง ร่างของเย่ว์เป่าสั่นผิดปกติ เหมือนกับว่าเขาพยายามจะข่มความกลัวบางอย่าง เย่ว์เป่าเหลือบมองดูเย่ว์ชิวตัวปลอม เหมือนกับว่าจะส่งสัญญาณให้เขาช่วยพูดแทนเขา เย่ว์ชิวตัวปลอมก็ลำบากในการช่วยเหลือตัวเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้เตือนเขา เย่ว์หยางตัวปลอมต้องการพูด แต่ทันใดก็ต้องหุบปากทันที เมื่อเย่ว์ชิวตัวปลอมจ้องมองเขา ส่งสัญญาณให้เขาอย่าพูดช่วยเย่ว์เป่าง่ายๆ
เย่ว์เป่ากลายเป็นตื่นกลัว เขาเริ่มร่ำร้อง “ข้าคือลูกหลานตระกูลเย่ว์นะ ข้าไม่ควรจะถูกสงสัยเลยแม้แต่น้อย ข้าก็เพิ่งจะทดสอบไปหยกๆ นี่ไง ข้าไม่จำเป็นต้องทดสอบอีกแล้ว ข้าไม่ต้องการทดสอบอีก เขาคือปีศาจ ทุกคนไม่ควรเชื่อเขา!”
ฮุยไท่หลางพุ่งออกมาจากข้างตัวเย่ว์หยางและตรึงเย่ว์เป่าลงกับพื้น
มันอ้าปากใหญ่และงับเย่ว์เป่าลากเขากลับมาและโยนเขามาอยู่แทบเท้าของเย่ว์หยาง ความเคลื่อนไหวของมันไวกว่าสายฟ้าแล่บ
เจ้าอ้วนไห่และเย่คงร่วมมือกันเป็นอย่างดี คนหนึ่งจับเย่ว์เป่ากดลงและอีกคนหนึ่งใช้มีดเงิดกรีดแขนของเย่ว์เป่า
เมื่อเลือดถูกหยดลงในขวดกลาง ก็ปรากฏผลแสดงออกมาเป็นเลือดปีศาจ แม้ว่ามันจะมีผลเพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนสามารถเห็นได้ชัดว่าผลทดสอบเลือดของเย่ว์เป่าแตกต่างจากครั้งก่อน เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ใช่บุตรชายของเย่ว์หลิ่ง?
“ไม่, ไม่นะ, ข้าคือลูกหลานตระกูลเย่ว์ ข้าไม่ใช่ปีศาจ พวกเจ้าใช้อุบายกับข้า!” เย่ว์เป่ากลัวจัดจนเริ่มร้องลั่น
“ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะเป็นปีศาจได้จริงๆ .. บอกข้ามา พลังงานมืดที่ซ่อนอยู่ในตัวของเจ้า ใครให้เจ้า? คนผู้นั้นพูดกับเจ้าว่ายังไง?” เย่ว์หยางเริ่มตั้งคำถามเย่ว์เป่าเสียงเย็นชา เย่ว์หลิ่ง บิดาของเย่ว์เป่า ต้องการออกมาช่วยพูดให้ลูกชายเขา ทว่า เมื่อเขาเห็นเย่ว์เฟิงลูกน้อยของเขาเริ่มสั่นด้วยความกลัว เขาถอนหายใจและคว้าตัวเขามากอดไว้แน่น และไม่ยอมมองเย่ว์เป่าเป็นครั้งที่สอง เย่ว์หลิ่งไม่ใช่คนโง่ เขาเห็นอะไรได้หลายอย่าง แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะเขาต้องปกป้องตนเอง ภรรยาและบุตรน้อย เขาจึงได้แต่เงียบ
“พี่สี่ขอให้ข้าทำเรื่องทั้งหมดนี้!” เย่ว์เป่ากัดฟันและชี้ไปที่เย่ว์เยี่ยนตะโกนออกมา
“ว่าไงนะ?” เย่ว์เยี่ยนตกตะลึง ตอนนี้ความรับผิดชอบมาลงที่ตัวเขาได้อย่างไร?
“พี่สี่บอกว่าเราต้องฆ่าเจ้าไม่ว่าต้องทำอย่างไรก็ตาม เขาขอให้ข้าร่วมมือกับเขา และพูดว่ามีหลักฐานที่จะใช้กำจัดเจ้าได้แน่นอน ข้าแค่รับคำสั่งของเขาแต่เพียงอย่างเดียว นั่นคือสาเหตุที่ข้าทำในสิ่งที่ข้าต้องทำ การทดสอบเลือดพิสูจน์ความสัมพันธ์นี้ เป็นความคิดของพี่สี่คนเดียว! ทุกอย่างเป็นแผนของเขา!” เย่ว์เป่าร้องลั่น
“เจ้า, เจ้า, ข้าจะ..” เย่ว์เยี่ยนหันไปมองรอบๆ ด้วยความสิ้นหวัง
ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเย่ว์ชิวตัวปลอมหรือฝ่ายเย่ว์หยาง เขาคือศัตรูของทั้งสองฝ่าย
เย่ว์เยี่ยนพบว่าเขาเหลือคนเดียวเพียงลำพัง สหายสนิทที่เขาเสี่ยงชีวิตของตัวเองเชื่อใจก็ทอดทิ้งเขาโดยไม่ลังเล พวกเขามองตำหนิเขากันทั้งหมด ยามนี้แม้แต่บิดาของเขาก็ยังไม่กล้าพูดดีๆ ให้กับเขา ไม่เพียงแค่นั้น เย่ว์เยี่ยนพบว่าเขาเป็นเหมือนเศษเดนที่ทุกคนจะสละทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นเบี้ย เป็นก้อนหินให้คนอื่นได้เหยียบข้ามไป
เขาได้แต่หวังโดยไร้เดียงสาว่าจะโค่นล้มเย่ว์หยางได้ ต้องการจะเหยียบย่ำคนที่เขาเกลียดที่สุดในโลกไว้ใต้ฝ่าเท้าเขา
เขาไม่สนใจอะไรอื่น และไม่คำนึงว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด เขาแค่ต้องการให้เย่ว์หยางตาย
ตอนนี้เขาถึงได้ตระหนักว่า เขาบ้าอยู่เพียงคนเดียว
กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาต้องการที่สุดกลับกลายเป็นเหยื่อของคนอื่น
เพราะความแค้นของเขา เขาจึงกลายเป็นหมากของคนอื่น ยิ่งกว่านั้น เขายังกลายเป็นเบี้ยที่มีจุดจบที่น่าเวทนา
เมื่อเย่ว์เยี่ยนหันไปรอบๆ และเห็นสายตาเยาะเย้ยของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ตัวปลอม ความทุกข์ทรมานสุดจะพรรณนาก็ฝังลึกลงในใจเขาอีก เจ้าผู้นี้เยาะเย้ยเขาลับหลังว่าไม่สามารถเทียบได้กับเจ้าสวะที่ผิดธรรมดานั้นหรือ? อย่างน้อยเจ้าสวะที่ผิดธรรมดานั้นก็ยังยอมรับเขาในฐานะลูกหลานตระกูลเย่ว์โดยไม่ต้องรอดูผลการทดสอบเลือด ตรงกันข้าม เจ้าตัวปลอมที่ไร้หัวใจจากแดนอเวจีนี้กลับทิ้งเขาในเวลาที่เขาต้องการการความช่วยเหลือที่สุด เย่ว์เยี่ยนยิ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง, เสียใจ โกรธและเศร้าโศกขณะที่เขาร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด “ตายเสียเถอะ เรามาตายกันให้หมด”
เย่ว์เยี่ยนไม่ได้พุ่งเข้าหาเย่ว์หยาง แต่กลับโจมตีใส่เย่ว์หยางตัวปลอมแทน
“บึ้ม!”
เย่ว์เยี่ยนผู้มีความโกรธอยู่เต็มหัวใจ ไม่ใช่คู่มือของเย่ว์หยางตัวปลอมแม้แต่น้อย อย่าว่าแต่เอาชนะเขาในสภาพจิตใจที่บ้าคลั่งอย่างนี้เลย เย่ว์เยี่ยนจะไม่อาจเอาชนะเย่ว์หยางตัวปลอมที่เป็นนักสู้ระดับ 6 แม้ในสถานการณ์ปกติ เพียงหมัดเดียว เย่ว์เยี่ยนกระเด็นลอยกระแทกพื้น ซี่โครงของเขาหักและอวัยวะภายในบอบช้ำทำให้เขากระอักเลือดเกือบตาย
เขาดิ้นรนและพยายามลุกขึ้นยืนอีก
อย่างไรก็ตาม เขาหมดสติในที่สุดเนื่องจากอาการบาดเจ็บของเขา
แม้จะล้มลงกับพื้น แต่เลือดก็ยังไหลออกจากปากเขา สติของเขาหลุดลอยไปและเขาก็หมดความรู้สึก
เย่ว์หยางปรบมือและยกย่อง “โจมตีได้ดี ต่อยได้สวย! เจ้าผู้ที่พยายามปลอมเป็นข้าผู้นี้ ข้าจะคุยกับเจ้ายังไงดี? ไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะปลอมตัวเสียจนเหมือนตัวข้า ปิงเอ๋อ! ช่วยบอกเจ้าโง่นี่ทีซิว่า ทักษะแฝงเร้นของพี่ชายเจ้าคืออะไร!”
เย่ว์ปิงพยักหน้าอย่างปลื้มเมื่อนางได้ยินว่าในที่สุดก็ได้เวลาที่นางจะพูดเสียที
นางสูดหายใจลึกและพยายามจะไม่ตื่นเต้น บังคับเสียงนางให้มั่นคงไม่หวั่นไหว “พวกท่านทุกคนจงฟัง, อุบายกลโกงทั้งหมดถือว่าเปล่าประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่สาม เพราะทักษะแฝงเร้นของพี่สามก็คือ”ปิดบัง“เขาสามารถมองเห็นความลับปิดบังของคนอื่นได้ พี่สามของข้ารู้ความลับทุกอย่างที่พวกท่านปกปิดมานานแล้ว” คำพูดของเย่ว์ปิงทำให้ทุกคนพูดไม่ออก
กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่มีทักษะแฝงเร้นที่ไม่ธรรมดานี่เอง
มิน่าเล่าเขาถึงเฉลยการทดสอบเลือดที่แปลกประหลาดได้โดยง่าย กลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่มีทักษะแฝงเร้นที่มองเห็นความลับปกปิดได้นี่เอง
เจ้าอ้วนไห่ถอยห่างหนีจากเย่ว์หยางทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น กลัวว่าเย่ว์หยางจะพบความลับของเขา
“เจ้าไม่ต้องมาอยู่ห่างข้าหรอก ข้าไม่สนใจความลับของเจ้า ที่ชอบนุ่งกางเกงในลายดอกไม้เป็นงานอดิเรก” เย่ว์หยางยันเจ้าอ้วนไห่ห่างออกไปและทำให้ผู้ชมพูดไม่ออกอีกครั้ง มิน่าเล่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ถึงได้ผิดธรรมดานัก มีทักษะแฝงเร้นปิดบัง มีความสามารถมองหาความลับและจุดอ่อนของคนอื่นได้ ถ้าไม่แข็งแกร่งก็คงแปลกละ
“เงียบนะ ชู่ววว” เจ้าอ้วนไห่กระโดดขึ้นมาและพยายามจะปิดปากเย่ว์หยางด้วยความประหม่า เย่คงและคนอื่นๆ เริ่มหัวเราะความพยายามที่ไร้ประโยชน์ของเขา
“ข้าคิดว่าทุกคนคงเข้าใจถึงสถานการณ์ในตอนนี้บ้างไม่มากก็น้อย มีเพียงผลสรุปเดียว พวกเจ้าคือหม้อที่เรียกว่ากาดำ (สำนวนจีนหมายถึงใส่ความ) พวกเจ้าเป็นปีศาจ แต่พวกเจ้ายังพยายามทำให้ข้าต้องกลายเป็นปีศาจแทน ในฐานะคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้มีชื่อ ข้าขอออกคำสั่ง จากวันนี้เป็นต้นไป ลูกหลานตระกูลเย่ว์ทั้งหมด ไม่ว่าจากตระกูลใหญ่หรือตระกูลสาขา ต้องผละออกจากฝ่ายเย่ว์ชิวตัวปลอม มิฉะนั้นข้าจะถือว่าพวกเจ้าทุกคนทรยศ เย่ว์ชิวและเย่ว์หยางปลอมเป็นผู้กระทำผิดหลัก ตัวก่อปัญหาให้กับตระกูลเย่ว์ นักสู้ปีศาจฉือเหลียวโปรดออกไปจากบริเวณนี้ทันที มิฉะนั้นข้าจะถือว่าท่านเป็นศัตรูกับตระกูลเย่ว์ เทียนฉวนแห่งนักสู้เจ็ดดาว ในฐานะอาจารย์ของเย่ว์หยางตัวปลอม ข้าขอสั่งให้ท่านตัดแขนขวาเดี๋ยวนี้และประกาศว่าท่านจะตัดสัมพันธ์กับเย่ว์หยางตัวปลอม จากนั้นข้าจะปล่อยให้ท่านมีชีวิตไปจากที่นี่..”
“แล้วเราเล่า?” องครักษ์พิทักษฟ้าจากอาณาจักรสือจินถามเย็นชา
“ถ้าพวกท่านต้องการอยู่ ข้าคิดว่าสุสานด้านหลังเขาจะเป็นที่พักชั้นดีสำหรับพวกท่าน มิฉะนั้น พวกท่านก็แค่ปล่อยให้ฮุยไท่หลางสัตว์เลี้ยงของเรามีงานเลี้ยงในชีวิตของมันส่งพวกท่านเดินทาง” เย่ว์หยางรู้ว่าช่วงเวลาแตกหักที่แท้จริงมาถึงแล้ว
“จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ ข้าต้องขออภัยท่านด้วย ท่านอยู่ในฝ่ายผิด ถ้าพวกท่านไม่สามารถพิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องกับเย่ว์ชิวจริง เราขอเลือกที่จะเชื่อคำของเย่ว์หยาง ในฐานะที่เป็นลูกหลานตระกูลเย่ว์ตัวจริง เย่ว์หยางมีอำนาจจะขับไล่พวกท่าน แม้ว่าพวกท่านทุกคนจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด พวกท่านก็ไม่ควรช่วยฝ่ายเลวร้าย” เซียนนักพรตยืนขึ้นตั้งใจสนับสนุนเย่ว์หยางแน่วแน่
“เย่ว์ชิวและเย่ว์หยางปลอมต้องสงสัยว่าอาจเป็นปีศาจ โปรดพิสูจน์ฐานะที่แท้จริงเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น ข้าจะถือว่าพวกเจ้าเป็นปีศาจ!” องครักษ์พิทักษ์ฟ้าแห่งเทียนหลัว บัณฑิตวัยกลางคนยืนขึ้นตวาดเสียงดัง เมื่อสององครักษ์พิทักษ์ฟ้าของอาณาจักรสื่อจินสาวเท้ามาอยู่ต่อหน้าเขา สีหน้าของบัณฑิตวัยกลางคน องครักษ์พิทักษ์ฟ้าเปลี่ยนไป ขณะที่เขาโกรธ “ถ้าพวกท่านทั้งสองช่วยพวกเขาสู้ นี่หมายความว่าเป็นการประกาศสงครามระหว่างสื่อจินกับเทียนหลัวและต้าเซี่ย!”
“เราแค่อยากเตือนพวกเจ้าว่า มีคนได้เปิดประตูสู่แดนอเวจีในเมืองหลวงเทียนหลัวและต้าเซี่ยไว้แล้ว ปีศาจนับแสนจะพร่างพรูเข้ามาในทวีปมังกรทะยานจับทั้งทหารและพลเรือนกิน พวกมันกำลังเดินทางไปวังหลวงของพวกเจ้าแม้ขณะที่เราคุยกันอยู่นี้ ในฐานะขององครักษ์พิทักษ์ฟ้าของประเทศ ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าทั้งสองคงจะไม่ยืนดูอยู่เฉยๆ หรอกนะ?” หนึ่งในองครักษ์พิทักษ์ของอาณาจักรสื่อจินผู้ตัวเตี้ยกว่าเล็กน้อยหัวเราะอย่างใจเย็น “พวกเจ้ารู้ไหมว่าทำไมเราถึงเตรียมการทดสอบเลือดยืนยันความสัมพันธ์สถานะ? ก็แค่ตรึงพวกเจ้าไว้ที่นี่ มหาอำมาตย์ของเจ้าหายสาบสูญไปในเผ่าปีศาจบูรพาพร้อมกับกองทหารของเขา จักรพรรดินีราตรีก็ไม่อยู่ที่นี่ เนื่องจากพวกเจ้าทั้งสองยังอยู่ที่นี่ เมืองหลวงจึงว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเพื่อปกป้องเมือง เรื่องนี้จะโทษใครได้เล่า เป็นความผิดของพวกเจ้าเองที่พยายามแส่เข้ามายุ่งธุระของคนอื่น!”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เซียนนักพรตโกรธขณะที่เขาพยักหน้า “ก่อนที่จะกลับไปทำลายกองทัพปีศาจ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าก่อน แล้วค่อยล้างแค้นให้พลเมืองในเมืองหลวง”
“ด้วยกำลังเจ้าแค่สองคนน่ะหรือ?” องครักษ์พิทักษ์ฟ้าของสื่อจินคนที่ตัวสูงจ้องหน้าพลางหัวเราะลั่น “พลังของพวกเราพอๆ กัน ยากที่จะตัดสินหาผู้ชนะได้หลังจากที่ซ้อมมือมาเป็นพันๆ ครั้ง พวกเจ้าพูดแบบนั้นได้อย่างไร?”
“เซียนนักพรต ถ้าเจ้าลืม ข้าจะช่วยย้ำเตือนเจ้าอีกครั้ง นอกจากจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยจะอยู่ฝ่ายข้าแล้ว ยังคงมีข้าและเทียนฉวน นักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสองคน” นักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าปีศาจชี้มาที่เซียนนักพรต “ความจริง ข้าต้องการฆ่าพวกเจ้ามานานแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างต้าเซี่ยและเทียนหลัวช่างสนิทกันมาก พวกเจ้าช่วยกันและกันมาโดยตลอด เรารอโอกาสวันนี้มาเป็นเวลานานแล้ว นี่คือโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้จริงๆ…”
“เด็กน้อยเย่ว์หยาง รีบหนีไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” เซียนนักพรตหันมามองเย่ว์หยางทันที “ถ้ามีโอกาสในอนาคต ช่วยล้างแค้นให้พวกเราด้วย”
“เนื่องจากข้ามาที่นี่ ข้าไม่ต้องการกลับไปแล้ว” เย่ว์หยางส่ายหน้าและชี้ไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ สั่งเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ “ต้องมีวงแหวนเทเลพอร์ตขนาดยักษ์อยู่ข้างใน ศัตรูจะใช้ชีวิตมนุษย์บูชายัญ งานของเจ้าก็คือบุกเข้าไปในปราสาทตระกูลเย่ว์และทำลายวงแหวนเทเลพอร์ตซะ!”
“เข้าใจแล้ว ท่านยังมีคำสั่งอื่นอีกไหม? ทำลายวงแหวนเทเลพอร์ต งานกล้วยๆ”
ตราบใดที่เขาไม่ต้องสู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิด เจ้าอ้วนไห่คิดว่า ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาสามารถพลิกปราสาททั้งหมดก็ยังได้
เย่ว์หยางหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินเขาพูด “อย่างนั้นหลังจากเจ้าทำลายวงแหวนเทเลพอร์ตได้แล้ว อย่าลืมเตะจ้าวปีศาจคุกโลหิตผู้อาจจะเทเลพอร์ตมาที่นี่กลับแดนอเวจีด้วยล่ะ?”
เจ้าอ้วนไห่สั่นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เขาร้องเหวอด้วยความกลัวและวิ่งอย่างบ้าคลั่งตรงไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ ผ่านนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่อยู่อีกฝ่ายหนึ่ง
แน่นอน พวกที่ไวกว่าเขาก็คือ เย่คง, องค์ชายเทียนหลัว, เสวี่ยทันหลางและพี่น้องตระกูลหลี่บุกเข้าไปทันทีที่พวกเขาได้ยินคำสั่งเย่ว์หยาง ในท้องฟ้า ผู้อาวุโสปีศาจร้อยแปลง, เย่ว์ชิว, เย่ว์หยางตัวปลอมและนักรบอื่น รีบตามพวกเขาไปเพื่อห้ามมิให้พวกเขาบุกเข้าไป เย่ว์ชิวตัวปลอมเป็นคนสุดท้ายที่กวาดสายตามาที่เขาก่อนที่จะตามไป สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว บางทีเขาอาจพอใจในตัวเอง เพราะแผนการทั้งหมดนี้ดำเนินการโดยเขา แม้เย่ว์หยางจะมองออก เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้
ชนะเป็นจ้าว และแพ้เป็นบ่าว
ตราบใดที่พวกเขาฆ่าเย่ว์หยาง, เซียนนักพรตและคนอื่นๆ ใครเล่าจะรู้ความจริงเรื่องนี้?
มีเพียงสื่อจินโหวและจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ซุ่นเทียนขมวดคิ้วในเวลาเดียวกัน
ทั้งสองคนรู้สึกว่าตั้งแต่เย่ว์หยางเห็นแผนของพวกเขา พวกเขาจะไม่สามารถดำเนินการตามแผนได้อย่างราบรื่น เย่ว์หยางอาจพยายามขอการสนับสนุนจากเซียนนักพรตและบัณฑิตวัยกลางคน เมื่อเขาเผยกลโกงทดสอบเลือดและขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
เขาไม่แปลกใจและไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย กลับเผชิญหน้ากับแผนต้านเขา เขายังมีความมั่นใจและใจเย็น
เขาแกล้งทำเป็นใจเย็นอย่างนั้นหรือ?
หรือว่าเขามีความมั่นใจว่าสามารถพลิกฟื้นหลายอย่างได้?
นางเซียนหงส์ฟ้ายังคงนั่งพักอยู่ภายในรถม้าตลอดเวลา เหมือนกับว่านางกำลังหลับ
จนกระทั่งตอนนี้ เมื่อทุกคนเตรียมสู้ นางเดินนวยนาดออกมาจากรถม้า ยิ้มยั่วยวนใจ “ว่าไง ดูเหมือนพวกเจ้ากำลังจะเริ่มสู้กันแล้ว ข้าไม่ได้เห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดสู้กันมาตั้งนานแล้ว ข้าก็อยากจะมีส่วนร่วมด้วย แต่ว่าท่านประมุขนิกายตวนมู่ยังหลบมุมแอบดูคนอื่นอยู่เลย ข้ารู้ว่าเจ้ามีงานอดิเรกอย่างหนึ่ง จะไม่ออกมาทักทายทุกคนสักหน่อยหรือ?”
เหมือนกับว่าพื้นที่บางส่วนในอากาศบิดเบี้ยว ก่อนที่จะกลับคืนสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็ว
บุรุษวัยกลางคนสวมชุดยาวลอยตัวลงมาบนพื้น ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน รัศมีที่ฉายออกไม่ธรรมดาเลย
นางเซียนหงส์ฟ้าแนะนำเขากับเย่ว์หยาง “คนผู้นี้เกือบเป็นอมตะแล้ว ชื่อของเขาคือ ตวนมู่หลงเฉิง เขาคือประมุขนิกายบรรพตขจีคนปัจจุบัน ว่านฉีซิ่วหลิงที่เพิ่งถูกเจ้าฆ่าไปนั้นคือรองประมุขนิกายของเขา ระวังนะ เขาอาจสร้างปัญหาให้เจ้าได้
“ฮื้ม.. ได้เวลาสะสาง ในที่สุดเราจะได้คลี่คลายหนี้สินนับพันปีระหว่างนิกายบรรพตขจีและตระกูลเย่ว์” เขาพยักหน้า
“ระวังนะ!” เสวี่ยอู๋เสียพาเย่ว์ปิงลงมาด้วยตนเองขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพาเย่ว์หวี่และเจ้าเมืองโล่วฮัวเดินมากับอี้หนาน พวกนางเตรียมพร้อมที่จะมุ่งหน้าเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์ พวกนางไม่สามารถแสดงความแข็งแกร่งได้เต็มที่เมื่ออยู่ที่นี่ เป้าหมายของพวกนางคือเข้าไปในปราสาทตระกูลเย่ว์ ทำลายวงแหวนเทเลพอร์ต และทำลายความพยายามของศัตรูที่จะเอากำลังเสริมมาจากกองทัพปีศาจ สื่อจินโหวมองดูเย่ว์หยางจริงจังก่อนที่เขาจะส่ายหัวและพาทหารของสือจินที่ปลอมตัวเป็นนักรบตระกูลเย่ว์ไล่ตามเสวี่ยอู๋เสียและคนอื่นๆ
ในใจของสือจินโหว คนที่น่ากลัวที่สุดในหมู่ศัตรูก็คือเย่ว์หยาง ขณะที่คนที่สองก็คือนางเซียนหงส์ฟ้า ทว่าคนที่สามกลับไม่ใช่เซียนนักพรต ไม่ใช่บัณฑิตวัยกลางคน กลับเป็นนางโจรลึกลับที่ครั้งหนึ่งทำร้ายเขาบาดเจ็บหนักและทำให้เขาประสบความพ่ายแพ้ยับเยิน เขาสามารถจำนางได้ทันทีที่เห็นเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังรู้สถานะของนางอีกด้วย นางคือคุณหนูจากตระกูลเสวี่ยนั่นเอง
ลุงรองเย่ว์หลิ่งยังคงมองดูเย่ว์หยาง
เขาไม่ได้พูด เพียงแต่แบกเย่ว์เยี่ยน บุตรชายที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมกับจูงมือบุตรน้อยเย่ว์เฟิงจากไป
ดูเหมือนไม่ว่าผู้ใดถูกหรือผิด เขาก็คงไม่ตายในท่ามกลางศึกใหญ่
ตระกูลเย่ว์ต้องไม่ขาดทายาท.. เขายินดีถูกตราหน้าว่าขี้ขลาดเพื่อรักษาเชื้อสายตระกูลเย่ว์เอาไว้ มิฉะนั้นตระกูลเย่ว์จะถูกทำลายล้างสิ้นเชิง
“ข้าจะปล่อยจักรพรรดิแห่งซือเว่ยผู้ยิ่งใหญ่ให้ท่านรับมือ สำหรับตวนมู่, เทียนฉวนและฉือเหลียว ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” เย่ว์หยางไม่ลืมถือโอกาสหากำไรจากนางเซียนหงส์ฟ้าไว้ก่อน เขากอดนางแน่นแล้วฝังหน้าลงกับอกนางซึ่งสามารถฝังบุรุษให้จมลงในห้วงความปิติยินดีได้ เขาสูดกลิ่นหอมนางจนจุใจ “ถ้าข้าได้กอดท่านอย่างนี้ทุกครั้งที่ข้าต้องสู้ ข้ายินดีต่อสู้ทุกๆ วัน”
“ทำไมเจ้าไม่นึกถึงความรู้สึกข้าสักนิดเล่า? อย่าเลีย ว้าย.. อย่าทำน้ำลายหกสิ” นางเซียนหงส์ฟ้าตะโกนลั่นด้วยความประหลาดใจ
**************