ตอนที่ 305 – ตอนที่ 286 นักรบปราณก่อเนิด ฆ่าได้ไม่ต้องกลัวผิด
ไคหยางแห่งกลุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวลอบใช้แสงอุษาโจมตีใส่เต็มที่
แม้ว่าหน้าของเขาจะเปรอะเปื้อนด้วยสิ่งสกปรก แต่เขายังคงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2 ดังนั้นร่างของเขาจึงฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บได้เร็ว มีแต่เพียงเสื้อผ้าที่ถูกทำลาย ทำให้เขามองดูทุลักทุเล เกี่ยวกับการลอบโจมตีของเจ้าเมืองโล่วฮัว ทำให้ไคหยางโกรธจัด เขาเรียกอสูรหนอนพ่นพลังออกมาตัวหนึ่ง ร่างของมันยาวและหนาดูเหมือนหนอนขนาดใหญ่ มันอ้าปากน่าเกลียดพ่นบอลสีดำออกมาลูกหนึ่ง
เย่คงเห็นโดยบังเอิญว่ามีบางอย่างผิดปกติตรงนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไป พอเห็นว่าเป็นบอลสีดำที่ดูเหมือนไม่มีพลังอะไร แต่ดูเป็นลูกบอลธรรมดา เขาพยายามกระแทกมันอย่างกล้าหาญ
บึ้ม!
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว
บอลสีดำระเบิดสนั่นส่งผลให้เย่คงกระเด็นทันที
“มีการเดินทางในชีวิตหลังความตายรอเจ้าอยู่แล้ว” ไคหยางแห่งนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวลอยลงมาจากท้องฟ้าและจับเย่คงที่กระเด็นขึ้นมาในอากาศ เขาตะครุบหน้าอกเย่คงและระเบิดพลังปราณก่อกำเนิดของเขา
“ไม่!” เจ้าอ้วนไห่เห็นความเคลื่อนไหวของไคหยาง แต่เขาไวไม่พอที่จะช่วยเย่คง เมื่อเขาไปถึงตัวเย่คงได้ในที่สุด เย่คงก็ถูกปราณก่อกำเนิดของไคหยางยิงตกลงไปบนพื้นแล้ว เจ้าอ้วนไห่รู้ว่าพลังโจมตีของนักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่ใช่สิ่งที่นักรบธรรมดาจะต้านรับได้ แม้ว่าร่างของเย่คงจะเสริมพลังด้วยคิงคองปีศาจของเขา แต่การถูกนักสู้ปราณก่อกำเนิดโจมตีใส่มิใช่ลางดีสำหรับเขาแน่นอน เจ้าอ้วนไห่เศร้าโศกและไม่พอใจ ขณะที่เขาปล่อยหมัดฮิปโปดาวตกใส่หลังของไคหยาง
“มดปลวกที่น่ารำคาญ!” ไคหยางรู้สึกเจ็บเล็กน้อยที่หลัง เขาโกรธเพราะถูกเจ้าอ้วนไห่ทำร้าย
ถ้าเขาไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด ถ้าเขาเป็นนักสู้ระดับ 8 แทน บางทีเขาคงบาดเจ็บหนักจนกระอักเลือดไปแล้ว
เจ้าอ้วนไห่ดูเหมือนจะมีระดับเทียบเท่านักสู้ระดับ 6 เป็นอย่างมาก แต่เขาสามารถปล่อยพลังหมัดในระดับเดียวกับนักสู้ระดับ 7 ได้ นอกจากจะโกรธมากแล้ว ไคหยางยังสงสัยมากอีกด้วย เจ้าอ้วนสามารถเพิ่มพลังขึ้นมาได้อย่างไร?
ไคหยางโต้ตอบอย่างทันควัน เขาเตะขวางเข้าใส่หน้าอกของเจ้าอ้วนไห่
เจ้าอ้วนไห่ปลิวลงพื้นเหมือนกับลูกปืนใหญ่ กระแทกจนเกิดเสียงระเบิดสนั่น
ในท้องฟ้า ดาบหนักขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระแทกใส่ศีรษะของไคหยาง
พลังปราณที่แฝงมากับดาบของนางเหมือนพยัคฆ์ขาวยักษ์ กระแทกใส่ศีรษะไคหยางอย่างรุนแรง คราวนี้ปราณกระบี่จักรพรรดิ, พลังพยัคฆ์ขาวและอักษรรูนสวรรค์ผสานรวมกัน ระเบิดใส่ศีรษะของไคหยาง ต่อให้เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดกับมีพลังป้องกันสูงล้ำ ก็ยังรู้สึกงงและมองเห็นดาว พลังฟันครั้งนี้เต็มไปด้วยพลังที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเก็บกักไว้เป็นเวลานาน
พลังพยัคฆ์ขาวขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, ปราณกระบี่จักรพรรดิและอักษรรูนสวรรค์ร่วมกันทำลายแนวพลังป้องกันของไคหยางทำให้เขากระเด็นออกไป
ไคหยางกระอักเลือด
อย่างไรก็ตาม เขายังมีพลังตอบโต้
เขาใช้มือขวายันตัวเองจากพื้น จากนั้นพุ่งกลับไปหาองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเร็วเหมือนสายฟ้า
“คัมภีร์อัญเชิญ” องค์ชายเทียนหลัววิ่งมาอยู่ข้างหน้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเรียกคัมภีร์ของเขา โล่พลังปรากฏออกมาป้องกันพลังโจมตีของไคหยางไว้ได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเก็บดาบใหญ่ของนางขึ้นมาและกระโดดเหนือโล่ป้องกันแล้วฟันใส่ไคหยางทันทีที่เขาโจมตีพลาด
“พายุหิมะยี่สิบชั้น!” เสวี่ยทันหลางก็วิ่งเข้ามาเพื่อฆ่าด้วยเช่นกัน เขาร่วมมือกับมนุษย์หิมะยักษ์ใช้พลังพายุหิมะยี่สิบชั้นอัดกระแทกใส่อกของไคหยาง นอกจากนี้ ยังมีพลังพยัคฆ์ขาวและอื่นๆ ที่นอกจากพลังพายุหิมะยี่สิบชั้น ไคหยางอดทนเพื่อแก้แค้นจากที่เขาถูกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางโจมตีใส่… อย่างไรก็ตาม ร่างของเขาได้รับบาดเจ็บหนักแต่ก็ยังพอทนรับได้ เขาระเบิดพลังปราณก่อกำเนิดใส่เสวี่ยทันหลางและองค์หญิงเชี่ยน ขณะที่เขาหัวเราะและคำรามอย่างบ้าคลั่ง “ข้าคือนักสู้ปราณก่อกำเนิด เจ้าพวกมดปลวกจะทำอย่างไรกับข้าได้? เจ้าพวกหนอนแมลงที่ตีความสามารถตนเองสูงเกิน มาเลย มีอะไรก็มาแสดงให้ข้าดู ก่อนที่พวกเจ้าจะตาย ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับพวกเจ้าได้เห็นว่าพวกเจ้าอ่อนแอเพียงไหน?”
“สายฟ้าฟาด!”
เสียงดังสนั่นก้องออกมาจากหูของเขา
จากนั้น สายฟ้าที่น่ากลัวยิ่งกว่าระเบิด ได้ระเบิดออกจากหูซ้ายและขวาของไคหยาง
“พลังเยือกแข็ง!”
ขณะเดียวกัน ยังมีพลังโจมตีอื่นระเบิดที่หูขวาของไคหยาง นั่นคือพลังเยือกแข็ง เป็นพลังโจมตีที่ทรงพลังมากกว่าสายฟ้า
ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือเสวี่ยอู๋เสีย
หน้าของไคหยางบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ขณะที่หูทั้งสองมีเลือดไหลออก ขณะที่เขาร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา เสวี่ยอู๋เสียติดตามต่อด้วยท่าระบำกระเรียนและกรรไกรนางแอ่น เมื่อการโจมตีของนางประสบผล และปิดท้ายด้วยหนึ่งในสามท่าไม้ตายของนางนามว่าระบำหงส์
ก่อนนั้น เสวี่ยอู๋เสียได้สังเกตวิธีที่หงส์บินอยู่เหนือน้ำก้าวย่างอยู่เหนือผิวน้ำได้งดงามไม่มีที่ติ ขณะที่มันกระพือปีกและบินขึ้นไปบนฟ้า โดยการเฝ้าสังเกตดูเช่นนี้ เสวี่ยอู๋เสียเกิดแนวคิดประยุกต์เข้ากับหนึ่งในวิทยายุทธของตระกูลเสวี่ยและสร้างวิทยายุทธเฉพาะตนขึ้นเรียกว่า “ระบำหงส์” ยิ่งกว่านั้นภายใต้คำแนะนำของเย่ว์หยาง นางจึงได้ปรับปรุงยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เป็นท่าเตะที่รุนแรง เมื่อไคหยางแห่งกลุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวตอบโต้กลับด้วยความโกรธ ร่างของเสวี่ยอู๋เสียก็ลอยสูงขึ้น ขาคู่งามเหมือนหงส์ของนางลอยขึ้นด้วยพลังที่แข็งแกร่งพอๆ กับแรงฟันขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางเตะเข้าที่ใบหน้าไคหยางรวดเดียวถึงสิบแปดครั้ง
ขณะที่หน้าของไคหยางแตกยับและฟันของเขากระเด็นร่วงลงพื้น นางก็บินขึ้นท้องฟ้าอย่างสวยงาม
นี่คือกระบวนท่าระบำหงส์ และเป็นระบำที่หงส์เท่านั้นร่ายรำได้สวยที่สุดในโลก
ไคหยางคลั่งไปแล้ว เขาใช้มือยันตัวขึ้นจากพื้น เตรียมตัวพุ่งเข้าหาเสวี่ยอู๋เสียด้วยความเร็วที่เหมือนกระสุนปืน
เขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง ถ้าเขาถูกทุบตีถึงขนาดที่ร่วงลงกับพื้น เขาจะกลายเป็นตัวตลกที่สุดในโลกเป็นแน่
“อะฮู้ววว!”
จู่ๆ พลังที่เหมือนจ้าวปีศาจระเบิดออกมา ขณะที่หมาป่าโลกันตร์ อสูรแพลตตินัมระดับ 5 กดไคหยางลงกับพื้น ปากขนาดยักษ์ของมันงับลงที่หัวของไคหยาง มันฝังเขี้ยวลงที่คอหอยของไคหยางไม่ยอมปล่อย เลือดกระเซ็นออกมาไม่ขาด นี่เห็นได้ชัดว่าฮุยไท่หลางเฝ้ารอให้นักสู้ปราณก่อกำเนิดกลายเป็นอาหารของมันมานานแล้ว
ไคหยางปล่อยพลังปราณก่อกำเนิด ขณะที่เขาดิ้นรนด้วยพลังที่เขามีทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ฮุยไท่หลางมีพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกับเย่ว์หยาง มันไม่กลัวนักสู้ปราณก่อกำเนิด
มันกัดเขาแน่น ไม่ยอมผ่อนปรนแม้แต่น้อย ไคหยางพยายามต่อยมันถึงสิบครั้ง และมันก็ตะกุยกรงเล็บใส่เขาคืนสิบครั้ง ร่างของฮุยไท่หลางมีแผลบาดเจ็บหนักจากแรงชก แต่หน้าอกของไคหยางก็มีบาดแผลที่เหวอะน่ากลัวหลายแผลเช่นกัน หน้าอกบางส่วนของเขาก็ถูกกรงเล็บตะกุยจนมองเห็นซี่โครง เจ้าอ้วนไห่พุ่งเข้ามาเหมือนกับว่าต้องการจะเสี่ยงชีวิตตนเอง ใช้แขนและขาเขาตรึงแขนขวาของไคหยางไว้ ด้วยความต้องการจะหยุดความเคลื่อนไหวของแขนขวาไคหยาง อีกด้านหนึ่ง เย่คงมีกระดูกซี่โครงหักและกระอักเลือดออกมา ก็โถมตัวเข้าหาพร้อมกับคำรามลั่น
เสวี่ยทันหลางไม่สามารถห้ามพวกเขาได้ ดังนั้นเขาตัดสินใจเตะร่างท่อนล่างของไคหยาง
พอถึงเวลานี้ เสวี่ยทันหลางไม่สนใจศักดิ์ศรีความเหมาะสมอีกต่อไป ทำตามคำพูดของเย่ว์หยาง เขามุ่งเน้นจุดที่เป็นศูนย์รวมความเจ็บปวดที่สุด
การเห็นอกเห็นใจศัตรูเท่ากับโหดร้ายกับตัวเอง
ไคหยางรู้สึกเจ็บปวดทรมานจะแทบทำให้เขาตาย โชคดีที่เจ้าอ้วนไห่และเย่คงที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถหยุดเขาได้ ไคหยางต่อสู้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อให้หลุดจากคนทั้งสองและฮุยไท่หลางที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในที่สุดเมื่อเขาฉีกตัวออกมาจากฮุยไท่หลางมาได้ ฮุยไท่หลางฉีกเนื้อส่วนหนึ่งบนใบหน้าของเขาออกมาและกลืนกินลงไปเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนอาหารหลัก
ขณะนี้ ไคหยางมีหน้าหายไปครึ่งแถบ ร่างกายชุ่มโชกด้วยเลือด หูถูกกระแทกเป็นชิ้น หัวแตกและซี่โครงหักลุกขึ้นยืนด้วยความลำบาก
ถ้าเขาไม่ใช่นักรบปราณก่อกำเนิดระดับ 2 เขาคงตายไปนานแล้ว
แต่เขาไม่เคยบาดเจ็บหนักมาก่อนในชีวิตของเขา
ยิ่งกว่านั้น เขาไม่เคยมีประสบการณ์อับอายขายหน้าอย่างนั้นมาก่อนในชีวิต
เขาคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ยิ่งใหญ่มีคนนับถือ ก็ยังถูกรุมทำร้ายจนย่ำแย่หนัก
“พวกเจ้าทุกคน, ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ได้” ไคหยางคำรามด้วยความโกรธ
“วี้ดดดดด…บึ้ม!!!”
ในท้องฟ้ามีดาวตกลูกหนึ่งถูกเรียกโดยองค์ชายเทียนหลัว มันร่วงลงมาด้วยความเร็วที่น่าตระหนกและกระแทกใส่ร่างของไคหยาง พื้นดินสั่นสะท้านสะเทือนและฝุ่งฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณทันที
เมื่อฝุ่นจางลง พวกเขาพบว่าไคหยางแห่งกลุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวยังคงมีชีวิต
เขายืนอยู่บนอุกกาบาตที่แหลก มีเลือดไหลออกจากทุกส่วนในร่างกายเขา
แม้ว่าเขาจะถูกอุกกาบาตพุ่งเข้าโจมตี เขาก็เพียงได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่ได้ตายในทันที เขายังคงมีพลังเหลือไว้ตอบโต้ อีกด้านหนึ่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเพิ่งจะใช้ดาบยักษ์ฆ่าหนอนยักษ์เสร็จ และพริบตาเดียวนางยิงปราณกระบี่ฝ่าอากาศ ปราณกระบี่ยาวสิบเมตรถูกเพิ่มขึ้นโดยพลังพยัคฆ์ขาวและอักษรรูนสวรรค์ของนางแหวกอากาศและฟันเข้าที่ศีรษะของไคหยางอย่างโหดเหี้ยม ร่างของไคหยางกระตุกเพียงเล็กน้อย มือของเขายังคงกักพลังไว้ เหมือนกับว่าเขาเตรียมพร้อมจะปล่อยการโจมตีสุดยอดเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อตกตายตามกันพร้อมกับทุกคน
เสวี่ยทันหลางเตรียมจะปรี่เข้าโจมตี แต่จู่ๆ เสวี่ยอู๋เสียลอยกลับลงมาที่พื้นและตะโกนบอก “ทุกคน! ออกไปห่างๆ จากตรงนี้ ข้าจะจัดการเขาเอง!”
ในท้องฟ้ามีหิมะตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับการเคลื่อนลงมาของนาง
แม้ว่าเสวี่ยทันหลางจะไม่สามารถเรียกพายุหิมะห้าสิบชั้นได้ แต่เสวี่ยอู๋เสียกลับเรียกได้ง่ายๆ และบดใส่ศีรษะของไคหยาง ไคหยางยกมือขวาและใช้พลังปราณก่อกำเนิดของเขาต่อต้านพายุหิมะ หน้าของเขามีเลือดเปรอะแสดงให้เห็นสีหน้าที่น่ากลัวขณะที่เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ถ้าข้าจะตาย พวกเจ้าทุกคนก็ต้องตายกับข้าด้วย พวกเจ้าทุกคนจะไม่มีใครรอดได้”
ไคหยางหมดหวังโดยสิ้นเชิง เขาเตรียมฆ่าตัวตายด้วยพลังระเบิด เขาเพิ่มพลังปราณก่อกำเนิดของเขาอย่างต่อเนื่อง มากพอจนท้องของเขาเริ่มมีเสียงดังก้อง
ทุกคนถอยทันที
อย่างไรก็ตาม ไคหยางผู้ไร้ยางอายนี้กลับพุ่งเข้าใส่รถม้า
เชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ตกตะลึง ทันใดนั้นพวกเขาพุ่งเข้ามาหยุดเขา ก่อนที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไปถึง พี่น้องตระกูลหลี่ที่ไม่พูดเลยในระหว่างการต่อสู้ โผล่มาจากด้านข้างรถม้าโดยสาร
พวกเขาไม่เคยลืมหน้าที่ของเขาคือปกป้องรถม้าโดยสาร เว้นเสียแต่พวกเขาตาย ไคหยางจะไม่มีทางผ่านพวกเขาไปได้ พวกเขายืนอยู่หน้ารถม้าโดยสาร พี่น้องตระกูลหลี่จู่โจมใส่ไคหยางอย่างเข้าขากัน แต่ละคนจับแขนของไคหยางไว้คนละข้าง
พวกเขาเคลื่อนไหวพร้อมกัน และยกไคหยางขึ้น
พวกเขาหิ้วไคหยางผู้บ้าอาละวาด กระโดดตรงไปทางหมู่บ้านตระกูลเย่ว์ที่พังไปแล้วซึ่งอยู่ในที่ไกล ห่างออกไปจากรถม้าโดยสารและสหายผู้ไล่ตามมาโดยทำอะไรไม่ได้
เจ้าอ้วนไห่พุ่งเข้าใส่และตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพวกบ้า, เจ้านี่มันเป็นของข้า ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”
เย่คงพูดอะไรไม่ได้เพราะเขากระอักเลือดเต็มปากเนื่องจากความเครียดและความโกรธ
เจ้าเมืองโล่วฮัวเม้มริมฝีปากแน่น นางสะสมพลังแสงอุษาของนางไว้แล้วและสามารถปล่อยใส่ไคหยางเมื่อใดก็ได้ อย่างไรก็ตาม พี่น้องตระกูลหลี่ยังอยู่ในวิถีแสง ทำให้นางไม่สามารถปล่อยพลังโจมตีของนางได้ ในท้องฟ้า องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เสวี่ยอู๋เสียเทเลพอร์ตไล่จนทันพี่น้องตระกูลหลี่และไคหยางที่กำลังจะระเบิด บนหน้าผากนางปรากฏวงเวทอักษรรูนลึกลับขึ้นมาอีกครั้ง เร่งพลังหยินของนางจนสู่ระดับสูงสุด มือขาวหิมะของนางแทงใส่หลังของไคหยาง
สิ่งที่นางจับก็คือเส้นชีพจรหัวใจของไคหยาง
“สายเกินไปแล้ว พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!” ในท่ามกลางความเจ็บปวดทรมาน ไคหยางแห่งกลุ่มนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
“โอว, จริงหรือ?” เสวี่ยอู๋เสียตอบพร้อมยิ้มเยือกเย็น
หัวใจที่อยู่ในมือนางกลายเป็นก้อนน้ำแข็งจากพลังเยือกแข็งจากพลังหยินของนาง ในเงื้อมมือของเสวี่ยอู๋เสีย หัวใจแช่แข็งแตกสลายเป็นเศษน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
อกของไคหยางเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งและลามแผ่กระจายไปทั่วตัวเขาอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่น้องตระกูลหลี่มีปฏิกิริยารวดเร็ว ปล่อยไคหยางทันเวลา บางทีพวกเขาอาจถูกแช่แข็งไปด้วยเช่นกัน เสวี่ยอู๋เสียใช้วิชาระบำกระเรียนเตะร่างแช่แข็งของไคหยางจนกระเด็น และเพียงชั่วขณะก็กลับลงมาอยู่ที่พื้น ไคหยางกระแทกลงกับพื้นก็ระเบิดขึ้นในที่สุด เศษน้ำแข็งที่ระเบิดกระจายออกมากระเด็นไปทั่วบริเวณทั้งบนท้องฟ้าและพื้นดิน
ภายใต้พลังเยือกแข็งของพลังหยินของเสวี่ยอู๋เสีย ผลกระทบจากแรงระเบิดลดลงไปมาก
พี่น้องตระกูลหลี่ที่ถูกแรงคลื่นระเบิดกระแทกกระเด็นถูกเย่คงและเจ้าอ้วนไห่คว้าตัวไว้ได้… เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ไม่ได้พูดอะไรอื่น แล้วเริ่มทุบหลี่เกอและหลิ่ชิวหนักๆ ก่อนที่จะสวมกอดกันแน่น ในช่วงเวลาสุดท้ายพวกเขาพยายามจะเสียสละตนเองเพื่อปกป้องพวกพ้องที่เหลือของเขา
ยักษ์ทองตาเดียวบาดเจ็บหนัก ร้องโหยหวนก่อนที่มันจะตายในที่สุด
อีกด้านหนึ่ง แมมม็อธสายฟ้าที่หัวของมันถูกทุบอย่างหนักยังปลอดภัยดีอยู่
เหตุผลก็คือ เมื่อไคหยางเจ้านายของมันถูกศัตรูรุมล้อม มันไม่ได้มีความภักดีมาตั้งแต่แรก ก็หักหลังเจ้านายของมันแล้ว
มันซ่อนตัวอยู่ด้านหนึ่ง ไม่กล้าทำตัวเป็นศัตรูกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนที่เหลือ.. ยิ่งกว่านั้น มันยังฉลาดมาก มันไม่หนี มิฉะนั้นฮุยไท่หลางจะไม่เกรงใจ กินเนื้อแมมม็อธทันที
ขณะเดียวกัน ซุ่นเทียนผู้ลอยตัวอยู่เหนือปราสาทตระกูลเย่ว์รู้สึกอับอายจนเขาต้องเอามือปิดหน้า ไม่อาจทนดูต่อไปได้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2 ผู้ทรงเกียรติอย่างไคหยาง ผู้ได้รับประกาศให้เป็นอันดับหนึ่งของพันธมิตรนักสู้ปราณก่อกำเนิดเจ็ดดาว พ่ายแพ้พวกกลุ่มเด็กๆ ไม่ใช่ว่าต้องการจะปฏิเสธความสามารถของเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพวกที่เหลือ เขารู้สึกว่าไคหยางอ่อนแอเกินไป นักสู้ปราณก่อกำเนิดแบบนี้ ไม่ว่าเป็นหรือตายก็ใช้ไม่ได้
ซุ่นเทียนยังคงสงบอยู่ได้ในตอนนี้ เพราะเขายังมีกับดักวางไว้อยู่ในปราสาทตระกูลเย่ว์ แม้ไม่มีว่านฉีซิ่วหลิง, ไคหยางและเหยากวง เขาก็ยังไม่เป็นไร
ในฐานะเป็นผู้บงการ เขาไม่เคยตั้งความหวังมากนักกับบริวารที่ใช้ไม่ได้เหล่านี้ เขายังจะดำเนินการตามแผนของเขาโดยไม่ต้องมีพวกนั้น
ถ้าไม่ใช่เพราะมารกฎฟ้าปรากฏตัวที่นี่ ซุ่นเทียนก็ไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรต่อหน้าเขา
ปีศาจดอกหนามผู้เปลี่ยนให้อสูรทองน้อยกลายเป็นดาบยาวยังคงตัดจ้าวอัคนีทีละชิ้นๆ โดยพยายามขุดหาผลึกเวทของมัน เมื่อนางขุดเจอผลึกเวทขนาดยักษ์ในที่สุด นางยิ้มมีความสุขเหมือนกับดอกไม้บาน หยิบผลึกเวทที่หนักมาถือไว้ในมือ นางบินขึ้น-ลงอยู่ในท้องฟ้ากระพือปีกดอกไม้ของนางอย่างร่าเริง
นัยน์ตาของอสูรทองน้อยเหมือนจะคลั่งไปแล้ว มันเกือบทำน้ำลายหกขณะที่มองผลึกเวท
มันแปลงคืนร่างเดิมเป็นอสูรมีปีกและบินรอบๆ อย่างงุ่มง่ามเล็กน้อยตามนางปีศาจดอกหนาม เหมือนกับว่ามันต้องการกินผลึกเวททั้งหมด จ้าวอัคนียังคงมีชีวิตอยู่ แต่นางปีศาจดอกหนามและอสูรทองน้อยต่างลืมมันไปสิ้นเชิง
บึ้มมมม!
ร่างของจ้าวอัคนีเกิดเสียงลั่นขณะที่ท้องยักษ์ของมันแตกกระจายเป็นชิ้น
“เอ๊ะ?” ซุ่นเทียนเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมจ้าวอัคนีถึงตาย? เป็นไปได้ไหมว่าเจ้านายของมัน ว่านฉีซิ่วหลิงผู้คิดว่าฉลาดพอที่จะปกปิดพลังปราณก่อกำเนิดระดับ 5 มิให้ใครรู้ จะตายด้วยน้ำมือของคุณชายสามตระกูลเย่ว์? ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 5 อย่างว่านฉีซิ่วหลิงก็เป็นแบบนั้นแล้วหรือ?
ซุ่นเทียนครางออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาต้องเริ่มแผนส่วนที่สองของเขาเร็วขึ้น
เขาไม่อยู่ดูข้างล่างและรีบเหาะไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ทันที
นางเซียนหงส์ฟ้ายังคงลอยตัวไปที่รถม้าโดยสาร นอกจากเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ที่น้ำลายหกขณะจ้องมองดูนาง นางก็นั่งลงบนส่วนข้างบนของรถม้าโดยสารอย่างสบายใจ ขาขาวหิมะของนางห้อยอยู่ในอากาศ เล็บเท้าของนางผ่านการทาเล็บ นางแกว่งเท้าอย่างสบายใจ
เจ้าเมืองโล่วฮัวจำนางเซียนหงส์ฟ้าได้แน่นอน นางเปิดม่านรถม้าโดยสารออกมามองดูนาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบยักษ์ของนางและตวัดใส่เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ จนทั้งหมดกระเด็นออกไป แม้แต่องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางที่หนีไม่ทันก็ไม่มีข้อยกเว้น
ชั่วเวลาต่อมา ปรากฏมีแสงรัศมีสว่างฉายออกมา
เย่ว์หยางเปียกโชกไปทั้งตัว เหมือนกับว่าเขาโผล่ออกมาจากตุ่มน้ำ ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าคนอื่น ไม่มีบาดแผลบนร่างกายแม้แต่รอยเดียว คนอื่นๆ ที่แต่เดิมเครียดและกังวลถึงเขาก็คลายใจได้ในที่สุด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความสุขมากที่เขากลับมาได้ แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่พยายามแสดงออกมาทางสีหน้า นางกลับพึมพำเบาๆ ว่า “ทำไมเจ้าถึงช้านัก?”
“ข้าก็ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนสิ มีอะไรเหรอ? ข้ามาสายหรือ?” เย่ว์หยางแอบหัวร่อในใจ
“ถ้าเจ้ามาสายไปวินาทีเดียว เจ้าอาจจะสายเกินไปจริงๆ อย่างเมื่อครู่ มีบางคนต้องการระเบิดตัวเอง ทุกคนเกือบมีจุดจบน่าอนาถแล้ว” นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะคิกคักเบาๆ เหมือนกับว่านางเป็นสุนัขจิ้งจอกที่ลอบเข้ามากินไก่
“….” อย่างนั้นท่านจะไปไหนกัน? ท่านฆ่าเจ้านั่นในกระบวนท่าเดียวไม่ได้หรือไง?” เย่ว์หยางหงุดหงิดเมื่อได้ยินเสียงนาง
“ข้ามีภาระหนักอยู่แล้ว ข้าต้องเฝ้าอสูรที่อยู่ตรงนั้น” นางเซียนหงส์ฟ้าชี้ไปที่ปีศาจดอกหนามและอสูรทองน้อยที่บินอยู่ในอากาศ “ถ้าข้าไม่เฝ้าพวกเขาแทนเจ้า เด็กๆ ที่มีค่าของเจ้าอาจถูกคนอื่นขโมยไปก็ได้ ทำไมเจ้าถึงไม่ซ่อนของดีๆ ของเจ้าไว้กับตัวให้ดี? เปิดเผยพวกเขาต่อธารกำนัลอาจยั่วยุให้คนอื่นก่ออาชญากรรมได้ เจ้าก็รู้ใช่ไหม?”
“จริงด้วย พวกเขายั่วยุให้คนอื่นกระทำไม่ดีจริงๆ..” สายตาเย่ว์หยางจับจ้องอยู่ที่อกภูเขาและร่องลึกของนาง น้ำลายเขาแทบจะหยดออกทางมุมปาก
“ขอยืมหูเจ้าสักเดี๋ยวนะ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่สามารถทนดูภาพนั้นต่อไปได้และเริ่มบิดหูเย่ว์หยาง กันเขาออกมาจากอกของนางเซียนหงส์ฟ้า เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ รีบทำตัวเป็นเด็กดี ปรับเปลี่ยนสายตาที่มองดูด้านข้างและกลืนน้ำลายลงคอทันที อย่างไรก็ตาม พวกเขาเข้าใจได้ชัดเจนว่าหญิงงามทรงโตนี้ สนใจแต่เย่ว์หยางไม่ใช่พวกเขา คิดมากเกินไปก็ไม่ดี พวกเขารีบเก็บกวาดสนามรบและตรวจดูว่าพวกเขาจะได้รับของอะไรบ้าง พวกเขาเอาชนะหัวหน้าชั้นผู้น้อย แต่ก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 2 ตามอย่างที่เย่ว์หยางได้พูดไว้ เขาจะมีของดีๆ ทิ้งไว้ให้อย่างแน่นอน
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสละสิทธิ์ของพวกนาง พวกนางไม่ชอบรับส่วนแบ่งในของที่เหลือ
เย่คง, เจ้าอ้วนไห่, พี่น้องตระกูลหลี่, องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางตัดสินด้วยวิธีเป่ายิงฉุบ เจ้าอ้วนไห่โชคดีชนะเป็นคนแรก
เขาเลือกแมมม็อธสายฟ้าที่มันต้องการยอมจำนน เขามีอสูรสายเสริมพลังสองตัวอยู่แล้ว ก็คือแรดเหล็กและฮิปโปน้อย ถ้าเขาสามารถมีแมมม็อธสายฟ้า อสูรสายโจมตี และเป็นอสูรทองระดับ 6 อีกตัวหนึ่ง พลังของเขาก็จะเพิ่มขึ้นมาก นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา
โชคของเสวี่ยทันหลางนับว่าไม่เลว เขาชนะเป็นลำดับที่สอง
เขาเลือกคัมภีร์แพลตตินัมของไคหยาง ผู้ชนะลำดับสามก็คือเย่คง เขาไม่ได้เลือกคัมภีร์แพลตตินัมของเหยากวง ไม่ได้เลือกอาวุธดาบหัวลูกศรที่เป็นอาวุธระดับทองซึ่งห้อยอยู่ที่เอวของเหยากวง เขากลับเลือกศพของยักษ์ทองตาเดียวแทน เขาอธิบายที่ข้างนอกว่า เขาต้องการให้คิงคองปีศาจของเขาได้กินศพของยักษ์ทองตาเดียว ซึ่งเป็นอสูรทองระดับ 6 และมันจะสามารถยกระดับได้ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเขาต้องการให้คัมภีร์แพลตตินัมองค์ชายเทียนหลัว ขณะที่ดาบคู่หัวศรอาวุธชั้นทองนั้น เขาต้องการให้อาวุธคู่มือที่เหมาะสมแก่พี่น้องตระกูลหลี่
แม้ว่าเย่คงจะยังไม่มีอาวุธคู่มือที่ดี แต่เขาก็ยังมีกระบองยักษ์อาวุธระดับทองแดงที่เย่ว์หยางให้เขาไว้ก่อนหน้านั้น อาวุธนั้นได้มาด้วยความยากลำบากจากอสูรหุ่นเกราะทองที่หมอผีปีศาจซัวจ์เรียกออกมา
องค์ชายเทียนหลัวยังเลือกคัมภีร์แพลตตินัม เหลือดาบคู่หัวศรไว้ให้พี่น้องตระกูลหลี่ หลี่เกอและหลี่ชิวที่เหมาะสมจะได้มีดที่สุด
ส่วนที่เหลืออย่างเช่นศพของไคหยางและเหยากวงถูกเย่ว์หยางเก็บกวาดเรียบ นักสะสมศพ.. เขาไม่ยอมปล่อยแม้แต่ศพของจ้าวอัคนี เพราะที่สำคัญมันทำมาจากหินอุกกาบาต ถ้าเขากลั่นมันดีๆ จะสร้างวัสดุชั้นเยี่ยมที่สุด “โลหะอุกกาบาตบริสุทธิ์” และ “หัวใจจ้าวอัคนี” มิฉะนั้น เขาก็จะได้วัสดุดีๆ อย่าง อัคนีโลหะดำและเหล็กอุกกาบาตบริสุทธิ์
แน่นอนว่า นอกจากเพลิงอมฤตของเย่ว์หยาง คนอื่นๆ ได้เพียงแต่ฝันว่าพวกเขาต้องการจะหลอมศพจ้าวอัคนีเป็นเหล็กอุกกาบาตบริสุทธิ์
“เอาของพวกนั้นมาให้ข้า” เหมือนกับนายบ่าว เย่ว์หยางเริ่มเก็บผลประโยชน์จากอสูรของเขา
“อือออ” ปีศาจดอกหนามยื่นผลึกเวทของจ้าวอัคนีให้เจ้านายตัวร้ายของนางด้วยน้ำตานองหน้า ที่สำคัญคือ มันเป็นผลึกเวทที่นางได้มาอย่างยากลำบาก ก็คงเป็นเรื่องแปลกที่นางจะไม่ร้องไห้
“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางก็เคยได้รับมอบของดีๆ มาแล้ว มันให้ความสำคัญต่อการทำให้เจ้านายโปรดปรานโดยมอบผลึกเวทของยักษ์ทองตาเดียว
มันเข้าใจว่าแม้ว่าเจ้านายมันจะดูเหมือนบังคับ เขาก็แค่เข้มงวดเพราะต้องจัดการให้อสูรทั้งหมดของเขา เมื่อถึงเวลารับรางวัลตอบแทนความดีความชอบ เขาจะแบ่งให้พวกมันอย่างยุติธรรม ใครก็ตามที่ทำงานหนักก็จะได้รับผลตอบแทนมากที่สุด
หลังจากเย่ว์หยางยึดครองผลึกเวททั้งหมด เขาชี้ไปทางปราสาทตระกูลเย่ว์และตะโกนเลียนแบบเผด็จการฮิตเลอร์ว่า “ถ้าพวกเจ้าต้องการกินผลึกเวทพวกนี้ ก็จงไปและลุยพยายามให้หนัก!”
แทบจะทันทีทันใด ฮุยไท่หลาง, ปีศาจดอกหนามและอสูรทองน้อย ต่างก็กระตือรือร้นพยายามแข่งกันไปให้ถึงปราสาทตระกูลเย่ว์
ทุกคนพูดไม่ออก
อย่างที่พูดกัน “เหมือนกันทั้งเจ้านาย, ทั้งอสูร..” ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรดีๆ ชนิดไหน พออยู่ในเงื้อมมือเย่ว์หยางจะต้องถูกใช้นอกลู่นอกทางจนได้
***************