ตอนที่ 300 ผู้เฒ่าม่อหน้าเลือด
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นปล่อยพื้นที่ว่างตรงกลางทำให้คนที่อยากรู้อยากเห็นยืดคอมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างเซี่ยกวงจงที่ติดตามเจ้าเมืองหย่งอันมานาน เขารู้ว่าเจ้าเมืองจู้จี้จุกจิกมากและมักสนใจจัดการเรื่องที่ใหญ่มาก
ชุดอาวุธจักรกลชุดหนึ่งก้าวเดินเป็นจังหวะเข้ามาในงานเลี้ยง
คนที่ดูอยู่ไม่ได้ตกใจอะไรแม้ว่าเทคนิคอาวุธจักรกลในรุ่นปัจจุบันจะตกต่ำ แต่ผู้คนก็รู้ว่าตระกูลม่อเป็นตระกูลชั้นสูงทางด้านงานจักรกล
ชุดอาวุธจักรกลชั้นบรอนซ์ปรากฏขึ้นทำให้หลายคนปากอ้าตาค้าง
“อาวุธจักรกลสวยงามขนาดนั้นเชียวหรือนี่”
“สวยงามมาก!”
อาวุธจักรกลสีฟ้าเพรียวบางและดูคล่องตัว ข้อต่อทั้งหมดทำขึ้นเป็นเกล็ดชั้นซ้อนกันดูคล่องแคล่วดี แขน น่อง ต้นขาสร้างขึ้นแทนที่จะเป็นโลหะขนาดใหญ่ดูมีลักษณะเหมือนคลื่นปลายแหลมที่ยืดออกมาจากหลังและต้นขาของมันงดงาม
นับเป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นอาวุธจักรกลที่งดงาม
สีหน้าของถังเทียนชะงักค้างเมื่อเห็นอาวุธจักรกล มันดูคล้ายกับหิมะสายฟ้าเกินไปหรือเปล่า? เขาแทบกระโดด, เฮ้ แบบแปลนที่ขายให้ท่านอย่างน้อยก็น่าจะแก้ไขให้มันแตกต่างบ้าง
เอ่อ..พวกเจ้าเป็นตระกูลที่สร้างอาวุธจักรกลก็มีหน้ามีตาเช่นกัน พวกเจ้าน่าจะภูมิใจในตนเองบ้าง...
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย...นั่นไม่ค่อยดีเลย
“นี่คืออาวุธจักรกลรุ่นล่าสุดของตระกูลม่อของเรามีชื่อว่า หิมะหมึก” สีหน้าของม่อเว่ยเทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
หิมะหมึก...ถังเทียนแทบกระอักเลือด หิมะสายฟ้า เจ้าต้องเศร้าใจมากแน่ๆ...
พวกเจ้านี่ไม่ซื่อเลย เซรีนเป็นคนออกแบบก็ถูกพวกเจ้านำมาใช้ทื่อๆทุกสัดส่วน แม้แต่ชื่อก็ยังลอกเลียนกันมา พอเถอะ...
“นี่คือวิวัฒนาการของอาวุธจักรรุ่นล่าสุดและแตกต่างจากอาวุธจักรกลรุ่นเก่า และมันมีจิตวิญญาณพลังยุทธ เราเรียกมันว่าอาวุธจักรกลวิญญาณ สำหรับอาวุธจักรกลนี้ ตระกูลม่อของเราต้องเสียเลือดเหงื่อและน้ำตากันมาหลายรุ่นคน ต้องใช้เหรียญดาวนับไม่ถ้วนและในที่สุดก็สร้างมันขึ้นมาได้” คำพูดของม่อเว่ยเทียนจริงจัง หน้าของเขาจริงใจ
หน้าของถังเทียนที่อยู่หลังหน้ากากแข็งค้าง พวกเจ้ายังต้องฉีกหน้าตัวเองด้วยหรือนี่?เสียเลือดเหงื่อและน้ำตาหลายรุ่นอะไรกัน...
เหมือนกับว่าได้พบม่อเว่ยเทียนเป็นครั้งแรก ถังเทียนรู้สึกว่าเขาดูสง่าเกินไปแต่ร้ายกาจเกินไป
“อาวุธจักรกลวิญญาณ? เกี่ยวข้องกับจิตวิญญาณพลังยุทธด้วยหรือ?”มีคนจากในกลุ่มคนถาม
“ถูกแล้ว” ม่อเว่ยเทียนกล่าวชื่นชม “ข้อแตกต่างใหญ่ที่สุดระหว่างอาวุธจักรกลวิญญาณกับอาวุธจักรกลก็คือมันมีจิตวิญญาณพลังยุทธ แน่นอนมันย่อมฉลาดขึ้น คล่องแคล่วขึ้น ทำงานซับซ้อนขึ้นได้สำเร็จและพลังของมันก็เพิ่มขึ้นด้วย”
“โอวพระเจ้า! จิตวิญญาณยุทธ! นั่นเข้าใจยากเกินไป”
“นั่นเป็นงานของคนรุ่นก่อน”
ม่อเว่ยเทียนปลื้มใจกับความประหลาดใจและยกย่องของกลุ่มคนทำให้ถังเทียนไม่พอใจท่าทีเขาเป็นอย่างมาก “ปกติข้าไม่ควรรู้สึกเช่นนั้น ม่อเว่ยเทียนใช้เงินไม่กี่พันล้านซื้อแบบแปลนแต่กลับทำให้เราไม่สบายใจเท่าใดนัก...”
ถังเทียนมึนงงเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็ตำหนิว่าม่อเว่ยเทียนต่ำช้าเกินไป
หิมะสายฟ้าซึ่งอยู่ในกลางห้อง โอว ไม่ ตอนนี้มันมีชื่อว่า หิมะหมึกในตอนนี้ใช้ท่ายากได้สำเร็จ ความเร็วความคล่องตัวสูงมาจนทำให้ทุกคนประหลาดใจปากอ้าค้าง
ม่อเว่ยเทียนหัวเราะด้วยความมั่นใจ แม้ว่าจะไม่ดัง แต่ทุกคนก็สามารถได้ยินเขา
“มันเหมาะกับนักสู้ระดับหกเอาไว้ใช้ได้และสามารถใช้เพิ่มพลังวิชาต่อสู้ของพวกท่านทุกคนได้อย่างสมบูรณ์!มันล้ำเกินจินตนาการพวกท่านไปมาก!ลองดูความเคลื่อนไหวของมันดู ความคล่องแคล่วว่องไวของมัน ทำให้มันสามารถใช้วิชาตัวเบาได้หลายรูปแบบ ท่านสามารถติดตั้งอาวุธกับมันได้ซึ่งเราสามารถให้บริการตรงนี้ได้ ความสามารถในการป้องกันของมันเทียบได้กับมาตรฐานของสมบัติระดับเงินของกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกท่าน”
ม่อเว่ยเทียนหยุดพูดทันที ทุกอย่างที่เขาพูด ทำให้ทุกคนนัยน์ตาเป็นประกาย
“นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์พิเศษซึ่งเป็นเทคโนโลยียุคปัจจุบัน นั่นคือช่องเสียบการ์ด ท่านจะสามารถใส่การ์ดวิทยายุทธระดับหกได้สามใบ นั่นก็หมายความว่าท่านสามารถใช้วิทยายุทธได้สามรูปแบบ แน่นอนว่าไม่คิดว่ามันจะสมบูรณ์ไปทุกอย่าง แต่ลองคิดถึงจำนวนวิทยายุทธที่ท่านมีจะเพิ่มขึ้นมาอีกสามวิชาและรูปแบบการการต่อสู้ของพวกท่านจะสมบูรณ์ยิ่งขึ้น”
ทุกคนส่งเสียงฮือฮาทันที
“ดังนั้นเราก็สามารถใช้มันได้ตราบเท่าที่เราติดตั้งการ์ดลงไปใช่ไหม?” มีบางคนถาม
“ถูกแล้ว! ตราบเท่าที่เป็นการ์ดระดับหกและไม่มีความขัดแย้งกันระหว่างการ์ด ท่านสามารถใช้ได้อย่างสมบูรณ์”ม่อเว่ยเทียนยิ้ม
เกิดการอภิปรายฮือฮาในกลุ่มผู้คนมากขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ถังเทียนมั่นใจว่า ม่อเว่ยเทียนเป็นนักธุรกิจที่มีพรสวรรค์ ปากของเขาช่างเจรจามาก
“ราคาเท่าใด?” คนสูงอายุและฉลาดคนหนึ่งถามขึ้น
“อาวุธที่ทรงพลังขนาดนั้นย่อมไม่ถูกอย่างแน่นอน ราคาของมันก็คือยี่สิบล้านเหรียญดาว” ม่อเว่ยเทียนกล่าว
ทุกคนตะลึงและส่งเสียงอื้ออึงทันที
“แพงมาก!”
“โอวพระเจ้า, นี่มันปล้นกลางวันแสกๆ หรือเปล่า?”
“ปีนี้หลายๆอย่างฟุ้งเฟ้อมากแค่ราคาเริ่มต้นของอาวุธจักรกลก็ปาเข้าไปยี่สิบล้านเหรียญดาวแล้วหรือนี่?”
….
ทุกคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ แต่ม่อเว่ยเทียนยังคงสงบและไม่คัดค้านเลยสักนิด
ถังเทียนตะลึงสิ้นเชิงยี่สิบล้านเหรียญดาว เขามักคิดว่าม่อเว่ยเทียนหน้าเลือดแต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะหน้าเลือดเขี้ยวลากดินขนาดนี้ ไม่มีใครรู้เรื่องต้นทุนค่าใช้จ่ายในการสร้างหิมะหมึกดีไปกว่าถังเทียนมันราคาแค่สี่ล้านเหรียญดาว
ในพริบตาที่คนผู้นี้ขายในราคายี่สิบล้านเหรียญดาวนั่นเป็นราคาที่บ้าไปแล้ว
หลังจากที่ทุกคนหยุดบ่นม่อเว่ยเทียนเริ่มพูดช้าๆ “ยี่สิบล้านเหรียญดาวนั่นสามารถซื้อสมบัติดวงดาวมาตรฐานขอบฟ้าเหนือระดับเงินดีๆ ได้หนึ่งชิ้นแต่ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ลองคิดดูให้ดีสมบัติดวงดาวไหนที่สามารถเพิ่มพลังยุทธให้พวกท่านได้บ้าง และให้การปกป้องที่คุ้มค่าอย่างสมบัติดวงดาวอื่นนอกจากนี้ยังมีวิทยายุทธเพิ่มขึ้นอีกสามวิชาโดยไม่ต้องฝึก ก็เอามาใช้ได้แล้ว?”
ทุกคนเงียบ
แน่นอนว่าสมบัติดวงดาวระดับเงินมาตรฐานขอบฟ้าเหนือไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ถังเทียนตะลึง เขาสามารถทำแบบนั้นได้หรือ? วันนี้นับว่าเขาได้เปิดหูเปิดตาแล้ว! ตอนนี้เขายอมซูฮกชื่นชมความสามารถของม่อเว่ยเทียน วิชาสาริกาลิ้นทองของเขาสามารถขายคนตายได้ราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านเราสร้างอาวุธจักรกลวิญญาณขึ้นมาเพื่ออะไร? มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อความดำรงคงอยู่ของกองทัพ ลองคิดดูให้ดี ความเหมือนกันอย่างสมบูรณ์ของอาวุธจักรกลวิญญาณ ชิ้นส่วนที่สามารถใช้แทนกันได้ ทุกคนจะสามารถคุ้นเคยกับมันได้ ฝึกฝนร่วมกันการวางแผนจะเป็นเรื่องที่สะดวกมากสมบัติดวงดาวชิ้นไหนให้ประโยชน์พวกท่านเช่นนี้ได้บ้าง?”
ม่อเว่ยเทียนกวาดสายตามองทุกคน หน้าของเขาจริงจัง เขากล่าว “แต่,หิมะหมึกมีข้อบกพร่องเพียงประการเดียวเท่านั้น”
“ข้อบกพร่องอะไร?” ทุกคนอดถามอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาถูกม่อเว่ยเทียนชักจูงเรียบร้อยแล้ว
ม่อเว่ยเทียนทำท่าเหมือนกับลำบากใจ “การสร้างหิมะหมึก เราต้องได้โลหะพิเศษโดยเฉพาะ และเราใช้โลหะที่พิเศษนั้นจนหมดสต็อคไปแล้วนั่นก็หมายความว่า จำนวนหิมะหมึกที่เราสามารถสร้างได้ มีเพียงพันชุดเท่านั้น”
ถังเทียนตะลึง ผู้เฒ่าม่อยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว
ทุกคนกระวนกระวายใจทันที เป้าหมายของม่อเว่ยเทียนชัดเจนยิ่ง ถ้าพวกท่านมัวแต่ชักช้าด้วยข้อจำกัดเพียงพันชุด พวกท่านจะไม่สามารถใช้จ่ายซื้อหาได้
มาถึงตอนนี้แล้วผู้อาวุโสอ้วนหลี่ถอนหายใจและพูดกับถังเทียนทันที “น้องซิงกำลังติดตามการรบที่กลุ่มดาวหมาป่าอย่างใกล้ชิดเจ้าต้องรู้นะว่าบริวารของถังเทียนมีกองทัพ”
เพราะเหตุผลบางอย่างถังเทียนคิดว่าเมื่อใดก็ตามที่ปิงคุยเรื่องทหาร เขาเหมือนกับใช้คำว่าแก๊งนักเลงมากกว่าจะใช้คำว่ากองทัพ
เขาหัวเราะ “นั่นกองทัพอะไรกัน ข้าคิดว่าน่าจะเป็นแก๊งนักเลงมากกว่า”
“แก๊งนักเลงที่ทำให้นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีบาดเจ็บและตายได้อย่างนั้นข้าต้องการแก๊งแบบนั้นเช่นกัน” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่พูดอย่างหวาดๆ “เมืองหย่งอันของข้าเป็นเส้นทางการค้าที่เจริญรุ่งเรือง ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะมีความมั่งคั่งฐานะดี แต่แม้ว่าจะมีความสงบรุ่งเรือง แต่เรื่องของกลุ่มดาวหมาป่าเป็นที่รู้จักสนใจของทุกคนเพราะเหตุนั้น ข้าคิดว่าเมื่อเวลามาถึงก็จะเกิดความยุ่งเหยิง”
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน
“ท่านเจ้าเมือง มีข่าวเช่นนั้นจริงๆ หรือ?” บางคนถามด้วยความกังวล
“กลุ่มองค์กรมหาอำนาจเริ่มใช้อำนาจกดดันแล้วไม่ใช่หรือ?” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่ย้อนถาม “องค์การวิญญาณมืดไม่เพียงแต่เป็นผู้หนุนหลังพวกเราเท่านั้น ทุกคนต้องเข้าใจให้ชัดเมืองหย่งอันที่มีวันนี้ได้ เนื่องจากธุรกิจ ถ้าเราเอาแต่ทำธุรกิจกับองค์การวิญญาณมืดเพียงอย่างเดียวกระเป๋าเราคงลดลงไปถึงครึ่ง”
“ท่านเจ้าเมือง!ธุรกิจของพวกเราก็ขึ้นอยู่กับท่าน!ไม่ว่าท่านเจ้าเมืองตัดสินใจยังไง โปรดเข้าใจไว้ว่าเราทุกคนจะทำตามท่าน” เพียงแค่นั้นบุรุษวัยกลางคนที่พยายามต่อต้านถังเทียนลุกขึ้นยืนพูดแสดงความมุ่งมั่นของตนเองหน้าของเขาไม่แสดงท่าทางหดหู่อีกต่อไป
ผู้อาวุโสอ้วนหลี่มีสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและกระแอมเบาๆ “ข้าเองก็ได้แรงบันดาลใจจากกองทัพของถังเทียนเหมือนกัน ทำไมเราจะไม่จัดตั้งกองทัพกันเองบ้างเล่า?”
จัดตั้งกองทัพ
ข้อเสนอนี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนไปทั่วทุกคนมีสีตกใจกันหมด
“เราอยู่ในช่วงเวลายากลำบาก ไม่มีการปกป้องตนเองไม่ว่าเราจะมีเงินมากเพียงไหน เราก็ได้แต่นั่งนิ่งเป็นเป็ด” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่พูดเฉื่อยชา “เราไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่สาเหตุที่ถูหลูไห่สามารถชิงเมืองของข้าไปสองเมืองได้เป็นเพราะหมัดของเขาแข็งกว่าของข้า ด้วยเหตุนั้นข้าเชื่อว่าทุกคนคงจะเข้าใจเหตุผลของข้า”
ทุกคนค่อยสงบใจลง
นั่นก็ถูกต้องแล้วพวกเขาทุกคนเป็นคนรวยมั่งคั่ง แต่ด้วยกำลังของคนธรรมดาจะทำสงครามกับยอดฝีมือ พวกเขาไม่มีโอกาสเชิดหน้าขึ้นได้เลย
บุรุษวัยกลางคนเป็นคนแรกที่พูด “บริวารขอให้คำมั่นว่าจะทุ่มชีวิตติดตามท่านเจ้าเมือง”
นักธุรกิจทุกคนมองหน้ากันเอง ผู้อาวุโสอ้วนหลี่เป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหย่งอันและเป็นที่เคารพและมีอำนาจที่ใครๆคาดไม่ถึง
ถังเทียนเห็นภาพนี้กับตาถังเทียนอดตื่นเต้นอย่างช่วยไม่ได้
ม่อเว่ยเทียนนั่งอยู่ด้านข้างถังเทียนและถาม“คุณชายซิง ทำไมไม่ลองประเมินหิมะหมึกดูบ้างเล่า?”
เมื่อได้ยินว่าถังเทียนรู้ว่าม่อเว่ยเทียนอาจจำเขาได้จึงพูดเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโสม่อ,ท่านจำข้าได้ไหม?”
“หึหึ, ข้าคาดว่าเป็นเจ้า” ม่อเว่ยเทียนหัวเราะเบาๆ และเปลี่ยนหัวข้อ“คุณชายหาญกล้าและเป็นที่รู้จัก สามารถเล่นงานคนให้อยู่ในเงื้อมมือได้”
“ข้าจะเทียบกับตระกูลม่อของท่านที่ทุ่มเทเลือดเนื้อ หยาดเหงื่อและน้ำตาได้อย่างไร?” ถังเทียนพูดแดกดัน
“หึหึ” ม่อเว่ยเทียนไม่รู้สึกอายแต่อย่างใด แต่กลับมีความสุขแทน “เจ้าเมืองหลี่สั่งของจากข้าไปแล้วสองร้อยชุด”
สองร้อยชุด
ถังเทียนตาแดงทันทีนั่นคือกำไรสามพันสองร้อยล้านเหรียญดาว
ม่อเว่ยเทียนใช้น้ำเสียงที่สงบราบเรียบ“เจ้าเมืองหลี่วางแผนจะเหมาหมดพันชุด ด้วยวิธีแบบนี้กองทัพของเมืองหย่งอันจะอยู่ในระดับสูงสุดยอด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนตกตะลึง ความทะเยอทะยานในใจของเจ้าอ้วนนี้ใหญ่กว่าที่เขาคิด
ถังเทียนสงบใจลง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ตระกูลม่อก็ยังนับได้ว่าเป็นสหายของเขา เพราะยิ่งพวกเขาทำเงินได้มากก็ยิ่งดีต่อเขา
แต่ม่อเว่ยเทียนไม่ต้องการให้ถังเทียนได้สงบใจเขาโยนระเบิดตูมใหญ่ใส่เขาอีกลูก
“แต่ข้าต้องการใช้ผลกำไรจากพันชุดนี้ทำธุรกิจกับคุณชาย”