ตอนที่ 299 เจ้าเมืองหย่งอัน
การกระทำของถังเทียนทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์กลัวกันหมด
รังสีฆ่าฟันปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ถังเทียนที่ยังคว้าคอของบุรุษวัยกลางคนไว้มองดูน่ากลัวเหมือนพระยามัจจุราช
ไม่ต้องไร้สาระไม่ต้องส่งสัญญาณใดๆ การกระทำของเขา รังสีอำมหิตของเขา เขาต้องการทำอะไรกันแน่?
เซี่ยกวงจงพบว่ายากที่จะกลืนน้ำลายได้ เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ยังคงรักษาความสงบไว้ได้ภายใต้สถานการณ์กดดันขนาดนั้น เขารู้ว่าต้องประเมินคุณชายซิงใหม่อีกครั้ง สำหรับเขาแล้ว ครอบครัวใหม่ที่เพิ่งมาถึงนับเป็นลูกค้าธรรมดา ครอบครัวร่ำรวยใหม่ที่มีความมั่งคั่งแข็งแกร่งก็ยังไม่น่ากลัว แต่พวกที่น่ากลัวก็คือครอบครัวมั่งคั่งใหม่มีทั้งพลังและสมบัติ นั่นน่ากลัวจริงๆ และบวกกับนิสัยที่ดุร้ายและเด็ดขาด นั่นไม่ใช่แค่น่ากลัว แต่น่าสยดสยองต่างหาก
คุณชายซิงมาจากที่ใดกันแน่
ปัญหาที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาจะคลี่คลายได้อย่างไร?
เซี่ยกวงจงรู้สึกปวดหัว แต่เขารู้ว่าเขาต้องปรากฏตัว มันเป็นสถานที่ของเขาและเขาได้เชิญทั้งสองฝ่ายมา เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ใช่กงการอะไรของเขา แต่ถ้ามีใครตายในที่นี้นั่นจะทำลายชื่อเสียงของห้างสมบัติฟ้าได้
เซี่ยกวงจงยืนขึ้น เมื่อมีเสียงปรบมือดังอยู่ที่หน้าประตู
“เป็นผู้กล้าอย่างที่คาดจริงๆ ขนาดทำให้หกองครักษ์ของตระกูลถูยอมถอยได้”
คนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวที่หน้าประตู คนนำเป็นคนที่อ้วนท้วมทุกส่วนในร่างของเขากลมไปหมด ใบหน้าของเขายิ้มกว้าง เขาดูอ่อนโยนไม่มีพิษภัย
“เจ้าเมือง! ช่วยข้าด้วย” บุรุษวัยกลางคนดูเหมือนมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายยังคงร้องตะโกน
เมื่อทุกคนเห็นบุคคลผู้มาถึง ทุกคนถอนหายใจโล่งอก เซี่ยกวงจงวิ่งเขาไปหาบุรุษอ้วนผู้นั้น “ผู้อาวุโส ข้าไม่ได้เตรียมตัวรับการมาถึงของท่าน ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านมาแม้แต่น้อย”
บุรุษร่างอ้วนหัวเราะเสียงดังและโบกมือ เขาไม่สนใจเซี่ยกวงจงและบุรุษวัยกลางคนและเดินตรงมาหาถังเทียน หน้าของเขาเต็มไปด้วยอาการชื่นชม เขาหัวเราะ “ข้าไม่พบกับบุรุษหนุ่มผู้กล้าเผชิญหน้ากับองครักษ์ตระกูลถูมาหลายปีแล้ว ตระกูลถูคือศัตรูของข้า เพราะเจ้าลงมือกับพวกเขาได้ เราก็คือสหายกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนที่เห็นพากันตกใจ และมุมมองที่พวกเขามีต่อถังเทียนเปลี่ยนไปทันที
หกองครักษ์ตระกูลถูมีชื่อเสียงมาก ทุกคนทรงพลังแข็งแกร่งกันทั้งนั้น คุณชายซิงกล้าสู้กับหกองครักษ์ตระกูลถูโดยยังไม่แพ้ได้ พลังอย่างนั้น....”
หน้าของเซี่ยกวงจงเปลี่ยนคุณชายซิงสู้กับหกองครักษ์ตระกูลถูและยังรอดชีวิตออกมาได้นั่นเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้เลย
เขาช่างประมาทจริงๆ
เขาประเมินคุณชายซิงต่ำเกินไป
เงาร่างประทับของหกองครักษ์ตระกูลถูนั้นยิ่งใหญ่มาก สำหรับเขาแล้ว ถังเทียนยิ่งลึกลับหยั่งไม่ถึงเพิ่มมากขึ้นอีก
เซี่ยกวงจงรู้สึกขมในปาก
หกองครักษ์ตระกูลถู?ถังเทียนรู้สึกสูญเสีย แต่คนอ้วนที่อยู่ต่อหน้าเขาดูเหมือนไม่มีอันตราย แต่ปราณคลุมเครือรอบตัวเขาทำให้ถังเทียนต้องระมัดระวัง
สายตาของบุรุษอ้วนจับอยู่ที่บุรุษวัยกลางคนรอยยิ้มของเขาหายไปทันที “คุณชายซิงคือสหายของข้า และเจ้าไปรุกรานเขา บอกข้าที เจ้าตั้งใจจะทำอะไร?”
บุรุษวัยกลางคนรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ประตูความตาย ตอนแรกเขาคิดว่าการมาถึงของผู้อาวุโสหลี่จะช่วยให้เขาปลอดภัย แต่เขาถือดีในสมบัติตระกูลและไม่ใช่คนแข็งแกร่ง เมื่อเผชิญหน้ากับพลังอำนาจแท้จริง เขากลับไม่มีเงื่อนไขป้องกันตนเอง แต่คำพูดของผู้อาวุโสหลี่ทำให้เขาเข้าใจ
“ผู้อาวุโส! ไว้ชีวิตข้าด้วย!” เขาขอร้องทันที
ผู้เฒ่าหลี่พูดเย็นชา “รู้ความผิดพลาดตนเอง ก็หมายความว่าเจ้าต้องจ่ายราคาออกไป พันห้าร้อยล้านเจ้าคงไม่ปล่อยให้น้องซิงปล่อยตัวโดยไม่ได้อะไรสินะ”
บุรุษวัยกลางคนหัวใจสั่นไหวพันห้าร้อยล้านไม่นับว่าแพงสำหรับเขา แต่ก็ยังทำให้เขาเจ็บปวด แต่เขารู้ เขาไม่อาจปฏิเสธได้ ดังนั้นเขากัดฟัน “ท่านเจ้าเมือง, ตกลง”
พันห้าร้อยล้าน!
ถังเทียนเผยยิ้มกว้างทันทีและมือที่จับคว้าคอของบุรุษวัยกลางคนเปลี่ยนท่าทีเป็นช่วยประคับประคองและพยุงตัวให้บุรุษวัยกลางคนยืนตรง “โอว ความจริงไม่ต่อยตีก็ไม่รู้จักกัน ดังนั้นข้าพลาดทำความรู้จักพวกท่านเราทุกคนก็คนกันเองหลังจากที่ได้ต่อยตีก็นับได้ว่าทำความรู้จักกันแล้ว”
สีหน้าของถังเทียนเปลี่ยนไป ความแข็งกระด้างของเขาเปลี่ยนถือเป็นเรื่องแย่มาก แต่เขาไม่รู้ว่าท่าทีทุกคนเหมือนกับว่ากำลังกลืนกินแมลงวัน
ผู้อาวุโสอ้วนหลี่หัวเราะเบาๆและโบกมือให้บุรุษวัยกลางคนให้ถอยออกมา “ฮ่าฮ่าน้องซิงพูดถูก ในอนาคตเมื่อน้องซิงมาเมืองหย่งอัน ให้ทำตัวตามสบายเหมือนอยู่บ้านของเจ้าได้เลย สำหรับพวกเจ้าที่เหลือในอนาคตเจ้าทุกคนต้องรู้เอาไว้ ไม่ว่าข้าจะอยู่สถานะใด ข้ากับน้องซิงถือว่าสถานะเหมือนกัน”
“ขอรับ, ท่านเจ้าเมือง!” ทุกคนถอนหายใจเห็นด้วยทันที
เจ้าเมือง?
ถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย “อย่างนั้นพี่ผู้ชราก็เป็นเจ้าเมืองหย่งอันสินะโหว, ทรงอำนาจมาก”
ผู้อาวุโสหลี่โบกมือหัวเราะสีหน้าฉายแววมีความสุข “ข้าก็แค่มีอำนาจของตระกูลเท่านั้น น้องซิงยังหนุ่มและห้าวหาญข้าสงสัยจริงว่าไปร่ำรวยมาจากไหน?”
“ข้าน่ะหรือ?”ถังเทียนส่ายหน้าและพูดตามตรง “ข้าไม่มีทรัพย์ตระกูลอะไรหรอก แค่วิ่งวุ่นวายไปทั่ว”
ผู้อาวุโสหลี่ยิ่งหัวเราะลั่น “น้องเราช่างถ่อมตัวเป็นที่สุดสามารถใช้เงินพันห้าร้อยล้านเพื่อสร้างห้องปฏิบัติการสายเลือดและยังบอกว่าเที่ยววิ่งวุ่น คนอย่างเราจะทนได้อย่างไร มาเถอะ มา มาให้ข้าแนะนำสหายคนหนึ่งให้” เขาหันไปรอบๆ และเรียกบุรุษวัยกลางคนเข้ามา
เมื่อเห็นคนผู้นี้ถังเทียนสะดุ้งตัวลอย
“นี่คือท่านม่อ ประมุขตระกูลม่อคนปัจจุบัน ตระกูลม่อเป็นตระกูลดำเนินกิจการเครื่องจักรกลมานาน เขาคือม่อเว่ยเทียน”
เมื่อพบหน้าคนคุ้นเคยถังเทียนรู้สึกอึดอัด สามารถได้พบสหายคุ้นเคยในที่อย่างนี้ แต่ผู้อาวุโสม่อเป็นเทพสมบัติหรือไง?ครั้งก่อนเขาทำรายได้ห้าพันล้านเหรียญจากตระกูลม่อ แต่ตอนนี้ได้พบกับผู้อาวุโสตระกูลม่ออีกครั้งแต่กลับทำรายได้อีกพันห้าร้อยล้าน
แต่,ผู้อาวุโสม่อมาทำอะไรที่นี่?
ถังเทียนคิดชั่วขณะ แต่ปากของเขารีบทักทายอย่างรวดเร็ว “ยินดีที่ได้พบ ท่านม่อ”
แววประหลาดใจวาบผ่านสายตาของม่อเว่ยเทียนในตอนแรกเมื่อเขาเข้าประตูมา เขารู้สึกว่าร่างของถังเทียนคุ้นเคยมาก เขาไม่อาจเข้าใจได้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกแต่เขาก็ยังยิ้มเต็มหน้าและทักทายตอบอย่างรวดเร็ว “คุณชายซิง ยินดีที่พบท่าน”
เหมือนกับว่าพายุฝนพัดผ่านเอาแรงกดดันในเหตุการณ์หายไปงานเลี้ยงกลับคืนสู่สภาพปกติ
“น้องเรากำลังวางแผนเข้าสู่วงการธุรกิจพลังสายเลือดใช่ไหม?” ผู้อาวุโสหลี่ถามด้วยความกังวล “ยังดีที่พี่ผู้นี้เคยเข้าวงการมาก่อน ถ้าเจ้ามีอะไรที่ต้องการรู้ถามข้าได้ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณที่ท่านกังวลห่วงใย แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีแผนเข้าสู่วงการธุรกิจพลังสายเลือด” ถังเทียนอธิบาย
ผู้เฒ่าหลี่หยีนัยน์ตาเล็กๆของเขา ใช้จ่ายพันห้าร้อยในวันเดียวสร้างห้องปฏิบัติการสายเลือดแล้วยังไม่ได้วางแผนธุรกิจ ถ้าข้อมูลนี้กระจายออกไป คนคงคิดว่าเป็นการยั่วโมโหแน่
ดูเหมือนเบื้องหลังของเขาจะลึกซึ้งมากกว่าที่เราคิด ใช้จ่ายพันห้าร้อยล้านสร้างห้องปฏิบัติการค้นคว้าพลังสายเลือด แต่ก็ยังไม่ใช้แสวงหาผลกำไร ไม่ว่าเขาจะมีวัตถุประสงค์เช่นไรจะต้องมาจากแหล่งเงินทุนมหาศาลแน่ เพราะมีแต่มหาอำนาจเท่านั้นถึงจะทุ่มเงินมหาศาลขนาดนั้นได้
“โอว, จริงสิ ท่านพี่เพิ่งพูดถึงเรื่องหกองครักษ์ตระกูลถู พวกเขาเป็นใครกัน?” ถังเทียนคิดถึงชื่อที่ผู้อาวุโสหลี่เอ่ยถึงและถามทันที
“อย่างนั้นน้องเราก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร” ผู้อาวุโสหลี่พูดหน้าจริงจัง “หกองครักษ์ตระกูลถูคือหกยอดฝีมือที่เป็นบริวารของถูหรูไห่ฮึ่ม.. ถูหรูไห่เป็นคนโหดร้าย เขามีใจทะเยอทะยานและวิธีที่เขาใช้ก็อำมหิตโหดร้าย หกองครักษ์เป็นนักสู้ที่ทรงพลังแข็งแกร่งกันทุกคนและจัดการทุกอย่างด้วยการฆ่าคนที่ดุร้ายที่สุดก็คือผู้นำของหกองครักษ์นามว่าเหมิงเว่ย นางคือเทพกระบี่ฝีมือสุดหยั่งคาดและมีนักสู้หลายคนเสียชีวิตภายใต้กระบี่ของนาง”
“เหมิงเว่ย...” ถังเทียนพยักหน้า “สตรีนางนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง”
เขามีความประทับใจอย่างลึกซึ้งกับสตรีที่ใช้กระบี่นั้น แม้ว่านางจะไม่ได้ชักกระบี่ แต่ภายใต้ปราณกระบี่ที่เยือกเย็นของนาง มีความคมและแรงกดดันสูงเหมือนกับรังสีปลายกระบี่
ผู้อาวุโสหลี่เข้าใจจิตใจของคนได้ชัดเจนเมื่อได้ยินว่าถังเทียนยกย่องพลังของเหมิงเว่ย แต่ไม่มีร่องรอยหวาดกลัวในน้ำเสียง หัวใจของเขาลอบยินดี จะตัดสินคนได้ก็ดูจากจิตใจที่สงบและมั่นคง ซึ่งก็หมายความว่าพลังของถังเทียนไม่แพ้เหมิงเว่ย
“น้องซิงกำลังใจสูงส่งข้าไม่มีข้อสงสัยเรื่องนั้นเลย” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่ชูนิ้วยกย่องถังเทียน จากนั้นจึงฝืนหัวเราะ “แม้ว่าพี่ผู้ชราจะไม่มีโอกาสประลองฝีมือกับหกองครักษ์ ยอดฝีมือที่ข้าต่อสู้ด้วยมีเป็นจำนวนมากแต่ไม่มีใครสู้กับเหมิงเว่ยได้เลย พี่ผู้ชราเคยมีเมืองปกครองถึงสามเมือง แต่สองเมืองถูกถูหรูไห่ชิงไปความเกลียดและความเสียใจครั้งนี้มิอาจลบเลือนไปได้”
ม่อเว่ยเทียนที่นั่งอยู่ด้านข้างเขาปลอบโยนทันที“วันเวลาข้างหน้ายังอีกยาวนาน ช่วงเวลาที่ยากลำบาก ท่านเจ้าเมืองอย่าได้ท้อแท้ใจไปเลย”
ผู้อาวุโสหลี่หัวเราะ“พูดถึงถูหรูไห่แล้ว ข้าต้องยอมรับนับถือเขาเขาหยิ่งยโสและเด็ดขาดทุกความเคลื่อนไหวจึงทำให้ผู้คนกลัวอย่างช่วยไม่ได้ พวกท่านทั้งสองเคยได้ยินเรื่องศึกกลุ่มดาวหมาป่ามาบ้างไหม?”
ม่อเว่ยเทียนพยักหน้า “ข้าได้ยินมาบ้างจากท้องถนน”
ถังเทียนใจสั่นและถามทันที“เรื่องนั้นเกี่ยวข้องอะไรกับถูหรูไห่?”
“มีสิ” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่กล่าว “กลุ่มดาวหมาป่ามีผู้ทรงอิทธิพลประจำถิ่นสามกลุ่มคือจันทร์เงิน, ตะขอฟ้าและศักดินาชาวยุทธ แต่เบื้องหลังกลุ่มศักดินาชาวยุทธก็คือสมาคมรวมตระกูล,กลุ่มจันทร์เงินพ่ายแพ้กลุ่มศักดินาชาวยุทธไปแล้ว ขณะที่ตะขอฟ้ามีถูหรูไห่คอยหนุนหลังเขา”
“ตะขอฟ้าหวยไป่หัวมีถูหรูไห่หนุนหลังหรือ?”ถังเทียนกระวนกระวายใจ
ถ้าถูหรูไห่หนุนหลังหวยไป่หัว อย่างนั้นหมายความว่าเขาตกอยู่ในความยุ่งยากยิ่งขึ้น
เมื่อได้ยินคำที่แฝงแววฆ่าฟันอยู่ในคำพูดของถังเทียนผู้อาวุโสอ้วนหลี่มีความสุข สมองของเขาตื่นตัวและฉลาดมาก เขาประเมินอย่างรวดเร็วและเดาว่าพลังของคุณชายซิงอาจเป็นศูนย์กลางในการเผชิญอำนาจสามฝ่ายในกลุ่มดาวหมาป่าก็เป็นได้ และมีแนวโน้มว่าไม่ใช่ถูหรูไห่
หรือว่าจะเป็นสมาคมรวมตระกูล?
เป็นไปได้สูง!
กลุ่มในสมาคมรวมตระกูลจะซับซ้อนมากที่สุดมีแนวโน้มว่าจะเป็นตระกูลใหม่สองสามตระกูล พวกเขาต้องการที่ยืนหยัดของตัวเองอย่างเร่งดวน แต่จากเริ่มแรกพวกเขาจะถูกกดดันโดยตระกูลที่มั่งคั่ง สมาคมรวมตระกูลซึ่งมีการรวมตัวไม่แน่นแฟ้นก็มีแนวโน้มที่จะดึงดูดตระกูลใหม่ๆเหล่านี้มาได้
“นั่นก็ถูกแล้ว” ผู้อาวุโสอ้วนหลี่ค่อยมีกำลังใจเพิ่มขึ้น “หลังจากนั้นเหมิงเว่ยชูกระบี่ออกหน้าไปพร้อมกับน้องชายมุ่งหน้าสู่กลุ่มดาวหมาป่า ถูหรูไห่มุ่งหวังสมบัติกลุ่มดาวกางเขนใต้อย่างมากจึงได้ส่งหกองครักษ์ออกไปรวดเดียวและตั้งใจจะกวาดทุกอย่างในสนามรบให้เรียบ”
“ขอบคุณ ท่านพี่มาก” ถังเทียนประสานมือคารวะผู้อาวุโสอ้วนหลี่ ข้อมูลนี้นับว่าสำคัญมาก
ติงตังที่อยู่ด้านข้างถังเทียนมีสีหน้าเย็นชา ความจริงนางไม่ได้ทราบข่าวที่สำคัญอะไร ถังเทียนไม่ตำหนิติงตัง แม้ว่าติงตังจะเป็นม้าที่โดดเด่นของวิญญาณมืด แต่ช่องทางรับข่าวของนางเทียบกับระดับผู้อาวุโสแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน
เกี่ยวกับแรงขับเคลื่อนของผู้อาวุโสอ้วนหลี่นั้น ถังเทียนนับว่าเป็นหนี้เขา
ผู้อาวุโสอ้วนหลี่มีความสุขมาก เขาแจงรายละเอียดตระกูลถูให้ถังเทียนได้เห็นและทำให้เขาถูกมองในแง่ดีขึ้นจึงทำให้เขามีความสุขเป็นธรรมดา เขาหัวเราะลั่นและเปลี่ยนหัวข้อคุย “เรื่องในกลุ่มดาวหมาป่า มีแต่คนที่มีตำแหน่งสำคัญต้องกังวล เราเป็นพวกตำแหน่งเล็กๆ น้อยๆ จบเรื่องพูดไว้เท่านี้เถอะ ประมุขตระกูลม่อวันนี้มีคนมากมายจับตาดูเมืองหย่งอัน ท่านม่ออย่าได้ซ่อนของมีค่าของท่านอยู่เลย ทำไมไม่เอามาอวดชาวโลกเล่า”
ม่อเว่ยเทียนหัวเราะ “อย่างนั้นข้าขอปฏิบัติตามด้วยความนับถือ”
เขาปรบมือ