ตอนที่ 298 ในงานเลี้ยง
งานเลี้ยงห้างสมบัติฟ้า
ยากนักที่จะได้เห็นติงตังแต่งชุดแบบสตรี แต่วันนี้นางแต่งตัวอยู่ในชุดราตรีสีฟ้ารูปร่างของนางอวบอิ่มเผยให้เห็นไหล่ขาวผ่องราวหิมะรับกับกระดูกไหปลาร้าทำให้ดูมีเสน่ห์นางยิ้มเฉิดฉายนั่งอยู่ข้างถังเทียน ใครก็ตามที่เห็นนางในตอนนี้จะไม่สามารถเชื่อมโยงได้เลยว่านางเกี่ยวข้องกับตำแหน่งม้าองค์การวิญญาณมืด
ม้าขององค์การวิญญาณมืดเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้อมูลและหลายครั้ง พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ ปกติติงตังจะไม่ค่อยพิถีพิถันการแต่งกายของตัวนางนัก แต่เพราะนางมีเจ้านายที่ปลอมตัวอยู่ นางจึงต้องแสดงออกในงานเลี้ยงให้ดูสมบูรณ์แบบ
ยิ้มที่เฉิดฉันท์เปี่ยมเสน่ห์มารยาทที่งดงามเรียบร้อยทำให้นางตกเป็นจุดสนใจทันที
ใบหน้าที่ไร้ตำหนิของนางทำให้หลายคนน้ำลายหก ตาทุกคนเต็มไปด้วยความยกย่องชื่นชมแต่พอเบนสายไปที่ด้านข้างกลับกลายเป็นความรู้สึกรังเกียจ
ดอกไม้ที่ปักอยู่บนมูลโค
คุณชายซิงสวมใส่หน้ากากอุรังอุตังที่น่าเกลียดทำให้ทุกคนยากจะทนทาน เขาจ้องแต่จะกิน
โอวพระเจ้ามองดูน้ำมันจากเนื้อที่กระเด็นเลอะผ้าปูโต๊ะสีขาวราวกับเจอพายุหอบน้ำมันกระเด็นไปทั่ว เมื่อเห็นท่าทางดิบเถื่อน มีดแทงเข้าไปในเนื้อเหมือนกับคนป่าเถื่อนกำลังฟัดกับอาหารตนเอง
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือเจ้ามนุษย์ถ้ำผู้นี้กำลังก้มหน้าก้มตาฟัดขาหมูเต็มปากจนทุกคนได้แต่จ้องมอง
จั๊บ...จั๊บ..
แคร็ก..กรอดดด
คนที่อยู่ใกล้ๆสามารถได้ยินเสียงกระดูกบดแตกหักชัดเจน หน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวเหยเก พวกเขาอยู่ห่างๆรักษาระยะพวกเขากับถังเทียนเอาไว้
มีดจ้วงแทงขาหมูอีกชิ้นหนึ่ง
ในที่สุดคนในงานก็ได้สังเกต
เดี๋ยวก่อน ....กระดูกอยู่ไหน? กระดูกที่อยู่ตรงกลางท่อนเนื้อหายไปไหน?
ทุกคนจ้องมองคุณชายซิงอย่างว่างเปล่า เหมือนกับว่าพวกเขามองดูลิงอุรังอุตังที่น่ากลัวกำลังกินจนลืมมารยาทของตัวพวกเขาเอง
ในงานเลี้ยงระดับสูงอย่างนั้นมีคนป่าหยาบกร้านแบบนี้จริงๆ หรือนี่
และติงตังกำลังนั่งยิ้มอยู่ข้างๆเขาอย่างสงบ นางเหมือนเทพธิดานอกจากตัวประหลาดทำน้ำมันเนื้อกระเซ็นและเคี้ยวกระดูกแล้ว นางคือเทพธิดาผู้อาวุโสที่รวมกลุ่มกันอยู่ทุกคนถอนหายใจ สาวน้อยที่ดูดีอย่างนั้น น่าเสียดายจริงๆ
นางคงต้องตกอยู่ในเงื้อมมือมารของคนป่าเถื่อนแน่นอน!
บุรุษเยาว์วัยสองสามคนมองหน้ากันเอง
ถังเทียนกำลังกินอย่างมีความสุข การไปงานเลี้ยงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ความจริงนี่เป็นสวรรค์อาหาร มีแต่ของอร่อยๆทั้งนั้น ทุกอย่างอร่อยหมด สิ่งที่ทำให้เขาเศร้าก็คือ อาหารชิ้นเล็กเกินไป แต่ในท่ามกลางความเศร้าใจเมื่อเห็นขาหมูทอด ความเศร้าใจเขาก็หายไป
นี่คือขาหมูที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยกิน
มันทำให้เขาแทบจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปด้วย
เขาต้องการเพิ่มอีกหลังจากกินเสร็จแล้วเขามองหาบริกรและชูมือเรียกทันที ขอเพิ่มอีกสิบ
ขออีกสิบ!
ติงตังที่ยืนอยู่ข้างเขาดูเหมือนจะไม่อาจทนได้อีกต่อไป รอยยิ้มบนใบหน้านางแข็งค้างและเส้นเลือดที่หน้าผากนางเริ่มปูดโปน นางรู้สึกได้อย่างรวดเร็วว่าสายตารอบๆตัวนางแฝงการเยาะเย้ยและเวทนา
ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น....ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น... ติงตังพยายามสะกดจิตตัวเอง
แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าของบริกรเมื่อรับคำสั่งให้เอาขาหมูมาเพิ่มอีกสิบนางชะงัก จากนั้นยิ้มอีกทันที นางคิดได้ทันทีว่านั่นช่างน่าสนใจมาก ติงตังเบือนหน้านางรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ของนางจับใจบริกร จนเขานึกว่าเห็นนางฟ้า เขามีสีหน้าน่าสงสารขณะมองดูนางหวังว่านางจะช่วยห้ามการร้องขอที่น่ากลัวนี้
ถ้าขาหมูอีกสิบท่อนถูกเสริฟนั่นจะกลายเป็นหายนะ เนื่องจากกลิ่นซอสจะตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
“กินอย่างนั้นจะไม่ดีต่อร่างกายเจ้าได้นะ” เสียงนุ่มนวลของติงตังทำให้ทุกคนที่เห็นภาพใจอ่อนบริกรก็ถอนหายใจโล่งอก แต่หลังจากนั้นนางหันไปมองบริกรและพูดอย่างสุภาพ “ขาหมูทุกชิ้นช่วยเพิ่มน้ำซอสเป็นสองเท่านะ ขอบคุณ”
บริกรตะลึง
ถังเทียนตาเป็นประกาย ก็คงเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นเขาจะทำตามนั้น“ใช่แล้ว, ขาหมูทั้งสิบ ทุกท่อนเพิ่มซอสเป็นสองเท่า เสริฟพร้อมกันเลย”
ขาหมูสิบท่อนกับน้ำซอสเพิ่มเข้ามาในงานเลี้ยงกลิ่นซอสเข้มข้นฟุ้งกระจายไปทั่วทุกมุมห้อง เกิดความเงียบขึ้นในระยะสั้นๆแขกที่กำลังดื่มอย่างมีความสุขและถือแก้วเหล้าอยู่ต่างหันมามองด้วยความประหลาดใจ
แครก แครก!
เสียงหักบดกระดูกทำให้พวกเขาเสียวสันหลังวาบ เนื่องจากสามารถได้ยินกันทั่วทั้งห้องและชัดเจน
“ข้าเกลียดขาหมู!” เสียงๆ หนึ่งดังขึ้นทันที
สุภาพสตรีคนหนึ่งนุ่งกระโปรงสีขาวปรากฏตัวที่โต๊ะของถังเทียนทันที นางโกรธและไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด รูปร่างนางดูโดดเด่น ผิวของนางขาวกว่าติงตังนางน่ารักแต่มีเสน่ห์ ลึกลงไปในสายตาดูเหมือนไม่มีอันตราย
ติงตังสามารถรู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์ของหญิงสาวได้ และเมื่อนางหันมามอง นางก็เข้าใจเหตุผล หนุ่มๆ รอบตัวนางจับจ้องมองติงตังตั้งแต่แรกทำให้หญิงสาวนี้อิจฉา
นางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แต่นางไม่สนใจความคิดของสาวน้อย
ติงตังหัวเราะทำให้ดูเข้มแข็งในท่าทีที่อ่อนโยนของนางนางคือหมาป่าเดียวดายและมีประสบการณ์หลายอย่างมากกว่าทารกหญิงที่เจ้าอารมณ์นี้นัก ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ติงตังเหมือนดอกไม้งามที่ต้านพายุลมแรงได้มีความอ่อนหวานอ่อนโยนทำให้ทุกคนรู้สึกดีต่อนาง แต่เสียงหัวเราะของนางทำให้พวกเขารู้สึกว่าภายใต้ความอ่อนโยนก็มีความเข้มแข็งอยู่ด้วยทำให้ผู้คนนับถือนัก
เด็กสาวสีหน้าเปลี่ยนความอิจฉาของนางรุนแรงขึ้น นางคว้าผ้าปูโต๊ะและเตรียมจะยกโต๊ะ
ประกายแสงวูบผ่าน
ฉึก
มีดหั่นเนื้อเล่มหนึ่งแทงผ่านระหว่างช่องว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลางของเด็กสาวทำให้ผ่านร่องนิ้วแคบๆของนางได้
นางตะลึงจนกระทั่งเงามีดสะท้อนภาพนางที่มีเหงื่อพรั่งพรู หน้าของนางซีดขาวราวกับกระดาษ นางกรีดร้อง“อ๊า.....”
เสียงกรีดร้องแหลมจนทำให้หัวใจผู้คนสั่น
“นายท่าน!” บริวารคนหนึ่งตะโกนและมองดูเซี่ยกวงจงทันที
เซี่ยวกวงจงรู้สึกว่าอาการปวดหัวกำลังมาเยือน เขาไม่คิดเลยว่าคุณชายซิงจะน่ารังเกียจมากขนาดนี้ ถ้าเขารู้ว่าคุณชายซิงจะสร้างปัญหาได้มากมายขนาดนั้น เขาคงทบทวนเรื่องเชิญเขาให้เข้ามาในงานเลี้ยงเป็นแน่
“อย่ากังวล คอยดูสถานการณ์ให้ดี” เซี่ยกวงจงส่ายหัว มาถึงจุดนี้แล้วปรากฏว่าเขาไม่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ และรู้สึกว่าเขาทำให้หลายเรื่องเลวร้ายลงไป
ถังเทียนไม่สนใจเด็กสาวและใช้มือหยิบเนื้ออีกชิ้นหนึ่งแล้วกัดกินต่อไปทันที
หลายคนจ้องและเปลี่ยนมุมมองต่อถังเทียน มีดที่เขาใช้ออกแสดงถึงระดับความแม่นยำที่สูงมือของเด็กสาวเล็กมาก สามารถแทงผ่านร่องว่างที่แคบระหว่างนิ้วมือนางได้อย่างแม่นยำโดยไม่ทำร้ายนาง พลังสายตาและมือของเขาน่าทึ่งเกินไปแล้ว
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะสงบได้ขนาดนั้น
“เสี่ยวเสวี่ย, เสี่ยวเสวี่ยเจ้าบาดเจ็บหรือเปล่า?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งส่งเสียงตกใจ
เสี่ยวเสวี่ยเริ่มร้องไห้ลั่น
“คุณชาย วิธีที่เจ้าทำกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆมันเกินไปหน่อยนะ” บุรุษวัยกลางคนรี่เข้ามา หน้าของเขาเขียวคล้ำเขาเป็นบิดาของบุรุษหนุ่ม ทั้งสองครอบครัวสนิทกันมาก เมื่อเห็นเสี่ยวเสวี่ยถูกรังแกเขาจึงออกหน้าเป็นธรรมดา
ถังเทียนยังคงง่วนอยู่กับขาหมูต่อไปโดยไม่สนใจเขา แม้ว่าจะมีคนกวนใจอยู่บ้างแต่ไม่มีผลต่อการกินของถังเทียน เนื่องจากอาหารอร่อยนั่นเอง
แครก กร๊อดด
เสียงแทะกระดูกดังเหมือนเสียงเยาะเย้ยทำให้บุรุษวัยกลางคนถึงกับหน้าแดง เขาเป็นคนสำคัญในเมืองหย่งอัน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาถูกปฏิบัติใส่อย่างนี้?
“ในเมื่อเจ้าชอบกินอย่างนั้นข้าจะปล่อยให้เจ้ากิน” บุรุษวัยกลางคนพูดอย่างเย็นชา “อาจิ่ว, เลี้ยงดูปูเสื่อเขาหน่อย!อย่าคิดว่าแค่ใช้จ่ายเงินพันห้าร้อยล้านเหรียญดาวจะทำให้เจ้าทำท่าอย่างนั้นในเมืองหย่งอันได้”
บุรุษคนหนึ่งยืนขึ้นกล่าว
กลุ่มคนเริ่มส่งเสียงอึงมี่ พวกเขาทยอยเดินออก แม้ว่าบุรุษวัยกลางคนจะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหย่งอัน แต่เขาก็อยู่ในห้าอันดับแรก เขาสนิทกับผู้อาวุโสขององค์การวิญญาณมืดบางส่วนและอาจิ่วก็คือคนที่มีพลังมิอาจหยั่งคำนวณได้
อาจิ่วเดินเข้าหาถังเทียนช้าๆ
“แม่นาง, โปรดยืนห่างๆ” บุรุษหนุ่มมองดูติงตังที่อยู่ข้างๆถังเทียนและห่วงใย ดังนั้นเขาจึงเตือนนางทันที
ติงตังยิ้มและส่ายศีรษะ ความเคลื่อนไหวของนางสง่างามทำให้คนอื่นถอนหายใจด้วยความอิจฉาบุรุษทุกคนมองดูถังเทียนด้วยความรู้สึกไม่พอใจและพวกเขาต้องการให้อาจิ่วให้บทเรียนกับเขา
ยิ้มของติงตังมีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คน แต่หัวใจนางเย็นเฉียบแข็งค้าง เจ้านายที่อยู่ข้างตัวนางโกรธอย่างเห็นได้ชัด
นางมองดูอาจิ่วด้วยความสมเพชอย่างช่วยไม่ได้ ถึงตอนนี้ติงตังไม่ได้หลบไปด้านข้างนางแค่นั่งตัวตรง
ข้าต้องการขอบคุณทุกคนที่นี่ เพราะนี่คือโอกาสดีที่สุดที่จะพิสูจน์ความซื่อสัตย์ของข้า
ถังเทียนหงุดหงิดจริงๆเสียแล้ว เขาไม่ต้องการยุ่งกับใคร แค่ต้องการกินอย่างสงบ แต่ผู้คนก็ยังตามกวนใจเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินขาหมูดีๆดังนั้นถังเทียนจึงกินทุกอย่างอย่างสบายใจ แต่ใครจะรู้วเล่าว่ามีคนมาหาเรื่องเขา ทำให้เขาโกรธจัดและเพราะอีกฝ่ายอ้างเรื่องการใช้จ่ายพันห้าร้อยล้านเหรียญของเขานั่นก็แสดงว่าพวกเขาจับตาดูเขาแล้ว
หมาแมวตัวน้อยบังอาจข่มเหงลูกพี่ผู้นี้เหรอ
หน้าของถังเทียนเขียวคล้ำและเขาคว้าขาหมูอีกท่อน
ปราณแท้ของเขาระเบิดออก รังสีรอบๆตัวเขาถูกปลดปล่อยไม่มีรั้งไว้แม้แต่น้อย
ปัง!
ราวกับเกิดพายุกะทันหันอากาศที่ก่อขึ้นเป็นริ้วระลอกสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อาจิ่วไม่อาจรักษาท่าทีเยือกเย็นได้ต่อไปสีหน้าเขาเปลี่ยนไป เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบกับปราณที่น่ากลัวขนาดนั้นและแล้วมีคำหนึ่งผุดขึ้นในใจเขา นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถี!
ไม่,ไม่ใช่นักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีธรรมดา อาจิ่วเคยพบนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีมาหลายคน แต่เขาไม่เคยพบคนที่มีราศีแกร่งกร้าวดุดันขนาดนี้
หน้าของทุกคนซีดขาวพวกเขามีคนมาก แต่เกือบทั้งหมดมีฝีมือธรรมดาเหมือนกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นบีบหัวใจพวกเขาทำให้ร่างของพวกเขาชะงักค้างอยู่กับที่
ถังเทียนยังคงกินขาหมูต่อไปรังสีที่ปล่อยออกมาจากร่างเพิ่มความกล้าแข็งขึ้น
หน้าของอาจิ่วซีดขาวกว่าเดิมความกลัวปรากฏอยู่ในดวงตาเขาอย่างเห็นได้ชัด
พลังปราณเกลียวเงินในร่างของถังเทียนโคจรเร็วขึ้นหมุนปั่นเร็วขึ้นจนรังสีปราณเพิ่มรอบตัวมากขึ้น ทำให้อากาศรอบๆ เป็นระลอกคลื่น
ติงตังนั่งอยู่ข้างๆเขาตกตะลึง ผิวของนางเริ่มรู้สึกปวดแสบ
ขาหมูชิ้นสุดท้ายเข้าปากเขาไปแล้ว
ระลอกคลื่นรอบตัวถังเทียนกลายเป็นรังสีอากาศหมุนรอบตัวถังเทียนเกิดเสียงหวีดหวิวดังออกมา
ตาของอาจิ่วเหลือแต่ความสิ้นหวัง
“ข้าเกลียดนักคนที่กวนใจข้าตอนกำลังกินอาหาร”
เสียงของถังเทียนเหมือนกับปีศาจจากฝันร้ายครอบคลุมไปทั่วสถานที่ เขาค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินเข้าหาบุรุษวัยกลางคน เขาไม่มองแม้แต่อาจิ่วเพราะร่างของอาจิ่วสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าซีดขาวไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
บุรุษวัยกลางคนเพราะความกลัวทำให้หน้าเขาบิดเบี้ยวเหยเก
ถังเทียนเดินเข้าหาบุรุษวัยกลางคนและหยุดอยู่หน้าเขา
ควั่บ
นิ้วเหมือนตะขอเหล็กของถังเทียนคว้าคอบุรุษวัยกลางคนราวกับว่าไม่มีน้ำหนักหน้าของบุรุษวัยกลางคนกลายเป็นบิดเบี้ยวเนื่องจากแรงจับที่คอของเขาและดูเหมือนกับว่าถ้าถังเทียนเพิ่มแรงขึ้นอีกเล็กน้อยเขาคงระเบิดแน่
หน้ากากอุรังอุตังที่น่าเกลียดสำหรับบุรุษวัยกลางคนมองดูเหมือนปีศาจที่คลานออกมาจากขุมนรก
ท่ามกลางเสียงเงียบราวป่าช้ามีแต่คำถามของถังเทียนดังขึ้น
“บอกข้ามา ท่านต้องการคลี่คลายปัญหานี้ยังไง?”