ตอนที่ 297 คำเชิญของห้างสมบัติฟ้า
ห้างสมบัติฟ้า
เซี่ยกวงจงเป็นผู้จัดการร้านห้างสมบัติฟ้า และดูแลห้างสมบัติฟ้ามานานเกินกว่ายี่สิบปี และในยี่สิบปีนี้เขามีความระมัดระวังและรอบคอบ เขาไม่กล้ามองข้ามรายละเอียดทุกอย่าง
เขารับฟังรายงานของบริวารอย่างไม่สบายใจ เขารอจนกระทั่งรายงานจบจากนั้นครุ่นคิดชั่วขณะ แล้วพูดว่า“เจ้าบอกว่าพวกเขาจะใช้เงินพันห้าร้อยล้านให้หมดในวันเดียวใช่ไหม?”
“ขอรับ”บริวารรายงานด้วยความเคารพ “ตอนนี้การขายสมบัติดวงดาวในเมืองหย่งอันกำลังคึกคักพวกเขาซื้อสมบัติระดับทองไปสามชุด สมบัติดวงดาวระดับเงินอีกหกชุด มูลค่าแต่ละอย่างห้าสิบล้านเหรียญดาวสมบัติสิบชุดก็ราคายี่สิบล้านเหรียญดาว และสมบัติชุดเล็กอื่นอีกสิบชุด รวมแล้วพวกเขาใช้จ่ายไปพันห้าร้อยล้านเหรียญดาว ทั้งหมดเป็นสมบัติให้ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดได้ใช้ และร้านสมบัติทั้งหมดของเมืองหย่งอันนอกจากร้านในเครือเราล้วนแต่แวะไปเยี่ยมเยือนทั้งนั้น”
เซี่ยงกวงจงรับฟังข้อมูลสำคัญอย่างรวดเร็ว “เจ้าบอกว่าพวกเขาใช้เงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านเหรียญดาวซื้อสมบัติดวงดาวสำหรับผู้เชี่ยวชาญสายเลือด?”
“ขอรับ!” บริวารของเขาได้สืบมาอย่างชัดเจนและกล่าว“มีคนแก่คนหนึ่งอยู่กับเขาด้วย รู้สึกว่าชื่อเฒ่าเฟ่ย เขาไม่ค่อยมีชื่อเสียงนักอยู่ในเมืองหย่งอันมาเกินกว่าสิบปีแล้ว แต่เขาก็ยังมีชื่อเสียงปานกลางข้าไม่รู้ว่าเขาจัดพลัดจับผลูเจอคุณชายซิงได้อย่างไร และยังทำให้เขายอมเชื่อถืออีกด้วย”
“คุณชายซิง?”
บริวารของเขาตอบทันที “คุณชายซิงมีเบื้องหลังลึกลับสวมหน้ากากอุรังอุตังและยังหนุ่มมากดังนั้นทุกคนจึงเรียกเขาว่าคุณชายซิง”
เซี่ยกวงจงหัวเราะลั่น “คุณชายซิง (ดาว) มาจากดาวเหรียญ”
“นายท่านช่างฉลาด”บริวารเขาประจบทันที “คุณชายซิงยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ข้างตัวของเขานางชื่อติงตัง นางคือม้าเงินขององค์การวิญญาณมืด เมื่อก่อนตัวคนเดียว แต่จู่ๆก็ได้รับคัดเลือกให้ทำงาน”
“ไม่ธรรมดาเลย”เซี่ยกวงจงคิด “สามารถดึงดูดม้าเงินองค์การวิญญาณมืดได้ เขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอนผู้เชี่ยวชาญสายเลือดแซ่เฟ่ยดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเช่นกัน ห้องปฏิบัติการมูลค่าพันห้าร้อยล้านในเมืองหย่งอันมีเพียงสามแห่งเท่านั้น คุณชายซิงนี้ใจใหญ่นัก”
“นายท่านพูดถูก”
“พอจะมีเบาะแสอะไรนำไปสู่เบื้องหลังเขาได้ไหม?”เซี่ยกวงจงถาม
“เห็นได้ชัดว่าไม่มีอะไร” บริวารเขาลังเล “แต่ข้าสามารถตรวจสอบได้ ดูเหมือนว่าบริวารของเขาที่เป็นม้าองค์การวิญญาณมืดจะให้ความสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นของกลุ่มดาวหมาป่ามาก”
“กลุ่มดาวหมาป่า” ตาของเซี่ยกวงจงเบิกโพลงเขามีข้อมูลภายในมากกว่าคนอื่นและเขารู้ว่าในปัจจุบันนี้มีสายตาหลายคู่จับตามองกลุ่มดาวหมาป่า
องค์การวิญญาณมืด, สมาพันธ์ชาวยุทธ, สมาคมรวมตระกูลสามองค์กรมหาอำนาจทรงอิทธิพลขนาดใหญ่ที่ถ่วงดุลกันมาหลายปีบางทีคงก่อศึกใหญ่ในกลุ่มดาวหมาป่าก็เป็นได้
และนับเป็นครั้งแรกที่สมาคมรวมตระกูลมีการเคลื่อนไหวครั้งแรกทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
องค์การวิญญาณมืดเริ่มกลายเป็นภัยคุกคามต่อผู้อาวุโสหลายคนและมีข่าวลือแพร่กระจายอยู่ในองค์การวิญญาณมืดว่ากลุ่มดาวกางเขนใต้ในตำนานถูกใครบางคนกระตุ้นเติมเชื้อไฟ
ขณะที่สมาพันธ์ชาวยุทธยังไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด แต่เพราะถังเทียนไม่ทราบว่าได้กองทัพมาจากที่ใดทำให้อีกสองฝ่ายกังวล ตอนนี้สถานการณ์สับสนมากยิ่งขึ้น
กลุ่มดาวหมาป่าเป็นแค่เพียงสถานที่กันดารของสวรรค์วิถี แต่กลับกลายเป็นศูนย์กลางขององค์กรทรงอิทธิพล
พวกที่ให้ความสนใจกลุ่มดาวหมาป่าไม่ใช่แมลงเม่าเล็กน้อย
มีแต่กลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลชนชั้นสูงที่ให้ความสนใจในสถานการณ์
เบื้องหลังคุณชายซิงย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน
แต่เมื่อคิดดูแล้วสำหรับคนที่สามารถจ่ายเงินหนึ่งพันห้าร้อยล้านเหรียญในวันเดียวได้ ดูแล้วจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?
เพราะศิษย์ของตระกูลใหญ่ จะมีอำนาจใช้จ่ายพันห้าร้อยล้านได้ในวันเดียว ตำแหน่งของพวกเขาต้องไม่ต่ำทราม เมื่อคิดดูอีกที ตระกูลชั้นสูงใหญ่ที่เซี่ยกวงจงได้ลบออกไปจากความคิดของเขา พวกนี้มีน้อยคนที่จะกล้าซื้อสมบัติดวงดาวพวกเขามีวิธีทำหลายอย่างด้วยตนเองและคงไม่ไปจับจ่ายใช้สอยในร้านเล็กแน่นอน
เซี่ยกวงจงตัดสินว่าคุณชายซิงน่าจะเป็นคนที่มีเงินทุนมหาศาลแต่ไม่ใช่ครอบครัวร่ำรวยที่สะสมความมั่งคั่งมาหายปี ท่าทีการแสดงออกของคุณชายซิงและความทะเยอทะยานของเขาคล้ายกับครอบครัวสมัยใหม่
พวกเขาทะเยอทะยานมาก แต่ไม่ค่อยระมัดระวัง
ครอบครัวแบบนี้เห็นได้ยาก แต่ในทางตรงกันข้าม หลายครอบครัวปรากฏขึ้นมาในช่วงไม่กี่ปี
ครอบครัวสมัยใหม่ทั้งหมดนี้เป็นลูกค้าที่ดีที่สุด พวกเขาใจกว้างมากตราบเท่าที่พวกเขาได้ของที่ต้องการและในราคาที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนใดไม่ชอบลูกค้าประเภทนี้
หลังจากคิดแล้ว เซี่ยกวงจงก็พูด “ในงานเลี้ยงคืนนี้ ส่งคนไปเชิญคุณชายซิงมาจำไว้ว่าให้เพิ่มบัตรทองเป็นของขวัญด้วย”
ห้องสมบัติฟ้าจะขายของคุณภาพระดับสูง และวิธีการขายของพวกเขาแตกต่างจากพวกร้านค้าระดับต่ำแน่นอน
“บริวารจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้ขอรับ” บริวารของเขาตอบรับ
ผู้เฒ่าเฟ่ยมองดูภูเขาสมบัติดวงดาวต่อหน้าเขาคิดว่าเขากำลังฝันไป เขาไม่เคยคิดว่าวันนี้จะเป็นวันที่เขาได้เห็นสมบัติกองเหมือนภูเขาสมบัติดวงดาวทั้งชีวิตของเขา
กองภูเขาสมบัติน้อยๆ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดก็คือสมบัติระดับทองสามชิ้นสีทองแพรวพราว
นอกจากจานพลังงานทองแล้วสมบัติอีกสองชิ้นคือเพลิงแสงฟีนิกซ์จากกลุ่มดาวฟีนิกซ์และท่อทดสอบพิณจากกลุ่มดาวพิณ
กลุ่มดาวฟีนิกซ์เป็นกลุ่มดาวในขอบฟ้าใต้ แต่เป็นกลุ่มดาวที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ เพลิงแสงฟีนิกซ์มีขนาดเท่าฝ่ามือรูปสีทองสีสันสวยงามจงอยปากฟีนิกซ์สามารถพ่นแสงเพลิงฟีนิกซ์ แต่มีระยะจำกัดแค่สามสิบเซนติเมตร และไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้ แต่สามารถใช้สำหรับทดสอบพลังสายเลือดได้อย่างสมบูรณ์ สามารถกลั่น ผสาน ฯลฯมีประโยชน์ในการแยกสายเลือดสำหรับค้นคว้าวิจัย
กลุ่มดาวพิณเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ แต่หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ไลรากลุ่มดาวพิณยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ แต่มีข่าวลือว่าสมบัติของกลุ่มดาวพิณถูกผนึกอยู่ในขุมสมบัติดาวพิณ ดังนั้นเมื่อผู้เฒ่าเฟ่ยเห็นท่อทดสอบดาวพิณ เขาจึงตื่นเต้นมาก สมบัติอย่างท่อทดสอบดาวพิณไม่ได้ประกอบด้วยเพียงหนึ่งท่อทดสอบแต่มีชุดทดสอบถึงยี่สิบสี่ท่อ ซึ่งถูกวางไว้เงียบๆ ในกล่องสวยงามมีแสงสลัวๆด้วยสีที่แตกต่างกัน แต่ละสีจะใช้ประโยชน์ต่างกัน
สมบัติชั้นทองถึงสามชิ้นแต่ละอย่างจะเป็นเสาหลักสนับสนุนงานค้นคว้าในห้องปฏิบัติการ
เมื่อมองดูสมบัติดวงดาวระดับเงินอื่นๆของที่ผู้เฒ่าเฟ่ยเลือกไว้เองทั้งหมดไม่ใช่ธรรมดา ผู้เฒ่าเฟ่ยยินดียิ่งนัก เขายิ้มปากไม่หุบ ได้งานดีๆ ช่างฝีมือย่อมต้องการเครื่องมือที่ดีที่สุด ด้วยสมบัติดวงดาวเหล่านี้ ห้องปฏิบัติการค้นคว้าสายเลือดของเขาจะเป็นหนึ่งในห้องค้นคว้าระดับสุดยอดแน่นอน
เหมือนฝันจริงๆ
เขายังคงตื่นเต้นมากแม้ว่าเจ้านายเขาจะขู่และเตือนเขาก็ตาม แต่ผู้เฒ่าเฟ่ยก็ยังคงมุ่งมั่น เพราะได้รับการนับถือและไว้วางใจ และคำขอและข้อพิจารณาของเจ้านายแต่เขาก็ยังยินดีจ่ายเงินให้ผู้เฒ่าเฟ่ยถึงพันห้าร้อยล้านเหรียญดาว นั่นแสดงว่าเขาเชื่อใจความสามารถของเขา และนั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าต้องเปิดเผยพลังสายเลือดที่ลึกลับของเจ้านายให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ผู้เฒ่าเฟ่ยตั้งเป้าหมายในใจ
ถังเทียนถอนหายใจโล่งอก ในที่สุดเขาก็ได้ใช้เงินไปพันห้าร้อยล้านเหรียญดาว เยี่ยมเนื่องจากไม่มีอะไรอื่นเหลือให้เขาแล้ว แม้ว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะดูไม่น่าเชื่อถือมากก็ตาม แต่ถังเทียนตัดสินใจไม่กังวลเกี่ยวข้อง
ทันใดนั้นมีคนมาเคาะหน้าประตู
ติงตังปรากฏตัวด้วยความสงสัยทันที นางเดินตรงไปที่ประตู “ใครกัน?”
“ข้าเป็นตัวแทนจากห้างสมบัติฟ้าผู้จัดการของข้าสั่งให้ข้ามามอบของขวัญบัตรเชิญให้กับคุณชายซิง”เสียงข้างนอกดังขึ้นอย่างเคารพ
ห้างสมบัติฟ้า?
ถังเทียนสงสัย ทำไมห้างสมบัติฟ้าถึงได้ส่งคำเชิญให้เขา? เขาไม่เข้าใจสถานการณ์ จึงบอกติงตัง “ให้เขาเข้ามา”
ติงตังเชื่อและเปิดประตู
บุรุษคนหนึ่งอายุราวๆ สามสิบปีพูดอย่างสุภาพ “อีกสองวัน ห้างสมบัติฟ้าของเราจะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ เราได้ยินเรื่องที่คุณชายซิงมาถึงเมืองหย่งอันดังนั้นผู้จัดการห้างจึงสั่งให้บ่าวมาส่งบัตรเชิญให้คุณชายหวังว่าคุณชายจะมาปรากฏตัวสักครั้ง”
เขาส่งจดหมายเชิญ
ถังเทียนรับไว้และเปิดหนังสือเชิญสิ่งที่อยู่ข้างในเป็นบัตรทอง
บุรุษคนนั้นอธิบายทันที “บัตรทองคือความตั้งใจดีของท่านผู้จัดการและหวังว่าคุณชายจะรับไว้ด้วยความยินดี”
ถังเทียนพยักหน้าและกล่าว “ช่วยขอบคุณท่านผู้จัดการแทนข้าด้วย,ข้าจะไปที่นั่นแน่”
บุรุษผู้นั้นถอนหายใจโล่งอก “อย่างนั้นเราจะรอต้อนรับคุณชายในอีกสองวันด้วยความยินดี เราจะส่งพาหนะมารับคุณชายคุณชายสามารถพาสหายมาด้วยสองคน”
ถังเทียนคุยกับอีกฝ่ายชั่วขณะก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะขอตัวลา
“ห้างสมบัติฟ้าพยายามจะทำอะไรกันแน่?” ถังเทียนถาม
“ข้าคิดว่าการใช้จ่ายของเจ้านายสร้างความประหลาดใจให้พวกเขา”ติงตังหัวเราะ “พวกเขาต้องการทำธุรกิจด้วยและด้วยความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเจ้านาย พวกเขาจะไม่สังเกตเห็นได้ยังไง?”
จากนั้นถังเทียนค่อยตระหนักถึงคำพูดของนาง จึงหัวเราะลั่น“น่าเสียดายที่ข้าใช้เงินข้าไปหมดแล้ว”
“การ์ดทองคือของชั้นดี ห้างสมบัติฟ้าจะควบคุมสมาชิกและไม่เปิดให้เข้าพื้นที่บางส่วนได้นอกจากสมาชิกที่มีการ์ดทอง การ์ดทองจะแพงกว่าการ์ดอื่นๆ มากมายให้สิทธิ์ตั้งมากมาย อย่างในเมืองหย่งอัน นี่คือเครื่องหมายบ่งบอกสถานะ การ์ดนี้ถ้าท่านขาย ข้าคิดว่าจะมีคนทุ่มเงินซื้อถึงยี่สิบล้านเหรียญดาว”
“อิทธิฤทธิ์มากขนาดนั้นเชียวหรือ?” ถังเทียนตะลึง จากนั้นก็มีความสุขทันที “ไม่เลว ไม่เลว ผู้จัดการห้างสมบัติฟ้าฉลาดมาก วันนั้นข้าจะพาพวกท่านทั้งคู่ไปชมโลกข้าไม่เคยไปดูในที่มากพลังอย่างนั้นมาก่อน”
ถังเทียนไม่ติดขัดหรือรู้สึกอึดอัดที่จะพูดแบบนั้น แต่กลับมีความสุขและเชื่อมั่นแทน
ติงตังฝืนหัวเราะกับแนวคิดทื่อๆของเจ้านาย ได้พบกับคนพวกนั้นใครจะรู้ว่าเป็นยังไง
“นายท่าน,ข้าคงไม่ไป” ผู้เฒ่าเฟ่ยส่ายหน้า “ข้าต้องเก็บสัมภาระบ้านข้าในอีกสองวัน เมื่อถึงเวลาไปจะได้ง่ายขึ้นข้ายังมีเรื่องต้องคิดและจัดลำดับ”
แม้ว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่งานของเขาก็ยังมีมาตรฐาน
ถังเทียนผงกศีรษะ “ก็ดีเหมือนกัน”
********************
หวินตั่วใช้มือปิดปากตนเองหน้าของเขามีอาการตกใจอย่างหนักกับภาพที่ปรากฏต่อหน้าเขา
อูเถี่ยหวี่จ้องมองบุรุษชุดดำต่อหน้าเขาและเอ่ยปากอย่างยากลำบาก “จะ..เจ้า..เป็น..ใคร..กันแน่?”
“ข้าคืออาเฮ่อ,ศิษย์สำนักกระเรียน” คำพูดที่สงบของอาเฮ่อเหมือนกับลมพัดกรอกหูอูเถี่ยหวี่
“สำนักกระเรียน....” หน้าของอูเถี่ยหวี่เต็มไปด้วยความสับสนเขาเคยได้ยินชื่อของสำนักกระเรียนมาก่อน เป็นสำนักที่อ่อนแอมาก แต่...
เมื่อคิดถึงความทะเยอทะยานของตนเองอูเถี่ยหวี่มีอาการขมในปาก
รอยเลือดยาว ปรากฏระหว่างคิ้วของเขาทันที จากนั้นขยายลามเป็นเส้นยาวไปตามตัวเขาด้วยความเร็วน่าประหลาดใจ ร่างของเขาถูกผ่าครึ่ง
โลหิตฉีดพุ่งกระจาย
ขณะนั้นเองแสงอาทิตย์สีแดงเฉิดฉายส่องมาจากด้านหลังบุรุษหนุ่ม
หลิงซิ่วปาดเลือดออกจากริมฝีปากเขา เขาได้รับบาดเจ็บภายในอย่างหนัก เมื่อมองดูหวยไป่หัวที่กลายสภาพเป็นเงิน เขาชำเลืองดูร่างที่ตื่นกลัวในระยะไกลและแค่นเสียง เดินเข้าหาหวยไป่หัวเขากระเทาะผิวของหวยไป่หัวออกอย่างหมดจด
หลิงซิ่วโดดขึ้นฟลามิงโก จากนั้นวิ่งออกไปราวกับสายลมเงินและหายไปในทะเลทรายที่กว้างขวาง