ตอนที่ 296 ผู้เฒ่าน้ำตาคลอ
ถังเทียนยังมีเงินเหลือ
หลังจากให้เซรีนและปิงสามพันล้านเหรียญดาวซื้อการ์ดม่วงทองสองใบใช้ไปห้าร้อยล้าน และค่าหินดาวที่ใช้ในการฝึกถังเทียนยังคงมีเหลืออยู่พันห้าร้อยล้านเหรียญดาว
ไม่ว่าสมบัติดวงดาวอะไรก็ตามเขาเลิกคิดถึง เงินทั้งหมดพันห้าร้อยล้านเหรียญเดี๋ยวนี้ถูกใช้วางแผนเพื่อห้องปฏิบัติการค้นคว้าพลังสายเลือด
เมื่อเขาใช้เงินหมดเขาสามารถสร้างรายได้คืนมาได้
แต่เกี่ยวกับพลังสายเลือดเป็นเรื่องที่เขาไม่รู้เรื่อง และเมื่อมันผุดขึ้นมา จึงเป็นสิ่งแรกที่เขาคิดอยู่เสมอ
เมื่อเห็นถังเทียนจ่ายเงินสามร้อยล้านเหรียญดาวได้ง่าย เฒ่าจางตะลึงทันที เงินตั้งสามร้อยล้านเหรียญดาว ต่อให้สมบัติทั้งหมดนี้มีค่ามาก แต่เขาเก็บซ่อนไว้หลายปีมีคนหลายคนน้ำลายไหล แต่ไม่มีความสามารถรับเอาไปได้
ผู้ทรงอิทธิพลผู้นี้สามารถจ่ายเงินสามร้อยล้านเหรียญดาวออกไปได้ง่ายในอึดใจอย่างนี้ไม่เคยมีมาในร้านของเขาก่อนเลย สำหรับคนที่อุดหนุนร้านเขาอาจเป็นพวกเข็ญใจเหมือนกับเฒ่าเฟ่ย
ผิดแล้วเฒ่าเฟ่ยไม่ได้เข็ญใจอีกต่อไปแล้ว เขารวยแล้ว
แค่เพียงฟังและไม่ทันได้กระพริบตา เขาจ่ายสามร้อยล้านเหรียญดาวให้ผู้เฒ่าเฟ่ย และเขายังต้องการซื้อเพิ่มขึ้นอีก นั่นหมายความเฒ่าเฟ่ยสามารถตายตาหลับได้ไม่ใช่หรือ? นึกถึงคำกล่าวว่า“ทหารยอมตายเพื่อสหายของเขา เฒ่าเฟ่ยคงยอมขายวิญญาณให้ถังเทียนเป็นแน่
เฒ่าเฟ่ยสรรเสริญวิธีการของถังเทียน ถ้าถังเทียนเริ่มต้นก่อนด้วยการโม้ เฒ่าเฟ่ยคงคิดว่าเขาก็แค่โอ้อวดและไม่น่าเชื่อถือ แต่พูดเช่นนั้นหลังจากใช้เงินไป300 ล้านเหรียญดาวนั่นนับว่าฉลาดจริงๆ
วิสัยทัศน์ขนาดนั้น วิธีจัดการอย่างนั้นบุรุษหนุ่มสวมหน้ากากอุรังอุตังทิ้งความรู้สึกประทับใจลึกไว้ให้กับผู้เฒ่าจาง แม้แต่หน้ากากอุรังอุตังดูน่าเกลียดและแว่นตาแปลกก็กลายเป็นเป็นสิ่งของน่าประทับใจไปด้วย
น่ากลัวมาก
ผู้เฒ่าจางมองดูหน้ากากและรู้สึกถึงพลังของมันที่เพิ่มขึ้น
ตามคาดผู้เฒ่าเฟ่ยตื่นเต้นจนน้ำตาคลอ แม้แต่ผมหงอกบนหัวเขากำลังกระพือ เขาตื้นตันจนสั่นไปหมด
สวรรค์กำลังโปรดเขา
ข้า, เฒ่าเฟ่ย พบเจ้านายที่ฉลาดใจดีที่สุดแล้ว,เมื่อคิดถึงหลายปีมานี้ถูกเยาะเย้ยถูกหยัน ในที่สุดก็มีคนเห็นคุณค่าของเขาและเห็นความดีในตัวเขา ไม่ใช่แค่ดีแต่พูดแต่ด้วยการลงทุนกับเขาถึงสามร้อยล้าน ห้องปฏิบัติการยังไม่ได้สร้างขึ้น แต่ก็จ่ายเงินลงทุนไปถึงสามร้อยล้านเหรียญดาวแล้วแสดงให้เห็นว่าถังเทียนเชื่อมั่นในตัวเขามากเพียงไหน
ผู้เฒ่าเฟ่ยมักจะคลุกคลีกับคนระดับต่ำเสมอ ดังนั้นเขาพูดเสียงสั่น “นายท่าน, พอแล้ว,แค่นั้นก็พอ นายท่านไว้ใจเฒ่าเฟ่ย, ตาเฒ่าเฟ่ยจะไม่....”
เขายินดีจะทุ่มเทและซื่อสัตย์เป็นที่สุดไม่เคยมีใครที่มองเขาด้วยการให้ความสำคัญและให้ความนับถือขนาดนั้น เขารู้สึกพอใจแล้ว
แต่...ถังเทียนยังไม่หนำใจ
ถังเทียนโบกมือและตัดบทเฒ่าเฟ่ย จากนั้นหันหน้าไปทางเฒ่าแก่จาง “ยังมีสมบัติดีๆ อย่างอื่นอีกไหม?”
เหมือนกับเป็นคำร่ำลือโดยทั่วไป คนน่ากลัวมักทำตัวมีมาตรฐานและมีระดับอย่างแน่นอน
เมื่อได้เห็นวันนี้นับว่าสมคำร่ำลือ
ผู้เฒ่าจางให้ความนับถือถังเทียนเต็มหัวใจความเคลื่อนไหวของเขา น้ำเสียงของเขา ความมุ่งมั่นควรแก่การสรรเสริญแน่นอน เขาแสดงความมุ่งมั่นความมุ่งมั่นที่มั่นคง นั่นเป็นการแสดงถึงอะไร? เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเฒ่าเฟ่ยและนับถือเฒ่าเฟ่ยเป็นการตัดสินว่าเฒ่าเฟ่ยเป็นผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือ
เมื่อเขาโบกมือข้างหนึ่งก็เรียกเมฆได้โบกอีกข้างหนึ่งก็เรียนฝนได้ และมันจะเป็นเช่นนั้น
เฒ่าจางชื่นชมถังเทียนครั้งแล้วครั้งเล่าและกล่าวขึ้นทันที “นายท่านล้อเล่นแล้วอาวุธสมบัติระดับทองนี้ ข้าจะมีอีกชิ้นได้ยังไง ตาเฒ่าเฟ่ยนี่โชคดีมากจริงๆ ที่ได้พบเจ้านายที่มีสายตาสูงส่ง
ผู้เฒ่าเฟ่ยพยักหน้าเห็นด้วย เขารู้สึกว่าคำพูดของเฒ่าจางถึงจะเอาใจเขาแต่เขาก็เห็นด้วย “นายท่านด้วยจานพลังงานทองนี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว”
ถังเทียนไม่สนใจเฒ่าเฟ่ยและถามเถ้าแก่จางต่อ “ท่านไม่มีอีกแล้วใช่ไหม?”
วางท่าเกินไป! เจ้าวางท่าเกินไปแล้ว! นี่เจ้าจะแกล้งกันให้ดูเป็นจริงเป็นจังเชียวหรือนี่
นักแสดงกระมัง
หัวใจเถ้าแก่จางปั่นป่วนแต่หน้าของเขาแสดงความมุ่งมั่น เขายืนยัน“ไม่”
แต่เขามีคำพูดตามมา“แต่ข้ามีสมบัติชั้นดีสองสามชิ้น ห้องปฏิบัติการก็หาสมบัติดีๆ ได้ยาก....”
“งั้นไปกัน” ถังเทียนพูดตามตรง
เถ้าแก่จางตะลึง
คะ คน ผะ ผู้นี้หยิบบทพูดมาผิดหรือเปล่า....
ติงตังดึงผู้เฒ่เฟ่ยมาอยู่ด้านหลังถังเทียน ผู้เฒ่าเฟ่ยยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อคิดถึงแผ่นพลังงานทองเขาก็มีความสุขและพอใจแล้ว
เฒ่าแก่จางมองดูร้ายว่างเปล่าโดยไม่มีอาการสนองตอบ
เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ... เจ้าควรจะก้มหน้าและพูดเบาๆ ว่า“น่าเสียดาย, ถ้าทำแบบนั้น ข้าก็อาจขายของเพิ่มได้มากอีกสักเล็กน้อย”
มีแต่ติงตังที่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางมองเห็นความคิดเถ้าแก่จางเพราะนางรู้ระดับปัญญาของเจ้านายนาง เขาต้องการหว่านล้อมให้คนซื้อของอื่นของเขา แต่นั่นเป็นไปไม่ได้
ทั้งสามคนเดินไปตามถนนใหญ่
ถังเทียนมองไปข้างหน้าและกล่าว“ที่ไหนขายสมบัติให้ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือด?”
ติงตังชำเลืองมองเฒ่าเฟ่ยที่ยังคงมีความสุข นางรีบตอบ “ข้าคิดว่าห้างสมบัติฟ้าน่าจะมีแต่ก็คงไม่มาก”
“งั้นไปที่นั่นกัน” ถังเทียนตอบ
เมื่อได้ยินคำว่าห้างสมบัติฟ้า ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้สึกตัวทันที และกล่าวอย่างเหลือเชื่อ “นั่น, นายท่าน, เราจะไปห้างสมบัติฟ้าจริงๆหรือ?”
ถูกแล้ว” ถังเทียนตอบ
“งั้น, นายท่าน เราจะไปที่นั่นทำอะไร?”ผู้เฒ่าเฟ่ยพูดอย่างอ่อนแรง
ถังเทียนประหลาดใจและหันหน้ามามอง เขาไม่คาดว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะถามคำถามโง่ๆ แบบนั้น และหลังจากคิดแล้ว เขาตอบ“ซื้อสมบัติให้ท่าน”
ด้วยท่าทางของเจ้านายที่มองเขาเหมือนกับว่าเขามองดูคนงี่เง่าคนหนึ่ง ผู้เฒ่าเฟ่ยเริ่มสั่น หน้าของเขาเริ่มกลายเป็นสีแดง
หะ ห้าง สะสมบัติฟ้า.. นั่นคือสถานที่แพงที่สุด เขาไม่เคยไปที่นั่น สถานที่ขายสมบัติดวงดาวระดับสูง
เพื่อเขา?
ผู้เฒ่าเฟ่ยตะลึงและจากนั้นหน้าเขากลายเป็นสีแดง ร่างของเขาสั่นหนัก
เพื่อเขา....เพื่อเขา...
ความตื่นเต้นอย่างหนักจู่โจมหัวใจเขาอย่างรุนแรงทำให้เขามิอาจทนได้อีกต่อไปและเป็นลมล้มพับทันที
ติงตังสะดุ้งตกใจรีบตรวจลมหายใจและชีพจรทันทีก่อนจะคลายใจ “เขาตื่นเต้นจนเป็นลม”
“โอว” ถังเทียนรั้งสายตากลับมา เขากำลังคำนวณนี่เขาลงทุนไปถึงพันสองร้อยล้านเหรียญดาว
เมื่อคิดถึงห้องปฏิบัติการของเซรีนและค่ายฝึกทหารของปิงเขาใช้จ่ายไปสามพันล้านในอึดใจเดียว ห้องวิจัยค้นคว้าของผู้เฒ่าเฟ่ยใช้เงินเพียงพันห้าร้อยล้านเอง
หลังจากคิดชั่วครู่แล้ว เขาไม่รู้ว่าจะใช้เงินทำอะไรและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาหันหน้าไปทางติงตัง “ปลุกเขาเถอะ”
ติงตังถ่ายปราณแท้เข้าไปในร่างของผู้เฒ่าเฟ่ยทันทีปลุกเขาให้ตื่นขึ้น ประโยคแรกที่ดังออกมาจากปากเขาอย่างตะกุกตะกัก “นะ นายท่าน ท่านจะซื้อของทุกอย่างให้ข้าจริงๆหรือ”
“โธ่” นอกจากต่อสู้แล้ว ถังเทียนไม่ค่อยจะอดทนนักคนผู้นี้โง่กว่าอาโมรี่อีกหรือนี่? คำถามง่ายๆ แต่ทำไมเขาถามตั้งหลายครั้ง?
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ผู้เฒ่าเฟ่ยเงียบด้วยความกลัวทันที
ถังเทียนพูดต่อ “ท่านเริ่มคิดหาวิธีดีกว่า สมบัติแบบไหนจะช่วยย่นระยะกระบวนการค้นคว้าพลังสายเลือด”
ผู้เฒ่าเฟ่ยลังเลชั่วขณะจากนั้นถาม “นายท่าน ท่านคิดว่าเวลาเท่าใดจึงจะเหมาะสม?”
ถังเทียนประหลาดใจ “นี่ข้าสามารถประเมินเวลาได้ด้วยหรือ?”
ผู้เฒ่าเฟ่ยอาย “ไม่ไม่ใช่ประเมินเวลา” จากนั้นเขารีบอธิบาย “นายท่าน,ท่านต้องรู้ไว้เกี่ยวกับปริศนาหลายอย่างที่ท่านมี จะเปิดเผยพลังสายเลือดของท่าน ไม่มีใครรู้กำหนดเวลาที่แน่นอน”
“ถามถึงสิ่งที่ข้าคำนวณได้สินะ”ถังเทียนหงุดหงิด คนผู้นี้โง่มากทำไมต้องมาถามคำถามไร้สมองกับเขาด้วย?
จากนั้นผู้เฒ่าเฟ่ยพำพึม “สิ่งที่สามารถวัดได้...สิ่งที่สามารถวัดได้...”
หลังจากคิดแล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าถังเทียนต้องการให้วัดค่าปริมาณอะไร การค้นคว้าพลังสายเลือดต้องมีโชคและโอกาส สิ่งที่สามารถวัดได้...จากนั้นผู้เฒ่าเฟ่ยนึกขึ้นได้ “นายท่านท่านตั้งใจใช้งบประมาณยังไง? กับสิ่งที่สามารถวัดได้คำนวณได้นี้”
ในที่สุดก็มีคำถามที่เหมาะสม ถังเทียนชื่นชมความคิดเขา “ข้าตั้งใจจะใช้เงินราวพันสองร้อยล้านเหรียญ
เอิ๊ก!
ผู้เฒ่าเฟ่ยสิ้นสติสมปฤดีอีกครั้ง แม้แต่มือของติงตังก็ยังไม่หยุดสั่น
“ปลุกเขาก่อน” น้ำเสียงของถังเทียนขึงขังไม่พอใจ
คนผู้นี้เชื่อถือได้ไหมนี่...
ผู้เฒ่าเฟ่ยฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
ถังเทียนไม่สนใจกับเงินพันห้าร้อยล้านเหรียญแต่ไม่ว่าเขาจะคลี่คลายพลังสายเลือดลึกลับได้หรือไม่ เขาตัดสินใจทดสอบผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดที่ดูไม่น่าเชื่อถือนี้
“ขอบอกท่านไว้ล่วงหน้าเลยนะ ข้าจะลงทุนพันห้าร้อยล้านกับท่าน ท่านจะเป็นอยู่ดีขึ้นด้วยพันห้าร้อยล้านนี้แต่ถ้าท่านชักช้าและไม่มีผลงานหลังจากเวลาผ่านไปนานละก็ หึ หึ”
คำพูดขู่เข็ญเมื่อเข้าหูผู้เฒ่าเฟ่ยทำให้เขาหน้าซีดทันที เขาร้องเอิ๊ก แล้วเป็นลมอีกครั้ง
ถังเทียนชักเริ่มกังวล ถ้าคนผู้นี้เอาแต่เป็นลมหรือไม่ก็ถามคำถามโง่ๆเขาควรจะเปลี่ยนคนทำงานดีหรือไม่?”
“ปลุกเขา!” ถังเทียนกัดฟันพูด
หลังจากฟื้นขึ้นแล้ว เขาใช้เวลาคิดหนักแต่รู้สึกว่าตนเองกำลังจะพังทลาย เขาก้มหน้า ถามอย่างน่าสงสาร “นายท่านข้าขอปฏิเสธเงินพันห้าร้อยล้านได้ไหม?”
“ไม่ได้” ถังเทียนตวาดแว้ด
ผู้เฒ่าเฟ่ยนัยน์ตาหมองเขาเกือบเป็นลมอีกครั้ง
ถังเทียนคำราม “อย่าคิดว่าท่านโชคดีนะ ท่านควรเริ่มคิดดีกว่าต้องการซื้ออะไรที่เหลืออีกพันสองร้อยล้าน ไม่ว่ายังไงข้าต้องใช้เงินพันสองร้อยล้านในวันนี้ให้ได้”
ผู้เฒ่าเฟ่ยคร่ำครวญ จอมเผด็จการนี่ไม่มีความเป็นมิตรอีกต่อไปแล้ว
ความคิดของถังเทียนนั้นแสนง่ายความเร็วในการใช้ห้าร้อยล้านย่อมเร็วกว่าใช้สามร้อยล้านแน่นอน และพันห้าร้อยล้านก็ย่อมต้องใช้ได้ไวกว่าห้าร้อยล้านแน่
จะต้องลังเลทำไม? ก็ใช้มันทั้งพันห้าร้อยล้านเสียเลย
ในที่สุดผู้เฒ่าเฟ่ยก็ตั้งสติจากการคุกคามของถังเทียนได้ หลังจากได้ยินแล้ว ถังเทียนไม่ได้ล้อเล่น ถ้าเขาไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้เขาคงจบลงแย่ยิ่งกว่าแต่ก่อน
แต่พันห้าร้อยล้านเหรียญดาว...
พันห้าร้อยล้านเหรียญดาวห้องปฏิบัติการจะดูเหมือนอะไรได้?
ผู้เฒ่าเฟ่ยผู้น่าสงสารพยายามจินตนาการ แต่ก็ไม่สามารถคิดได้ว่าห้องปฏิการราคาพันห้าร้อยล้านเหรียญดาวจะมีลักษณะเหมือนอะไร
ทันใดนั้น ผู้เฒ่าเฟ่ยกล่าว“นายท่าน, เราจะไม่ไปห้างสมบัติฟ้า”
“ทำไม?” ถังเทียนชะงัก
ผู้เฒ่าเฟ่ยสงบจิตใจได้แล้วหลังจากตั้งหลักได้ เขาก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ได้ในที่สุดและพูดขึ้น “นายท่าน แม้ว่าเครื่องไม้เครื่องมือจากห้างสมบัติฟ้าจะเป็นของดี แต่ราคาของเกินความเป็นจริงไปมากเราจะกวาดเอาร้านเล็กร้านน้อยทั่วเมืองหย่งอันในรวดเดียว อย่าดูถูกร้านเล็ก เพราะร้านเล็กทุกร้านจะต้องมีเครื่องมือพิเศษสักชิ้นสองชิ้นซึ่งคุ้มค่าดีกว่าเมื่อเทียบกับห้างสมบัติฟ้า”
เขาไม่พูดเกินกว่าหนึ่งประโยคซึ่งเป็นเหตุให้เจ้าเด็กบ้านนอกเข้ากรุงไม่อาจได้เข้าไปห้างสมบัติฟ้า
“คล้ายๆ กับจานพลังงานชั้นทองหรือเปล่า” ถังเทียนถาม
“ถึงไม่ใช่ แต่ก็ใกล้เคียง”ผู้เฒ่าเฟ่ยกระตือรือร้น เขาอาศัยอยู่ในเมืองหย่งอันมานานแล้วใครก็ตามที่จะซ่อนของดีบางอย่างไว้ มีหรือที่เขาจะไม่รู้?
พันสองร้อยล้านเหรียญดาว
ตาของผู้เฒ่าเฟ่ยแดงก่ำ รังสีฆ่าฟันพุ่งทะยาน