ตอนที่ 295 เจ้าถิ่นผู้ทรงอิทธิพล
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยฝุ่นทรายเหลืองและคมหอกเงินก็เงียบมาก
ร่างที่อยู่หลังเนินทรายรีบถอยทันที แต่ทันใดนั้นรังสีคมหอกกระจายออกมาอยู่ข้างหน้าเขาเขาประหลาดใจและพลิกพัดในมือเกิดรังสีแพรวพราวบังด้านหน้าเขาไว้
รังสีหอกปะทะเข้าใส่รังสีพัดทำให้หน้าของเขาเปลี่ยนและกระอักเลือดออกมา เขาได้รับบาดเจ็บหนักและถอยหนีอย่างรวดเร็ว
หลิงซิ่วยืนอยู่บนเนินทรายมองดูร่างที่วิ่งออกไปราวๆสิบกิโลเมตร ดวงตาสีแดงเพลิงของเขามีประกายเยือกเย็น
ต้องการหนีเหรอ?
ฟลามิงโกและตัวเขาย่อตัวลงและระเบิดพลังพุ่งออกไปข้างหน้า
ฟลามิงโกไม่ได้มีกล้ามเนื้อที่ใหญ่แต่มีความเร็วมาก เปลวไฟรอบๆ ตัวกลายเป็นแนวไฟยาวหลิงซิ่วอยู่บนหลังของมันไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย นอกจากรังสีฆ่าฟันในใบหน้าของเขาแล้วไม่มีความเปลี่ยนแปลงอื่นใด
จนถึงตอนนี้หลิงซิ่วเห็นได้ชัดว่าคนที่ลอบเข้ามาสอดแนมเป็นคนวัยเดียวกับเขา
วิชาตัวเบาของฝ่ายตรงข้ามนับว่าโดดเด่นและแม้ว่าฟลามิงโกจะระเบิดพลังไล่ตามไป ก็ไม่สามารถย่นระยะใกล้เข้ามาได้ แต่หลิงซิ่วไม่เร่งไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีวิชาตัวเบาที่แข็งแกร่งเพียงไหน ปราณแท้ของเขาไม่มีจำกัดอยู่แล้ว ฟลามิงโกเหมาะกับการวิ่งระยะไกลตราบใดที่มีหินดวงดาวเพียงพอ มันสามารถวิ่งได้ตลอดไป
มันไล่ตามมาเป็นระยะทางเจ็ดสิบกิโลเมตร
บุรุษหนุ่มชุดเขียวหน้าซีดเหมือนคนตายหอกที่หลิงซิ่วแทงใส่เขาทำให้เขาบาดเจ็บหนัก บวกกับใช้พลังปราณแท้วิ่งหนีมาทำให้อาการบาดเจ็บกำเริบหนักขึ้น
บุรุษหนุ่มชุดเขียวที่กำลังหลบหนีก็คือศิษย์ของหวยไป่หัวนามว่าฮัวหยาง หวยไป่หัวได้รับการสนับสนุนจากองค์การวิญญาณมืดดังนั้นจึงโดดเข้าร่วมต่อสู้ ฮัวหยางมีความมั่นใจในตนเองมาก แม้ว่าเขาจะรู้ว่าถังเทียนและสหายอีกสองคนจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อคิดว่าพวกเขาก็อายุรุ่นๆเดียวกับเขา เขารู้สึกว่าไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหน ต่อให้พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่าเขา แต่ความแตกต่างก็คงไม่มากนัก
เขาไม่สามารถข่มความรู้สึกอยากลองดี เขาต้องการไปสอดแนมเผ่าหมาป่ายามราตรี แต่เขาไม่เร่ง และยังรอคอยโอกาสอย่างมุ่งมั่น เขามีความมั่นใจในวิชาตัวเบาของตนเอง ถ้าเขาสู้ไม่ได้ ก็ย่อมหนีได้อย่างไม่มีปัญหา
เขาคาดไม่ถึงเลยว่าฝ่ายตรงข้ามของเขาจะแข็งแกร่งมากและแค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็ทำให้เขาบาดเจ็บมากขนาดนั้นได้
การวิ่งระยะทางเจ็ดสิบกิโลเมตรทำให้อาการบาดเจ็บภายในของเขาหนักมากขึ้น และเขาได้แต่ฝืนหัวเราะ เขาฝืนตัวเองมากเกินไป ถ้าเขาไม่สามารถฟื้นได้ภายในสองเดือน อาจารย์ของเขาคงลงโทษเขาแน่
เขาไม่เคยคิดเลยว่านอกจากทั้งสามแล้ว หลิงซิ่วจะแข็งแกร่งมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นความเร็วของหอกกับตาและพยายามสู้ เขาคงเสียชีวิตไปแล้ว
ถ้านั่นเป็นเช่นนั้น อย่างนั้นถังเทียนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพวกเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงไหน?
แต่เพียงแค่นั้นเขาก็ผ่อนคลายได้ในที่สุดและคิดว่าเขากู้ชีวิตกลับคืนมาได้แล้ว
เขารวบรวมพลังที่เหลือในร่างกายและกู่เสียงร้อง
เสียงดังกว้างไกล
หลิงซิ่วเดินทางมาเป็นเวลานานและเขามีประสบการณ์มากมายแม้แต่ถังเทียนก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงเขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังเรียกกำลังเสริม
โอกาส!
ฝ่ายตรงข้ามถึงค่ายพักและกำลังจะหนีพ้นอันตราย จิตใจเขาจึงผ่อนคลายแน่นอนนั่นจึงเป็นโอกาสดีโดยเฉพาะ
สีหน้าของหลิงซิ่วไม่เปลี่ยน แต่ฟลามิงโกที่ยังคงวิ่งเงียบๆได้เพิ่มความเร็วขึ้น ฝ่ายตรงข้ามกำลังไม่ประมาท เขามั่นใจพลังหอกที่ปล่อยไปก่อนนั้นมาก แต่เขาไม่สามารถคาดได้ว่าศัตรูสามารถป้องกันได้
หลิงซิ่วรู้ว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะคว้าไว้ได้
ความระวังของเขาเพ่งอยู่ที่จุดเดียว ฟลามิงโกเท้าของมันหายไประหว่างที่มันเร่งความเร็วสูง
ขณะนี้เองเสียงหวีดดังออกมาจากที่ไกล ดูเหมือนมีร่างหนึ่งวิ่งตรงมาทางเขาด้วยความเร็วน่าประหลาดใจ
ฮัวหยางที่กำลังยินดีที่ตนเองรอดชีวิต ก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลิงซิ่วเร่งความเร็วตรงมาทางเขา หน้าของเขาเปลี่ยนทันที
รังสีหอกแหวกอากาศมาจากด้านหลังของเขาปลดปล่อยเสียงที่แตกต่างจากครั้งก่อนเหมือนกับว่าเหมือนกับว่ามีเสียงกระพรวนดังขึ้น
ฮัวหยางกัดฟันเมื่อเห็นว่าหลิงซิ่วกำลังใช้ท่าเดิม แต่ครั้งนี้พลังวิญญาณเขากำลังโอนเอน ปราณแท้ในร่างของเขาดูเหมือนจะหลับและไม่สามารถใช้ออกได้
เสียงกระพรวนดังประหลาด
ความคิดนั้นผุดขึ้นจากนั้นปราณแท้ที่เยือกเย็นและดุร้ายแทงมาจากด้านหลัง
เป๊าะ
เสียงดังสะท้อนในหูเขาแผ่วเบาทะลวงเข้าไปในปราณแท้ในชีพจรของเขาดังเหมือนแก้วแตก จุดรัศมีเงินเหมือนดวงดาวแพร่กระจายอยู่ในเส้นชีพจรของเขาอย่างรวดเร็ว
รังสีเงินแผ่กระจายมีสภาพเป็นน้ำแข็งเย็นทำให้เส้นชีพจรของฮัวหยางแข็งทันที เขายืนแข็งอยู่กับที่เหมือนกับตุ๊กตาน้ำแข็งขณะที่สีเงินแปลกเริ่มผุดจากร่างของเขากระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว
หวยไป่หัวเบิ่งตากว้างแทบฉีกขาดมีเสียงตะโกนสั้นๆ ออกมา
หลิงซิ่วอยู่บนฟลามิงโกอย่างเฉื่อยชา เมื่อเขาผนึกสมาธิอยู่ในหอกเขาใช้วิชาในฝันไปโดยไม่รู้ตัว ของเหลวเงินที่ผลิตอยู่ร่างของเขาผสานกับหอกขณะโจมตีเข้ากันได้เป็นอย่างดี
หรือว่า.....ทุกรูปแบบในฝัน... จะเป็นจริงทั้งหมด?
หลิงซิ่วพึมพำกับตนเอง
ทันใดนั้นเขารู้สึกถึงคลื่นปราณอันตรายสายหนึ่ง เขาไม่ใช้ความคิดโน้มตัวไปข้างหน้าตามสัญชาตญาณหอกในมือเปล่งรัศมีสว่างวาบและเขาระเบิดพลังหอกทะเลจุดออกมา
ตะขอเหมือนจันทร์เสี้ยวข้างแรมแหวกหอกทะเลจุดเข้ามา
ตะขอจันทร์เสี้ยวกับหอกทะเลจุด
ร่างของหลิงซิ่วสะท้าน ฟลามิงโกถอยออกไปเจ็ดก้าวก่อนจะยืนหยัดได้มั่น
หลิงซิ่วตื่นจากภวังค์คิดเมื่อมองดูนักสู้ผู้มา เขาหยีตาและถาม “ตะขอฟ้าหวยไป่หัวใช่ไหม?”
หวยไป่หัวมาอยู่ข้างตัวฮัวหยางแล้ว เมื่อตรวจสอบฮัวหยาง เขามีท่าทีเจ็บปวดใจเงยหน้าขึ้น “เจ้าอำมหิตนัก”
หลิงซิ่วยังกล่าวอย่างเฉื่อยชา “ข้าจะต้องคว้าชัยชนะในทะเลทราย เพราะข้าเปิดเผยและชอบธรรม ถ้าท่านกลัว ท่านจะมาทำไม? ท่านก็สามารถบุกเข้ามาได้เช่นกันไม่ต้องให้ข้าเสียเวลาตามหาตัว หลังจากข้าประลองกับท่าน เราจะได้มีปัญหาน้อยลง”
*********************
หลังจากยืนยันกับผู้เฒ่าเฟ่ย ถังเทียนยังคงมีเรื่องอีกเรื่องต้องทำคือซื้อสมบัติที่ใช้งานได้สองสามชิ้น
เขายังมีเงินอยู่กับตัวส่วนหนึ่ง นอกจากกรงเล็บแมวโลหิตแล้ว เขาไม่มีสมบัติที่เหมาะสมสำหรับใช้งานเท่าใดนัก สมาพันธ์ชาวยุทธขายของราคาแพงเกินไปและไม่เหมาะสมกับเขา ดังนั้นเขาตัดสินใจไปดูที่เมืองหย่งอันดูว่าจะสามารถซื้อสมบัติได้สักชิ้นหรือสองชิ้นหรือไม่
แผ่นพลังงานสามเหลี่ยมของผู้เฒ่าเฟ่ยก็ได้รับความเสียหายและจำเป็นต้องได้สมบัติที่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงตามถังเทียนและติงตังไปด้วย
เจ้าของร้านแนะนำเอง“กล้องจุลทรรศน์จับแสงนี้เป็นไม่เลวนะ ระดับเงิน แม้ว่าจะเป็นมาตรฐานกลุ่มดาวกล้องจุลทรรศน์จะอยู่ในขอบฟ้าใต้ แต่ก็ใช้งานได้ดี ราคาสองล้านเหรียญดาว”
ผู้เฒ่าเฟ่ยมองดูถังเทียนอย่างใจจดจ่อ
“ข้าซื้อตัวหนึ่ง” ถังเทียนกล่าว
“ส่วนนี่คือตู้เย็นขั้วโลกจากกลุ่มดาวแปดเหลี่ยมมาตรฐานขอบฟ้าใต้ระดับเงิน ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดต้องมีเก็บไว้ใช้เก็บตัวอย่างสายเลือดดีๆทั้งหมดเอาไว้ สามารถเก็บรักษาไว้ในอุณหภูมิระดับต่ำสุดถึงลบร้อยองศาเซลเซียส ต่อให้ท่านเก็บตัวอย่างสายเลือดไว้เป็นหมื่นปีรับรองว่าไม่เสีย ข้าขายให้ราคากันเองก็แล้วกัน สองล้านเหรียญดาว”
ผู้เฒ่าเฟ่ยมองหน้าถังเทียนด้วยท่าทีต้องการ
“ข้าซื้อ” ถังเทียนโบกมือ เขารวยและตามใจตัวเอง
เมื่อเห็นทัศนคติในการจับจ่ายของถังเทียนเจ้าของร้านคิดว่าเจ้านายใหญ่มาเอง ผู้เฒ่าเฟ่ยตกปลาอ้วนได้แล้ว เขายิ้มกว้างและกล่าว “เฒ่าเฟ่ย ลองดูนี่ ‘จานสามเหลี่ยมหักเห’ เหมาะสมที่สุดในการใช้แยกสายเลือด มาจากกลุ่มดาวสามเหลี่ยมใต้สมบัติเงินมาตรฐานขอบฟ้าใต้ เพียงห้าล้านเหรียญดาวเท่านั้น”
ถังเทียนมองดูผู้เฒ่าเฟ่ย
ผู้เฒ่าเฟ่ยมีความสุขมากผงกศีรษะ ปรมาจารย์สายเลือดผู้นี้แทบจะลอยได้“มันช่วยย่นระยะในการแยกพลังสายเลือดได้มากมาย”
“ข้าเอาชุดนี้” ถังเทียนโบกมือ
เจ้าของร้านมีความสุข แต่ก็ยังดูถูกผู้เฒ่าเฟ่ย ตาแก่ขี้เมานั่นเหมือนกับสุนัข ฮึ่ม...เขาเคยมาที่นี่ครั้งก่อนและขอซื้อด้วยสินเชื่อ ชะตาเขาเปลี่ยนไปจริงๆ แพะอ้วนที่อยู่ข้างๆ เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริงๆ
เขาสามารถจ่ายเงินได้สิบล้านเหรียญดาวโดยไม่กระพริบตา
กระเป๋าหนาขนาดนั้นใจป้ำขนาดนั้น โอว..พระเจ้า ข้าอยากได้ลูกค้าแบบนี้ทุกวัน
เจ้าของร้านตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นเขาเอารายการสินค้าทั้งหมดส่งให้ผู้เฒ่าเฟ่ยดู ถ้าเขาพลาดโอกาสนี้เขาคงเสียใจจริงๆ
ผู้เฒ่าเฟ่ยยื่นมือมารับถ้วยชาเมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าของร้านสังเกตได้ว่า นี่คือของสะสมส่วนตัวของเขาใบชาราคาแพง ปกติเขาไม่ยินดีจะดื่มเอง ดังนั้นเขากังวลที่จะเอาออกมา ผู้เฒ่าเฟ่ยมาดื่มชาครั้งสุดท้ายหรือเปล่า? โอวช่างเถอะ ข้ายินดีเลี้ยงเขาอยู่แล้ว
ผู้เฒ่าเฟ่ยค่อยๆดื่มชาด้วยท่าทีพอใจ เขามองดูเครื่องมือชั้นเงินสองสามชิ้นข้างหน้าเขา
ผู้เฒ่าเฟ่ยวางถ้วยชาและกระแอมเบาๆ “เฒ่าจาง เจ้ามีเครื่องมือเพียงเท่านี้เองหรือ? เอาที่ดีกว่านี้ออกมาเถอะ ทั้งหมดนี้ยังไม่คู่ควรกับข้าผู้เชี่ยวชาญเรื่องสายเลือด”
เจ้านะ..ระดับผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือด...
ท่านจางเกือบจะพ่นน้ำออกจากปาก ก่อนหน้านี้ เฒ่าเฟ่ย.. แกยังไม่มีอะไรเลย!
“ถูกแล้ว” หน้าของถังเทียนชื่นชม เขาชี้ไปที่สมบัติบนโต๊ะและถาม “ท่านมีเพียงเท่านี้เองหรือ?”
เขาไม่ได้ใช้เงินสิบล้านเหรียญดาวเพื่อตัวเอง แต่ถังเทียนเริ่มไม่สบายใจแล้ว พลังสายเลือดและอาวุธพลังสายเลือดเขาไม่เข้าใจอะไรเลย แต่เขารู้เพียงสิ่งหนึ่ง เขาต้องได้รับผลที่เขาจ่ายเงินซื้อ วิชาอาวุธจักรกลของเซรีน อะไรก็ตามที่นางใช้ถังเทียนไม่เคยต่อรอง นอกจากนี้งานของผู้เฒ่าเฟ่ยยังเกี่ยวข้องกับสายเลือดของเขาอีกด้วย
มีความเป็นไปได้สูงที่หลังจากค้นคว้าพลังสายเลือดของเขาแล้ว ประวัติของเขาอาจถูกเปิดเผย จากนั้นเขาจะสามารถหาตัวบัดซบที่ทอดทิ้งภรรยาและลูกได้
แม้แต่ทุกอย่างที่เขาทำมาถังเทียนก็ยังไม่ขมวดคิ้ว
ถ้าเขามัวแต่ประหยัดนั่นอาจหมายความถึงความล่าช้าในการค้นหาสายเลือดของเขา เมื่อเป็นอย่างนั้นถังเทียนคงไม่สบายใจ
เจ้าของร้านสูดลมหายใจหนาวเหน็บ คนผู้นี้มีอิทธิพลแน่นอน เขากัดฟันและกล่าว “ข้ามีสมบัติพิเศษบางส่วนอยู่บ้าง เพียงแต่ราคาของมันค่อนข้างสูง”
“เอามาดูก็แล้วกัน” ถังเทียนกล่าวทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้นเจ้าของร้านไม่กล้าลังเลอีกต่อไป “โปรดรอเดี๋ยว”
หลังจากนั้นชั่วขณะ เขานำกล่องบรอนซ์ดูเก่าแก่ออกมาและวางบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ตอนเปิดก็ยิ่งระวังมากยิ่งกว่า
จานสามเหลี่ยมทองปรากฏต่อสายตาทุกคนมันดูคล้ายแผ่นพลังงานสามเหลี่ยมของผู้เฒ่าเฟ่ย
“แผ่นพลังงานทองของดั้งเดิมจากกลุ่มดาวสามเหลี่ยม มาตรฐานกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ อาวุธสมบัติระดับทองหาดูได้ยากมาก ราคาสามร้อยล้านเหรียญดาว”
จมูกของผู้เฒ่าเฟ่ยเชิดขึ้น เขาไม่ยอมคลาดสายตาไปจากแผ่นสามเหลี่ยมทองเลย อาวุธสมบัติชั้นทอง, อาวุธสมบัติชั้นทองที่เห็นได้ยากยิ่งนัก
เขานำถังเทียนมาที่ร้านนี้เป็นพิเศษเพราะเขาได้ยินว่าเฒ่าจางมีสมบัติลับพิเศษ ที่เขาไม่ยินดีจะเอาออกมาอวดให้ดู เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสมบัติลับพิเศษของเฒ่าจางจะเป็นอาวุธสมบัติระดับทองจริงๆ
อาวุธสมบัติที่สามารถใช้พลังสายเลือดได้มีจำนวนน้อยมากจริงๆที่เป็นอาวุธสมบัติระดับทอง ผู้เฒ่าเฟ่ยไม่เคยคิดว่าจะเป็นไปได้จริงๆ เขาค่อยๆ สงบใจ จากนั้นถอนหายใจ มันแพงเกินไป 300 ล้านเหรียญดาว มันราคาตั้ง300 ล้านเหรียญดาว
อาวุธสมบัติระดับทองไกลเกินเอื้อมและราคาของมันก็เกินจะไขว่คว้าด้วยเช่นกัน
แต่สามารถได้เห็นก็นับว่าเป็นบุญตาแล้ว
ผู้เฒ่าเฟ่ยรีบละสายตา
แต่คำพูดที่ดังออกมาจากข้างตัวเขาทำให้เขามีอาการเหมือนถูกฟ้าผ่า
“ข้าจะซื้อไว้” ถังเทียนก็ยังเป็นเหมือนก่อน เขาโบกมือแสดงท่าทางของเศรษฐียุคใหม่
เพื่อประโยชน์ในการคลี่คลายความลึกลับของพลังสายเลือด เหรียญดาวจะนับเป็นอย่างไรได้
ถังเทียนเป็นเหมือนนักเลงร้ายกาจในที่สุดก็เผยให้เห็นธาตุแท้ของเขา
ทั้งสามคนตะลึง
ที่ตามมาจากนั้นความมุ่งมั่นที่อ่อนแอลงของพวกเขาก็ถูกคำพูดที่ดุดันของถังเทียนกระตุ้นแม้แต่คำพูดที่จะพูดออกมาก็ถูกทำลายเรียบ
“ชิ้นเดียวพอหรือเปล่า? หาเพิ่มอีกก็ได้และดูด้วยว่าจะซื้อเพิ่มได้อีกไหม เถ้าแก่มีอะไรอย่างอื่นอีกไหม?”