ตอนที่ 294 กระบวนท่ากระบี่กระเรียนฟ้า
ในยามค่ำคืนบนเนินทรายห่างออกไปจากเผ่าราว5 กิโลเมตร
อาเฮ่อนั่งขัดสมาธิลืมตาท้องฟ้าในทะเลทรายยามราตรี ดารดาษไปด้วยดวงดาว ความสงบไร้ขอบเขตทำให้ใจเขารื่นรมย์ อาเฮ่อค่อยผ่อนคลายร่างกายด้วยจังหวะเฉพาะตัว
ความคิดของอาเฮ่อเป็นเหมือนทะเลดวงดาวเงียบและสงบ ไม่มีความตื่นเต้น ดวงดาวในดวงตาสะท้อนถึงอารมณ์ของเขา
ท้องฟ้าเวิ้งว้างไร้ขอบเขตทะเลดวงดาวกว้างใหญ่ จะเป็นอย่างไรเมื่อล้านปีที่แล้ว? ต่อหน้าดวงดาวในท้องฟ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็แค่สิ่งมีชีวิตที่ไม่สลักสำคัญอะไร สิ่งที่เรียกว่าความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่และการปกครองโลกไม่มีอะไรมากไปกว่าเมฆฝนที่พัดผ่าน
อะไรคือความนิรันดร์?
เวลาเป็นดุจสายน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างจะถึงจุดสิ้นสุด ไม่ว่าบรรพบุรุษรุ่นก่อนจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถหลีกพ้นหรือต่อต้านเวลาได้เลย เช่นเดียวกับสำนักกระเรียนฟ้าที่ตกต่ำลง หลายปีผ่านไปสิ่งมีชีวิตรุ่งเรืองแล้วตกต่ำไม่มีอะไรคงอยู่นิรันดร์ มีแต่เวลากับดวงดาวเท่านั้น
ชีวิตคนเราอยู่ภายใต้สวรรค์และท้องฟ้าเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญอะไร แต่ชีวิตก็ยังสวยงามกล่าวได้ว่าเป็นความอมตะนิรันดร์กาลอย่างหนึ่ง
ตั้งแต่เวลาที่ทุกคนเกิดพวกเขาก็ค่อยๆ บ่ายหน้าเดินทางสู่ความตายของพวกเขา ในช่วงไม่กี่สิบปีของชีวิตเทียบสรรพชีวิตในสวรรค์และโลกยังนับว่าสั้น ความตายครอบคลุมชีวิต ภายใต้ช่วงเวลาโหดร้ายกระชั้นสั้น ก็สามารถเบ่งบานสว่างไสวได้
แต่ก็มีชีวิตที่งดงามนับไม่ได้ซึ่งก่อให้เกิดความงามนิรันดร์ภายใต้ท้องฟ้าและพื้นปฐพี
นี่คือชีวิตนิรันดร์ไม่มีต่ำต้อย
ใจของอาเฮ่อเต็มไปด้วยอารมณ์ตื้นตันปราณแท้ในร่างของเขากำลังตื่นตัวและโคจรอย่างต่อเนื่อง ศิษย์สำนักกระเรียนฟ้าทุกคนไม่ต้องแสวงหาวัตถุไม่ต้องสร้างมลพิษและไม่เกิดความคิดที่ไม่ดี มีจิตสำนึกที่สะอาดและชัดเจนไม่เตลิดฟุ้งซ่าน
กระบี่กระเรียนบนเอวของอาเฮ่อรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของเขาและเปล่งประกาย
พลังที่สงบเยือกเย็นหลั่งไหลออกมาจากตัวกระบี่เข้ามาในตัวของอาเฮ่อ ทันใดนั้นเขาได้ยินเหมือนเสียงนกกระเรียนร้องดังผ่านม่านเมฆเหมือนกับกระบี่ได้ตัดผ่านชั้นบรรยากาศออกมา
เหมือนกับอาเฮ่อกำลังยืนอยู่ในทะเลเมฆ ร่างที่สูงโปร่งยืนเด่นสง่าพร้อมกับกระบี่
ความคิดนับไม่ถ้วนไหลเข้ามาในใจของเขาเหมือนสายน้ำ
“กระบี่หมื่นแปรเปลี่ยน เริ่มจากหนึ่งกลายเป็นกระบวนท่า
ใจของอาเฮ่อสั่นไหว
กระบวนท่ากระบี่กระเรียนฟ้า
กระบวนท่ากระบี่กระเรียนฟ้าคือสุดยอดวิชามรดกตกทอดของสำนักกระเรียนอย่างแท้จริงและมีแต่เพียงเจ้าสำนักแต่ละรุ่นเท่านั้นจะเรียนได้ กระบวนท่าวิชาพิเศษนี้ได้หายไปอย่างรวดเร็วและเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้หมู่ดาวกระเรียนฟ้าตกต่ำ
เพราะมีเพียงกระบวนท่ากระบี่กระเรียนฟ้าเท่านั้นจึงจะกระตุ้นการทำงานของกระบี่กระเรียนสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าได้
การสูญเสียกระบวนวิชากระบี่กระเรียนฟ้าทำให้ทำให้กระบี่กระเรียนอยู่แต่ในฝักไม่มีใครสามารถรู้ว่าสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าไม่ใช่แค่เป็นแค่เพียงสมบัติระดับทองและเป็นแค่กระบี่
ในที่สุดอาเฮ่อก็รู้ได้ว่ากระบวนท่าวิชากระบี่กระเรียนฟ้าไม่เคยสาบสูญ มันหลับอยู่ในกระบี่เซียนระดับทองเสมอมา
มีกระบี่สองรูปแบบที่สามารถกลายเป็นกระบี่ระดับเซียนได้คือหนึ่งเป็นกระบี่สมบัติระดับเซียนอยู่แล้ว และอีกวิธีหนึ่งก็คือรับมอบโดยกระบี่เซียน
อาเฮ่อปิติตื่นเต้นมากพยายามควบคุมอารมณ์ เขาจดจำทุกคำอย่างรอบคอบ
แต่เขาไม่เห็นว่ากระบี่กระเรียนที่เอวเขาไม่ได้เปล่งแสงสีทองทันที ทันใดนั้นกระเรียนทองตัวหนึ่งออกมาจากแสงสีทองและบินขึ้นไปในท้องฟ้า ขณะที่กลุ่มดาวกระเรียนฟ้าเปล่งรัศมีสว่างทันทีเหมือนกับว่ามันได้ฟื้นฟูพลังแต่เก่าก่อนกลับมา
มีแต่คนที่จ้องมองท้องฟ้าเท่านั้นจึงจะสังเกตออก ถ้าไม่อย่างนั้น จะไม่มีใครรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าเลย
ในขณะนั้น กลุ่มดาวกระเรียนฟ้ามีประกายสกาวสุกใส
สมบัติกลุ่มดาวกระเรียนฟ้าทั้งหมดไม่คำนึงว่าเป็นระดับบรอนซ์หรือเงิน เปล่งแสงสว่างเรืองรอง อย่างที่ไม่เคยปรากฏลักษณะแบบนี้บนกลุ่มดาวกระเรียนฟ้ามาก่อน
หน้าของผู้อาวุโสกระเรียนมีน้ำตาไหลพราก
มีแต่เขาที่รู้ว่าเป็นเพราะกระบี่กระเรียนปลดผนึกได้แล้ว
กลุ่มดาวกระเรียนฟ้าจะกลับมาฟื้นฟูได้อีกครั้ง
ในคืนหนึ่งอาเฮ่อกำลังซึมซับวิชากระบี่กระเรียนฟ้าทั้งหมด การฝึกฝนวิทยายุทธทางกายและทางจิตของสำนักกระเรียนทั้งหมด เขาได้รับรู้หมดแล้ว ปกติเขาจะต้องฝึกฝนอย่างหนักโดยไม่ย่อหย่อนซึ่งทำให้เหนื่อยมาก แต่ตามวิชากระบี่กระเรียนฟ้า อุปสรรคทั้งหมดได้รับการคลี่คลายในที่สุด
ร่างกระเรียนในตัวเขาเติบโตต่อเนื่องและได้รับความรู้อย่างต่อเนื่อง
เมื่ออาเฮ่อลืมตานั่นเกือบเป็นวันใหม่แล้ว ผมสีเงินของเขากลับเป็นสีดำสนิทอีกครั้ง ผมสีเงินของเขาเกิดจากการฝึกที่ผิดพลาดเมื่อเยาว์วัยทำให้เกิดการอุดตัน ตอนนี้อุปสรรคของการฝึกฝนทั้งหมดหายไปแล้วผมเงินของเขากลับเป็นสีดำอีกครั้ง
บนเส้นแนวขอบฟ้าทะเลทรายระดับไกลมีชั้นแสงสีทอง ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น
“ขอแสดงความยินดีด้วยคุณชาย!” หญิงสาวนางหนึ่งมีผ้าคลุมหน้าปรากฏตัวคารวะอาเฮ่อแสดงความยินดี
นางเห็นประจักษ์ถึงการเปลี่ยนแปลงทำให้หัวใจนางตื่นเต้นมาก
“ไม่ได้พบกันนานเลยนะ เสี่ยวตั่วเอ๋อ” อาเฮ่อหัวเราะเมื่อเห็นหญิงสาวเขาไม่รู้สึกประหลาดใจ
เมื่อเห็นคุณชายผู้สุภาพและหมดจดของนาง หน้าเบื้องหลังผ้าคลุมของแดงด้วยความอาย นางเชิดหน้า “นายท่านสั่งให้บ่าวมาที่นี่เพื่อเตือนคุณชาย มีนักสู้ที่แข็งแกร่งอยู่ที่นี่ สถานการณ์ซับซ้อนมากและอยากให้คุณชายระวังตัวไว้ให้ดี”
“ขอบคุณท่านป้า ฝากคารวะท่านป้าแทนข้าด้วย” อาเฮ่อมีความเห็นมากมายต่อท่านป้าผู้แข็งแกร่งของตระกูลเขา เรื่องของแม่และพ่อเขาในปีนั้นท่านป้าเกี่ยวข้องอยู่ด้วยและพยายามขัดขวางเรื่องทั้งหมด
แต่ตอนนี้สภาพจิตใจของเขาอยู่ในระดับที่พิเศษ พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาก ขอบเขต มุมมองความใจกว้างของเขามากขึ้นกว่าแต่ก่อน
ความไม่พอใจในปีนั้นได้ผ่านไปนานแล้ว
ต้นกล้าเล็กๆในปีนั้นได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
หวินตั่วตะลึงกับอารมณ์หยอกล้อของอาเฮ่อ ในความทรงจำของนาง คุณชายจะดื้อรั้นยืนกรานมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเจ้านายของนาง เขามักจะเย็นชาและเปลี่ยวเหงาเสมอ และสำหรับนิสัยเจ้านายนางผู้มีแต่แข็งกร้าวขึ้นถ้าไม่ใช่เพราะน้องสาวนาง นางคงพาอาเฮ่อกลับบ้านนานแล้ว
ความสัมพันธ์ของพวกเขามักไม่ราบรื่นอยู่เสมอ
หวินตั่วมีอารมณ์แจ่มใส่และกล่าว “ถ้านายหญิงรู้ถึงความสำเร็จของคุณชายนางคงยินดีมาก”
อาเฮ่อยิ้มและยืนขึ้น สายลมพัดเส้นผมดำของเขา ใบหน้าดุจหยกของเขาดูสะอาดและชุดดำสนิทของเขาทำให้เขาดูห้าวหาญ ไม่มีมลทิน
หวินตั่วมองดูอย่างทึ่ง
นางเคยเห็นคุณชายเฮ่อหลายครั้งแล้ว เขามักจะมั่นใจและฝึกฝนมาในอดีต แต่ที่ผ่านมาระหว่างคิ้วของเขามักแฝงด้วยความเศร้าและปัจจุบันนี้เขาดูสงบมากและตาของเขาลึกซึ้งเหมือนท้องฟ้ายามราตรี
เหมือนกับคนที่ออกมาจากภาพวาด
ความคิดนั้นผ่านเข้ามาในใจนาง พอนางรู้ตัว หน้าของนางก็แดงแล้ว
อาเฮ่อไม่รู้ความคิดของหวินตั่ว ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาคิดถึงถังเทียนเจ้าผู้นั้นออกไปในสถานที่แห่งหนึ่งอีกแล้ว เขาส่ายศีรษะและหัวเราะ
ในที่สุดเขาก็ไม่มีความเครียดอะไร
ตั้งแต่แรกถังเทียนมักจะสร้างแรงกดดันมหาศาลให้กับเขา เขามักจะก้าวหน้าในระดับที่น่าประหลาดใจและเป็นเหตุให้อาเฮ่อรู้สึกถึงแรงกดดันที่ไร้สภาพในครั้งแรก ในสำนักกระเรียนอาเฮ่อคืออัศวินที่สวมเกราะฉายประกาย ฝึกซ้อมฝีมืออยู่ในระดับแถวหน้าฝีมือทิ้งคนอื่นห่างไกล
จนกระทั่งวันที่เขาพบถังเทียน จากนั้นเขาจึงเข้าใจในที่สุดว่า เหนือเขายังมียอดเขา เหนือคนยังมีคน เจ้าบ้าหลิงซิ่วก็ไม่ด้อยไปกว่าเขาระดับความก้าวหน้าของเขาก็น่าทึ่ง ส่วนถังเทียนนับเป็นตัวประหลาดโดยแท้ ความก้าวหน้าของเขาโดดเด่นทำให้ทุกคนประหลาดใจงงงวยไปตามกัน
อาเฮ่อที่มีความภูมิใจอยู่ภายในถึงกับมีความเครียดอย่างมาก
จนกระทั่งการก้าวหน้าสู่ขอบเขตใหม่ในวันนี้ทำให้ความกดดันของเขาหายไป
เขาสั่นศีรษะหัวเราะ ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่เบ่งบานในหัวใจอาเฮ่อ
เขามองดูท้องฟ้าความรู้สึกยามเช้าตรู่ พระอาทิตย์อุทัยฉายแสงเริ่มลอยสูงในทันใด พืชพันธุ์และสัตว์อาบแสงสีทองของดวงอาทิตย์
กระบี่กระเรียนในมือของเขาส่งเสียงหึ่งๆเล็กน้อย เนื่องจากมันรู้สึกถึงหัวใจที่ต้องการต่อสู้ของอาเฮ่อมันจึงตื่นเต้นที่จะได้สู้
เขาหันมายิ้มทันที “เสี่ยวตั่วเอ๋อ เจ้ารู้จักสถานที่ที่อูเถี่ยหวี่อยู่ใช่ไหม”
หวินตั่วตะลึงและสีหน้าของนางเปลี่ยน
หลิงซิ่วชำเลืองมองเนินทราย เขาเห็นแสงที่บินอยู่ในท้องฟ้าโดยบังเอิญ
เจ้านั่นก็บรรลุระดับใหม่แล้ว!
เขารั้งสายตากลับและเริ่มการฝึกอีกครั้ง เขาไม่ใส่ใจเนื่องจากเป้าหมายที่เขาฝึกฝนในวันนี้ ยังหาไม่พบ เขากระตุ้นฟลามิงโกตัดสินใจเลือกตำแหน่งฝึกหอกที่ไกลออกไป
เขาไม่รู้ว่าทำไมช่วงสองสามวันมานี้ เพลงโบราณและภาพเงินมักจะมาปรากฏในฝันของเขาเสมอ
จังหวะในการแทงรูปแบบต่างๆ
ภาพเงินในใจเขาดูเหมือนจะฝึกซ้อมอยู่เสมอ
ทุกครั้งที่เขาเห็นภาพเงินความรู้สึกคุ้นเคยที่แปลกประหลาดมักผุดขึ้นมาในใจของหลิงซิ่ว หลิงซิ่วเตือนตนเองอย่างดีที่สุดว่าเป็นแค่ความฝัน แต่ความรู้สึกนั้นกระจ่างชัดและเหมือนจริงเสมอ
มันต้องเป็นกระพรวนที่ทำเรื่องนั้นแน่นอน
ในอดีต ไม่เคยมีความฝันผุดขึ้นมาก่อน หลิงซิ่วคิดจะโยนกระพรวนลมเขาแกะทิ้งหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ทำ
อาจารย์ต้องมีกระพรวนลมเขาแกะของตัวท่านเองด้วยใช่ไหม? ข้าสงสัยว่ามันเป็นแบบนี้สำหรับเขาด้วยหรือเปล่า
เมื่อคิดถึงอาจารย์ของเขา หลิงซิ่วยกเลิกความคิดนั้นทันที เมื่อสองวันที่แล้วการได้เห็นดาบของถังอี้ ทำให้หลิงซิ่วตะลึง หอกคืออาวุธสงครามโดยธรรมชาติ แม้แต่หอกทะเลจุดของเขาก็ไม่มีเคล็ดการใช้น้ำหนักที่มาก
ดาบนั้นทำให้เลือดหลิงซิ่วเดือดและความตั้งใจสู้ของเขาลุกโชน
ภาพร่างเงินในฝันของเขาปรากฏถี่ขึ้นและแสดงวิชาหอกที่คล้ายกัน แต่ไม่ว่านักสู้พาหนะน้ำแข็งเงินจะเดียวดายเพียงใด หอกเงินของเขาก็ไม่มีขีดจำกัด และลักษณะที่น่าเกรงขามของเขานั้นต่อต้านถังอี้ ปราณที่ป่าเถื่อนและเย็นชาพลุกพล่าน
หลายครั้งเมื่อหลิงซิ่วจมอยู่กับการฝึกมากเกินไป เขาจะเผลอใช้ท่าเหมือนกับนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงินในฝันของเขา
จนกระทั่งวันนี้เขาไม่สามารถอดกลั้นความรู้สึกนั้นได้
บางทีข้าน่าจะลองใช้วิชาหอกในความฝันดูบ้าง?
หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดหลิงซิ่วก็ทดลองดู แต่เขาไม่ต้องการให้คนอื่นพบ ดังนั้นจึงกระตุ้นฟลามิงโกและเดินออกไปไกลหลายกิโลเมตร เขาหยุดและเลือกตำแหน่งที่ตรงกันข้ามกับอาเฮ่อและไกลออกไปจากหมู่บ้านมาก หมู่บ้านมีถังอี้คอยคุ้มกันแล้ว ดังนั้นเขาจึงว่างขึ้นมาก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นตัดสินจากระยะไกลแล้ว เขาเชื่อว่าเขาสามารถมองเห็นและตั้งตัวได้ทัน
เนื่องจากเขาตัดสินใจเลียนแบบนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงิน เขาจึงละทิ้งความคิดรบกวนใจเสียและเพ่งอยู่กับความเคลื่อนไหวของนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงินในความฝันของเขา
เขาคุ้นเคยกับท่าเหล่านั้น
แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีความก้าวหน้าอะไร วิชาหอกของนักสู้พาหนะน้ำแข็งเงิน เทียบกับหอกทะเลจุดของเขาแล้วคล้ายกันมาก ด้วยข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อยนี้ สร้างความอึดอัดให้หลิงซิ่วมากมาย
มีบางครั้งที่เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องเร่งหอกอีกเล็กน้อย แต่ปลายกระบี่มักบังคับให้เขากลับมาในตำแหน่งดั้งเดิม
หลังจากฝึกหอกทะเลจุดมาสิบปี มันฝังแน่นอยู่ในกระดูกเขาแล้ว การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยากมาก
ดูเหมือนจะเป็นแค่ความฝันจริงๆ
หลิงซิ่วพยายามต่ออีกหนึ่งชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถเข้าใจได้และเขายังคงส่ายหัว เขาวางแผนจะฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน และไม่มีเวลาจะเสียอีกต่อไป
ทันใดนั้นหลิงซิ่วสังเกตว่ากระพรวนลมเขาแกะเคลื่อนไหวเงียบๆ เหมือนกับว่ามันถูกพลังไร้สภาพดูดและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
หลิงซิ่วหรี่ตาและมองดู มีคนอยู่
หลิงซิ่วกระตุ้นฟลามิงโกให้เคลื่อนไหว
ศัตรูผู้ได้ยินนกเคลื่อนไหวคิดว่าหลิงซิ่วแค่ตรงมาทางด้านเขา แต่สังเกตได้ว่าเขาไม่หยุดและเพิ่มความเร็วขึ้น สีหน้าเขาเปลี่ยนทันที
ไม่ดีแน่
ข้าถูกจับได้แล้ว
ปัง!
เนินทรายข้างหน้าเขาระเบิด!