ตอนที่แล้วตอนที่ 292 คนทั้งสาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 294 กระบวนท่ากระบี่กระเรียนฟ้า

ตอนที่ 293 รู้ว่าข้าให้ก็พอ


เหมือนกับสายลมกระโชก

สตรีนางนั้นเห็นแต่เพียงร่างหนึ่ง  ในสายตาคนอื่น มือของถังเทียนหายไปในอากาศ

ช่วงเวลาต่อมามือของเขาตัดเข้าที่หลังของบุรุษร่างกำยำพลังเกลียวเงินไหลไปตามฝ่ามือของเขาและระเบิดออก

ชี่..

เสียงเหมือนรอยขีดหนังทำให้บุรุษล่ำสันสั่น  จากนั้นเขาเหมือนถูกผลักร่างของเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะตั้งหลักได้  หน้าของเขาแดง ตาของเขาแสดงท่าทางตื่นกลัว เขาสร้างชั้นปราณแท้เพื่อป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่าต่อต้านคลื่นเกลียวเงินที่เข้ามาในร่างของเขา แต่ไม่มีประโยชน์

นั่นมันปราณแท้อะไรกัน?

เขาไม่สนใจอะไรอื่นและใช้ปราณแท้ในร่างของเขาอย่างเป็นกังวลป้องกันปราณที่แหลมคมเอาไว้

“เจ้ามีฝีมือที่โหดเหี้ยมนัก”

เสียงที่ใสชัดเจนดังขึ้นร่างของสตรีนางนั้นพุ่งวาบเข้ามากันและขวางร่างของถังเทียน

บุรุษหนุ่มหน้ากากอุรังอุตังไม่ได้ตื่นเต้นแม้แต่น้อย  เสียงต่ำเข้มดังออกมาจากหลังหน้ากาก“ถ้าเจ้าต้องการสู้  ก็สู้กันทำไมต้องพูดไร้สาระด้วย”

ถังเทียนลอบประหลาดใจจริงๆ  มือดาบของเขาทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย  บุรุษร่างใหญ่แข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิดพลังเกลียวเงินของเขาหมุนชอนไชด้วยความเร็วสูง แรงทำลายล้างน่ากลัวมาก

แม้ว่าเขาจะประหลาดใจ  แต่นั่นก็ทำให้ความรู้สึกอยากสู้ของถังเทียนมีมากขึ้น

สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาแข็งแกร่งมากกว่าบุรุษตัวใหญ่

ถังเทียนไม่กลัวแม้แต่น้อย  แต่ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น สำหรับเขาสามารถแลกเปลี่ยนประลองกระบวนท่ากับยอดฝีมือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ  เขารู้จักความแข็งแกร่งของตนเอง  เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง  เขายังคงด้อยอยู่บ้าง  เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขา  เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายอาจทุบตีเขาจนเละก็ได้ หึหึ คนวัยหนุ่มไม่ควรขาดการไล่ล่าอย่ากล้าหาญ

มีแต่คิดต่อสู้กับยอดฝีมือเท่านั้นเขาจึงจะก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง

เขามุ่งมั่นจะกลายเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด

ความตั้งใจสู้ในร่างของถังเทียนเพิ่มพูนขึ้น  ตาของเขามองดูสตรีนางนั้น

สตรีนางนั้นคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะไม่กลัวแต่ยิ่งกระตือรือร้นจะต่อสู้อีกด้วย ถังเทียนอยู่ต่อหน้านางเป็นเหมือนเพลิงลุกโหม  นางรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม  ร่างของนางโน้มไปข้างหน้า มือขวานางแตะอยู่ที่ฝักกระบี่ที่เอวนางโดยไม่รู้ตัวแว่นใหญ่ปิดบังหน้านางแต่ทั่วตัวนางแผ่รังสีเยือกเย็น

ถังเทียนที่สวมหน้ากากอยู่ก็ตื่นเต้นเลียฝีริมฝีปาก

แข็งแกร่งมาก!

แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนตื่นเต้นอย่างแท้จริงก็คือคู่ต่อสู้ปลดปล่อยปราณที่พิเศษเหมือนปราณกระบี่ชนิดหนึ่งแต่ก็เหมือนกับปราณหอก เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนพบกับปราณประหลาดแบบนั้น  เขาคุ้นเคยกับคนสองคนคืออาเฮ่อฝึกวิชากระบี่ขณะที่หลิงซิ่วฝึกวิชาหอก แต่ถังเทียนไม่เคยคิดว่าวิชากระบี่และวิชาหอกจะผสานรวมกันได้

น่าสนใจ!

ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง ร่างของเขายังคงโน้มไปข้างหน้าเหมือนเสือชีตาร์รอระเบิดพลังในวินาทีใดก็ได้

ทันใดนั้นสตรีนางนั้นยืดร่างกายตรง รังสีเยือกเย็นที่ปล่อยออกมาจากร่างของนางหายไปทันทีโดยไม่มีร่องรอย  นางหยุดมองถังเทียน  นิ้วมือขาวดุจหิมะของนางดันแว่นของนางขึ้นและพูดเย็นชา  “ท่านเฟ่ย, มันเป็นอุบัติเหตุ  ข้าต้องขออภัย แต่ข้าเชื่อว่าเรายังคงจะมีโอกาสทำงานร่วมกันในอนาคตอีก ขออภัยด้วย”

พูดจบนางก็เดินออกไป

เมื่อเห็นเช่นนั้นบุรุษอีกสองคนเดินตามมาทันที

“เอ๊ะ, ทำไมท่านหยุดเสียเล่า?”ถังเทียนยืนตรงทันที  หน้าเขายังมึนงงขณะที่เขาเกาหน้าผากเขาไม่เข้าใจสถานการณ์  ก็แค่การวิวาทกันแต่สตรีนางนั้นไม่ต้องการสู้

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไป  ถังเทียนแตกตื่นและตะโกนถามสตรีนางนั้น “เฮ้เฮ้ คุณผู้หญิง, เจ้าไม่อยากสู้ด้วยเหรอ?”

ติงตังถอนหายใจและทำตาเหลือกเอามือทึ้งหน้าตัวเอง นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เดินทางออกไปไหนกับเจ้านายนางอีกเลย

สตรีนางนั้นชะงักฝีเท้า  นางไม่คาดว่าจะได้พบกับคนอย่างถังเทียน

นางสูดหายใจลึกครั้งแล้วครั้งเล่า  อย่าทะเลาะกับเขา... รอให้เสร็จภารกิจก่อน..

“เฮ้ เฮ้ แม่นาง, เจ้ากลัวเหรอ?”

“อืม, อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวจริงๆ?”

เสียงของถังเทียนดังลั่นไล่หลังและผู้คนที่ผ่านไปมามองด้วยสายตาประหลาด

ใบหน้าหลังแว่นของสตรีผู้นั้นดูไม่ดีอย่างมาก  นางกำหมัดแน่นตลอดทั้งร่างเปล่งรังสีอำมหิตเยือกเย็น บุรุษทั้งสองข้างนางรู้ว่าพี่สาวของพวกเขาโกรธ  จึงได้แต่เงียบด้วยความกลัว

เจ้าเด็กบัดซบนั่น  ข้าจะต้องทำลายเจ้าด้วยมือของข้าเอง

สตรีนางนั้นกัดฟันและสาบานอย่างจริงจัง

ถังเทียนไม่เข้าใจคิดของสตรีนางนั้นแม้แต่น้อย แต่รู้สึกแต่เพียงรังสีปราณที่นางปล่อยออกมาพิเศษมาก ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขาเตรียมตัว  แต่เขาคาดไม่ถึงว่านางจะไม่สู้  ถังเทียนขมวดคิ้ว  ความอยากของเขาไม่ถูกเติมเต็มทำให้เขาไม่พอใจมาก

เขาตะโกนไล่สตรีนางนั้น“เฮ้ เฮ้ เฮ้ แม่นาง, เราจะได้สู้กันอีกครั้งหรือเปล่า?  ข้าจะต่อให้เจ้าก็ได้  ทำไมข้าถึงไม่ใช้มือเดียวใช่ไหม? อือ..เจ้าไม่ต้องการสู้...”

ต่อให้มือเดียว.....

สตรีนางนี้กำลังโกรธมาก  มือของนางจับด้ามกระบี่แน่นเพราะนางใช้แรงมากเกินไป นิ้วของนางจึงซีดขาว

นางกำลังถูกดูแคลน!

นางกำลังถูกดูแคลนอยู่จริงๆ!

ตลอดชีวิตของนางไม่มีใครสักคนที่กล้าพูดกับนางแบบนั้น  ไม่มีเลยสักคน

อารมณ์ความโกรธที่รุนแรงพลุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจนางนางหันมาทันที ทุบตีเจ้าบัดซบนี่ให้เละและตัดมันให้เป็นแปดเสี่ยงป้อนให้สุนัขกิน

บุรุษทั้งสองข้างนางทอดระยะห่างจากนางอย่างเงียบงัน ทั้งสองคนมองหน้ากันเองแสดงสีหน้าประหลาดใจ  เมื่อได้ยินคำของถังเทียน  พวกเขารู้สึกว่าเขาไร้สาระนัก  ทั้งสองคนคิดเหมือนกันว่าเจ้าเด็กนี่ตายแน่!  ตามคาด,พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความโกรธของพี่สาวเขา รังสีฆ่าฟันในตัวนางเพิ่มสูงขึ้นจนทั้งคู่กลัว  และทอดระยะห่างจากนางทันที กลัวจะถูกดึงเข้าไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษร่างกำยำ เขาบาดเจ็บภายใน ดังนั้นเขาเดินตามอย่างระมัดระวัง

แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนต้องผงะก็คือ...ความพี่สาวไม่ได้หันไปฆ่าเจ้าเด็กนั่นจริงๆ

นี่ นี่ นี่....

หลังจากออกมาจากถนนที่ตั้งของผู้เฒ่าเฟ่ยแล้ว  ม้าขององค์การวิญญาณมืดอดถามมิได้ “หัวหน้า,ทำไมท่านถึงไม่...”

สตรีนางนั้นค่อยๆสงบอารมณ์นางได้ “คืนนี้เราจะต้องเดินทางไปกลุ่มดาวหมาป่า งานนี้สำคัญมากกว่า เราไม่อาจเถลไถลได้”

แม้ว่าบุรุษที่เป็นม้าขององค์การวิญญาณมืดจะรู้สึกว่าแปลกที่กลุ่มดาวหมาป่ามียอดฝีมือได้อย่างไร แต่เขาไม่กล้าโต้เถียงกับสตรีนางนี้ ได้แต่พูดว่า “ข้าทราบ”

สตรีนางนั้นสามารถบอกได้ถึงความผิดปกติของเขาและพูดอย่างเฉื่อยชา“ศัตรูของเราครั้งนี้คือ สมาคมรวมตระกูลและสมาพันธ์ชาวยุทธ”

ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดสะดุ้งโหยงตกใจทันทีเขากล่าว “สมาคมรวมตระกูลและสมาพันธ์ชาวยุทธหรือ? นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่”

“ใช่” สตรีนางนั้นตอบอย่างใจเย็น  “นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก  ดังนั้นเราต้องเผชิญหน้าในสภาพที่ดีที่สุด มัวแต่เสียเวลากับเจ้าเด็กนั่นไม่สมควรเลย”

“ภารกิจครั้งนี้สำคัญมากนักหรือ?”  ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดย้อนถาม

“ถ้าเราไม่ชนะ เราก็ตาย”

สตรีนางนั้นตอบอย่างใจเย็นจนทำให้ทั้งสองชะงักค้าง

นางหันไปถามบุรุษร่างกำยำ“อาการบาดเจ็บเจ้าเล่า?”

เขาส่ายศีรษะทันที“ไม่เท่าไหร่,  พรุ่งนี้ก็คงหาย”

กับวลีที่ว่า“ถ้าเราไม่ชนะ เราก็ตาย”  วลีสุดขั้วแบบนั้น มีแนวโน้มว่าพวกเขานั่นแหละจะเป็นพวกแรกที่ตาย

สตรีนั้นผงกศีรษะ  “ก็ดีแล้ว หลังจากจบงานของเรา อย่างนั้นเราจะมาจัดการเรื่องนี้”

ทั้งสองคนแสดงท่าทีเห็นด้วย  นั่นคือรูปแบนิสัยของพี่สาวเขา

หลังจากคลายใจแล้วบุรุษร่างล่ำสันถาม “ตาเฒ่านั่นแข็งแกร่งจริงๆ หรือ?”

ม้าวิญญาณมืดไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น“อย่าบอกนะว่าเจ้าก็สงสัยมาตรฐานงานของข้า?”

“ไม่ ไม่!”  บุรุษร่างกำยำโบกมือทันที

ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดแค่นเสียง  “แม้ว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะไม่มีชื่อเสียง  แต่เขามาจากที่ซึ่งมีประวัติแข็งแกร่งเพียงแต่ไม่มีใครรู้เรื่องนั้น ข้าใช้เวลาและพลังงานไปมากมายเพื่อจะได้รับข้อมูลยิ่งใหญ่นั้นมา  เมื่อ 200 ปีที่แล้วมีปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดคนหนึ่งนามอาแซ็ค ท่านเคยได้ยินบ้างไหม?”

“อาแซ็ค ผู้ใช้ภาษาเลือดน่ะหรือ?”  บุรุษร่างล่ำสันประหลาดใจ  “อย่าบอกข้านะว่าผู้เฒ่าเฟ่ยก็คือศิษย์ของเขา?”

แม้แต่สตรีนั้นเมื่อได้ยินชื่อนั้นก็หยุดฝีเท้าของนาง

“ไม่ใช่”ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดสั่นศีรษะและเมื่อทั้งสองมีทีท่าผิดหวัง เขารีบพูดต่อ“เขาเป็นหลานศิษย์, อาจารย์ของผู้เฒ่าเฟ่ยเป็นศิษย์คนเล็กของอาแซ็ค”

ท่าทีไม่แน่ใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของบุรุษร่างใหญ่  “อย่างนั้นเขาถูกบดบังไม่ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างไร”

อาแซ็คผู้ใช้ภาษาเลือดได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิบปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดในพันปีมานี้  ชื่อเสียงขนาดนี้ไม่ว่าจะอยู่ในที่ได้ก็จะได้รับการยกย่องเฉลิมฉลองเป็นอย่างดี

“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าอาแซ็คเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าในภัยพิบัติเมื่อสองร้อยปีก่อน  ศิษย์ของเขาทั้งหมดที่แยกย้ายกันไปอยู่ห่างไกลบางคนก็ไม่รู้เรื่องนี้ สำหรับผู้รอดโดยบังเอิญก็ไม่กล้าเปิดเผยตนเอง”  จากนั้นม้าหนุ่มองค์การวิญญาณมืดหัวเราะทันที “มาตรฐานของผู้เฒ่าเฟ่ยนับได้ว่ามีประสิทธิภาพ  สายเลือดหงส์เทาไม่สมควรมีปัญหาสำหรับเขา”

บุรุษร่างกำยำพยักหน้า  “เป็นศิษย์ของผู้ใช้ภาษาเลือด นั่นเป็นธรรมดา”

สตรีนางนั้นไม่แน่ใจ  ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าถ้านางจากออกมาในลักษณะนั้นนางอาจไม่ได้พบผู้เฒ่าเฟ่ยอีก แต่เมื่อคิดถึงงานของนาง นางตัดสินใจทิ้งความคิดนั้นออกไป

ถ้านางพลาดเรื่องผู้เฒ่าเฟ่ย นางยังสามารถหาผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดคนอื่นได้

ถ้างานล้มเหลวก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวนางได้เลย

“ไปกันเถอะ” พูดจบแค่นั้น นางเดินนำหน้า

ที่ทำงานของผู้เฒ่าเฟ่ย

“พวกเขาจะไม่ปล่อยไว้อย่างนั้นแน่”  ติงตังเตือน “คนพวกนั้นมีเบื้องหลังที่ซับซ้อน”

ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้ว่าติงตังมีประสบการณ์และความรู้  สายตาเขาแข็งกร้าว  แต่ก็มีบางเรื่องให้ห่วงเช่นกัน  “อย่างนั้นเราจะทำยังไง?”

“ทำไมไม่มาร่วมกับฝ่ายเรา?”  ติงตังเหลือบมองถังเทียนและให้คำแนะนำ

เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนตอบสนองทันที และผงกศีรษะ “จริงด้วย จริงด้วย!  มาร่วมงานด้วยกันเถอะ!  รับประกันได้ว่าท่านปลอดภัยแน่นอน”

หัวใจผู้เฒ่าเฟ่ยสั่นด้วยความกระตือรือร้น  สำหรับเขาแล้วเมืองหย่งอันไม่มีอะไร  เขาไม่อยู่ต่อก็ได้ ทั้งหมดที่เขาสนใจก็คือค้นพลังสายเลือดของถังเทียนและเขาก็สนิทกับติงตังมากและรู้ว่านางไม่ได้หลอกเขา  ผู้เฒ่าเฟ่ยลังเลชั่วขณะ  “พลังสายเลือดของเจ้าต้องให้ข้าค้นคว้าแน่นอน”

“ไม่มีปัญหา” ถังเทียนพูดโดยไม่ลังเลใจ “ข้าก็ต้องการค้นดูว่าพลังสายเลือดคืออะไรเช่นกัน”

นี่เป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงสามารถได้ตัวผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดอยู่กับตัวเราเอง จะไปหาสิ่งดีๆแบบนี้ได้จากไหน ต้องขอบคุณคนทั้งสามก่อนหน้านี้ เป็นคนดีจริงๆ

ผู้เฒ่าเฟ่ยพูดทันที  “เงินทุนก็ต้องได้รับการพิจารณาด้วย”

เขามีประสบการณ์รับมือกับเซรีนมามาก ถังเทียนรู้วิธีที่จะคว้าตัวผู้เฒ่าเฟ่ยได้เป็นอย่างดี “ข้าจะต้องสร้างที่ทำงานให้ท่านก่อนอย่างน้อยก็ต้องร้อยล้านเหรียญดาว”

ผู้เฒ่าเฟ่ยน้ำตาคลอเบ้า  ในที่สุดเราก็ได้เป็นสหายกับผู้มีอิทธิพลแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด