ตอนที่ 293 รู้ว่าข้าให้ก็พอ
เหมือนกับสายลมกระโชก
สตรีนางนั้นเห็นแต่เพียงร่างหนึ่ง ในสายตาคนอื่น มือของถังเทียนหายไปในอากาศ
ช่วงเวลาต่อมามือของเขาตัดเข้าที่หลังของบุรุษร่างกำยำพลังเกลียวเงินไหลไปตามฝ่ามือของเขาและระเบิดออก
ชี่..
เสียงเหมือนรอยขีดหนังทำให้บุรุษล่ำสันสั่น จากนั้นเขาเหมือนถูกผลักร่างของเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะตั้งหลักได้ หน้าของเขาแดง ตาของเขาแสดงท่าทางตื่นกลัว เขาสร้างชั้นปราณแท้เพื่อป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่าต่อต้านคลื่นเกลียวเงินที่เข้ามาในร่างของเขา แต่ไม่มีประโยชน์
นั่นมันปราณแท้อะไรกัน?
เขาไม่สนใจอะไรอื่นและใช้ปราณแท้ในร่างของเขาอย่างเป็นกังวลป้องกันปราณที่แหลมคมเอาไว้
“เจ้ามีฝีมือที่โหดเหี้ยมนัก”
เสียงที่ใสชัดเจนดังขึ้นร่างของสตรีนางนั้นพุ่งวาบเข้ามากันและขวางร่างของถังเทียน
บุรุษหนุ่มหน้ากากอุรังอุตังไม่ได้ตื่นเต้นแม้แต่น้อย เสียงต่ำเข้มดังออกมาจากหลังหน้ากาก“ถ้าเจ้าต้องการสู้ ก็สู้กันทำไมต้องพูดไร้สาระด้วย”
ถังเทียนลอบประหลาดใจจริงๆ มือดาบของเขาทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย บุรุษร่างใหญ่แข็งแกร่งมากกว่าที่เขาคิดพลังเกลียวเงินของเขาหมุนชอนไชด้วยความเร็วสูง แรงทำลายล้างน่ากลัวมาก
แม้ว่าเขาจะประหลาดใจ แต่นั่นก็ทำให้ความรู้สึกอยากสู้ของถังเทียนมีมากขึ้น
สตรีที่อยู่ต่อหน้าเขาแข็งแกร่งมากกว่าบุรุษตัวใหญ่
ถังเทียนไม่กลัวแม้แต่น้อย แต่ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น สำหรับเขาสามารถแลกเปลี่ยนประลองกระบวนท่ากับยอดฝีมือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ เขารู้จักความแข็งแกร่งของตนเอง เมื่อเทียบกับยอดฝีมือที่แท้จริง เขายังคงด้อยอยู่บ้าง เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าเขา เขาไม่กลัวว่าอีกฝ่ายอาจทุบตีเขาจนเละก็ได้ หึหึ คนวัยหนุ่มไม่ควรขาดการไล่ล่าอย่ากล้าหาญ
มีแต่คิดต่อสู้กับยอดฝีมือเท่านั้นเขาจึงจะก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง
เขามุ่งมั่นจะกลายเป็นชายหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด
ความตั้งใจสู้ในร่างของถังเทียนเพิ่มพูนขึ้น ตาของเขามองดูสตรีนางนั้น
สตรีนางนั้นคาดไม่ถึงว่าถังเทียนจะไม่กลัวแต่ยิ่งกระตือรือร้นจะต่อสู้อีกด้วย ถังเทียนอยู่ต่อหน้านางเป็นเหมือนเพลิงลุกโหม นางรู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม ร่างของนางโน้มไปข้างหน้า มือขวานางแตะอยู่ที่ฝักกระบี่ที่เอวนางโดยไม่รู้ตัวแว่นใหญ่ปิดบังหน้านางแต่ทั่วตัวนางแผ่รังสีเยือกเย็น
ถังเทียนที่สวมหน้ากากอยู่ก็ตื่นเต้นเลียฝีริมฝีปาก
แข็งแกร่งมาก!
แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนตื่นเต้นอย่างแท้จริงก็คือคู่ต่อสู้ปลดปล่อยปราณที่พิเศษเหมือนปราณกระบี่ชนิดหนึ่งแต่ก็เหมือนกับปราณหอก เป็นครั้งแรกที่ถังเทียนพบกับปราณประหลาดแบบนั้น เขาคุ้นเคยกับคนสองคนคืออาเฮ่อฝึกวิชากระบี่ขณะที่หลิงซิ่วฝึกวิชาหอก แต่ถังเทียนไม่เคยคิดว่าวิชากระบี่และวิชาหอกจะผสานรวมกันได้
น่าสนใจ!
ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง ร่างของเขายังคงโน้มไปข้างหน้าเหมือนเสือชีตาร์รอระเบิดพลังในวินาทีใดก็ได้
ทันใดนั้นสตรีนางนั้นยืดร่างกายตรง รังสีเยือกเย็นที่ปล่อยออกมาจากร่างของนางหายไปทันทีโดยไม่มีร่องรอย นางหยุดมองถังเทียน นิ้วมือขาวดุจหิมะของนางดันแว่นของนางขึ้นและพูดเย็นชา “ท่านเฟ่ย, มันเป็นอุบัติเหตุ ข้าต้องขออภัย แต่ข้าเชื่อว่าเรายังคงจะมีโอกาสทำงานร่วมกันในอนาคตอีก ขออภัยด้วย”
พูดจบนางก็เดินออกไป
เมื่อเห็นเช่นนั้นบุรุษอีกสองคนเดินตามมาทันที
“เอ๊ะ, ทำไมท่านหยุดเสียเล่า?”ถังเทียนยืนตรงทันที หน้าเขายังมึนงงขณะที่เขาเกาหน้าผากเขาไม่เข้าใจสถานการณ์ ก็แค่การวิวาทกันแต่สตรีนางนั้นไม่ต้องการสู้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะจากไป ถังเทียนแตกตื่นและตะโกนถามสตรีนางนั้น “เฮ้เฮ้ คุณผู้หญิง, เจ้าไม่อยากสู้ด้วยเหรอ?”
ติงตังถอนหายใจและทำตาเหลือกเอามือทึ้งหน้าตัวเอง นางตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เดินทางออกไปไหนกับเจ้านายนางอีกเลย
สตรีนางนั้นชะงักฝีเท้า นางไม่คาดว่าจะได้พบกับคนอย่างถังเทียน
นางสูดหายใจลึกครั้งแล้วครั้งเล่า อย่าทะเลาะกับเขา... รอให้เสร็จภารกิจก่อน..
“เฮ้ เฮ้ แม่นาง, เจ้ากลัวเหรอ?”
“อืม, อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวจริงๆ?”
เสียงของถังเทียนดังลั่นไล่หลังและผู้คนที่ผ่านไปมามองด้วยสายตาประหลาด
ใบหน้าหลังแว่นของสตรีผู้นั้นดูไม่ดีอย่างมาก นางกำหมัดแน่นตลอดทั้งร่างเปล่งรังสีอำมหิตเยือกเย็น บุรุษทั้งสองข้างนางรู้ว่าพี่สาวของพวกเขาโกรธ จึงได้แต่เงียบด้วยความกลัว
เจ้าเด็กบัดซบนั่น ข้าจะต้องทำลายเจ้าด้วยมือของข้าเอง
สตรีนางนั้นกัดฟันและสาบานอย่างจริงจัง
ถังเทียนไม่เข้าใจคิดของสตรีนางนั้นแม้แต่น้อย แต่รู้สึกแต่เพียงรังสีปราณที่นางปล่อยออกมาพิเศษมาก ถังเทียนเต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขาเตรียมตัว แต่เขาคาดไม่ถึงว่านางจะไม่สู้ ถังเทียนขมวดคิ้ว ความอยากของเขาไม่ถูกเติมเต็มทำให้เขาไม่พอใจมาก
เขาตะโกนไล่สตรีนางนั้น“เฮ้ เฮ้ เฮ้ แม่นาง, เราจะได้สู้กันอีกครั้งหรือเปล่า? ข้าจะต่อให้เจ้าก็ได้ ทำไมข้าถึงไม่ใช้มือเดียวใช่ไหม? อือ..เจ้าไม่ต้องการสู้...”
ต่อให้มือเดียว.....
สตรีนางนี้กำลังโกรธมาก มือของนางจับด้ามกระบี่แน่นเพราะนางใช้แรงมากเกินไป นิ้วของนางจึงซีดขาว
นางกำลังถูกดูแคลน!
นางกำลังถูกดูแคลนอยู่จริงๆ!
ตลอดชีวิตของนางไม่มีใครสักคนที่กล้าพูดกับนางแบบนั้น ไม่มีเลยสักคน
อารมณ์ความโกรธที่รุนแรงพลุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจนางนางหันมาทันที ทุบตีเจ้าบัดซบนี่ให้เละและตัดมันให้เป็นแปดเสี่ยงป้อนให้สุนัขกิน
บุรุษทั้งสองข้างนางทอดระยะห่างจากนางอย่างเงียบงัน ทั้งสองคนมองหน้ากันเองแสดงสีหน้าประหลาดใจ เมื่อได้ยินคำของถังเทียน พวกเขารู้สึกว่าเขาไร้สาระนัก ทั้งสองคนคิดเหมือนกันว่าเจ้าเด็กนี่ตายแน่! ตามคาด,พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงความโกรธของพี่สาวเขา รังสีฆ่าฟันในตัวนางเพิ่มสูงขึ้นจนทั้งคู่กลัว และทอดระยะห่างจากนางทันที กลัวจะถูกดึงเข้าไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุรุษร่างกำยำ เขาบาดเจ็บภายใน ดังนั้นเขาเดินตามอย่างระมัดระวัง
แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งสองคนต้องผงะก็คือ...ความพี่สาวไม่ได้หันไปฆ่าเจ้าเด็กนั่นจริงๆ
นี่ นี่ นี่....
หลังจากออกมาจากถนนที่ตั้งของผู้เฒ่าเฟ่ยแล้ว ม้าขององค์การวิญญาณมืดอดถามมิได้ “หัวหน้า,ทำไมท่านถึงไม่...”
สตรีนางนั้นค่อยๆสงบอารมณ์นางได้ “คืนนี้เราจะต้องเดินทางไปกลุ่มดาวหมาป่า งานนี้สำคัญมากกว่า เราไม่อาจเถลไถลได้”
แม้ว่าบุรุษที่เป็นม้าขององค์การวิญญาณมืดจะรู้สึกว่าแปลกที่กลุ่มดาวหมาป่ามียอดฝีมือได้อย่างไร แต่เขาไม่กล้าโต้เถียงกับสตรีนางนี้ ได้แต่พูดว่า “ข้าทราบ”
สตรีนางนั้นสามารถบอกได้ถึงความผิดปกติของเขาและพูดอย่างเฉื่อยชา“ศัตรูของเราครั้งนี้คือ สมาคมรวมตระกูลและสมาพันธ์ชาวยุทธ”
ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดสะดุ้งโหยงตกใจทันทีเขากล่าว “สมาคมรวมตระกูลและสมาพันธ์ชาวยุทธหรือ? นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่”
“ใช่” สตรีนางนั้นตอบอย่างใจเย็น “นี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก ดังนั้นเราต้องเผชิญหน้าในสภาพที่ดีที่สุด มัวแต่เสียเวลากับเจ้าเด็กนั่นไม่สมควรเลย”
“ภารกิจครั้งนี้สำคัญมากนักหรือ?” ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดย้อนถาม
“ถ้าเราไม่ชนะ เราก็ตาย”
สตรีนางนั้นตอบอย่างใจเย็นจนทำให้ทั้งสองชะงักค้าง
นางหันไปถามบุรุษร่างกำยำ“อาการบาดเจ็บเจ้าเล่า?”
เขาส่ายศีรษะทันที“ไม่เท่าไหร่, พรุ่งนี้ก็คงหาย”
กับวลีที่ว่า“ถ้าเราไม่ชนะ เราก็ตาย” วลีสุดขั้วแบบนั้น มีแนวโน้มว่าพวกเขานั่นแหละจะเป็นพวกแรกที่ตาย
สตรีนั้นผงกศีรษะ “ก็ดีแล้ว หลังจากจบงานของเรา อย่างนั้นเราจะมาจัดการเรื่องนี้”
ทั้งสองคนแสดงท่าทีเห็นด้วย นั่นคือรูปแบนิสัยของพี่สาวเขา
หลังจากคลายใจแล้วบุรุษร่างล่ำสันถาม “ตาเฒ่านั่นแข็งแกร่งจริงๆ หรือ?”
ม้าวิญญาณมืดไม่พอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น“อย่าบอกนะว่าเจ้าก็สงสัยมาตรฐานงานของข้า?”
“ไม่ ไม่!” บุรุษร่างกำยำโบกมือทันที
ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดแค่นเสียง “แม้ว่าผู้เฒ่าเฟ่ยจะไม่มีชื่อเสียง แต่เขามาจากที่ซึ่งมีประวัติแข็งแกร่งเพียงแต่ไม่มีใครรู้เรื่องนั้น ข้าใช้เวลาและพลังงานไปมากมายเพื่อจะได้รับข้อมูลยิ่งใหญ่นั้นมา เมื่อ 200 ปีที่แล้วมีปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดคนหนึ่งนามอาแซ็ค ท่านเคยได้ยินบ้างไหม?”
“อาแซ็ค ผู้ใช้ภาษาเลือดน่ะหรือ?” บุรุษร่างล่ำสันประหลาดใจ “อย่าบอกข้านะว่าผู้เฒ่าเฟ่ยก็คือศิษย์ของเขา?”
แม้แต่สตรีนั้นเมื่อได้ยินชื่อนั้นก็หยุดฝีเท้าของนาง
“ไม่ใช่”ม้าหนุ่มขององค์การวิญญาณมืดสั่นศีรษะและเมื่อทั้งสองมีทีท่าผิดหวัง เขารีบพูดต่อ“เขาเป็นหลานศิษย์, อาจารย์ของผู้เฒ่าเฟ่ยเป็นศิษย์คนเล็กของอาแซ็ค”
ท่าทีไม่แน่ใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของบุรุษร่างใหญ่ “อย่างนั้นเขาถูกบดบังไม่ให้เป็นที่รู้จักได้อย่างไร”
อาแซ็คผู้ใช้ภาษาเลือดได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสิบปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดในพันปีมานี้ ชื่อเสียงขนาดนี้ไม่ว่าจะอยู่ในที่ได้ก็จะได้รับการยกย่องเฉลิมฉลองเป็นอย่างดี
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าอาแซ็คเสียชีวิตอย่างน่าเศร้าในภัยพิบัติเมื่อสองร้อยปีก่อน ศิษย์ของเขาทั้งหมดที่แยกย้ายกันไปอยู่ห่างไกลบางคนก็ไม่รู้เรื่องนี้ สำหรับผู้รอดโดยบังเอิญก็ไม่กล้าเปิดเผยตนเอง” จากนั้นม้าหนุ่มองค์การวิญญาณมืดหัวเราะทันที “มาตรฐานของผู้เฒ่าเฟ่ยนับได้ว่ามีประสิทธิภาพ สายเลือดหงส์เทาไม่สมควรมีปัญหาสำหรับเขา”
บุรุษร่างกำยำพยักหน้า “เป็นศิษย์ของผู้ใช้ภาษาเลือด นั่นเป็นธรรมดา”
สตรีนางนั้นไม่แน่ใจ ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าถ้านางจากออกมาในลักษณะนั้นนางอาจไม่ได้พบผู้เฒ่าเฟ่ยอีก แต่เมื่อคิดถึงงานของนาง นางตัดสินใจทิ้งความคิดนั้นออกไป
ถ้านางพลาดเรื่องผู้เฒ่าเฟ่ย นางยังสามารถหาผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดคนอื่นได้
ถ้างานล้มเหลวก็ไม่มีโอกาสแก้ตัวนางได้เลย
“ไปกันเถอะ” พูดจบแค่นั้น นางเดินนำหน้า
ที่ทำงานของผู้เฒ่าเฟ่ย
“พวกเขาจะไม่ปล่อยไว้อย่างนั้นแน่” ติงตังเตือน “คนพวกนั้นมีเบื้องหลังที่ซับซ้อน”
ผู้เฒ่าเฟ่ยรู้ว่าติงตังมีประสบการณ์และความรู้ สายตาเขาแข็งกร้าว แต่ก็มีบางเรื่องให้ห่วงเช่นกัน “อย่างนั้นเราจะทำยังไง?”
“ทำไมไม่มาร่วมกับฝ่ายเรา?” ติงตังเหลือบมองถังเทียนและให้คำแนะนำ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนตอบสนองทันที และผงกศีรษะ “จริงด้วย จริงด้วย! มาร่วมงานด้วยกันเถอะ! รับประกันได้ว่าท่านปลอดภัยแน่นอน”
หัวใจผู้เฒ่าเฟ่ยสั่นด้วยความกระตือรือร้น สำหรับเขาแล้วเมืองหย่งอันไม่มีอะไร เขาไม่อยู่ต่อก็ได้ ทั้งหมดที่เขาสนใจก็คือค้นพลังสายเลือดของถังเทียนและเขาก็สนิทกับติงตังมากและรู้ว่านางไม่ได้หลอกเขา ผู้เฒ่าเฟ่ยลังเลชั่วขณะ “พลังสายเลือดของเจ้าต้องให้ข้าค้นคว้าแน่นอน”
“ไม่มีปัญหา” ถังเทียนพูดโดยไม่ลังเลใจ “ข้าก็ต้องการค้นดูว่าพลังสายเลือดคืออะไรเช่นกัน”
นี่เป็นผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงสามารถได้ตัวผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดอยู่กับตัวเราเอง จะไปหาสิ่งดีๆแบบนี้ได้จากไหน ต้องขอบคุณคนทั้งสามก่อนหน้านี้ เป็นคนดีจริงๆ
ผู้เฒ่าเฟ่ยพูดทันที “เงินทุนก็ต้องได้รับการพิจารณาด้วย”
เขามีประสบการณ์รับมือกับเซรีนมามาก ถังเทียนรู้วิธีที่จะคว้าตัวผู้เฒ่าเฟ่ยได้เป็นอย่างดี “ข้าจะต้องสร้างที่ทำงานให้ท่านก่อนอย่างน้อยก็ต้องร้อยล้านเหรียญดาว”
ผู้เฒ่าเฟ่ยน้ำตาคลอเบ้า ในที่สุดเราก็ได้เป็นสหายกับผู้มีอิทธิพลแล้ว