ตอนที่ 10-22 ชุมนุมสี่ทิศ
“พลังจิตที่ทรงพลังขนาดนั้น เขาสามารถทำร้ายคนบาดเจ็บได้จากระยะไกล เลห์แมนไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่น้อย” ลินลี่ย์ตกใจอย่างมาก “มิน่าเล่า เทพสงครามบอกว่าเดลี่และเฟนคือสองในห้าเซียนระดับสุดยอดที่อยู่ปากประตูใกล้จะเป็นเทพเต็มที พวกเขาเพียงแต่ต้องการก้าวย่างสุดท้าย! พวกเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ”
โอเซนโนไม่กล้าเคลื่อนไหวอีกต่อไป หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน
“ซูมม” ร่างมนุษย์พุ่งขึ้นมาจากน้ำ เป็นเลห์แมนเมื่อถึงจุดนี้เลห์แมนบินมาอยู่ข้างโอเซนโนอย่างว่าง่าย หน้าของเขาซีดขาวและจ้องมองเดลี่ด้วยแววตาหวาดกลัว
เดลี่มองดูบุรุษทั้งสองคนพร้อมกับขมวดคิ้ว “พวกเจ้าก็รู้ว่าในอดีต, ข้าเป็นผู้นำกลุ่มโยคีพวกเจ้าก็ควรจะรู้ว่าข้าก็เป็นเซียนจอมเวทคนหนึ่ง”
โอเซนโนและเลห์แมนต่างมองหน้ากัน
เซียนจอมเวทเชี่ยวชาญในการใช้พลังจิตที่ทรงพลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดฝีมืออย่างเดลี่ผู้ฝึกฝนมาแล้วเป็นพันปี เมื่อเขาใช้พลังจิต เขามีระดับที่สูงมากกว่าฮาร์เวิร์ดสหายสนิทของเขา ไม่ว่าจะเป็นพลังจิตหรือความเข้าใจกฎธรรมชาติแห่งธาตุแสงเดลีมีเต็มขีดจำกัดพลังที่เซียนคนหนึ่งจะพึงถึงได้
อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะกลายเป็นระดับเทพ
“ใต้เท้าเดลี่” โอเซนโนเรียกเดลี่ด้วยคำว่า ‘ใต้เท้า’ อีกครั้ง
โอเซนโนยังคงจำข้อมูลเกี่ยวเดลี่ในม้วนบันทึกของศาสนจักรเจิดจรัสได้ เขารู้ว่าเดลี่มีความสนิทสนมกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เอินส์
“จักรพรรดิเอินส์ทำงานตลอดชีวิตเพื่อยกย่องศาสนจักรเจิดจรัส เขาสร้างสหภาพศักดิ์สิทธิ์ เขาทำให้ศาสนจักรเจิดจรัสรุ่งเรือง! ห้าพันปีมานี้ เราไม่เคยยอมแพ้ ไม่เคยหยุดทำงานหนัก” เสียงของโอเซนโนทุ้มมาก
เดลี่ขมวดคิ้ว
ในใจของเขา เขาไม่รู้สึกผูกพันต่อศาสนจักรเจิดจรัสเท่าใดนัก แต่เขารู้สึกผิดต่อเอินส์ เอินส์เป็นเหมือนพี่ชายของเขา! พี่ชายผู้ทำงานอย่างหนักในนามศาสนจักรเจิดจรัสมาตลอดชีวิต และในที่สุดเขาก็ไปยังพิภพเทพแห่งแสง
“แต่ลินลี่ย์.. ไม่เพียงแต่เขาเองที่เป็นนักรบเลือดมังกร,เขายังมีน้องชายอีกคนหนึ่งและนักรบอมตะอีกห้าคนอยู่ภายใต้บังคับบัญชา เขายังมีอสูรเวทบีบีที่ไม่ได้อ่อนแอกว่าเขา” โอเซนโนมองดูเดลี่ “ในอีกไม่กี่ทศวรรษก็หมายความว่าเขาจะมีสุดยอดนักรบระดับสูงเจ็ดคนและอสูรเวทหนึ่งตัว ถ้าพวกเขารวมพลังโจมตีด้วยกัน ศาสนจักรเจิดจรัสของเราคงจบสิ้น!”
“ใต้เท้าเดลี่, ศาสนจักรเจิดจรัสของเราจะจบสิ้น!”
“สิ่งที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอินส์ได้ทุ่มเทลงไปจะถูกทำลาย!”
เสียงของโอเซนโนทำให้หัวใจของเดลี่สั่นสะท้าน เขายังคงจำได้ถึงการช่วยเหลือและความผูกพันกับเอินส์ พี่ชายที่มีต่อเขา
ลินลี่ย์,เพนน์สลีนและเดเลียกำลังยืนอยู่ด้วยกัน เพนนสลีนถอนหายใจพูดกับลินลี่ย์อย่างอ่อนโยน “คนเดียวที่เดลี่รู้สึกผิดต่อเขาก็คือเอินส์ เขาคงรู้สึกเจ็บปวดใจตอนนี้มาก”
สถาบันเอินส์ได้มาจากชื่อของเอินส์
ลินลี่ย์รู้เรื่องราวของเอินส์เป็นอย่างดี
เสียงถอนหายใจได้ยินมาจากเดลี่ เดลี่มองดูทั้งสองฝ่าย จากนั้นพูดเสียงฟังชัด “เอาอย่างนี้เป็นไง ทั้งสองฝ่ายยอมถอยให้กันคนละก้าว ถือเสียว่าเห็นแก่หน้าข้า..เดลี่ผู้นี้ตกลงไหม?”
“ถอยกันคนละก้าว?” โอเซนโนและเลห์แมนจ้องมองเดลี่อย่างสับสน
ลินลี่ย์ยังคงงงวยเช่นกัน
“พวกเจ้าทั้งสอง มาที่กลางทะเลสาบ” เดลี่กล่าว ลินลี่ย์เชื่อเดลี่ ดังนั้นเขาจูงมือเดเลียด้วยตัวเองบินมาที่ใจกลางทะเลสาบ โอเซนโนและเลห์แมนยังคงเงียบและบินมาที่กลางทะเลสาบอย่างว่าง่าย
ลินลี่ย์กับเดเลียยืนเคียงข้างกันอยู่ด้านหนึ่งบนหินขนาดใหญ่ ขณะที่โอเซนโนและเลห์แมนยืนอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างตั้งท่าระมัดระวังไว้
“เดลี่วางแผนอะไรไว้?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
เดลี่ยิ้มอย่างใจเย็น “ข้ารู้ดีว่าพวกเจ้าทั้งสองฝ่ายมีความแค้นกันอย่างลึกล้ำ เอาอย่างนี้เป็นไง... นับจากนี้ไปอีกยี่สิบปีศาสนจักรเจิดจรัสไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าลินลี่ย์”
“ยี่สิบปี?” โอเซนโนไม่พอใจ “ใต้เท้าเดลี่ ยี่สิบปีต่อมาลินลี่ย์ก็กลายเป็นระดับเซียนในร่างมนุษย์ได้แล้ว ต่อให้เราต้องการฆ่าเขาเราก็ไม่สามารถทำได้ ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลย!”
“หุบปากเจ้าซะ!” เดลี่มีแววโกรธอยู่ในใบหน้า
หัวใจของโอเซนโนสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเขาจำได้ว่าในบัดนี้... ต้องปฏิบัติตาม
“ข้อกำหนดนี้ก็เหมือนกับที่ขอไว้กับศาสนจักรเจิดจรัสขอให้ถอยกันหนึ่งก้าว สำหรับเจ้า, ลินลี่ย์ข้าก็ต้องการให้เจ้ายอมถอยหนึ่งก้าวเช่นกัน” เดลี่มองดูลินลี่ย์
“ท่านเดลี่, เชิญกล่าว” ลินลี่ย์พูด
เดลี่ยิ้มในเชิงขออภัย “คำพูดของโอเซนโนก็เป็นความจริงเช่นกัน ลินลี่ย์, ตัวเจ้าเองไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่ แต่เมื่อรวมกับน้องชายเจ้าและห้านักรบอมตะ เจ้าจะมีเจ็ดสุดยอดนักรบนั่นสามารถทำลายศาสนจักรเจิดจรัสได้แน่นอน ดังนั้นข้าต้องการให้เจ้าเห็นด้วยว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ถ้าเจ้าต้องการล้างแค้นศาสนจักรเจิดจรัสเจ้าต้องทำด้วยตัวเอง คนอื่นๆรวมทั้งอสูรเวทของเจ้าด้วย ห้ามทำ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้โอเซนโนและเลห์แมนถอนหายใจโล่งอกทั้งคู่
เกาะศักดิ์สิทธิ์เป็นสถานที่แบบไหน?
นั่นคือฐานทัพใหญ่ของศาสนจักรเจิดจรัส พวกเขามีเทวทูตระดับเซียนอยู่กลุ่มใหญ่รวมทั้งไฮเดนส์และโยคีใบไม้ร่วง และเนื่องจากว่าเกาะศักดิ์สิทธิ์ยังคงถูกปกป้องไว้ด้วยวงเวทขนาดใหญ่ ..นักสู้ระดับเทพยังตายในเวลาสั้นๆ อย่างแน่นอนถ้าพวกเขาโจมตี
“พวกเจ้าเข้าใจความตั้งใจของข้าหรือยัง?” เดลี่มองดูทั้งสองฝ่าย
“ฝ่ายของเรา ภายในยี่สิบปีจากนี้ไปจะไม่ลงมือกับลินลี่ย์ เพื่อแลกเปลี่ยนให้เฉพาะลินลี่ย์เท่านั้นที่อนุญาตให้แก้แค้นเป็นการส่วนตัวด้วยตัวเองเท่านั้นใช่ไหม?” โอเซนโนหัวเราะอย่างใจเย็น “ข้าเห็นด้วย ถ้าเราไม่สามารถจับตัวเจ้าเองได้ อย่างนั้นก็ไม่มีอะไรที่ข้าจะพูดได้ในนามของศาสนจักรเจิดจรัส ถ้าเราถูกทำลาย”
โอเซนโนยอมตกลงอย่างง่ายดาย
ศาสนจักรเจิดจรัสไม่ได้กลัวลินลี่ย์ พวกเขากลัวกลุ่มคนเบื้องหลังลินลี่ย์
“ลินลี่ย์! เจ้าจะเอายังไง?” เดลี่มองดูลินลี่ย์
ในใจของลินลี่ย์เขาไม่ค่อยยินดี
“ทำลายศาสนจักรเจิดจรัสด้วยตัวข้าเอง?” ลินลี่ย์ยังคงรู้ขีดจำกัดของตนเอง “ศาสนจักรเจิดจรัสคงอยู่มานานหมื่นปีแล้ว...ไม่ใช่งานง่ายเลย แต่เมื่อถึงระดับเทพแล้ว.. แม้แต่ซีซาร์ก็ยังใช้เวลาห้าพันปี เทพสงครามเข้าถึงระดับเทพในช่วงเวลาสั้นๆนั่นเป็นเพราะวาสนาดีที่หาประกายเทพพบ ถ้าเป็นแค่เกี่ยวกับความสามารถของเขาเอง ใครจะรู้ว่าจะต้องใช้เวลานานเพียงไหน?
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
“ลินลี่ย์!” เดลี่พูดอีกครั้ง โอเซนโนและเลห์แมนมองดูเขาทั้งคู่
ลินลี่ย์หันไปมองเดเลียข้างตัวทันที ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน “ไม่ว่ายังไง,ข้าจะปล่อยให้เดเลียตกอยู่ในอันตรายไม่ได้” ลินลี่ย์ทำใจเขา เขาพูดกับเดลี่ทันที “ศาสนจักรเจิดจรัสไม่ได้รับอนุญาตให้โจมตีข้าภายในยี่สิบปี แต่มีเงื่อนไขเพิ่มอีกนิด..ห้ามพวกเขาทำร้ายครอบครัวข้าและสหายข้าตลอดไป”
“ตกลง” โอเซนโนรีบพูดทันที
ลินลี่ย์มองดูโอเซนโนมีประกายเยือกเย็นในดวงตาของเขา เขาลอบพูดกับตัวเอง “โดยตัวข้าเองน่ะหรือ? แม้ว่าข้าอาจไม่กล้าโจมตีเกาะศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้าข้าพบว่าพวกเจ้าเที่ยวไปตามลำพัง อย่างนั้นข้าจะไม่สามารถฆ่าพวกเจ้าได้หรือ? ถ้าเจ้าต้องการ อย่างนั้นก็จงอยู่แต่ในเกาะศักดิ์สิทธิ์ตลอดไป!”
เพื่อประโยชน์แก่ครอบครัวและสหาย ลินลี่ย์เลือกจะยอมประนีประนอมในครั้งนี้
โอเซนโนและเลห์แมนถอนหายใจโล่งอกทั้งคู่ ที่สำคัญเดลี่เข้าข้างลินลี่ย์ พวกเขาไม่มีผู้สนับสนุนมากนักในที่นี้
ในกลางทะเลสาบในภูเขาแบล็คคราเวน ฝ่ายลินลี่ย์และศาสนจักรเจิดจรัสยอมรับข้อตกลง
“ถ้าในช่วงยี่สิบปีข้างหน้าลินลี่ย์มาโจมตีเรา เราจะโจมตีโต้ตอบ ถ้าเขาตายเนื่องจากการตอบโต้ของเรา จะมาตำหนิเราไม่ได้” โอเซนโนรีบกล่าว ลินลี่ย์แค่นเสียง “ฮึ่ม..อย่าห่วงข้าไม่คิดจะเล่นลิ้นกับพวกท่าน”
ลินลี่ย์หัวเราะลั่นทันที “ถ้าในอนาคต คนอย่างเทพสงครามนำยอดฝีมือบุกเกาะศักดิ์สิทธิ์ ข้าอาจจะฉวยโอกาสไปด้วยก็ได้ ถึงตอนนั้นอย่ามาโทษว่าข้าก็แล้วกัน”
“นั่นจะไม่ถือว่าเป็นความผิดของเจ้า” โอเซนโนส่ายศีรษะ
ถ้าเทพสงครามต้องการทำลายศาสนจักรเจิดจรัส มีแนวโน้มว่าศาสนจักรเจิดจรัสคงจบสิ้นไปนานแล้ว
หลังจากที่สองฝ่ายตกลงทำสนธิสัญญากัน จู่ๆ เดเลียก็กล่าวขึ้น “อย่างนั้นดินแดนในเขตอนารยชนเล่า? จะมีเซียนเข้าร่วมต่อสู้ด้วยไหม?”
“เซียน?” โอเซนโนขมวดคิ้ว
ความจริงศาสนจักรเจิดจรัสขยายดินแดนไว้กว้างขวางควบคุมดินแดนอนารยชนไว้ และลินลี่ย์ก็ขยายเขตแดนเช่นกัน ถ้าทั้งสองต้องมาต่อสู้กัน...เมื่อเซียนเข้ามาเกี่ยวข้องในการต่อสู้ อย่างนั้นบางทีก่อนที่จะครบยี่สิบปี ลินลี่ย์กับศาสนจักรเจิดจรัสอาจต้องมาปะทะกันอีก
“เอาอย่างนี้เป็นไง” เดลี่พูดขึ้น
“การต่อสู้เสี่ยงตายทางโลก...เซียนจะไม่เข้าไปพัวพัน” เดลี่มองดูเพนน์สลีน “ท่านหญิง,เจ้าช่วยไปตามโอคาซี่ย์แห่งลัทธิเงามาที บอกเขาว่าข้าต้องการคุยกับเขา เราจะรอเจ้าอยู่ที่นี่
“ได้” เพนน์สลีนพยักหน้า จากนั้นบินไปทันที
“โอคาซี่ย์? เขาเป็นใคร?” ลินลี่ย์ขมวดคิ้วขณะถาม
โอเซนโนกล่าว “โอคาซี่ย์คือตุลาการอาวุโสศาลลัทธิเงา สถานะของเขาเสมอกับข้าในศาสนจักรเจิดจรัส เขาเป็นผู้บริหารระดับสูงของลัทธิเงาในดินแดนอนารยชน”
ลินลี่ย์พยักหน้า
“ในการต่อสู้แลกชีวิต พวกเซียนจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย ลินลี่ย์... เจ้ากล้ารับไหม?” โอเซนโนจ้องมองลินลี่ย์อย่างเย็นชา
“บาร์เกอร์และน้องๆไม่ใช่เซียนในร่างมนุษย์ พวกเขาควรจะเข้าร่วมในการต่อสู้ได้ไหมเล่า?” ลินลี่ย์ถาม
“แน่นอน พวกเขาทั้งห้าเป็นนักรบระดับเก้า” โอเซนโนพูดอย่างหยียดหยาม “ลินลี่ย์ ในแง่จำนวนยอดฝีมือระดับเก้า เจ้าไม่อาจเทียบได้กับศาสนจักรเจิดจรัสของเราและลัทธิเงาได้แน่”
ลินลี่ย์ได้แต่ยิ้มมั่นใจไม่ให้ความสนใจเขา
“เดเลีย” ลินลี่ย์จับมือเดเลียไว้ ตอนนี้เขายังอยู่ในร่างมังการแปลง และมือของเขาเต็มไปด้วยเกล็ดมังกร แต่เดเลียไม่ถือสา นางมองลินลี่ย์และพูดคุยเสียงนุ่มนวล นางกล่าว “ลินลี่ย์, ขอบคุณ”
เดเลียรู้ว่าลินลีย์ยอมประนีประนอมเพื่อประโยชน์ในส่วนของนาง
ลินลี่ย์ไม่พูดอะไร
ที่สำคัญหลายปีที่ต้องทนทุกข์ทรมานมามากมายนี้ ลินลี่ย์ได้เรียนรู้บางอย่าง บางครั้งความผิดพลาดเพราะความดื้อรั้นเพียงครั้งเดียวอาจทำให้ใครบางคนต้องทุกข์ทนเสียใจไปตลอดชีวิต การยอมประนีประนอมเป็นครั้งคราวจะทำให้คนที่รักปลอดภัย แต่ก็ยังตามชำระแค้นได้อย่างดุดันเหี้ยมหาญต่อไปได้
“จะเป็นยังไง ถ้าข้าไม่สามารถกำจัดศาสนจักรเจิดจรัสด้วยตนเองได้?”
ลินลี่ย์ลอบบอกตนเอง “ในประวัติศาสตร์ เคยมีสุดยอดเซียนนักรบที่เป็นเซียนจอมเวทด้วยไหม?” เมื่อพลังของเขาเพิ่มระดับสูงสุดไร้เทียมทาน ลินลี่ย์จะเตรียมตัวไปท้าทายเกาะศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เขาไม่สามารถทำลายพวกเขาได้ แต่ก็น่าจะหลีกเลี่ยงการสูญเสียชีวิตของเขาได้
ช่วงเวลาต่อมา
“พี่ใหญ่!” เงาดำพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วสูง
“บีบี” ลินลี่ย์รู้สึกดีใจ
บีบีกระโดดขึ้นไปอยู่บนไหล่ของลินลี่ย์จากนั้นจ้องมองโอเซนโนอย่างดุดัน “คนผู้นี้มาอีกแล้วหรือ?”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” ลินลี่ย์กล่าว
“ฮึ่มมม” บีบีคำรามเย็นชา จากนั้นพูดทางใจ “พี่ใหญ่ไม่ต้องกลัวคนพวกนี้ ในไพรทมิฬข้าได้พบกับสหายที่เป็นอสูรเวทสองสามตัว ทั้งหมดแข็งแกร่งทรงพลังจริงๆ เมื่อถึงเวลาข้าจะขอให้พวกเขามาช่วยจัดการคนพวกนี้ด้วยกัน”
“สหายอสูรเวทระดับเซียนน่ะหรือ?” ลินลี่ย์จ้องมองบีบีอย่างประหลาดใจ
เมื่อลินลี่ย์ฝึกบีบีมักจะเข้าไปเล่นสนุกสนานในไพรทมิฬ คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นมิตรกับอสูรเวทอื่น
“ใช่แล้ว, พวกเขาล้วนแต่แข็งแกร่งมาก เผ่าพันธุ์ของแฮรุปกติอยู่ที่ระดับเก้า เขาบรรลุระดับสูงอย่างยากลำบาก พลังของแฮรุในหมู่อสูรระดับเซียนยังถือว่าธรรมดา แต่สหายที่ข้าเพิ่งคบหานี้ อย่างเจ้า ‘ขาวใหญ่’ เขาคือเสือขาวปีกสายฟ้า ‘เจ้ายักษ์’ เขาคือเบเฮม็อธทอง หรือว่า ‘เจ้างูใหญ่’ ก็คือจักรพรรดิอสรพิษเก้าหัว”
ลินลี่ย์ถึงกับพูดไม่ออก เป็นไปได้อย่างไรที่อสูรเวทระดับเซียนสามารถคบหากับอสูรเวทระดับเซียนตัวอื่นๆได้อย่างง่ายดาย?
“ตอนนี้ หนึ่งในระดับเซียนนั้นยังมีอสูรเวทประเภทหนูอีกด้วย” บีบีหัวเราะ
ลินลี่ย์ตกใจ
อสูรเวทประเภทหนู?
“น่าเสียดายที่เขาเป็นบุรุษ” บีบีพูดพลางถอนหายใจ
ลินลี่ย์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เนื่องจากพวกเขาสนทนาทางใจ เขาถาม “อสูรหนูระดับเซียนนี่เป็นยังไง? เขาดูเหมือนเจ้าไหม?”
“ไม่” บีบีส่ายศีรษะ “อสูรเวทระดับเซียนทั้งหมดล้วนแต่สีม่วง เขารูปงามมาก อย่างไรก็ตาม เขาปฏิบัติกับข้าเป็นอย่างดี เขาให้ของมีค่าและอร่อยๆ ให้ข้ากินหลายอย่าง” หน้าของบีบีเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ลินลี่ย์ลอบถอนหายใจ
เซียนอสูรหนูสีม่วง? หนังสือไม่ได้บันทึกสิ่งมีชีวิตแบบนั้นไว้ ดูเหมือนหนังสือยังมีเนื้อหาไม่สมบูรณ์
“แต่พี่ใหญ่ สหายของข้าทั้งหมดหยิ่งยโสมาก พวกเขายอมเป็นสหายเฉพาะกับข้าเท่านั้น หลังจากที่ต่อสู้กับข้าแล้ว” หน้าของบีบีเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดีใจ
ขณะนั้นเองร่างมนุษย์สองร่างพุ่งผ่านอากาศมาด้วยความเร็วสูง หนึ่งในนั้นคือเพนน์สลีน ขณะที่อีกคนหนึ่งเป็นบุรุษสวมชุดยาวสีดำ น่าจะเป็นคู่ปรับของโอเซนโนจากลัทธิเงา ตุลาการอาวุโสโอคาซี่ย์