ตอนที่แล้วตอนที่ 10-19 ราชอาณาจักร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10-21 กฎแห่งแสง

ตอนที่ 10-20 ผู้มาเยือน


หนึ่งในหัวเมืองทางภูมิภาคเหนือของดินแดนอนารยชน  อังเก้เกทส์และบูนแต่ละคนยืนกวัดแกว่งขวานยักษ์อยู่บนกำแพงเมืองเหมือนเทพเจ้าสงคราม  ซากศพกองอยู่บนพื้นรายรอบตัวเขาคราบเลือดเปรอะเปื้อนกำแพงและพื้นเบื้องล่าง

ทหารที่ใกล้เคียงพากันหวาดกลัวกันหมด

พวกเขาไม่กล้าสู้ตอบโต้อีกต่อไป  ทุกคนยอมวางอาวุธ

“จากทั้งหมดเจ็ดแคว้น  มียอมสวามิภักดิ์ห้าแคว้น  แคว้นก่อนๆ นั้นก็ยึดได้ง่าย  เจ้าคือที่สุดท้ายแล้ว”  เกทส์คว้าตัวหัวหน้าทหารรักษาเมืองเขาถลึงตาจ้องมองอย่างน่าหวาดหวั่น ทำให้นายกองผู้นั้นตัวสั่น  “แม่มันเอ๊ย, ทำไมต้องตอบโต้ด้วย  ในเมื่อเจ้าไม่มีพลังพอ?  นั่นก็เท่ากับสั่งทหารให้ฆ่าตัวตายไม่ใช่หรือหือ?”

นั่นเท่ากับฆ่าตัวตายแน่นอน

ทั้งสองฝ่ายมีระดับพลังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  เกทส์และคนอื่นๆฆ่าศัตรูไปเป็นจำนวนมากด้วยมือตนเอง

นายกองที่ถูกยกลอยขึ้นในอากาศพูดอย่างหวาดหวั่น  “ใต้เท้า, นี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับข้า  มันเป็นคำสั่งของเจ้าแคว้นของเรา”

“น้องห้า” อังเก้หัวเราะ  “พอเถอะปล่อยเขาลงซะ  พี่ใหญ่และคนอื่นๆ มารวมตัวอยู่ข้างล่างแล้ว  พวกเขาเตรียมจะดื่มเหล้าฉลองชัยกันแล้ว  หลังจากยึดเมืองใหญ่นี้ได้ เมื่อเราเพิ่มกับอีกห้าแคว้นที่ร่วมสวามิภักดิ์และอีกหนึ่งแคว้นที่ยึดได้นั่นก็หมายความว่าภารกิจของเราเสร็จสิ้นแล้ว!”

เกทส์และบูนเริ่มหัวเราะเสียงดังทั้งคู่

ในช่วงเวลาสั้นๆยี่สิบวันดินแดนแปดแคว้นทั้งหมดซึ่งมีชายแดนติดกับไพรทมิฬได้ก่อตั้งรวมกันเป็นราชอาณาจักร  อาณาจักรบาลุค อาณาจักรบาลุคมีประชาชนเกินร้อยล้านคนอยู่ภายใต้อาณัติและกินพื้นที่หนึ่งในสี่ของดินแดนอนารยชน

แม้ว่าผู้คนที่นี่จะยากจน  แต่พวกเขาก็มีความห้าวหาญดุร้ายมาก

ในพื้นที่ซึ่งร่ำรวยมากกว่าของดินแดนอนารยชนศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงายังคงควบคุมอยู่ จากนี้เป็นต้นไป.. ดินแดนอนารยชนจะถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มอิทธิพลใหญ่

ลินลี่ย์อัจฉริยะหมายเลขหนึ่งในประวัติศาสตร์ทวีปยูลานจะแต่งงานกับแม่หญิงเดเลียแห่งตระกูลเลโอนแห่งทวีปยูลาน! วันแต่งงานของพวกเขาจะเป็นวันเดียวกับวันสถาปนาราชอาณาจักรบาลุค

กำหนดวันก็คือวันที่ 21 กรกฎาคม ศักราชยูลานที่ 10010

สถานที่– ว่าที่เมืองหลวงของอาณาจักร – พระนครบาลุค (หรือเมืองแบล็คเดิร์ทเดิม)

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วดินแดนอนารยชนราวกับเกิดพายุทอร์นาโด  และขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อสาธารณชนในทั่วทวีปยูลาน  จดหมายเชิญฉบับแล้วฉบับเล่าถูกส่งไปยังที่ต่างๆทั่วทวีปยูลาน.. สายตานับไม่ถ้วนจับตามองมาที่ดินแดนอนารยชน

ในเมืองหลวงของจักรวรรดิยูลาน  หอประชุมตระกูลเลโอน

ว่ากันในเรื่องสถานะ  คนที่มีสถานะสูงที่สุดในตระกูลเลโอนไม่ใช่ดิลยาเลโอน  แต่เป็นดิกซี่ เลโอน!

ที่สำคัญที่สุดดิ๊กซี่จะเป็นประมุขตระกูลคนต่อไป แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า..เขาเป็นศิษย์ส่วนตัวของเสาหลักประจำจักรวรรดิยูลาน มหานักพรต  มหานักพรตเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ทรงพลังที่สุดในสังคมมนุษย์  ในใจของกลุ่มผู้คนนับไม่ถ้วนบางทีจะมีแต่เทพสงครามเท่านั้นซึ่งเทียบเท่ากับมหานักพรต

ยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างน่าประหลาดถือครองพลังของเทพก่อนที่ปฏิทินยูลานจะเริ่มนับเสียอีก  ผู้คนส่วนใหญ่มากมายที่มหานักพรตยอมรับเป็นศิษย์ส่วนตัวมักจะกลายเป็นเซียนจอมเวทได้เสมอ!

ศิษย์ส่วนตัวของมหานักพรตจะต้องมีอนาคตเป็นเซียนจอมเวท! และเป็นเซียนจอมเวทสองสายธาตุเท่านั้น

ดิลยาเลโอนขมวดคิ้วขณะยื่นจดหมายเชิญให้ดิ๊กซี่บุตรชายของเขา

หลังของเขาตั้งตรงและผมทองของเขาเหยียดยาวสลวย  เขายังคงมีกลิ่นอายเย็นชาและซ่อนความสำเร็จไว้ในแขนเสื้อ  นี่คือสิ่งที่เขาเป็นมา  อย่างไรก็ตามดิ๊กซี่หลังจากอ่านจดหมายแล้วรอยยิ้มที่ยากจะได้เห็นปรากฏที่ริมฝีปากเขา “ลินลี่ย์ไม่ทำให้น้องสาวข้าผิดหวังแม้แต่น้อย”

“ดิ๊กซี่ เจ้าคิดว่าเราควรจะทำอย่างไร?” ดิลยา เลโอนถาม

ดิ๊กซี่ชำเลืองมองบิดาของเขาจากนั้นขมวดคิ้ว “ท่านหมายความว่ายังไง เราควรจะทำยังไง? น้องสาวข้าในที่สุดแล้วก็จะได้มีความสุขจากสิ่งที่นางตามหามานานเกินกว่าสิบปี  แน่นอนว่าเราก็ต้องฉลองกันอยู่แล้ว”

ดิลยาเลโอนและภรรยาลังเลเล็กน้อย

“ท่านพ่อ, ท่านแม่  ข้ารู้ว่าท่านทั้งสองวางแผนอะไรไว้”  ดิ๊กซี่พูดอย่างสงบ “พวกท่านต้องเปิดวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลเกินกว่าข้อจำกัดโลกๆ ผู้ควบคุมโชคชะตาของทวีปยูลานที่แท้จริงก็ยังเป็นคนอย่างเทพสงคราม,มหานักพรตและเซียนอีกมากมาย”

ดิ๊กซี่ต้องยอมรับว่าบิดามารดาของเขาวิสัยทัศน์ค่อนข้างคับแคบ

“ดิ๊กซี่ลูกรัก!  ไม่ว่าลินลี่ย์จะทรงอำนาจมากมายขนาดไหน เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะมีอิทธิพลต่อจักรวรรดิยูลาน?”  ดิลยาถอนหายใจ “ที่สำคัญรากเหง้าของตระกูลเราอยู่ที่จักรวรรดิยูลาน”

ดิ๊กซี่ชำเลืองมองบิดาของเขา  “ท่านพ่อ,ข้าขอบอกอะไรบางอย่างให้ท่านทราบ ท่านประเมินลินลี่ย์ต่ำเกินไปแล้ว”

“โอว? แล้วยังไงล่ะ?”  ดิลยา เลโอนประหลาดใจเล็กน้อย

ดิ๊กซี่พูดอย่างจริงจัง  “ความจริง ครั้งนี้ก่อนที่ข้าจะกลับมา อาจารย์ได้มอบหมายคำสั่งข้า”

“อาจารย์? อ่า!!!ท่านมหานักพรต!!” ตาของดิลยา เลโอนโตทันที สวรรค์โปรด, คนธรรมดาอย่างพวกเขาอาจไม่เคยได้พบมหานักพรตมาตลอดชีวิต  แต่ตอนนี้ท่านมหานักพรตกลับมอบหมายคำสั่งให้บุตรชายของเขาเป็นการส่วนตัว

ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกเป็นเกียรติรุ่งเรืองเกินจะเปรียบ

“มหานักพรตสั่งข้าและสหายร่วมสำนักอีกสองคนให้ไปยังแดนอนารยชนเป็นตัวแทนท่านร่วมแสดงความยินดีกับลินลี่ย์”  ดิ๊กซี่พูดอย่างจริงจัง

ดิ๊กซี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมคนระดับมหานักพรตถึงต้องแสดงไมตรีกับลินลี่ย์?  โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ดิ๊กซี่รู้ว่า...เทพสงครามและมหานักพรตอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกัน ลินลี่ย์มีสัมพันธ์ที่ดีกับเทพสงคราม พูดกันตามหลักเหตุผล มหานักพรตก็ควรจะไม่มีสัมพันธ์ที่ดีกับลินลี่ย์นัก

แต่ดูเหมือนว่า...

มหานักพรตกลับแสดงความปรารถนาเป็นมิตรกับลินลี่ย์

“แม่น้ำแห่งทวีปยูลานลึกเกินจะหยั่งได้จริงๆ” ดิ๊กซี่ถอนหายใจกับตัวเอง

ณเมืองหลวงจักรวรรดิยูลาน  ตระกูลวอลช์

“ใต้เท้า, นี่คือจดหมายเชิญจากท่านลินลี่ย์แห่งแดนอนารยชน”  พ่อบ้านส่งจดหมายให้จอร์จด้วยความเคารพ เมื่อเวลานี้จอร์จได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประมุขตระกูลวอลช์แล้ว

จอร์จรับจดหมายมาดู

“ฮ่าฮ่า..น้องสาม, น้องสาม,ข้าไม่คาดเลยว่าเจ้าจะมาลงเอยกับเดเลีย” จอร์จหัวเราะลั่นขณะอ่านจดหมาย

“โลกเล่นตลกกับพวกเราจริงๆ” จอร์จยังคงจำได้เมื่อตอนทีพวกเขาเข้าศึกษาในสถานบันเอินส์ครั้งแรก  เดเลียมักจะแอบมองดูลินลี่ย์บ่อยๆ แต่เมื่อจอร์จเห็นอลิซและลินลี่ย์เริ่มคบหากัน  เขาคิดว่าลินลี่ย์กับเดเลียคงจะไม่มีวันเข้ากันได้

คาดไม่ถึงเลยว่าในที่สุดแล้วหลังจากสิบปีผ่านไปวงโคจรก็กลับมาบรรจบกันอีกครั้ง

ลินลี่ย์กับเดเลียได้อยู่ด้วยกัน

ผู้นำองค์กรทั้งหมดในทวีปยูลานซึ่งมีความสัมพันธ์กับลินลี่ย์หรือผู้มีอิทธิพลอำนาจล้วนได้รับจดหมายเชิญทั้งหมด  ที่สำคัญไม่ใช่แค่พิธีอภิเษกสมรสเท่านั้น  แต่เป็นการสถาปนาราชอาณาจักรอีกด้วยจึงต้องเชิญผู้นำองค์กรต่างๆ ด้วยเช่นกัน

ตั้งแต่ลินลี่ย์เข้ามาในเมืองแบล็คเดิร์ทเมืองแบล็คเดิร์ทก็เริ่มมีการก่อสร้างมากมาย ตอนนี้ เมืองแบล็คเดิร์ทแม้จะมีพื้นที่เล็กน้อยแต่ก็รุ่งเรืองมั่งคั่งมาก แม้แต่พื้นที่นอกเมืองแบล็คเดิร์ทก็เริ่มขยายขนาดการก่อสร้างออกไปด้วย

ลินลี่ย์เชื้อเชิญแขกเหรื่อมากมาย ในบรรดาคนเหล่านั้นกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงเมืองแบล็คเดิร์ทก็คือวอร์ตัน,นีน่า, ลุงฮิลแมนและปู่แอชลี่ย์

จวนเจ้าเมืองบรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี

“พี่ใหญ่, นีน่ากับข้าตัดสินใจแล้วว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะไม่ไปไหนแล้ว เราจะพักอยู่ที่นี่ในที่ของท่านนี่แหละ” วอร์ตันหัวเราะลั่น  “พี่ใหญ่ท่านทำงานอย่างหนักสร้างดินแดนอาณาจักรของตนเองได้  จะให้เราใช้ชีวิตหรูหราสะดวกสบายอยู่ในเมืองหลวงได้ยังไง?  เรารู้สึกอายถ้าจะทำอย่างนั้น!”

ลินลี่ย์แอบปลื้มใจ

ความจริงเขาไม่ค่อยมีเวลาจัดการราชอาณาจักร  เวลาส่วนใหญ่นี้เขาใช้กับการฝึกฝน

“วอร์ตัน, ข้ารอให้เจ้าพูดคำนี้มานานแล้ว”  ลินลี่ย์หัวเราะ

ลินลี่ย์มองดูท้องของนีน่าทันที  จากนั้นมองวอร์ตันอย่างสงสัย  “วอร์ตัน,ดูเหมือนท้องของนีน่าจะโตขึ้นเล็กน้อย หรือว่าจะ..”

นีน่าและวอร์ตันมองหน้ากัน,จากนั้นเริ่มหัวเราะ ลุงฮิลแมนที่อยู่ใกล้ๆ ก็เริ่มหัวเราะเช่นกัน  “ลินลี่ย์,ความจริงเจ้าก็เป็นยอดฝีมือระดับเซียนแล้ว ความรู้ของเจ้าน่าทึ่งมากจริงๆ ใช่แล้ว องค์หญิงนีน่าตั้งครรภ์แล้ว  ลินลี่ย์เรื่องแบบนี้เจ้ายังล้าหลังอยู่เล็กน้อย  ในอนาคตเจ้ากับเดเลียต้องขยันกันอย่างหนักแล้ว”

ลินลี่ย์กับเดเลียมองหน้ากันไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“น้องนีน่า เจ้าได้ตั้งชื่อลูกไว้หรือยัง?”  เดเลียถาม

นีน่าพยักหน้า  “ข้าตั้งชื่อไว้แล้วไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือหญิง เราจะตั้งชื่อเขาว่าซีน่า”

“ซีน่า” ลินลี่ย์มองดูหน้าน้องชาย  “ชื่อนี้มีความหมายพิเศษอะไรไหม?”  วอร์ตันเริ่มหัวเราะลั่นทันที  และมองหน้านีน่าอย่างรู้กัน  จากนั้นพูดเป็นนัยกับลินลี่ย์  “นี่เป็นความลับระหว่างข้ากับนีน่า  ข้าบอกท่านไม่ได้”

ลินลี่ย์เอามือกุมศีรษะ  “อะไรนะ? นี่มีความลับกับข้าที่เป็นพี่ชายเจ้าอีกหรือ?”

ทุกคนในห้องโถงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี  พอถึงกลางครันลินลี่ย์ฉุดดึงวอร์ตันไปเดินใกล้ๆสวนดอกไม้ และสองพี่น้องเดินคุยกันส่วนตัว

“พี่ใหญ่, มีอะไร?”  วอร์ตันรอจนพวกเขาเข้าไปในในสวนก่อน แล้วจึงถาม

ลินลี่ย์มองหน้าน้องชายของเขา  เขาถามหยั่งเชิง  “วอร์ตัน ข้ามักจะหวังว่าเจ้าจะตัดสินใจมาที่นี่และอยู่กับข้า  ตอนนี้เจ้าก็มาที่นี่แล้ว  ข้ามีความสุขจริงๆ  แต่.. ในใจของนีน่า  นางจะมีความสุขจริงๆ หรือเปล่า? อย่าบังคับให้นางต้องทำอะไรที่นางไม่ต้องการทำดีกว่า”

วอร์ตันพยักหน้า  “พี่ใหญ่, นีน่าพูดกับข้าไว้นานแล้วนางตัดสินใจมาพร้อมกับข้า  และในอนาคตเมื่อนางมีเวลาว่างนางจะกลับไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว

“นั่นเป็นวิธีที่ข้าเห็นด้วย”

ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองวอร์ตัน  “วอร์ตัน!  หลังจากราชอาณาจักรบาลุคก่อตั้งแล้วและข้ากับเดเลียแต่งงานกัน  ข้าตั้งใจจะราชาภิเษกให้เจ้าเป็นราชาของราชอาณาจักรบาลุค”  ลินลี่ย์บอกน้องชายของเขาล่วงหน้า  เพื่อให้เขาเตรียมตัวเตรียมใจก่อน

วอร์ตันตกใจ  “พระราชา?”

“ข้าตั้งชื่อราชอาณาจักรว่าบาลุคไปแล้ว เป็นธรรมดาผู้ปกครองก็ต้องตกทอดโดยตระกูลบาลุค”  ลินลี่ย์ตัดสินใจเช่นนี้มานานแล้ว

วอร์ตันไม่ปฏิเสธ  “ก็ได้ อย่างนั้นปัจจุบันนี้ข้าเป็นเพียงนักรบระดับแปด สักยี่สิบหรือสามสิบปีก่อนจะบรรลุเป็นระดับเซียนร่างมนุษย์  เมื่อถึงระดับนั้นข้าจะตกทอดบัลลังก์ให้ลูกชายข้าหรือบางทีอาจเป็นลูกชายของพี่ใหญ่ก็ได้” ลินลี่ย์เข้าใจสิ่งที่วอร์ตันคิด วอร์ตันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนมากมายแม้แต่น้อย

แต่การฝึกฝนเพื่อเข้าใจกฎธรรมชาติเป็นเรื่องจำเป็นที่คนเราจะต้องเข้าถึงความรู้สึกธรรมชาติอย่างกลมเกลียว  และรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวต่างๆในสาระสำคัญของแก่นธาตุ  กล่าวโดยทั่วไปจอมเวทจะมีความสัมพันธ์ธาตุในระดับสูง  แต่ในระดับเท่ากันกลับไม่ใช่สำหรับนักรบ  ความสัมพันธ์ธาตุของนักรบไม่ใช่ระดับสูง

ในเหตุผลเดียวกันสำหรับวอร์ตันในตอนนี้ เขาแทบจะไม่รู้สึกถึงธรรมชาติได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเขาในการรู้แจ้งกฎธรรมชาติ

แต่เมื่อถึงระดับเซียน  สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไป

เมื่อถึงระดับเซียน นักสู้จะมีระดับความสามารถที่ยิ่งใหญ่ที่จะรู้สึกถึงธาตุรอบๆ ตัว  เซียนสามารถรู้สึกถึงธาตุต่างๆ โดยรอบได้และเพิ่มระดับการรู้แจ้งได้เร็ว  นี่เป็นเหตุผลเดียวที่จำเป็นต้องฝึกฝนหนักเพื่อให้ก้าวหน้าจากนักรบระดับเก้าไปเป็นระดับเซียน เพียงแต่มีนักรบระดับเก้าจำนวนน้อยที่มีความสัมพันธ์ธาตุระดับสูง

อย่างไรก็ตามสุดยอดนักรบไม่จำเป็นต้องมีระดับความเข้าใจแต่อย่างใด  ตราบเท่าที่พวกเขาสามารถฝึกปราณยุทธของพวกเขาจนถึงระดับที่แน่นอนแล้วพวกเขาจะเข้าถึงระดับเซียน

หลังจากใช้เวลาสามวันในเมืองแบล็คเดิร์ท ลินลี่ย์กับเดเลียก็ออกจากเมืองและกลับไปที่ภูเขาแบล็คคราเวนและเริ่มชีวิตการฝึกฝนอย่างสงบสุข สำหรับบีบี เมื่อใดก็ตามที่เขาเบื่อ บีบีกับแฮรุจะพากันเข้าไปในไพรทมิฬเพื่อล่าอสูรเวทอื่น

…..

ในท้องฟ้าสีครามมีแสงสีดำเข้มและสีขาวเดินทางด้วยความเร็วสูงราวกับประกายไฟแสงนั้นมีจุดหมายอยู่ที่เมืองแบล็คเดิร์ทในแดนอนารยชน

สายแสงเงาดำนั้นก็คือโอเซนโน

วันนี้โอเซนโนแต่งชุดยาวดำขลิบด้ายสีทอง ผมสีม่วงของเขาโบกสะบัดอยู่ในสายลม  ที่ด้านข้างเขาเป็นบุรุษวัยกลางคนอยู่ในชุดหลวมยาวสีขาว  บุรุษวัยกลางคนมีร่างกายแข็งแกร่งสูงถึง 2.5เมตรอย่างน่าประหลาด

สูงถึง2.5 เมตรแทบไม่ปรากฏมาก่อนในร่างมนุษย์

ชุดยาวสีขาวของเขาโบกสะบัดอยู่ในสายลม  และผมเขียวสั้นตั้งตรงเหมือนกับลวด  หน้าของเขาเหมือนกับสลักขึ้นจากหิน  แต่มีผนึกเลือนรางอยู่ใจกลางหน้าผากของเขาผนึกของเพลิงสีขาว ร่างของเขามีกลิ่นอายที่สั่นสะท้านหัวใจ

ท่านผู้นี้คือผู้บัญชาการของหน่วยเซลล็อท  เลห์แมน

ทั้งสองบินเคียงคู่กัน ขณะที่โอเซนโนอธิบายเกี่ยวกับกลยุทธ์ต่อสู้และความสามารถของลินลี่ย์กับบีบีให้เลห์แมนฟัง  “ทั้งหมดเป็นอย่างนี้  เลห์แมน ตอนนี้เจ้าคงจะรู้สึกถึงสถานการณ์เป็นอย่างดี ใช่ไหม? เจ้ามั่นใจมากขนาดไหน?”

เลห์แมนมองดูเขา  ตาของเขาเป็นประกายวูบวาบ  เสียงทุ้มลึกก้องกังวานดังมาจากอก  “โอเซนโน,บุรุษนั่นและอสูรเวทนั้นมีพลังด้อยกว่าเจ้า แต่เจ้าก็ยังพ่ายแพ้พวกเขา อย่างไรก็ตาม นั่นไม่น่าแปลกใจ  เป้าหมายโจมตีเดี่ยวของเจ้าไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น แต่เจ้ายังต้องพึ่งพาความมหัศจรรย์ของวิชาเงามายาของเจ้า  สำหรับข้าแล้ว.. ข้าสามารถฆ่าทั้งสองได้ด้วยตัวข้าเอง”

โอเซนโนเข้าใจเช่นกัน พลังโจมตีเป้าหมายเดี่ยวของเขานั้นค่อนข้างอ่อนแอ

แต่สำหรับเลห์แมน  กลับตรงกันข้าม  เขาถนัดในการใช้พลังโจมตีเป้าหมายเดียว

“เมืองแบล็คเดิร์ทอยู่ข้างหน้า”  โอเซนโนชี้ไปที่เมืองข้างล่างพวกเขา  “ต่อไปก็เป็นภูเขาแบล็คคราเวน

เลห์แมนเพ่งสายตามองดูข้างล่างภูเขาแบล็คคราเวน

ทันใดนั้นทั้งสองคนพุ่งลงไปที่ภูเขาแบล็คคราเวน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด