ตอนที่ 10-19 ราชอาณาจักร
ลินลี่ย์รู้สึกได้ชัดเมื่อเขาโอบกอดอลิซไว้ในวงแขนเมื่อตอนที่พวกเขาอายุยังน้อย เขารู้สึกมีความสุข แต่ตอนนี้เมื่อเขาโอบกอดเดเลียในวงแขนลินลี่ย์รู้สึกว่าในส่วนลึกของจิตใจของเขานั้นพึงพอใจ อิ่มเอมใจ
นี่...คือความสุขที่แท้จริง!
น้ำแข็งที่เคลือบหุ้มหัวใจลินลี่ย์หลอมละลายไปอย่างสิ้นเชิง
หน้าของเดเลียเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางไม่เคยมีความสุขมากมายมาก่อน
“ลินลี่ย์, ข้ามีความสุขมาก” เดเลียกระซิบอย่างแผ่วเบาในอ้อมแขนของลินลี่ย์
“ข้าเองก็เหมือนกัน” ลินลี่ย์ลูบผมหอมของเดเลียอย่างแผ่วเบาและสัมผัสไหล่ที่เพรียวบางของนาง
เดเลียแอบอิงกับอกของลินลี่ย์อย่างเชื่องเชื่อ นางพึมพำ “ลินลี่ย์, ข้ารู้สึกเหมือนกับเป็นความฝัน... บอกข้าที...นี่เป็นความจริงหรือเปล่า?” สตรีที่ดื้อรั้นซึ่งทำให้แม้แต่จักรพรรดิยังรู้สึกหงุดหงิดบัดนี้กลายเป็นเด็กที่ว่าง่าย
“จริงสิ, จริงแน่นอน” ลินลี่ย์รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากกายของเดเลีย และความรู้สึกอบอุ่นอยากปกป้องผุดขึ้นมาในใจของเขา
เดเลียเงยหน้านางและมองลินลี่ย์อย่างลังเล “ลินลี่ย์!ถ้าสักวันหนึ่งอลิซมาหาเจ้า เจ้าจะทำยังไง?” เดเลียกลัวจริงๆ กลัวว่าจะมีคนอื่นพรากลินลี่ย์ไปจากนาง
“อลิซ?”
มือของลินลี่ย์ชะงักค้าง แต่จากนั้นเขาลูบผมเดเลียต่อไป เขาพูดอย่างสบายใจ “ความรักระหว่างเราทั้งสองคนจบไปนานแล้ว ข้าไม่ได้รู้สึกรักหรือเกลียดนาง ที่สำคัญ..นางเลือกคนที่นางชอบไปแล้ว...” ลินลี่ย์ลูบหน้าเดเลียและหัวเราะ “เดเลีย, อย่าคิดมากเกินไป ข้าจะไม่พรากจากเจ้า ถ้าข้าทอดทิ้งเจ้า..อย่างนั้นข้าคงเป็นคนโง่ที่สุดอย่างแท้จริง”
“เดเลีย, ข้าเป็นคนโง่ที่สุดหรือเปล่า?” ลินลี่ย์มองเดเลีย
เดเลียหัวเราะและหัวเราะอย่างมีความสุข
“เจ้าเป็นอัจฉริยะ เจ้าเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทวีปยูลาน” เดเลียพึมพำในลำคอ
เมื่อเห็นริมฝีปากของเดเลียอวบอิ่มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ลินลี่ย์มีแรงกระตุ้นในใจ..ไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย ลินลี่ย์ก้มหน้าประทับจุมพิตที่ริมฝีปากนาง ดูเหมือนเดเลียสะท้านเหมือนฟ้าผ่าและร่างของนางสั่น แต่จากนั้นนางก็ดื่มด่ำกับจุมพิตนั้น....
นี่เป็นจูบครั้งที่สองของลินลี่ย์และเดเลีย
ครั้งแรกในราตรีเมืองอู่ซัน
หลังจากนั้นพวกเขาพลัดพรากกันอย่างยาวนาน
เดเลียไม่พูดอะไรแค่อยู่ในอ้อมอกลินลี่ย์ แววอุธัจเอียงอายปรากฏบนใบหน้าของนาง สำหรับลินลี่ย์แล้ว เดเลียหลงใหลเต็มที่
“อ๊าย.. ข้าไม่เห็นอะไรเลยนะ, ข้าไม่เห็นอะไรจริงๆไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!!!” จู่ๆบีบีก็โผล่ออกมาจากใต้น้ำในทะเลสาบ
ลินลี่ย์กับเดเลียตกใจทั้งคู่
บีบีอยู่ในกลางอากาศหัวเราะอย่างไม่เกรงใจ“อือ.. ขอโทษทีพี่ใหญ่, ขอโทษทีพี่สะใภ้ เชิญต่อไปได้เลย”
“พี่สะใภ้?” ลินลี่ย์และเดเลียอดหัวเราะไม่ได้
“อ้อ..เจ้าแอบดูอยู่ตลอดเวลาสินะ บีบี,บอกมา..จะให้ข้าลงโทษยังไง?” ลินลี่ย์คาดว่าบีบีคงแอบดูอยู่ตลอดเวลา บีบีใช้วิชาร่างเงาและซ่อนตัวอยู่ในเงาทะเลสาบ
ลินลี่ย์หาบีบีไม่พบแม้จะใช้พลังจิตของเขาหาก็ตามดังนั้นเขาจึงไม่ได้สังเกตเห็นเป็นธรรมดา
“ลงโทษข้า?” บีบีไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ “โอว,ลงโทษข้าด้วยการหาหนูสาวๆ ที่แข็งแกร่งพอๆ กับข้าสักหนึ่งนางก็ได้ ข้าเองก็เปล่าเปลี่ยวเดียวดายมานานแล้ว”บีบีทำท่าทางน่าสงสาร
ลินลี่ย์กับเดเลียอดหัวเราะไม่ได้
“โชคร้ายจริง ที่ข้าเป็นหนูอัจฉริยะหายาก พันปีจึงจะมีสักครั้ง” บีบีถอนหายใจ “พี่ใหญ่, พี่สะใภ้.. พวกท่านจะแต่งงานกับเมื่อใด? ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว”
“แต่งงาน?”
ลินลี่ย์มองดูเดเลีย ถึงเวลาที่ต้องคุยเรื่องนี้กันอย่างจริงจังแล้ว
….
จวนเจ้าเมืองแบล็คเดิร์ท
เมื่อบาร์เกอร์และคนอื่นๆเห็นลินลี่ย์กับเดเลียเดินจูงมือมาพร้อมกันด้วยอาการสนิทสนมเช่นนั้นทุกคนพากันตะลึง ซาสเลอร์รู้สึกตัวก่อนเป็นคนแรกและจงใจพูดเสียงดัง “ใต้เท้าลินลี่ย์,เกิดอะไรขึ้นระหว่างท่านกับแม่หญิงเดเลีย?”
เพราะสถานะของลินลี่ย์ เมื่อพวกเขาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแม้แต่ซาสเลอร์ก็ยังเรียกลินลี่ย์ว่า ใต้เท้า
“เดเลียกับข้าจะแต่งงานกัน” ลินลี่ย์ยิ้ม
ข่าวนี้ส่งผลเหมือนกับใช้คาถาต้องห้ามทุกคนส่งเสียงฮือฮาทันที
“โฮว.. ! แต่งงานกัน?” เกทส์เป็นคนแรกที่ตะโกน
“หวา..!แม่หญิงเดเลีย, ท่านกับใต้เท้าลินลี่ย์กำลังจะแต่งงานกันหรือนี่? เยี่ยมไปเลย!” รีเบ็คกากระโดดโลดเต้นดีใจ ทั่วทั้งหอประชุมตกในบรรยากาศตื่นเต้นยินดี มีอยู่เพียงคนเดียวที่ได้แต่ฝืนยิ้ม เจนน์ในช่วงไม่กี่วันมานี้เจนน์หมกมุ่นอยู่กับกิจการจัดตั้งแคว้น
นางคาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับข่าวเช่นนี้อย่างกะทันหัน
แต่แน่นอน..เจนน์คาดไว้นานแล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง
ไม่มีอะไรที่ลินลี่ย์ปิดบังเดเลียได้ และนางรู้ประวัติระหว่างเจนน์และลินลี่ย์ดี เดเลียยิ้มและเดินเข้ามาหาเจนน์จากนั้นจับมือเจนน์ด้วยตนเองอย่างเป็นกันเอง “เมื่อลินลี่ย์กับข้าแต่งงานกัน เจ้าช่วยเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ข้าได้ไหม?”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเดเลีย เจนน์พยักหน้า
เดเลียฉุดดึงเจนน์เข้ามานั่งข้างตัวอย่างเป็นมิตรทันทีและเริ่มต้นสนทนากับนาง
ลินลี่ย์เดินเข้ามาหาบาร์เกอร์,ซาสเลอร์และคนอื่นๆ “เดเลียกับข้าตัดสินใจร่วมกันแล้ว เราจะเป็นเจ้าภาพจัดพิธีแต่งงานกันโดยตรง วันแต่งงานจะเป็นอีกสามเดือนจากนี้ไป วันที่ 2กรกฎาคม” ลินลี่ย์หัวเราะขณะมองดูบาร์เกอร์ “บาร์เกอร์! ข้าคิดว่า... ข้าคิดว่าในอีกสามเดือนคงจะเป็นเรื่องดีถ้าเราสามารถยึดแคว้นข้างเคียงและก่อตั้งราชอาณาจักรก่อนจะถึงกำหนดสามเดือน ท่านสามารถทำเช่นนี้ได้ไหม?”
ลินลี่ย์ต้องการให้งานแต่งงานของเขากับเดเลียเป็นกิจกรรมที่ตื่นเต้น
แต่สามเดือนนี้ ในเงื่อนไขของลินลี่ย์ ดูเหมือนจะค่อนข้างสั้น
“สามเดือน? ไม่จำเป็นเลย” บาร์เกอร์มั่นใจมาก “เดือนเดียวก็พอ”
“เดือนเดียว?” ลินลี่ย์งง “มันคงยากที่จะจัดระเบียบและฝึกฝนกองทัพในหนึ่งเดือนได้และเราต้องปฏิรูปแว่นแคว้นที่พิชิตได้ด้วย นั่นค่อนข้างจะลำบาก เจ้าจะยึดภายในเดือนเดียวได้ยังไง?”
เกทส์หัวเราะลั่น “ใต้เท้า มีบางเรื่องที่ท่านยังไม่รู้ได้โปรดดูผ่านตาเสียก่อน” เกทส์เดินไปที่แผนที่ทหารที่แขวนไว้ที่ผนัง “ใต้เท้าลองดูการจัดการกองกำลังในปัจจุบันในดินแดนอนารยชนสิ แคว้นเกินกว่ายี่สิบแคว้นนี้เป็นของศาสนจักรเจิดจรัสทั้งหมด ขณะที่แคว้นเหล่านี้เป็นของลัทธิเงา แต่แคว้นเหล่านี้ยังไม่มีประกาศเป็นทางการ”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
การกระจายอำนาจนี้ค่อนข้างแปลก
ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาทั้งสองควบคุมในพื้นที่ส่วนกลางของแดนอนารยชน รวมทั้งในส่วนใต้ด้วย พวกเขาครอบครองแดนอนารยชนไปมากกว่าครึ่ง มีแต่เพียงพื้นที่ด้านเหนือเกือบทั้งหมดที่ติดกับไพรทมิฬที่ไม่ประกาศตัวอย่างเป็นทางการ
ดินแดนอนารยชนมีรูปเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถ้าท่านแบ่งออกเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กัน ตำแหน่งด้านเหนือจะเป็นตำแหน่งที่ติดกับไพรทมิฬมากที่สุด
ทั้งศาสนจักรเจิดจรัสและทั้งลัทธิเงาล้วนไม่ต้องการพื้นที่นั้น!
“ใต้เท้า,แคว้นบาลุคของเราตั้งอยู่ติดกับไพรทมิฬ” บาร์เกอร์อธิบาย
“โอว..ในอดีตข้าไม่เคยให้ความสนใจเรื่องนี้เลย” ลินลี่ย์จ้องมองแผนที่ทหารอย่างระมัดระวัง “ลัทธิเงาและศาสนจักรเจิดจรัสได้พื้นที่ดินแดนอนารยชนไปเกินกว่าครึ่ง แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่ต้องการดินแดนด้านทิศเหนือซึ่งตั้งอยู่ติดกับไพรทมิฬ?”
ที่สำคัญแคว้นบาลุคก่อตั้งติดกับด้านเหนือ
“ใต้เท้าลินลี่ย์” ซาสเลอร์เดินเข้ามาหาพลางหัวเราะ “นี่คือสาเหตุที่เราบอกว่าเราสามารถรวบรวมดินแดนได้ในช่วงเวลาสั้นๆ”
“โอ๋ว?”ลินลี่ย์มองดูซาสเลอร์ด้วยแววตาสงสัย “เป็นเพราะไม่ได้อยู่ในฝ่ายไหน จึงทำให้ผนวกดินแดนได้ง่าย?”
ซาสเลอร์อธิบายพลางหัวเราะ “ข้าไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น ข้าหมายถึง นอกจากแคว้นของเราเองแล้วส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ติดกับไพรทมิฬยินจะสวามิภักดิ์ต่อเราโดยตรง”
“มากกว่าครึ่งจะยอมสวามิภักดิ์ต่อเรา?” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ “หรือว่าพวกนั้นรู้สึกถูกกดดันจากพลังอำนาจของเรา?”
ซาสเลอร์อธิบาย “ใต้เท้าลินลี่ย์ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าทุกๆ สองสามทศวรรษจะมีคลื่นอสูรเวทออกมาจากไพรทมิฬ? คลื่นอสูรเวทชุดแรกจะโจมตีชายแดนแคว้นที่อยู่ติดกับไพรทมิฬ ดังนั้นการสู้รบรุนแรงก็จะเกิดขึ้นกับแว่นแคว้นเหล่านี้ด้วยเช่นกัน”
ลินลี่ย์เข้าใจทันที
“พวกท่านคุยกับผู้ครองแคว้นเหล่านี้แล้วใช่ไหม?”
“ถูกแล้วแคว้นเหล่านี้เป็นแคว้นยากจนที่สุดในแดนอนารยชน และเป็นพวกที่น่าสงสารที่สุดเช่นกัน” ซาสเลอร์ถอนหายใจ “ศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาทั้งสองก็ยังไม่สนใจจะรวบรวมแคว้นเหล่านี้ เพราะ.. การต่อต้านคลื่นอสูรเวทต้องใช้จ่ายเป็นเงินทองไปจำนวนมาก เกินกว่าที่แคว้นเหล่านี้จะสร้างขึ้นมาได้”
ตอนนี้ลินลี่ย์เข้าใจเต็มที่
นี่คือดินแดนแร้นแค้นยากจน!
การรวบรวมดินแดนเหล่านี้ก็หมายความว่าจะต้องพยายามต่อสู้กับอสูรเวทในไพรทมิฬมากมายนับไม่ถ้วน ลินลี่ย์สามารถจินตนาการได้ถึงการต่อสู้ที่โหดร้ายอันตรายเพียงไหนมีแนวโน้มว่าคนเกินล้านคงตายไป หรืออาจมากกว่า
“ลินลี่ย์, บรรดาเจ็ดแคว้นนี้มีอยู่ไม่กี่แคว้นเท่านั้นที่ไม่ต้องการสวามิภักดิ์ ส่วนที่เหลือลึกๆแล้วพวกเขาต้องการฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง และท่าน..ใต้เท้า..ก็คือเซียนคนหนึ่งจะเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งทรงอำนาจอย่างแท้จริง” ซาสเลอร์หัวเราะ “ไม่ใช่แค่พวกเขาหรอกแม้แต่ประชาชนทั่วไปก็ยังต้องการให้ท่านเป็นผู้นำผนวกรวมพวกเขา พวกเขาก็จะรู้สึกปลอดภัยขึ้น”
บาร์เกอร์หัวเราะ “และใต้เท้า แม้แต่ตอนนี้ก็มีอย่างน้อยสามแคว้นดินแดนส่งคนมาเจรจาเงื่อนไขในการสวามิภักดิ์ เพียงแต่เพราะอาณาเขตของพวกเขาไม่ได้ติดต่อกับพวกเรา เราจึงต้องยึดดินแดนแคว้นตะวันออกของพวกเขาก่อน”
ลินลี่ย์พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น อย่างก็ต้องทำให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้”
เกทส์ตบอกและคุยฟุ้งทันที “ใต้เท้า! หนึ่งเดือนจากนี้ไปหนึ่งในสี่ดินแดนอนารยชนจะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของท่าน แน่นอน... นี่คงจะเป็นหนึ่งในสี่ของดินแดนอนารยชนที่ยากจนที่สุดอีกด้วย แต่ในเวลาเดียวกันก็จะเป็นหนึ่งในสี่ดินแดนที่มีการสู้ดุเดือดที่สุด”
ลินลี่ย์พยักหน้า “ซาสเลอร์.. ขอให้ท่านช่วยจัดการด้วย ส่งจดหมายเชิญงานแต่งงานให้คนเหล่านี้ด้วย ข้าจะส่งรายชื่อไปให้ท่านหลังจากนี้
“ได้เลย, ใต้เท้าลินลี่ย์” ซาสเลอร์รู้และจากนั้นค่อยหัวเราะ “อย่างนั้นท่านตั้งใจจะประกาศข่าวการแต่งงานของท่านเลยใช่ไหม?”
ลินลี่ย์มองดูเดเลียและเจนน์ที่ด้านข้างกำลังนั่งคุยกันอย่างมีความสุข ลินลี่ย์ตั้งใจว่าไม่ว่ายังไงเขาจะต้องทำให้เดเลียมีความสุข
“ป่าวประกาศออกไป! ข้าต้องการให้วันสถานปนาราชอาณาจักรบาลุคเป็นวันอภิเษกสมรสของข้า!” ลินลี่ย์พูดอย่างกล้าหาญ
เป็นที่ชัดเจนแล้วนี่ก็หมายความว่าจากนี้ไปอีกหนึ่งเดือน พวกเขาจะผนวกดินแดนหนึ่งในสี่ของแดนอนารยชนในนามพวกเขา ขณะที่สามเดือนจากนี้ไป...ราชอาณาจักรบาลุคจะถูกก่อตั้งพร้อมกับจัดงานอภิเษกสมรส จากมุมมองในเรื่องดินแดนการควบคุมแดนอนารยชนได้ถึงหนึ่งในสี่ก็หมายความว่าควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่
ขนาดของดินแดนนั้นมีขนาดใหญ่มากกว่าราชอาณาจักรเฟนไลเดิม
จำนวนประชากรเพียงอย่างเดียวมีประมาณร้อยล้าน
….
เกาะโดดเดี่ยวในมหาสมุทรแห่งหนึ่ง พื้นที่ศูนย์กลางของศาสนจักรเจิดจรัส –เกาะศักดิ์สิทธิ์ เพิ่งจะได้รับข่าวจากแดนอนารยชน
บนชั้นที่เก้าของวิหารเจิดจรัส ไฮเดนส์กำลังอ่านหนังสือ
“เมื่อลินลี่ย์และอสูรเวทของเขาผสานพลังกัน พวกเขาสามารถบีบบังคับโอเซนโนจนต้องถอยหนีหรือ?” ไฮเดนส์จ้องมองจดหมายรู้สึกเหมือนกับเป็นไข้หนัก พลังของโอเซนโนไม่มีอะไรต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชาร่างมายาของเขาซึ่งทำให้เขาแยกร่างได้สี่ร่างมีพลังน่ากลัวเหลือเชื่อ
แม้แต่เฮนด์เซนบางทีอาจต้องบาดเจ็บหนักและถูกโอเซนโนฆ่าตายได้
ที่สำคัญเป็นเรื่องยากมากหากต้องการจะขัดขวางป้องกันวิชาเงามายา
“โอเซนโนพูดความจริง” ไฮเดนส์รู้สึกจิตใจเครียด “ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป อย่างนั้น...”
ศาสนจักรเจิดจรัสไม่กลัวลินลี่ย์
แต่ลินลี่ย์ไม่ใช่มีตามลำพัง เขามีอสูรเวทที่ลึกลับคล้ายกับเทพเจ้าบีบี นอกจากนี้ยังมีนักรบอมตะถึงห้าคน...และน้องชายของเขา”
“ในอนาคต เมื่อลินลี่ย์เข้าถึงระดับเซียนในในร่างมนุษย์ได้และห้าพี่น้องเข้าถึงระดับเซียนในร่างมนุษย์....นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะมีสุดยอดนักรบระดับสูงเจ็ดคน ถ้าเจ้าเพิ่มอสูรเวทประเภทหนูนั่นอีกด้วยซึ่งไม่ด้อยไปกว่าสุดยอดนักรบเลย...ก็หมายความว่าพวกเขาจะมีรวมแปดนักรบ
สุดยอดนักรบแต่ละคนสามารถอธิบายด้วยคำว่าเซียนที่ทรงพลังที่สุด
เจ็ดสุดยอดนักรบและอสูรเวทบีบี ถ้าพวกเขาโจมตีเกาะศักดิ์สิทธิ์รวมกัน...ไฮเดนส์นึกจินตนาการภาพ ศาสนจักรเจิดจรัสจะตกอยู่ในวังวนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด และในที่สุด อาจต้องพบกับหายนะ
“ยอมรับไม่ได้ ลินลี่ย์ต้องตาย”
ไฮเดนส์หันไปมองคาร์ดินัลกิลเยโม เขาสั่งการ “กิลเยโม ไปเชิญผู้บัญชาการเลห์แมนมาเร็วเข้า!”
“ผู้บัญชาการเลห์แมน?” กิลเยโมตกใจ
ในศาสนจักรเจิดจรัสคนที่ทรงพลังมากที่สุดก็คือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ไฮเดนส์ คนที่ลึกลับน่ากลัวที่สุดก็คือโอเซนโน คนที่ได้รับการสรรเสริญและเคารพยกย่องที่สุดก็คือมหาโยคีใบไม้ร่วง แต่คนที่สร้างเรื่องสยดสยองได้มากที่สุดก็คือผู้บัญชาการแห่งซีลล็อท – เลห์แมน!
ซีลล็อททุกคนจะมีพลังเฉพาะตัว
“เจ้าจะลังเลอยู่ทำไม? ไปเร็วเข้า” ไฮเดนส์ตำหนิ
ไฮเดนส์ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป เขาต้องส่งบุรุษผู้มีพลังไม่ต่ำทรามกว่าโอเซนโนไป ผู้บัญชาการเลห์แมน ถ้าทั้งสองคนร่วมพลังกัน...อย่างนั้นคงเป็นเรื่องแปลกแน่ถ้าพวกเขายังเอาชนะลินลี่ย์ไม่ได้!