Ep.503 - บอสฮังมาแล้ว!
2/2
Ep.503 - บอสฮังมาแล้ว!
สถานการณ์รบพลิกผันไปมา
และมันไม่ใช่สิ่งที่ใครสามารถคาดเดาได้
รอบแรกกองทัพสันเขามังกรได้เปรียบภายใต้การนำของสองแม่ทัพมังกร
รอบสองหลังจากเผ่ามนุษย์เข้าร่วมสงคราม เปิดฉากตอบโต้กลับ และถึงขั้นสังการแม่ทัพมังกรพายุลงได้สำเร็จ
แต่เมื่อกองทัพของอีกฝ่ายถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ซึ่งเป็นจังหวะที่แคว้นเดียวดายคิดว่าพวกตนได้รับชัยชนะแล้ว
ราชามังกรกลับปรากฏตัวในสนามรบโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆล่วงหน้า
พลังรบของมันไม่เพียงทำให้ทหารทุกคนในสนามรบตื่นตกใจ แต่ยังทำให้ทุกคนที่รับชมการถ่ายทอดสดรู้สึกหนาวสั่นจากก้นบึ้งของหัวใจ
ผู้คนที่เดิมเตรียมเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะอันยิ่งใหญ่อีกครั้งของแคว้นเดียวดาย พวกเขาไม่ทันได้มีเวลาโห่ร้องยินดีเกินสามนาที ก็ต้องพบกับความจริงอันนองเลือด
พิธีกรและผู้บรรยายข่าวสด 《ข่าวด่วนโลกวิญญาณ》แต่ละคนกัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ เหม่อมองไปยังภาพแห่งการทำลายล้าง กระทั่งเสียงยังตะกุกตะกัก
“ราชามังกรเข้าร่วมการต่อสู้!”
“พลังรบของมันแข็งแกร่งเกินไป”
“การบุกของกองทัพแคว้นเดียวดายหยุดชะงักลงอย่างสิ้นเชิง”
“...”
“ราชามังกรคลั่งเข้าสังหารใจกลางกองทัพแคว้นเดียวดาย พลรบบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก อาศัยพลังจากคัมภีร์และโพชั่นมนตราไม่เพียงพออีกต่อไป”
“แนวป้องกันทั้งหมดพังทลาย”
“การล่มสลายของเมืองพายุระห่ำใกล้เข้ามาแล้ว!”
“...”
ทั่วโลกเฝ้าดูสงครามอย่างเงียบกริบ พวกเขากระจ่างแก่ใจแล้ว เมื่อการต่อสู้มาถึงจุดนี้ เกรงว่าทุกอย่างคงถูกตัดสินเป็นที่เรียบร้อย
ไม่มีทางที่แคว้นเดียวดายจะสามารถเปลี่ยนกระแสสงครามได้!
พ่ายแพ้!
ขาดทุนย่อยยับ!
ไม่นึกเลยว่าแคว้นเดียวดายที่แก่กล้าที่สุดในเผ่ามนุษย์ ก็ยังไม่รอดจากการปิดล้อมของชาวพื้นเมือง
เวลานี้ทั้งผู้นำจีน หรือประธานาธิบดีที่นั่งอยู่ในทำเนียบขาว แม้แต่ผู้นำของประเทศอื่นๆ ต่างเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
กระทั่งกองกำลังบางส่วนที่เกลียดชังฮังอวี่ และอยากให้มังกรครามล่มสลาย ขณะนี้ก็ยังรู้สึกเศร้ากับการล้มตายของพวกเขา
เมื่อเผ่ามนุษย์ถูกกำหนดให้เข้าสู่โลกวิญญาณ พวกเขาได้ถูกชะตาลิขิตให้พบกับอุปสรรคและอันตรายมากมาย!
ต่อหน้าชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในโลกวิญญาณมานานนม เผ่ามนุษย์ดูเล็กจ้อยและไร้กำลัง แม้อัตราการพัฒนาของพวกเราจะเร็วมาก ก็ยังไม่อาจข้ามช่องว่างความห่างชั้นในระยะเวลาอันสั้น
ความพ่ายแพ้กำลังจะเกิดขึ้นกับแคว้นเดียวดาย
ชาวพื้นเมืองอาจสามารถพ่ายแพ้ได้นับครั้งไม่ถ้วน
แต่สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากพวกเขาพ่ายแพ้แค่ครั้งเดียว อาจสูญเสียทุกอย่าง!
ภายใต้สภาพแวดล้อมและการแข่งขันอันยากลำบากเช่นนี้ ต่อให้มังกรครามที่นำโดยบอสฮังแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะแพ้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับเวลา
แต่ระหว่างนี้ มีหลายคนเกิดความสงสัย
หนึ่งในนั้นคือไป๋เสวียนแห่งสกายเน็ต เธอร่ำไห้ด้วยดวงตาแดงก่ำ “บอสฮังอยู่ที่ไหน? ทำไมบอสฮังไม่อยู่ในสนามรบ! ถ้าเขาอยู่จะต้องไม่เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน!”
ระดับสูงของสกายเน็ตคนอื่นๆมองหน้ากัน
ฝางจิงซานถอนหายใจและกล่าวว่า “ในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้ฮังอวี่อยู่ ฉันก็ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
หัวหน้าทีมสกายเน็ตอีกคนเอ่ยขึ้น “ใช่ พลังของราชามังกรคลั่งไม่มีใครสามารถต่อกรได้ ช่องว่างระหว่างเรากับเขาห่างชั้นกันเกินไป แม้บอสฮังจะแก่กล้า แต่ ... ก็ยังหมดหวังเมื่อสู้กับราชามังกร!”
ทุกคนต่างมีสีหน้าสลด
พวกเขารู้ดีถึงความแข็งแกร่งของฮังอวี่ แต่พลังรบของฮังอวี่มากสุดอาจทัดเทียมกับนาเซอร์
ซึ่งก่อนหน้านี้นาเซอร์เมื่อเผชิญหน้ากับราชามังกรคลั่ง เขาถูกทุบตีฝ่ายเดียวและตายลงในที่สุด
หากเป็นฮังอวี่ ผลลัพธ์เกรงว่าคงไม่ต่างกัน
ไป๋เสวียนยังคงดื้อรั้น “ไม่! บอสฮังต่างออกไป ถ้าเขาอยู่ที่นี่ สถานการณ์จะต้องไม่เป็นแบบนี้แน่นอน!”
ทุกคนไม่รู้จะปลอบเธอยังไง พวกเขารู้ว่าตั้งแต่ภารกิจคุ้มกันนักโทษของไป๋เสวียนเมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังจากได้เจอกับบอสฮัง เธอก็กลายเป็นแฟนตัวยงของเขา
ด้วยความเลื่อมใสลึกถึงจิตวิญญาณ เธอย่อมตามืดบอด เชื่อมั่นในตัวเขาสุดหัวใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ข้อเท็จจริงไม่อาจเปลี่ยนแปลงด้วยความเชื่อส่วนตัว!
สงครามเมืองพายุระห่ำในครั้งนี้ แม้ทำให้กองทัพสันเขามังกรประสบความสูญเสียอย่างหนัก และสะท้อนให้เห็นถึงความแก่กล้าสามัคคีของชาวแคว้นเดียวดาย แต่แคว้นเดียวดายนั้นยากจะมีหวังพลิกกระแส
เป็นเรื่องดีแล้วที่บอสฮังไม่อยู่ที่นี่ เพราะอย่างน้อยเขาจะได้มีโอกาสหลบหนี ไม่สูญเสียร้ายแรงเหมือนคนอื่นๆ!
ความคิดนี้แพร่กระจายเข้ามาในใจของทุกคน
สิ่งเดียวที่พวกเขารู้สึกขอบคุณก็คือ อย่างน้อยก็ไม่มีภาพของบอสฮังที่ถูกบดขยี้และพ่ายแพ้ต่อหน้าทุกคนเหมือนนาเซอร์
ตำนานแห่งความไร้พ่ายยังคงถูกรักษาไว้ อย่างน้อยนั่นยังเป็นศักดิ์ศรีสุดท้ายที่มนุษย์ยังสามารถปกป้อง
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป!
มังกรทองยังคงอาละวาดและสร้างความหายนะ!
ด้วยพลังรบเพียงลำพังของราชามังกรคลั่ง มันสามารถทำลายค่ายกลของแคว้นเดียวดายได้อย่างหมดจด
สปิตซ์สามารถนำกองทัพเข้าบุกทะลวงกำแพงเมืองสำเร็จแล้ว
พริบตาเดียว
จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายพุ่งกระฉูด
กองทัพแคว้นเดียวดายเสียหายไปกว่าครึ่ง!
แม้ยังมีคนอีกมากที่ยังคงต่อสู้ แต่ท่ามกลางความโกลาหลของสนามรบที่ลุกเป็นไฟและเกิดการระเบิดไปทั่ว ทุกคนหลงทิศ ไม่รู้จะทำยังไงอย่างสิ้นเชิง สับสนไม่อาจแยกแยะเหนือใต้ออกตก จมอยู่กับความอลหม่าน
แม่ทัพมังกรตระหนักได้ทันที ว่าเมืองพายุระห่ำแตกแล้ว
แม้เผ่ามนุษย์ยังมีเมืองฟ้าเดียวดาย เมืองธารทะเลทราย หรือเมืองอื่นๆ สุดท้ายก็ยื้อไว้ไม่ได้อยู่ดี
กองทัพสันเขามังกรจะยึดเมืองได้ช้าสุดในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง
จากนั้นจะใช้เมืองพายุระห่ำเป็นฐาน ส่งกองทัพสันเขามังกรเข้าโจมตีเมืองหลักของแคว้นเดียวดายตามลำดับ
ล้างบางแคว้นเดียวดายให้หมดจดภายในสิบวัน
รักษาอำนาจของราชามังกรให้คงอยู่สืบไป
อย่างไรก็ตาม
ระหว่างที่กองทัพสันเขามังกรรู้สึกว่าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม
เบื้องบนสนามรบที่เต็มไปด้วยเมฆครึ้มและควันไฟ
จู่ๆก็มีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น บินเข้ามาด้วยความเร็ว ส่งเสียงดังมาแต่ไกล
“นั่นอะไร!?”
ราชามังกรคลั่งเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีทองตั้งตรง หดลีบลงอย่างเลี่ยงไม่ได้
เบื้องหน้ามันคือเมืองลอยฟ้า แม้ขนาดเล็กว่าเมืองพายุระห่ำเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าใหญ่มาก สามารถรองรับคนได้เป็นหมื่นอย่างไม่มีปัญหาใดๆ
รอบเมืองเต็มไปด้วยกำแพงสูง และภายในกำแพงคืออาคารที่ประกอบไปด้วยปิระมิดดำสนิท ให้ความรู้สึกเหมือนป้อมปราการสงคราม
เมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยชั้นแสงของเขตแดน
ทุกคนตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่อย่างกะทันหันนี้
ทันใดนั้นเจียงหนานก็เห็นอะไรบางอย่าง ใจเธอที่แต่เดิมมอดไหม้เป็นขี้เถ้ากระตุกวูบ ผุดลุกขึ้นจากพื้น ตะโกนโห่ร้อง “อ๊าาาา! มหาเทพ! พี่มหาเทพมาแล้ว!”
ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง ฉินมู่ และคนอื่นๆที่ยังรอดชีวิต ทุกคนก็เห็นเช่นกัน
ว่าบนกำแพงเมืองลอยฟ้า มีร่างมนุษย์ที่ไม่สูงนักกำลังยืนอยู่
“บอสฮัง!”
“เป็นบอสฮัง!”
ฝูงชนตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
ร่างนี้ไม่สูงใหญ่อะไร ทว่าราวกับมีเวทมนตร์บางอย่าง เพียงเขาปรากฏตัวขึ้นในสนามรบ ขวัญกำลังใจที่จมลงสู่ก้นบึ้งจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ในครั้งเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะ
เขาคือตำนานของเผ่ามนุษย์!
ตำนานของแคว้นเดียวดาย!
ชายที่เป็นผู้นำพาชัยชนะครั้งแล้วครั้งเล่ามาได้อย่างน่าอัศจรรย์!
เขาได้กลายเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของเผ่ามนุษย์ทุกคนในสนามรบตั้งนานแล้ว
“กองทัพสันเขามังกรมาเร็วกว่าที่คิด”
“พวกเราช้าไปก้าวหนึ่ง”
“ไม่นึกว่าจะถูกยำเละขนาดนี้”
ฮังอวี่ยืนอยู่บนเมืองหนามทมิฬ มองเห็นสนามรบอันยุ่งเหยิง
เมืองพายุระห่ำในศึกนี้ ถูกทำลายเกือบหมดแล้ว สูญเสียความสามารถในการสร้างแนวป้องกันตะวันตก ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาจำนวนมากในการซ่อมแซม
สถานการณ์เลวร้ายที่สุดได้เกิดขึ้น
เป็นเวลายาวนานอย่างน้อยหกสิบปีแล้วที่ราชามังกรคลั่งไม่ลงมือด้วยตัวเอง
แต่คราวนี้มันตัดสินใจก้าวสู่สนามรบ ทว่าน่าเสียดาย ที่พวกฮังอวี่มาถึงก่อนจะยึดเมืองพายุระห่ำได้สำเร็จ
ฮังอวี่ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยเมืองหนามทมิฬ เพื่อกลับมาช่วยเหลือคนอื่นๆ
และเบื้องหลังเขา
ไม่เพียงมีผู้ปกทักษ์เมืองหนามทมิฬที่นำโดยคูเวตัน แต่ยังมีพลรบเมืองหนามทมิฬระดับหัวกะทิอีกกว่า 9,000 นาย
และระหว่างทางลอยผ่านแคว้นทะเลตะวันตก ฮังอวี่ได้ช่วยเหลือเผ่ามนุษย์กว่า 4,000 คน ที่นำโดยเฉินหยู
กล่าวคือ
ฮังอวี่นำทัพเสริมมาหมื่นกว่านาย!
แน่นอน เมื่อเทียบกับทัพเสริมนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือเมืองหนามทมิฬ!
มันคือป้อมปราการอากาศที่ทรงพลัง!
เป็นอาวุธสงครามลอยฟ้า!