Ep..502 - แกร่งจนน่าสิ้นหวัง
1/2
Ep..502 - แกร่งจนน่าสิ้นหวัง
สถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่ฮังอวี่กลัวได้เกิดขึ้น
สันเขามังกรไม่เพียงส่งสองแม่ทัพมังกรออกศึกในแนวหน้าเท่านั้น
แต่กระทั่งราชามังกรคลั่งยังนำทัพด้วยตัวเอง
เพียงแต่กองทัพของเฮสการ์ออกมาทีหลัง ดังนั้นทัพของสองแม่ทัพกับราชามังกรจึงอยู่ห่างกัน
กองทัพของสองแม่ทัพบุกแคว้นเดียวดายก่อน ทำลายดินแดนเล็กๆ แปดแห่งติดต่อกัน
ซึ่งอันที่จริงพวกมันก็กำลังรอกองทัพของราชามังกรอยู่เช่นกัน
แผนเดิมคือราชามังกรจะใช้ประโยชน์จากการต่อสู้อันดุเดือดในพื้นที่เมืองพายุระห่ำ นำทัพด้วยตัวเองเลี่ยงแนวป้องกันทางตะวันตกของแคว้นเดียวดาย ลอบไปโจมตีเมืองฟ้าเดียวดายซึ่งเป็นแกนกลางของแคว้น และทำลายล้างในคราเดียว
กองทัพของราชามังกรไม่ใหญ่นัก มีกำลังทหารแค่ 10,000 นาย น้อยกว่าทัพหน้าเยอะ แต่เป็นหน่วยที่ราชามังกรนำทัพด้วยตัวเอง ดังนั้นหากเข้าตีเมืองฟ้าเดียวดาย ยังไงก็สำเร็จ
ซึ่งถ้าแม่ทัพมังกรทั้งสองตีเมืองพายุระห่ำได้เช่นกัน
นั่นจะเท่ากับว่าประตูเข้าแคว้นทางตะวันตกเปิดโล่ง ขณะเดียวกันแกนกลางถูกยึดครอง
จากนั้นกองทัพสันเขามังกรก็จะกระจายกำลังได้อย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่ราชามังกรคลั่งไม่คาดคิดก็คือ การต่อสู้ฝั่งเมืองพายุระห่ำมีปัญหาเยอะกว่าที่คาด เมื่อราชามังกรสัมผัสได้ถึงความตายของบารุตในสนารบ สุดท้ายนั่งไม่ติด เปิดใช้งานประตูมิติ จ่ายพลังจิตจำนวนมหาศาล เดินทางข้ามระยะทางเกือบ 100 ไมล์ ปรากฏตัวในสนามรบทันที
ต้องบอกเลยว่า
แม้ว่าราชามังกรจะเป็นผู้ปกครองอาณาจักรนี้โดยชอบธรรม แต่มันก็ไม่ได้เย่อหยิ่งจนดวงตามืดบอดเพียงเพราะอยู่ในตำแหน่งมานาน
ระหว่างนั่งบัลลังก์ มันไม่เคยลดการป้องกันลง ยังคงฉลาดแกมโกงและรอบคอบ
นี่คือสาเหตุที่เมื่อมันทราบว่ามีการก่อจลาจลในแคว้นเดียวดาย จึงออกปราบกบฏด้วยตัวเอง
ไม่คิดประมาทเลิ่นเล่อ ตอบสนองแบบไม่ให้อีกฝ่ายทันตั้งตัว ส่งกองทัพปราบกบฏที่แก่กล้าที่สุดออกไป
ในอดีตที่ผ่านมา ครั้งหนึ่งเคยเกิดการก่อกบกฏขึ้นเช่นกัน ซึ่งครั้งนั้นอาศัยแค่พลังรบของหนึ่งในสามแม่ทัพมังกรก็เพียงพอแล้ว ทว่าเฮสการ์ก็ยังออกหน้าด้วยตัวเอง
และในครั้งนี้ก็เหมือนกัน เฮสการ์ลงมือด้วยตัวเอง มันตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์อยู่เสมอ และที่มันรีบลงมือในครั้งนี้เพราะได้ข่าวจากมนุษย์
กลุ่มราชวงศ์สวรรค์ได้รายงานแก่มังกรคลั่ง เล่าให้เฮสการ์ฟังถึงข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพลังของมนุษย์ ทำให้มันตระหนักถึงความซับซ้อนและศักยภาพของเผ่าพันธุ์ใหม่นี้
แม้ปัจจุบันมนุษย์ยังคงอ่อนแอ แต่ก็ต้องบดขยี้ไม่ให้หลงเหลือ!
เพราะเมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์เติบโตขึ้น ถึงเวลานั้นทุกอย่างจะสายเกินไป!
นาเซอร์ตอบสนองเร็วมาก มือขวากำอากาศที่ว่างเปล่า ขวานสลายอากาศหวนคืนสู่มือเขา
“ผ่าชูร่า!”
คมขวานที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังงานสีแดงม่วงอันทรงพลังสับออกไป อากาศถูกกรีดเป็นรอยแยกมิติตามทาง โถมเข้าหาศัตรูเบื้องหน้าผู้ซึ่งทำให้อาณาจักรมังกรโลกาต้องสั่นสะเทือน
ปั๊ก!
นาเซอร์สัมผัสได้ถึงคลื่นแรงต้านสวนกลับมาหาเขา
เมื่อเห็นเหตุการณ์ชัดเจน เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ม่านตาสีทองเข้มของราชามังกรเต็มไปด้วยความดูแคลนและเย้ยหยัน มันเพียงยกมือซ้ายขึ้นข้างเดียว แล้วใช้ห้านิ้วบีบ ก็สามารถหยุดคมขวานได้อย่างไม่ยากเย็น
ขวานสลายอากาศคืออาวุธที่มีคุณสมบัติมิติ ทว่าเวลานี้มันกลับไม่อาจทำลายมือของราชามังกรได้
นั่นก็เพราะมือซ้ายของราชามังกรสวมถุงมือที่ไม่ธรรมดา มันเป็นอาวุธมือเดียวประเภทถุงมือโลหะ อีกทั้งยังเรืองรองไปด้วยพลังงานวิญญาณสีม่วง คุณภาพและเลเวลสูงมาก
กระนั้นเจ้าสิ่งนี้ก็ยังไม่ใช่เกราะป้องกันอยู่ดี! แต่กลับสามารถทานรับการโจมตีอันรุนแรงได้ ..!
ราชามังกรหยุดการโจมตีของนาเซอร์ สะบัดขวานออกไป
การเคลื่อนไหวนี้ มีเพียงส่วนแขนที่ขยับวูบ ส่วนอื่นนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อนใดๆ
มองไปคล้ายปัดแมลงวัน ท่าทีเต็มไปด้วยทัศนคติที่ดูถูก
ชวนให้ดูมองรู้สึกหวาดกลัวและสั่นสะท้านจากก้นบึ้งของหัวใจ
ดูเหมือนพลังรบของผู้ครองแคว้นนาเซอร์กับราชามังกรยังห่างชั้นกันมาก
และนาเซอร์พลาดโอกาสโจมตีที่ดีที่สุดไปแล้ว
เขาชักขวานกลับ จากนั้นเปิดใช้สกิลโจมตีอีกครั้ง ขวานสลายอากาศแยกเป็นหลายทิศทาง ฟันใส่ราชามังกรคลั่ง
อย่างไรก็ตาม
การโจมตีทั้งหมดนี้ คมขวานไม่อาจสัมผัสเข้าถึงตัวราชามังกรได้ด้วยซ้ำ
เนื่องจากราชามังกรได้ปลดปล่อยสกิลป้องกันบางอย่างออกมา ทุกครั้งที่คมขวานเกือบเข้าถึงตัว มันจะถูกขวางไว้ด้วยม่านแสงที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามฟุต และม่านแสงเหล่านี้มีความแข็งแรงมาก ต่อให้ถูกตีหลายครั้งติดต่อกัน สีก็จางลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“มดปลวกน่าขัน!”
ราชามังกรสบถสี่คำอย่างไม่ร้อนอกร้อนใจ จากนั้นยกมือออกไป ชี้หนึ่งนิ้วไปที่นาเซอร์
พริบตานั้นทั้งตนทั้งร่างของนาเซอร์แข็งค้าง สูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ และถึงขั้นหมดสติ มันราวกับถูกจับโยนเข้าไปในพื้นที่สุญญากาศไร้แรงโน้มถ่วง
ที่เฮสการ์ทำคือการโจมตีทางจิต!
และเป็นการโจมตีที่ใช้มากกว่าหนึ่งสกิล นี่คือเทคนิคของผู้ใช้วิญญาณ!
และตัดสินจากอานุภาพของมันแล้ว สมควรเป็นสกิลขั้น 4!
ช่วงเวลาที่ราชามังกรเข้าควบคุมนาเซอร์ มือซ้ายของมันกำหมัดแน่น กำปั้นลุกโชนด้วยเพลิงแค้นและปราณสงคราม
และพริบตาต่อมา หมัดซ้ายซัดออกด้วยความไวทะลุความเร็วเสียง ชกเปรี้ยงมายังศีรษะนาเซอร์
อย่างไรก็ตาม นาเซอร์เป็นถึงผู้ครองแคว้น เขาไม่มีทางยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ
ในช่วงเวลาสำคัญ นาเซอร์สลัดการควบคุมส่วนหนึ่งออกไป ปลดปล่อยปราณสงคราม ปัดเป่าสถานะอัมพาตบนตัว
อย่างไรก็ตาม ปราณสงครามไม่อาจปัดเป่าการโจมตีอันรุนแรงของราชามังกรได้ เพราะมันรุนแรงเกินไป!
ท่ามกลางช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อ
โล่ในมือซ้ายเขายกขึ้นปิดกั้น
โล่คุณภาพสีม่วงแตกเป็นเสี่ยงๆ ถูกกลืนกินด้วยปราณสงครามและเพลิงแค้นจากกำปั้น
นาเซอร์ถูกชกอัดพื้น กระเด็นไถไปตามพื้นก่อนหยุดลงในตำแหน่งที่ห่างออกไปสองร้อยเมตร และจุดที่หยุดลงพื้นดินยุบตัวลงเป็นหลุมกว้างรัศมีกว่า 10 เมตร ระเบิดคลื่นกระแทกดังสนั่น ทหารที่อยู่รอบๆล้มคว่ำ
กระบวนการต่อสู้ระหว่างทั้งสองสั้นมาก แต่ทุกคนสามารถเห็นได้ ว่านาเซอร์ไม่อาจรับกระบวนท่าของราชามังกรได้เกินสองกระบวนท่า
พลังรบของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันเกินไป ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลย
ในสายตาของผู้คนในแคว้นเดียวดาย ผู้ครองแคว้นคือตัวตนที่เกือบอยู่ยงคงกระพัน
ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับราชามังกรผู้ไร้เทียมทานแห่งอาณาจักรมังกรโลกา นาเซอร์ไม่ต่างอะไรจากกระสอบทรายที่ถูกแขวนแล้วใช้เป็นเครื่องซ้อมมือ!
เจียงหนานเห็นสถานการณ์นี้ รีบตะโกนอย่างเร็ว “ทีมรักษา! ไปช่วยเขา!”
ระหว่างกล่าว เธอก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
หวังในใจว่าตัวเองจะไปฟื้นพลังให้นาเซอร์ที่บาดเจ็บ
มือขวาของราชามังกรคลั่งยกไข่มุกสีม่วงขึ้น
ช่วงเวลาที่นาเซอร์ล้มลงกับพื้น คาถาขนาดใหญ่หลายคาถาถูกปลดปล่อยออกมา
ธารน้ำแข็งมาเยือน!
ภายใต้สกิลขั้น 4 ที่มีรัศมีเป็นวงกว้าง สมุนทหารหลายสิบนาย และพลรบหลายตนของเมืองฟ้าเดียวดายที่พยายามเข้ามาช่วยนาเซอร์ล้วนถูกแช่กลายเป็นประติมากรรม ณ จุดนั้น
ต่อมา
อุกกาบาตไฟร่วงหล่นจากท้องฟ้า
หลอมละลายประติมากรรมน้ำแข็งรอบๆ พร้อมทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีออกไป
นี่คือคาถาอุกกาบาตปฐพีในขั้น 4
เจียงหนานไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้ โดนคลื่นกระแทกซัดปลิว ร่วงลงกับพื้นอย่างแรง หัวเธอแตกและใบหน้าเปื้อนไปด้วยฝุ่น เหม่อมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ซึ่งมันยังไม่จบลงเพียงเท่านี้!
เพลิงหายนะนิจนิรันดร์!
ห้วงแสงสายฟ้าฟาด!
สนามพลังพายุอนันต์!
คาถาขั้น 4 อันทรงพลังสามอย่างถูกปลดปล่อยออกมาติดต่อกัน
และทั้งหมดโถมทับลงมายังตำแหน่งของนาเซอร์ ขณะที่เวลานี้นาเซอร์ไม่มีกระทั่งเรี่ยวแรงจะพลิกตัวลุกขึ้น
ก่อนจะถูกครอบงำด้วยอานุภาพมนตร์คาถา เขาร้องคำราม
“เฮสการ์!!!!!”
นาเซอร์แหกปากร้องอย่างไม่ยินยอม
สุดท้ายจมอยู่ใต้อำนาจอันน่าสะพรึง ถูกระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก มากเสียจนทุกคนตกตะลึง
สถานการณ์ก่อนหน้านี้ยังดีอยู่เลย แต่เพราะการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของราชามังกร มันกระทบขวัญกำลังใจของทุกคนอย่างหนัก
“เจ้าหมอนี่ ...”
“มันฆ่านาเซอร์!”
“ทำไมมันถึงแกร่งได้ขนาดนี้ แล้วตกลงมันเป็นนักรบหรือนักเวทย์กันแน่?”
ผู้คนต่างตื่นตระหนก พลังรบของราชามังกร ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนสามารถเข้าใจได้
ชายผู้นี้มีทั้งความสามารถในการโจมตีระยะประชิดอันยอดเยี่ยม และยังมีความสามารถทางมนตร์คาถาอันรุนแรง ไหนจะสกิลสะกดจิตอีก
นี่แสดงว่าขณะเดียวกันก็ครอบครองพลังสายผู้ใช้วิญญาณด้วย นอกจากนี้มันยังมีบัฟและเติมเลือดให้กับตัวเอง!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สไตล์การต่อสู้ของราชามังกรคลั่งเป็นการผสมผสานระหว่างการต่อสู้ระยะประชิด การสนับสนุน คาถา และการรักษา!
แต่เมื่อลองนึกดูดีๆก็อาจพอเข้าใจได้
ราชามังกรมีอายุยืนยาวมานานกว่า 700 ปี เป็นระยะเวลานานมาก และนั่นมากพอที่จะทำให้มันสามารถรวบรวมสกิลจำนวนมาก และทำการฝึกฝนจนสืบทอดมรดกได้หลายรายการ สิ่งสำคัญคือระหว่างนั้นย่อมได้รับอุปกรณ์อันยอดเยี่ยมมากมาย
จริงๆแล้วอาชีพของราชามังกรคือนักรบ!
แต่ก็ไม่มีใครบอกนี่ว่านักรบจะไม่สามารถเรียนรู้สกิลสายวิญญาณ เวทย์โจมตี และเวทย์รักษาได้?
ที่ราชามังกรสามารถทำเช่นนั้นได้ เพราะมันสามารถสืบทอดมรดกขั้น 4 ในสายอาชีพอื่นได้อย่างน้อยหนึ่งรายการ หรือรวมทั้งสิ้นสามารถสืบทอดมรดกขั้น 4 ได้ 6 รายการ ครอบครองสกิลจำนวนมาก
และอุปกรณ์บนตัวทั้งหมดเป็นสีม่วง!
แต่ก็สมเหตุสมผลแล้ว เพราะหากไม่แก่กล้า คงไม่มีทางเป็นผู้ปกครองอาณาจักรมังกรโลกาอันป่าเถื่อนและโหดร้ายได้!
เสียงเย็นชาของราชามังกรดั่งทั่วสนามรบ “โจมตีเมือง!”
“ฆ่า ฆ่า ฆ่า!”
“คนทรยศทั้งหมดจะต้องตาย!”
“เพื่อศักดิ์ศรีของราชามังกรคลั่ง!”
สปิตซ์คำราม มันยกอาวุธขึ้น นำทัพพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง
แม่ทัพมังกรรู้สึกเบิกบานใจเป็นอย่างยิ่ง
ราชามังกรผู้ไร้เทียมทานก้าวสู่สนามรบด้วยตัวเองแล้ว
แสดงว่าอีกไม่นานกำลังเสริมก็จะมาถึง
แล้วศึกครั้งนี้ยังเหลือโอกาสที่พวกมันจะพ่ายแพ้อีกหรือ? กองทัพสันเขามังกรที่เดิมล่าถอย เวลานี้หวนกลับมาโจมตีอีกครั้ง
ขวัญกำลังใจของทั้งสองฝ่ายสับเปลี่ยนกัน
สมดุลแห่งชัยชนะเปลี่ยนไปอีกครั้ง!
ราชามังกรคลั่งกระโจนขึ้นฟ้า ปรากฏตัวเหนือเมืองพายุระห่ำ ร่างของมันที่เดิมสูงใหญ่ 3 - 4 เมตร พริบตาเดียวขยายขนาดขึ้นหลายสิบเท่า บดบังแสง ทอดเงายาวลงจากฟ้า
ร่างมังกรทองร่อนลงใจกลางกองทัพเมืองแคว้นเดียวดาย
ลมหายใจมังกรถูกพ่นออกมา มันเคลื่อนผ่านไปทางใด สมุนทหารถูกเผาไม่เหลือซาก!
หางมังกรกวาดออก ส่งสมุนทหารหลายสิบนายลอยขึ้นฟ้า
แทบไม่มีใครสามารถเข้าประชิดเพื่อโจมตีราชามังกรได้
ขณะเดียวกัน หากโจมตีระยะไกลด้วยคาถาหรือลูกศร เมื่อพวกมันเข้าใกล้มังกรยักษ์ สุดท้ายก็ถูกกั้นไว้ด้วยม่านพลังงาน
แม้จะมีบางส่วนหลุดเข้าไปได้ แต่ก็โดนที่เกล็ด ทำดาเมจได้ไม่มากนัก
พลังชีวิตและพลังป้องกันของราชามังกรสูงขึ้นมากในสถานะนี้ อีกทั้งมันยังเติมเลือดให้ตัวเองได้เรื่อยๆ
“เอาชนะไม่ได้ ...”
“พวกเราจะสู้ไอ้สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ยังไง!”
พลังรบของราชามังกรน่าตื่นตกใจมาก
ความคิดนี้จึงผุดขึ้นในใจของมนุษย์ทุกคน
แม้แต่ฉูเทียนหัว จ้าวหมิง และคนอื่นๆ ก็ยังรู้สึกแทบสิ้นหวัง
ณ เวลานี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะตัวตนระดับราชามังกร!
เกรงว่าผลลัพธ์ของสงครามไม่อาจพลิกกลับ
พยายามมานาน
เตรียมการไว้ตั้งเยอะ
--สุดท้ายก็ยังถูกลิขิตให้โดนทำลายล้างอยู่ดีกระนั้นหรือ?