ตอนที่แล้ว49
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป51

50


บทที่ 50

“ศึกราชันหน้ากาก คือการต่อสู้กันภายใต้หน้ากาก” ฮยอนอู พูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาชี้ไปที่หน้ากากที่สวมอยู่ “ทุกคนรู้ไหมว่าทำไมต้องใส่หน้ากาก !?”

-ฉันไม่รู้

-เพื่อความสนุกเหรอ !?

-เพื่อปิดบังตัวตน !?

หลังจากพูดคุยอย่างไร้จุดหมายช่วงหนึ่ง ในที่สุด ฮยอนอู ก็พบคำตอบที่เขาต้องการ “ถูกต้อง เพื่อปิดบังตัวตน นั่นคือเหตุผลที่ผมใช้มัน แล้วทำไมถึงต้องปิดบังตัวตนล่ะ !?”

-คุณช่วยอธิบายออกมาเลยไม่ได้เลย ทำไมต้องตั้งคำถาม !?

-ฉันไม่รู้ แต่ถ้าให้เดา ฉันคิดว่ามันอาจเป็นเหตุผลเดียวกับที่ทำให้ห้องนี้มีผู้ชมจำนวนมาก

-เพื่อความสนุกเหรอ !?

ฮยอนอู กวาดตามองช่องแชทอย่างต่อเนื่อง แต่ในครั้งนี้ไม่มีคำตอบที่เขาต้องการ “คราวนี้ทุกคนตอบผิด คุณจะไม่มีทางรู้ว่าใครกำลังสู้กับคุณอยู่ ลองคิดดูสิ ถ้าคุณเห็น ไมเคิล จากสหรัฐอเมริกาขึ้นมาบนเวทีเป็นคู่ต่อสู้ของคุณ คุณจะคิดยังไง !?โอ้ เขาเป็นนักรบ เขาจะต้องใช้สกิลนั้นแน่ ฉันจะตอบโต้เขากลับไปแบบนี้ ... ทุกคนคิดแบบนี้หรือเปล่า !?”

-มันก็แน่อยู่แล้ว แล้วถ้าไม่ใช่พวกแรงค์เกอร์ล่ะ !?

-ถ้าเป็นแบบนั้นภาพความทรงจำมากมายคงประดังขึ้นมาในหัวของฉันแน่

“ท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้มันจะไม่สนุกใช่ไหม !?” ฮยอนอู ถามผู้ชม

-การต่อสู้ตามปกติมันอาจจะสนุกสองสามครั้งแรก แต่หลังจากนั้น ...

-มันจะหมดความสนุกไปเรื่อย ๆ เพราะทุกช่องต่างก็นำเสนอแบบเดียวกัน

-มันไม่สนุกเลย มันไม่สนุกจริง ๆ

ผู้ชมเห็นด้วยกับคำพูดของ ฮยอนอู อย่างแข็งขัน เพียงหนึ่งหรือสองครั้งอาจจะดูด้วยความสนุกได้ แม้ว่าการต่อสู้จะยังงดงาม และน่าทึ่ง แต่มันจะน่าเบื่อในเวลาเดียวกัน การรู้จักตัวตนของคู่ต่อสู้ และสามารถจับทางกันได้อย่างถูกต้องทำให้ความต่อสู้หมดความน่าสนใจไป แล้วหากไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้คือใครล่ะ !?มันน่าจะทำให้เกิดความสนุกไปอีกแบบ และมันน่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าการดวลทั่ว ๆ ไป

“แต่ถ้าพวกคุณสวมหน้ากาก และไม่มีทางรู้ว่าคู่ต่อสู้ของคุณเป็นใคร คุณจะต้องต่อสู้กับคู่ต่อสู้ด้วยทุกอย่างที่คุณมีเพื่อให้อีกฝ่ายเผยไต๋ออกมา จากนั้นคุณถึงจะสามารถคิดหาวิธีเอาชนะอีกฝ่ายได้ นอกจากนี้มันยังมีอีกสิ่งหนึ่ง มันจะไม่สนุกเหรอหากเราได้คาดเดาว่าคนคนนั้นเป็นใคร !? ‘ลองดูคนที่สวมหน้ากากลิงคนนั้นสิ เขาจะต้องเป็นแรงค์เกอร์ที่มีชื่อเสียงแน่ แล้วหน้ากากเสือคนนั้นล่ะ เขาเป็นใคร !?’ มันน่าจะเป็นความสนุกอีกแบบนอกจากที่เราได้รับชมการต่อสู้ใช่ไหม !?”

ฮยอนอู รู้สึกตื่นเต้น เขายินดีที่ความคิดของเขาได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ชม

-ว่าแต่ นี่เป็นการที่ NIKE เตรียมไว้หรือเปล่า !?

-สมแล้วที่เป็น NIKE

-จนถึงก่อนหน้านี้ พวกเขายังเป็นเพียงหนึ่งในบริษัทชั้นนำทั่ว ๆ ไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนพวกเขาจะโดดเด่นกว่าบริษัทอื่นแล้วสิ

“ทำไมถึงยกความดีความชอบให้กับ NIKE ล่ะ !?มันเป็นความคิดของผมนะ”

-ว้าว จริงเหรอ !?

-ไม่ใช่ว่าคุณเอาแต่เล่นเกมหรอกเหรอ

-นอกจากฝีมือแล้วคุณยังมีหัวคิดดี ๆ อีกเหรอเนี่ย มันจะเพอร์เฟกต์เกินไปแล้ว

-ต้องมีพร้อมทุกด้านสิ มันถึงจะเท่ห์

ผู้ชมต่างตกใจเมื่อรู้ว่าแนวคิดที่น่าเหลือเชื่อนี้มาจาก อัลเลย์บอส มันยากที่จะยอมรับได้ว่าคนที่มีทักษะยอดเยี่ยมแบบนี้ จะยังมีความคิดที่น่าทึ่งแบบนี้ได้อีก

“มันก็ขึ้นอยู่กับทุกคนว่าจะเชื่อไหม แต่มันเป็นความคิดของผมเอง” ฮยอนอู ตอกย้ำความจริงในข้อนี้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็เริ่มอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับศึกราชันหน้ากาก “จะมีการสตรีมอีกครั้งในวันศุกร์ และทุกสัปดาห์คี่จะมีผู้เข้าแข่งขันแปดคนต่อรอบ เราจะใช้การแข่งขันแบบลีค”

ทันทีที่ ฮยอนอู พูดจบ คำถามก็ประดังเข้ามาทันที

-จะตัดสินผู้ชนะยังไง !?

-คนที่ได้อันดับหนึ่งใช่ไหม !?

-ของรางวัลคืออะไร !?

มีคำถามมากมาย และ ฮยอนอู ก็ตอบคำถามที่เขาเลือกจะตอบนั้น

“ผู้ชนะในแต่ละรอบจะเป็นราชันหน้ากากของสัปดาห์นั้น ๆ และจะได้ไปต่อสู้กับราชันหน้ากากของสัปดาห์ต่อไป !!ผมไม่รู้เรื่องรางวัล ผมไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนั้น แต่ถ้าต้องการ ผมสามารถเซ็นลายเซ็นให้ได้ หรือแม้แต่ถ่ายรูปคู่กับผมก็ได้นะ” ฮยอนอู ตอบติดตลก

-คุณต้องไต่แรงค์ไปถึงระดับโกลด์ให้ได้เป็นอย่างน้อยเพื่อจะกลายเป็นคนดัง ทำไมฉันจะต้องอยากได้ลายเซ็นของ อัลเลย์บอส !?

-นี่เขาไม่ได้มั่นหน้าเกินไปใช่ไหม !?

-มันจะเกิดอะไรขึ้นหากว่าของรางวัลคือลายเซ็นของเขาจริง ๆ!?

-พรุ่งนี้คงมีแถลงข่าวจาก NIKE ว่า ศึกราชันหน้ากาก ถูกยกเลิก ทั้งหมดเป็นเพราะ อัลเลย์บอส 555

“พวกนาย !?ผมไม่ได้เป็นคนดังเหรอ !?ผมยังไม่เป็นที่นิยมเหรอ !?ทุกคนกำลังกลั่นแกล้งผมมากกว่า”

-ใช่ เจ้าพ่อเรียกร้องความสนใจ

-ใช่ หัวหน้าจอมอวดดี

-ใช่ ราชาจอมหลงตัวเอง

ไม่ว่า ฮยอนอู จะพยายามตัดพ้อแค่ไหน ผู้ชมก็ยังคงล้อเลียนเขา

“เอาล่ะ วันนี้จบแค่นี้ เจอกันครั้งหน้า”

สตรีมของ ฮยอนอู จบลงอย่างกะทันหัน

“หึ !!เจ้าพ่อเรียกร้องความสนใจ !?หัวหน้าจอมอวดดี !?ราชาจอมหลงตัวเอง !?พวกนายนี่นะ !!”

…..

เมื่อ เอลลิส มาถึง NIKE Management ในนิวยอร์ก คนที่ออกมาต้อนรับกลับไม่ใช่ทั้ง เจมี่ หรือ เคล แต่กลับเป็นพนักงานธรรมดา

“ผู้จัดการอยู่ที่ไหนเหรอ !?” เอลลิส ถาม

“ตอนนี้หัวหน้าอยู่ในแคปซูล เขากำลังดูสตรีมอยู่ ...” พนักงานตอบคำถามของ เอลลิส

“สตรีม !?นี่ไม่ใช่เวลาที่เขานัดกับฉันไว้เหรอ !?”

“วันนี้มีประกาศเรื่องสำคัญ .. เขากำลังดูสตรีมของ อัลเลย์บอสอยู่”

“อัลเลย์บอส !?อา ... วันนี้มีประกาศเรื่องรายการใช่ไหม !?” เอลลิส เข้าใจได้ทันที เขาคงจะขลุกอยู่ในแคปซูลเหมือนกันหากไม่ใช่ว่าเขามีนัดในวันนี้ การดูสตรีมจะทำให้เช็คเสียงตอบรับจากผู้ชมได้ดีที่สุด

“เขาน่าจะใกล้ออกมาแล้ว”

ไม่นานหลังจากนั้น เจมี่ ก็จัดเสื้อผ้าของเขาขณะที่เดินเข้ามาหา เอลลิส “ผมรีบออกมาเร็วที่สุดแล้ว ผม เจมี่ มัวร์”

“ครับ ผม เอลลิส”

“โชคดีที่การสตรีมของเขาเป็นไปตามกำหนด ที่จริงผมค่อนข้างกังวลเพราะมันใช้เวลานานกว่าที่คิด ผมเกือบจะเข้าประชุมสายแล้วด้วย”

‘เขาดูเป็นคนตลกทีเดียว’ เอลลิส พอจะเข้าใจได้ทันทีว่าทำไม เจมี่ ถึงสามารถกลายเป็นซีอีโอที่รับผิดชอบต่ออนาคตของ NIKE Management ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เจมี่ เป็นคนร่าเริง มั่นใจในตัวเอง และมีความกระตือรือร้นอย่างมาก ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ เอลลิส คิดว่าการยอมรับข้อเสนอจาก NIKE เป็นทางเลือกที่ดีจริง ๆ

ไม่นาน เอลลิส ก็มาถึงห้องทำงานของ เจมี่

“เชิญนั่งครับ” เจมี่ พูดพร้อมกับผายมือ

“รายการนี้มีความสำคัญต่อ NIKE มากทีเดียว”

“โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ตั้งตารอเหมือนกัน จริงสิ !!อัลเลย์บอส เข้าร่วมในศึกราชันหน้ากากด้วยหรือเปล่าครับ !?”

“ผมเองก็อยากให้เขาเข้าร่วมการแข่งขันในสัปดาห์แรกเหมือนกัน แต่หลังจากการประชุมแล้วก็ได้ข้อสรุปว่าระดับเลเวลของเขายังต่ำไปเล็กน้อย ถ้าเขามีเลเวลอย่างน้อย 110 หรือ 120 เราอาจจะได้เห็นอะไรดี ๆ ก็ได้”

เจมี่ และ เอลลิส พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง และแน่นอนว่าหัวข้อการสนทนาของพวกเขาก็คือ ฮยอนอู หรือ อัลเลย์บอส ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของ เจมี่ ก็ดังขึ้น

“ขอโทษนะครับ ... คุณช่วยรอสักครู่ได้ไหม ผมต้องรับสายนี้”

เจมี่ ดูประหลาดใจเมื่อเห็นชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ เขาหันมาขอโทษ เอลลิส ด้วยความสุภาพก่อนจะรับสาย

“จิน เกิดอะไรขึ้น !?ศึกราชันหน้ากาก !?นั่นเป็นข้อเสนอจากคุณเหรอ !?มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับฉันน่ะสิ”

จากนั้นสีหน้าของ เจมี่ ก็แย่ลงเรื่อย ๆ

“อะไรนะ ... มันจะไม่เกิดขึ้น ตัดเรื่องไร้สาระออกไปได้เลยพี่ชาย เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง !!” เจมี่ วางสายอย่างประหม่า

“มีอะไรเกิดขึ้นเหรอครับ !?” เอลลิส ถามอย่างระมัดระวัง

“ไม่มีอะไรหรอก เพื่อนของผมขอให้ช่วยอะไรที่น่าละอายนิดหน่อย แต่ทุกอย่างปกติดี คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” เจมี่ หัวเราะแห้ง ๆ “ถ้างั้นเรามาเริ่มจากดูรอบ ๆ กันก่อน วันนี้ผมจะเป็นไกด์ให้คุณเอง”

.....

“สุดท้ายฉันก็ยังไม่ได้อาวุธ”

หลังจากแยกกับ คันคุน แล้ว ฮยอนอู ก็ยังคงล่ามอนสเตอร์อยู่ในภูเขาเยือกแข็งต่อไปเป็นเวลาหลายวัน นอกจากจ่าฝูงยักษ์น้ำแข็งที่เขาเอาชนะได้ในครั้งก่อน ฮยอนอู ยังสามารถจัดการกับจ่าฝูงโทรลล์น้ำแข็ง และหัวหน้าโกเลมน้ำแข็งได้อีกด้วย นั่นทำให้ระดับเลเวลของเขาเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับเหรียญทองมาจำนวนหนึ่ง แต่เขากลับไม่ได้รับไอเทมใด ๆ เพิ่มเติม

“บ้าเอ๊ย !!ฉันฆ่าบอสไปตั้งสามตัวแล้ว แต่กลับไม่มีอาวุธดรอปเลยสักชิ้น”

ถ้าเขามีอาวุธ ...

เขาจะสามารถใช้การเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของมันเพื่อให้กับการใช้งานได้ ตราบใดที่มันไม่ใช่ธนูของนักธนู หรือคทาของจอมเวท อย่างไรก็ตาม หลังจากการล่าอันยาวนานหลายวันเขากลับไม่เห็นแม้แต่เงาของอาวุธ สุดท้ายเขาก็ถูกบีบให้กลับออกมาจากภูเขาเยือกแข็งด้วยมือเปล่า

“ฉันควรไปที่เทือกเขาเฮจินก่อนกลับไปส่งเควสที่ป่าดำ”

“นายท่าน ท่านกำลังจะไปที่ภูเขาใช่ไหม !?นั่นเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว !!”

ตุ้บ ตุ้บ !!!!

ทังอี ใช้อุ้งเท้าตีศีรษะของ ฮยอนอู สองสามครั้งอย่างตื่นเต้น แตกต่างจาก ฮยอนอู ที่ยังหาอาวุธไม่ได้ ตอนนี้ ทังอี รู้สึกมีความสุขอย่างมาก หลังจากทะเลทราย และภูเขาเยือกแข็ง ในที่สุดเขาก็จะได้ไปยังภูเขาเขียวชอุ่มที่เขาชื่นชอบ ทังอี แทบจะมีน้ำลายไหลเยิ้มออกมาจากมุมปากขณะที่เขาจินตนาการถึงผลไม้ที่หอมหวานในป่า

.....

[เผ่าทั่งแดง ]

[ค้นหาเผ่าทั่งแดงที่ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งในเทือกเขาเฮจิน แล้วไปพบกับ ค้นทองคำ ]

[ระดับ : B]

[เงื่อนไข : พบกับ ค้อนทองคำ 0/1 ]

[รางวัล : อาวุธจากฝีมือของ ค้อนทองคำ ]

“เลเวลของฉันสูงขึ้นแล้ว แต่ ...”

เขาไม่มีอาวุธ ดังนั้น เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น แต่เดิมแล้ว ฮยอนอู คิดว่าเขาจะมายังเทือกเขาเฮจินก็ต่อเมื่อมีเลเวลถึง 120 อีกนัยหนึ่งก็คือ เขาจะไปตามหาเผ่าทั่งแดงหลังจากนี้อีกหนึ่งหรือสองเดือน รางวัลจากภารกิจคืออาวุธที่ ค้อนทองคำ ตีขึ้นด้วยตัวเอง ดังนั้น เขาจึงต้องใช้โอกาสนี้ในการรับอาวุธที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม เขาโชคร้ายที่ต้องมาที่นี่ก่อนกำหนด

‘หรือฉันควรลงทุนซื้ออาวุธใหม่ดี !?’

ฮยอนอู ส่ายศีรษะให้กับความคิดนี้

“ไม่ !!ฉันยังต้องใช้หนี้ นอกจากนี้มันไม่ใช่ชุด แต่เป็นอาวุธ”

เมื่อพิจารณาจากยอดเงินในธนาคาร และจำนวนเหรียญทองที่เขามีอยู่นั้น ฮยอนอู สามารถซื้ออาวุธระดับยูนีคที่เหมาะกับระดับเลเวลของเขาได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ฮยอนอู เป็นคนหัวแข็ง ตั้งแต่อดีตที่เขาได้เล่นอารีน่านั้น เขาไม่เคยใช้เงินไปกับการซื้ออาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่ว่าจะเป็นเงินจริง หรือเหรียญทองในเกมก็ตาม เขาจะใช้เงินไปกับการซื้ออุปกรณ์ป้องกัน หรือเครื่องประดับเท่านั้น เขาจะใช้อาวุธที่ได้รับมาเองจากในเกมเท่านั้น

นี่คือคติประจำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ ฮยอนอู และตอนนี้ดูเหมือนเขาจะดำเนินชีวิตในอารีน่าตามคติประจำใจของเขา

“ถ้าฉันได้อาวุธใหม่มา ฉันคงไม่ต้องเปลี่ยนอาวุธไปอีกสักพักล่ะนะ”

.....

สัญชาตญาณในการเป็นผู้เล่นมืออาชีพนับสิบปีที่ผ่านมายังคงใช้ได้เสมอ เผ่าทั่งแดงจะต้องอยู่ใกล้ ๆ แน่นอน

“อยู่ที่ไหนเนี่ย !?”

ทว่าดูเหมือนสัญชาตญาณนี้จะสลายไปนานแล้ว เขาเดินไปทั่วเทือกเขาเฮจินมานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว ในปัจจุบันเทือกเขาเฮจินเป็นพื้นที่ล่าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ที่นี่มีทั้งคนจากกิลด์ใหญ่ หรือแม้แต่ผู้เล่นมืออาชีพ ฮยอนอู ทำได้เพียงแค่ฝันว่าเขาจะสามารถล่ามอนสเตอร์ที่นี่ได้ เพราะแทบจะทันทีที่มีมอนสเตอร์เกิดใหม่ ผู้เล่นจะรีบกรูกันเข้าไปจัดการมันทันที มันคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับ ฮยอนอู หากเขาเผลอไปยั่วยุคนเหล่านั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

‘น่าเสียดายที่ฉันไม่มีกิลด์ ไม่งั้นฉันคงไม่ต้องกังวลกับอะไรแบบนั้น’

ฮยอนอู มีความมั่นใจว่าเขาสามารถเอาชนะผู้เล่นหนึ่งหรือสองคนพร้อมกันได้ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นที่ออกล่าในเทือกเขาเฮจินมักจะตั้งทีมตั้งแต่หกคนไปจนถึงยี่สิบคน เป็นไปไม่ได้เลยที่ ฮยอนอู จะสามารถเอาชนะคนจำนวนมากขนาดนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว

นอกจากนี้ เขายังไม่สามารถเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาเฮจินได้ เพราะเขาอาจจะตายก่อนได้ทันเห็นหนูหรือนกสักตัวแน่นอน ในส่วนลึกของเทือกเขาเฮจินเป็นที่อยู่อาศัยของมอนสเตอร์ที่มีเลเวล 200-300 อาศัยอยู่

“อยู่ไหนเนี่ยลุงงงง .... !!” ฮยอนอู ตะโกนขึ้นไปในอากาศ

.....

สถานการณ์เลวร้ายมักจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว การเผชิญหน้ากับศัตรูบนสะพานเป็นสถานการณ์ที่พบเห็นได้มากที่สุด เทียนหู่ กำลังเดินอยู่ในเทือกเขาเฮจิน “ริน มีใครในพื้นที่แถบนี้ที่เราต้องระวังไหม !?”

“ฉันไม่ค่อยแน่ใจ แต่ปัจจุบันเทือกเขาเฮจินเป็นพื้นที่ล่าสำหรับผู้เล่นชั้นนำ เท่าที่ฉันรู้มาผู้เล่นที่แข็งแกร่งส่วนใหญ่จะขยับเข้าไปล่าในส่วนลึกของเทือกเขากันแล้ว”

“จริงเหรอ !?ถ้างั้นเราจะล่ากันแถว ๆ นี้ ฉันจะกลับมาอีกครั้งในสามชั่วโมง เรียกเด็ก ๆ มาให้ตั้งค่ายเตรียมไว้ เราคงต้องอยู่ที่นี่กันพักใหญ่ ๆ”

“ค่ะ ท่านประธาน”

“ตอนนี้เราอยู่ในอารีน่า ฉันไม่ใช่ประธานเทียน” เทียนหู่ พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบศีรษะของ ริน จากนั้นเขาก็ออกจากอารีน่าไป

เลขา ริน พยายามทำตามคำสั่งของ เทียนหู่ อย่างเคร่งครัด เธอเริ่มจากการส่งข้อความไปหาสมาชิกระดับสูงของกิลด์เป็นอันดับแรก

-ส่งคนที่เลเวลสูงที่สามารถล่ามอนสเตอร์ในเทือกเขาเฮจินได้อย่างน้อยสามคนมาที่ตำแหน่งในแผนที่ นี่คือคำสั่งของท่านประธาน

ขณะที่ ริน กำลังส่งข้อความอยู่นั้น เธอก็เหลือบไปเห็นผู้เล่นคนหนึ่งที่แต่งกายด้วยชุดสีดำ มีหน้ากากบนใบหน้า และมีดาบยาวแขวนอยู่ข้างเอว “อัลเลย์บอส !?”

เมื่อเธอมองอย่างละเอียดก็รู้ได้ทันทีว่าผู้เล่นคนนี้คือ อัลเลย์บอส , ริน เชื่อว่าผู้เล่นคนนี้คือ อัลเลย์บอส ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็เกิดขึ้น ‘ประธานอารมณ์ไม่ค่อยดีในช่วงนี้ เขาจะรู้สึกดีขึ้นไหมถ้าฉันจับผู้ชายคนนี้มาให้เขาได้ !?’

เมื่อนึกถึง เทียนหู่ ที่กำลังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข ริน ก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ เธอรีบทำตามความคิดที่เกิดขึ้นทันที

‘ฉันจะส่งข้อความไปบอกท่านประธานก่อน’

เธอรีบตั้งทีมสี่คนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็แอบติดตาม อัลเลย์บอส ไปอย่างเงียบ ๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด