ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 439 ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย
สิ่งที่ปี่เฟิงพูดออกมานั้นทำให้ซู่เสี่ยวไป่ตกใจทันที
แต้มนิกาย 150,000 แต้ม!
จะบ้าไปแล้ว!! เหตุใดตราประจำตัวนิกายถึงมีค่ามากขนาดนี้!
“ไม่เลยผู้อาวุโสข้าตกลง”
“งั้นก่อนที่ข้าจะมอบแต้มนิกายให้กับเจ้า เจ้าต้องรู้ก่อนว่าแต้มนิกายที่ได้จากข้าเป็นความลับห้ามบอกใครเด็ดขาด และชื่อของเจ้าจะไม่ปรากฏบนกระดานแสดงอัมดับในนิกายแม้จะได้แต้มไปแล้วก็ตาม”
“เจ้ายอมรับได้ไหม?”
ปี่เฟิงถาม
ในนิกายนั้นจะมีกระดานแสดงอัมดับผู้ที่มีแต้มนิกายจำนวนมาก และผู้ที่มีแต้มนิกายมากพอจนอยู่ในอัมดับสูงๆ ของกระดานจะได้รับของรางวัลพิศษ และได้รับโอกาสที่จะได้รับวิชาฝึกฝน หรือการฝึกที่หลายคนใฝ่ฝัน ทำให้ภายในนิกายนั้นแข่งขันกันสะสมแต้มนิกายเพื่อติดอัมดับต้นๆ!
แต่อัมดับในกระดานนั้นไม่มีความหมายกับซู่เสี่ยวไป่อยู่แล้ว ซู่เสี่ยวไป่ไม่ต้องการที่จะโดดเด่นจนเกินไป การที่อยู่ๆ มีแต้มนิกายเพิ่มขึ้นมาแสนสองแสนในพริบตา จะเป็นที่น่าจับตาเกินไป
ทำให้การได้รับแต้มนิกายโดยไม่แสดงอันดับเป็นเรื่องที่เขาต้องการ
“ไม่เลยๆ”
ซู่เสี่ยวไป่ตอบกลับไปทันที
แล้วปี่เฟิงนั้นก็ขอตราประจำตัวของซู่เสี่ยวไป่ พร้อมกับเริ่มใส่ค่าแต้มนิกายลงไปในตรานั้น
แล้วเขาก็ส่งคืนให้กับซู่เสี่ยวไป่เมื่อลองสัมผัสดู ก็เห็นว่ามันมีค่าตัวเลขแต้มนิกายเพิ่มขึ้นมา 150,000 แต้มจากตราประจำตัวของเขา!
ดูเหมือนว่าอาณาจักรคลื่นโบราณนั้นจะทุ่มทุนไปจำนวนมากเหมือนกัน ในการหาซื้อแต้มนิกายมาไว้ใช้จ่ายซื้อตราประจำตัวแบบนี้!
ขนาดจักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 7 ยังได้ราคาดีขนาดนี้ ถ้าเป็นแก่นแท้บรรพชน หรือบรรพชนสูงสุดล่ะ?
แต่เมื่อลองคิดดูดีๆ แล้ว
ตอนนี้ทั่วทั้งนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพก็อยู่ใต้การควบคุมของอาณาจักรคลื่นโบราณอยู่แล้ว และทรัพยากรทั้งหมดก็น่าจะอยู่ในการควบคุมของพวกมันด้วย ทำให้การที่จ่ายแต้มนิกายให้ใครนั้นก็ไม่ต่างจากใช้เงินของผู้อื่นจ่ายแทนซื้อสิ่งของที่ตัวเองต้องการ นี้มันเป็นงานหลอกกินฟรีไม่ใช่รึไง?
ในหัวของซู่เสี่ยวไป่กำลังดีดลูกคิดคำนวณไม่หยุด
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ เขาก็เริ่มสงสัยตัวตนที่แท้จริงของไต๋หลาน
เพราะเมื่อกล่าวชื่อนี้ออกไป ผู้อาวุโสปี่เฟิงนั้นก็ไม่ระวังตัวอีกเลย
หากว่าไต๋หลานเป็นตัวปลอมและเป็นไส้ศึกจริง ก็ไม่น่าจะมาบอกเรื่องนี้กับซู่เสี่ยวไป่ แต่ถ้าไม่ใช่ตัวปลอมทำไมปี่เฟิงถึงดูเชื่อใจไต๋หลาน?
“ช่างเรื่องนี้ไปก่อน”
“ตราบใดที่มันให้แต้มนิกายได้ก็พอแล้ว ไม่ต้องสนใจเหตุผลอื่น!”
“เดี๋ยวความจริงทุกอย่างมันก็ปรากฏออกมาเองแหละ..”
ซู่เสี่ยวไป่คิดอยู่ภายในใจ ก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างขึ้น
“ผู้อาวุโสในวันข้างหน้า ข้าคงแวะเวียนมาหาท่านบ่อยๆ หวังว่าผู้อาวุโสจะต้อนรับข้าอยู่”
“ฮะๆ ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องที่ดี แต่โปรดระวังตัวด้วย…..ชีวิตเป็นของมีค่า อย่าได้ทำอะไรเสี่ยงๆ เพื่อนิกายนักเพราะไม่ใช่เรื่องดีสักเท่าไร!”
ปี่เฟิงนั้นกล่าวกับซู่เสี่ยวไป่อย่างเป็นกันเอง
แล้วซู่เสี่ยวไป่ก็ออกจากหอภารกิจไป
ความจริงแล้วเขายังมีตราประจำตัวนิกายอีกมากอยู่ในแหวนคลัง แต่เขายังไม่เอาออกมาแลกทั้งหมดในทีเดียว
ที่มาในครั้งนี้ก็เพื่อที่จะตรวจสอบสิ่งที่ไต๋หลานพูดเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน ในตอนนี้ความจริงได้ถูกยืนยันแล้ว
ต่อจากนี้เขาจะปล่อยให้เงาของเขาไปไล่ล่าสังหารเหล่าศิษสาวกนิกายอื่นอย่างไร้ความปราณี และเข่นฆ่ามันหมดทุกคน!
วันต่อมาซู่เสี่ยวไป่ไปยังหอภารกิจอีกครั้ง
ในวันนี้เขามาพร้อมกับตราประจำตัวถึง 5 อัน ทำให้ปี่เฟิงนั้นรู้สึกตกใจกับเรื่องนี้
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีตราประจำนิกายมาแลกพร้อมกัน แต่มี 4 อันเป็นของจักรพรรดิบรรพชน และ 1 อันเป็นของแก่นแท้บรรพชน!
ต้องเข้าใจก่อนว่าตราประจำตัวพวกนี้เป็นของจักรพรรดิบรรพชนที่เป็นศิษระดับอัจฉริยะทั้งสิ้น และมีฐานะในนิกายพอตัว และของแก่นแท้บรรพชนนั้นเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งจ้าวนิกายสาขาย่อยที่พื้นที่รอบนอกของพิภพได้!
นอกจากนี้ นิกายระดับสูงมีกฏห้ามอย่างชัดเจนว่าห้ามซื้อขายตราประจำตัวของนิกาย หาถูกพบเจอเข้า เหล่าผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ทันที
ดังนั้นหมายความว่าศิษใหม่ผู้นี้มีความแข็งแกร่งพอที่สามารถจัดการแก่นแท้บรรพชนได้!
“จักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 7 3 อัน ทั้งหมด 450,000 แต้ม แล้วก็ 180,000 แต้ม สำหรับจักรพรรดิบรรพชนก้าวที่ 8 และ 300,000 แต้มสำหรับแก่นแท้บรรพชนก้าวที่ 1 ทั้งหมด 930,000 แต้ม”
เพียงพริบตาซู่เสี่ยวไป่ได้แต้มนิกายเกือบล้าน
แล้วก็ผ่านไป 1 อาทิตย์ซู่เสี่ยวไป่ไม่ได้กลับไปหาผู้อาวุโสปี่เฟิงอีกเลย
จนกระทั้งซู่เสี่ยวไป่กลับมาอีกครั้งพร้อมกับตราประจำตัวนิกายถึง 30 อัน!
“ภายใน 7 วัน เจ้าฆ่าบรรพชนไปมากมายเพียงนี้เลยงั้นหรอ?”
ปี่เฟิงนั้นกระพริบตา และขยี้ตาอยู่หลายครั้ง ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น
เกือบครึ่งหนึ่งของตราประจำตัวพวกนี้มาจากนิกายระดับสูง…..และทั้งหมดเป็นของแก่นแท้บรรพชนก้าวที่ 1 และ 2……ในเวลาสั้นๆ เขาไปเข่นฆ่าสาวกจากหลายนิกายพร้อมกันได้อย่างไร?
“ครั้งนี้ข้าไปในพื้นที่ลึกลับ และบังเอิญโชคดี”
ซู่เสี่ยวไป่กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม
พื้นที่ลึกลับที่อ้างนั้นเป็นพื้นที่ส่วนกลางของทุกนิกายให้ศิษสาวกออกมาล่าวัตถุดิบและสมบัติกัน ส่วนใหญ่จะมาจากนิกายมหาอำนาจทั้งนั้น หากว่ามีความแข็งแกร่งพอก็สามารถที่จะเก็บเกี่ยวทุกสิ่งออกมาได้
และในพื้นที่ลึกลับนั้น ผู้แข็งแกร่งสามารถทำสิ่งใดก็ได้ โดยไม่สนใจว่าจะฆ่าใครไปก็ตาม ทำให้มีโอกาสเจอเหล่าศิษสาวกที่นิสัยชั่วช้าหรือโจรดักซุ่มปล้นสังหารอยู่เสมอ ทำให้การปะทะกันภายในพื้นที่แห่งนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
ศิษสาวกจากนิกายที่ล้มตายส่วนมากก็ตายในพื้นที่ลึกลับนี้
ซู่เสี่ยวไป่ไม่จำเป็นต้องไปลงมือเองด้วยซ้ำ
เพียงส่งร่างเงาไปจัดการแทน และเขากำชับกับเงาให้ละเว้นศิษจากนิกายวังจิตวิญญาณเหนือภพ และศิษสาวกจากนิกายที่เป็นกลางไม่เข้ากับฝั่งใด และไม่โจมตีใครก่อน หากมีใครลงมือกับเงาก่อน มันจะจัดการตัดหัวผู้นั้นทันที
และซู่เสี่ยวไป่ก็แลกไปพร้อมกับตราประจำนิกายที่เขามีกับตัว ผสมกับของใหม่ไปแลกทุกวัน และเพิ่มขึ้นวันละ 10 อันทุกวัน จนตอนนี้เขามีแต้มนิกายจำนวนมาก
“ทั้งหมด 9.42 ล้านแต้ม รับมันเอาไว้”
จนถึงตอนนี้ซู่เสี่ยวไป่ก็มีแต้มนิกายถึงสิบล้านแล้ว
และเกือบจะในทันทีซู่เสี่ยวไป่ก็รีบไปยังอาคมเคลื่อนย้าย
อาคมช่องมิติอวกาศนั้นสามารถครอบคลุมไปทั่วพิภพมหาพันภพได้ และเชื่อมต่อกับช่องมิติกาลเวลาไปยังพิภพอื่น แต่ก็ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการเปิดใช้งาน
ทำให้จำเป็นต้องใช้แต้มนิกายจำนวนมากในการเปิดใช้งาน
หลังจากที่ได้รับแต้มนิกายมามากมายซู่เสี่ยวไป่ก็จ่ายแต้มไปเพื่อเปิดช่องมิติทันที ก่อนที่เขาจะเดินทางผ่านช่องมิติอวกาศไปยังอีกพิภพมหาพันภพหนึ่ง
“ที่นี่คงเป็นพิภพมหาพันภพไร้เดือน…..เป็นสถานที่ดีจริงๆ”
“นี้จะเป็นครั้งแรกที่เราเริ่มอาละวาดจากใจกลางพิภพ!”
“ยังไงก็ต้องไปที่พื้นที่รอบนอกของใจกลางของพิภพเสียก่อน ไม่งั้นเงาคงถูกสกัดไว้จนหมด!”
ซู่เสี่ยวไป่นั้นเรียกกองกำลังเงาออกมา ก่อนที่จะสั่งให้พวกมันเดินทางไปรอบนอกของพิภพทันที และแบ่งกำลังกันไปทั่วพิภพแห่งนี้