ตอนที่ 35 จดหมาย (อ่านฟรี)
ดัมเบิลดอร์มาถึงบ้านทรุดโทรมที่สำหรับคนภายนอกไม่รับรู้ว่ามันมีอยู่จริง เนื่องจากมันอยู่ภายใต้คาถาฟิเดลลิอัสเป็นคาถาซ่อนความลับ ซึ่งดัมเบิลดอร์เป็นผู้รักษาความลับแต่เพียงผู้เดียว
แต่ในขณะนั้นมีเพียงน้องชายของเขาเท่านั้น เขามีใบหน้าที่เครียดและเหนื่อยล้า
“ฉันได้คุยกับรัฐมนตรีแล้ว เธอตกลงที่จะหันไปทางอื่น แต่ฉันไม่มีความหวังมากนักว่าเธอจะสามารถดำรงตำแหน่งของเธอได้ ดังนั้นเราต้องดำเนินการโดยเร็ว” ดัมเบิลดอร์เป็นคนเริ่ม
อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ น้องชายของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ยืนขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “อัลบัส นี่มันเหมือนกรินเดลวัลด์อีกคนหรอ? แล้วทำไมมันถึงเกี่ยวข้องกับนายอีก ฉันเหนื่อยกับเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะไว้ใจนายได้อีกไหม อย่าคิดว่าฉันโง่ ฉันรู้ว่าตัวจริงของเขาเป็นอย่างไร ฉันเห็นเด็กคนนี้ที่ฮอกส์มี้ดหลายครั้งแล้ว”
อัลบัสรู้สึกเจ็บเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้จากน้องชายของเขาเอง เขารู้สึกเหมือนแก่ขึ้นอีกหลายปี “เขาเป็นแค่เด็ก อาเบอร์ฟอร์ธนายคาดหวังให้ฉันฆ่าเด็กเหรอ? เช่นเดียวกับนักเรียนทั่วไป ฉันให้โอกาสเขาได้เรียนที่ฮอกวอตส์...”
"แต่คุณเห็นเขาเติบโต! นายต้องสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในบุคลิกภาพของเขา แต่นายไม่ได้ทำอะไรเลย!... เพราะอัลบัส เพอร์ซิวาล วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์ไม่มีวันผิด ใช่ไหม?
นายก็รู้แต่ไม่กล้ายอมรับ และตอนนี้ดูความยุ่งเหยิงนี้ ผู้บริสุทธิ์กำลังจะตายที่นั่น... คนบริสุทธิ์ อัลบัส..." เขาหุบปากทันทีเมื่อเห็นเสียงคนเข้ามา
“อาเบอร์ฟอร์ธ อย่าเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดผลเสียมากกว่าดี” อัลบัสรีบพูด
“ตอนนี้ฉันไม่สนด้วยซ้ำ นายอยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาพึมพำด้วยความโกรธ
ประตูเปิดออกสมาชิกที่สำคัญที่สุดคนหนึ่งของภาคีเดินเข้า อลาสเตอร์ "แมด-อาย" มู้ดดี้ เพราะเขาสวมดวงตาวิเศษซึ่งเป็นสีน้ำเงินมันเลยทำให้เขาได้รับฉายาว่า "แมด-อาย" ตานี้ทำให้เขามองทะลุอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะ ไม้ เสื้อคลุมล่องหน และด้านหลังศีรษะ เขาเป็นมือปราบมารที่ดี แต่เพราะเขาจะไม่ค่อยพอใจกับการทำงานของกระทรวง ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมภาคีนี้
ข้างหลังเขามีสมาชิกอีกหลายคน บางคนเป็นคนเก่าแก่ที่ดัมเบิลดอร์รู้จักตั้งแต่สมัยก่อน
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลอยู่ที่นั่นด้วย แต่เธอไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการสั่งการ วันนี้เธอจำเป็นต้องมาที่นี่เพราะต้องถามเรื่องของแม็กนัส
“ดีที่ทุกคนมาที่นี่ กระทรวงจะไม่สร้างปัญหาในขณะที่เราจะต้องประสานงานให้เด็ดขาดในแต่ละการโจมตีของเรา จำไว้ว่าสำหรับโวลเดอมอร์แล้ว ผู้เสพความตายเป็นเพียงสมุนไร้ค่า แต่เราไม่สามารถเสี่ยงชีวิตแบบนั้นได้ จำนวนคนของเราเองก็มีจำกัดอยู่แล้ว” ดัมเบิลดอร์พูดขึ้น
“แล้วเด็กเมอร์ลินคนนั้นล่ะ?” มู้ดดี้ถามทันที
ทุกคนหันมาหาเขาด้วยใบหน้าแปลกๆ รวมถึงดัมเบิลดอร์ด้วย “คุณพูดอะไรน่ะ อลาสเตอร์? แม็กนัสอายุเพียง 11 ขวบ ต่อให้เขาเก่งแค่ไหนเราก็ให้เขามายุ่งไม่ได้ นี่ไม่ใช่สงครามของเขา และเขาควรจะเป็นอนาคตของ โลกเวทมนตร์แห่งอังกฤษ”
มู้ดดี้คำราม "ฮึ่มมม... มอบเด็กนั่นให้ฉันสักหนึ่งเดือน แล้วฉันจะเสกคาถาบางอย่างใส่เขา สุดท้ายเขาจะกลายเป็นนักสู้ที่เก่งกว่ามือปราบมารงี่เง่าทั้งหมด"
มักกอนนากัลโมโหกับความคิดนี้ "ฉันจะไม่ใช้นักเรียนของฉันเป็นเครื่องมือ เขาเป็นนักเรียนของฮอกวอตส์ และเป็นหน้าที่ของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์และกระทรวงที่จะต้องดูแลความปลอดภัยของพวกเขา ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาฉันจะโทษคุณ”
มู้ดดี้ไม่พอใจและเขาพึมพำอย่างต่ำๆ "เฮ้อ... ตอนนี้สัญชาตญาณความเป็นแม่ของเธอตื่นขึ้นแล้ว... แม่มดแก่"
"พอแล้ว... เรามีเรื่องเร่งด่วนมากกว่าที่จะคุยกันว่าเราควรลากเด็กอายุ 11 ขวบเข้าสู่สงครามหรือไม่" ดัมเบิลดอร์ตะโกนและเริ่มการประชุมต่อ วางแผนที่จะโจมตีผู้เสพความตายที่ไม่ระวังสองสามคน
…
ณ ลอนดอน,
บ๊อบบี้คิดถึงเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาอย่างที่สุด ทั้งคู่เป็นเหมือนพี่น้องกันตั้งแต่เด็ก พวกเขาไปโรงเรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ว่าเขาพึ่งพาแม็กนัสมากเกินไป ตอนนี้เขาอยู่คนเดียวแล้ว
ตอนนี้เขาข้ามชั้น ม.4 ขึ้นมาอยู่ม.5 แล้ว
ที่นี่มันเป็นโรงเรียนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงเพราะโรงเรียนที่เขา เคยเรียนไม่ได้สอนเด็กมัธยมปลาย สิ่งนี้ทำให้เขาประหม่ายิ่งขึ้น เขาเคยได้ยินเรื่องการบูลลี่กันในโรงเรียนพวกนี้ โดยเฉพาะเด็กตัวเตี้ย และเขาก็เตี้ยมากเพราะเขาข้ามจากป.6 และ ม.1 ไปแล้ว ตอนนี้เขาข้ามม.3 ไปแล้วด้วย ดังนั้น ในขณะที่เขาควรจะอยู่ม. 1 แต่เขาอยู่ม.5 ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ขณะที่นักเรียนมัธยมปลายโดยเฉลี่ยอายุ 14 ปีเป็นอย่างน้อย
*ถอนหายใจ* ด้วยใบหน้าที่มุ่งมั่นเข้มแข็ง เขาต้องเตรียมพร้อม
“นายทำได้ บ๊อบบี้” เขาเชียร์ตัวเอง
*ติ๊งต่อง*
เขารีบวิ่งลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าใครเป็นแม่ของเขาที่กำลังง่วนอยู่ในครัว
“โอ้ ไคเลอร์ ส่งจดหมายวันนี้เหรอฮะ?” บ๊อบบี้รู้จักผู้ชายคนนี้ บุรุษไปรษณีย์ผู้ซื่อสัตย์ ลูกสาววัย 5 ขวบของเขาประสบอุบัติเหตุทางถนนครั้งใหญ่และเขาไม่มีประกัน ดังนั้น ด้วยความช่วยเหลือจากความรู้ที่แม็กนัสสอน เขาจึงสมัครเข้าร่วมการแข่งขันการสะกดคำและคณิตศาสตร์หลายรายการ เขาชนะการแข่งขันแล้วมอบเงินให้บุรุษไปรษณีย์ เพื่อที่เขาจะได้จ่ายค่ารักษาลูกสาวของเขา
นี่เป็นสิ่งที่แม็กนัสสอนเขา เขาเคยกล่าวไว้ “บ๊อบบี้ ตอนนี้นายจะฉลาดขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉันแน่ใจว่าพื้นฐานของนายแข็งแกร่งแล้ว แต่คนส่วนใหญ่มีความรู้มาพร้อมกับความเย่อหยิ่ง ดังนั้น ฉันอยากให้นายอย่าหยุดถ่อมตัว ช่วยเหลือใครก็ตามที่นายทำได้ จริงๆ แล้วฉันเคยอ่านเรื่องนี้ในหนังสือมันฟังดูดีมาก ฉันเลยจำมันได้”
ไคเลอร์ยิ้มเมื่อเขาได้รับแรงกระตุ้นจากเด็กคนนี้ สำหรับเขา บ๊อบบี้เป็นเหมือนเทวดาตัวน้อย สำหรับผู้ชายที่มีรายได้น้อยพอๆ กับเขา ความช่วยเหลือที่บ๊อบบี้มอบให้ถือเป็นสิ่งที่มาจากสวรรค์
“จริงสิครับลูกกสาวผมเพิ่งเห็นคุณสัมภาษณ์วันนี้นี่เอง คุณเพิ่งข้ามชั้นม.4 หรอครับ? คุณคงต้องฉลาดมาก” ไคเลอร์กล่าว
บ๊อบบี้เกาหัวอย่างงุ่มง่าม “อืม ผมก็เรียนข้ามชั้นตอนป. 6 กับม.1 เหมือนกันฮะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงทำให้มันใหญ่โต”
“ลูกสาวของฉันบอกว่าเธออยากจะฉลาดเหมือนคุณสักวันหนึ่ง” เขากล่าวเสริมอย่างตื่นเต้น
บ๊อบบี้พยักหน้า “ก็… คำแนะนำของผมนะ คณิตศาสตร์สำคัญมาก อย่าปล่อยให้เธอเกียจคร้านนะครับ” จากนั้นเขาก็รับจดหมายเดินเข้าบ้านไป เขาอ่านว่ามันมาจากไหน และเพียงแค่ดูที่พื้นผิวของกระดาษ เขาก็รู้ว่ามันมาจากไหน
เขาเดินไปยิ้มไปแล้วเปิดจดหมาย
*แปะ*
ช็อกโกแลตแท่งเล็กๆ หล่นลงมา "บ๊อบบี้ ชิมดูสิ มันวิเศษมาก ช็อกโกแลตที่ดีที่สุดที่ฉันเคยกินมาในชีวิต พวกเขาบอกว่ามันทำมาจากนมของสัตว์วิเศษ"
"ฮ่าฮ่า" เขาอ่านคำแรกแล้วยิ้ม เขาหยิบแท่งขนมขึ้นมาและกินมัน
"อืม รสชาติมันวิเศษมาก ทุกคำที่กัดก็รู้สึกแตกต่าง" เขาพึมพำกับตัวเอง
[ในจดหมาย]
บ็อบบี้ น้องชายฉัน ฉันพบว่าตัวเองอยู่ในปลักโคลนที่แย่กว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก ฉันค้นพบพลังของฉันแล้วรู้ว่าทำไมฉันถึงเห็นรูปนั้นอยู่คนเดียว แต่ฉันไม่สามารถบอกนายได้ในจดหมาย เพราะมันอาจทำให้ชีวิตนายตกอยู่ในอันตราย
แต่รู้ไว้เถอะว่าฉันติดอยู่กับกลุ่มคนเหยียดคนที่ต้องการใช้ฉันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน มีผู้มีอำนาจเบื้องหลังฉันด้วย แต่ตอนนี้ ฉันยังปลอดภัยอยู่ในรั้วโรงเรียน
อีกอย่างฉันก็เจอเพื่อนใหม่ด้วย เขาชื่อรักนาร์ เขาถูกรังแก ฉันเลยรับเขาเข้ามา มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งชื่อเซเวอรัส เขาแอบชอบผู้หญิงคนหนึ่งแต่เขาขี้ระแวง เขาคิดว่าฉันชอบผู้หญิงของเขา ดังนั้นเขาจึงโกรธฉัน เด็กส่วนใหญ่ที่นี่ล้วนแต่เป็นพวกพังๆ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ฉันยังพบว่าฉันห่วยในวิชาปรุงยา เพราะงั้นนายสบายใจได้ว่าฉันไม่ได้พวกเพอร์เฟ็กไปซะทุกอย่าง ฮิฮิ…
เรื่องนั้นช่างมันก่อน โรงเรียนของนายน่าจะเปิดเทอมแล้ว ฉันรู้ว่านายกำลังไปที่ไหน มันเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กที่ไอคิวสูง นายจะได้พบกับพวกสมองอันชาญฉลาดมากมายที่นั่น พัฒนาตัวเองต่อไป เพราะสิ่งที่ฉันได้ค้นพบเกี่ยวกับมรดกของฉันจะระเบิดสมองของนายเป็นจุนแน่ แต่ในอนาคตฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายอีกมาก เพราะฉันรู้ว่าฉันไว้ใจนายได้ ดังนั้น ฉันหวังว่าเมื่อเราไปถึงจุดนั้น เราทั้งคู่จะโคตรเมพ
อีกอย่าง อย่าบอกเรื่องนี้กับแม่ฉันนะ ไม่งั้นเธออาจจะมาที่นี่แล้วฆ่าอาจารย์ใหญ่หนวดเคราหนาของฉัน
นี่พูดจริงนะ... ฮะๆ... อ่ะล้อเล่น ฉันไม่เคยเขียนจดหมายอย่างเป็นทางการ
ขอแสดงความนับถือ คนที่หวดก้นนายตอนประถม
นอกจากนี้ จดหมายฉบับนี้จะระเบิดภายใน 5 วินาที..."
[จดหมายสิ้นสุด]
ทันทีที่เขาอ่านบรรทัดสุดท้าย เขาก็โยนทิ้งทันที แต่ผ่านไป 6 วินาทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ฮ่าฮ่าฮ่า..." เสียงหัวเราะต่ำๆ ดังขึ้นไม่นานกระดาษก็กลายเป็นขี้เถ้า
บ๊อบบี้หัวเราะ อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้ว “ไอ้เวรเอ๊ย… ทีนี้ฉันก็ต้องมาทำความสะอาดห้องอีกรอบ”
_____________________________