ตอนที่ 296 – ตอนที่ 277 ธนูเพลิงศรน้ำแข็ง
หน่วยยามที่ออกมาเพราะระฆังเตือนภัยกลายเป็นผู้เคราะห์ร้าย
พวกเขารู้ว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด และทราบว่าเขาฆ่าคนโดยไม่กระพริบตา ไม่ว่าใครก็ตามที่บังอาจขวางทางเขาก็เท่ากับรนหาที่ตาย แต่ว่ารักษาการประมุขตระกูลเย่ว์ชิวก็ยังเป็นคนที่น่าชัง แม้ว่ารักษาการประมุขตระกูลคนก่อนเย่ว์ซานจะหนีเขาไป ในบรรดาสมาชิกในตระกูล เย่ว์ชิวจะจับคนที่จำเป็นต้องจับ และฆ่าคนที่จำเป็นต้องฆ่า เขาไม่ไว้ชีวิตใครที่อย่างน้อยดูแล้วน่าสงสัย ที่แย่ที่สุดก็คือเขาไม่รู้จักบุตรชายเขา ไม่ยอมรับว่าบุตรเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาออกคำสั่งให้จับเย่ว์หยางเหมือนกับเป็นคนร้าย มีคำกล่าวว่าเสือจะไม่กินลูกตนเอง แต่เย่ว์ชิวไม่ยอมไว้ชีวิตลูกตนเอง ถ้าเขารู้ว่าพวกเขาทอดทิ้งการต่อสู้ในที่สุด พวกเขายังจะรักษาชีวิตต่อไปได้อย่างไร?
แม้ว่าคุณชายสามจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่ง แต่เย่ว์ชิวก็มีนักสู้ปราณก่อกำเนิด 2-3 คนคอยหนุนหลังเขา ถ้าการต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นหลายสิ่งหลายอย่างจะย่ำแย่แน่นอน
หน่วยคุ้มกันที่ไม่มีความแข็งแกร่งกว่ามดรู้สึกลำบากใจจริงๆ ในตอนนี้
ถ้าพวกเขาก้าวไปต่อ พวกเขาก็ไม่อาจรอดได้ ถ้าพวกเขาถอนตัว พวกเขาคงมิอาจตายได้แม้ต้องการจะตายก็ตาม
พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจริงๆ
ดังนั้น พวกเขาได้แต่ล้อมยักษ์เหล็กทั้งสองตัวที่กำลังลากรถม้า และถอยไปทีละก้าวๆ
พวกเขาบางส่วนเห็นหลินเหล่ยและหลินเหมี่ยวติดตามหลังมาไกลๆ ในตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ทันใดนันพวกเขาก็ตระหนักว่าทั้งสองคนนี้ต้องการเปลี่ยนข้าง
“หลินเหล่ย, หลินเหมี่ยว พวกเจ้าพยายามจะทำอะไรกัน?” หัวหน้าหน่วยและยามป้องกันไม่มีความกล้าพอจะหยุดรถม้าของเย่ว์หยาง แต่พวกเขาพยายามหาข้ออ้างและสร้างความลำบากใจให้หลินเหล่ยและหลินเหมี่ยว ก็เท่ากับว่าเป็นการต่อสู้กันระหว่างหน่วยป้องกัน ถ้าพวกเขาไม่สามารถสู้กับคุณชายสามที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ ทำไมพวกเขาถึงไม่สู้กับพี่น้องตระกูลหลินเล่า?
“ข้าเชื่อว่าคุณชายสามไม่ใช่ตัวปลอม ต้องมีความเข้าใจผิดกันสักอย่าง” หลินเหมี่ยวรู้ว่าสายเกินไปแล้วที่จะหันหลังกลับ เขาตัดสินใจเดินหน้าต่อ
“พี่น้องทั้งหลาย โปรดคิดให้ดีอีกสักนิด อย่าลืมรากฐานของเรา ข้าจะไม่ทรยศตระกูลของเรา ข้ายังคงภักดีต่อตระกูลเย่ว์ ฝ่าบาทและแม่ทัพใหญ่รู้จักคุณชายสามจนเอ่ยปากเอง เมื่อเราเผชิญเวลาที่ยากลำบากกับตระกูลเซี่ย คุณชายสามก้าวออกมาปกป้องตระกูลเย่ว์ของเราอย่างกล้าหาญ ตอนนี้ไม่มีฝ่าบาทและท่านแม่ทัพใหญ่อยู่ คนบางคนต้องการจะใช้ประโยชน์และสร้างความยุ่งยาก เพราะเพียงคุณชายสามเป็นผู้ประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ว์ เขาคือความหวังของฝ่าบาทและแม่ทัพเฒ่า เขาไม่ใช่คนแปลกหน้า พี่น้องทั้งหลาย บรรดาพวกเจ้าทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ถ้าพวกเจ้ายังต้องการจะสู้กับเรา จะลองดูก็ได้ ข้าจะเสี่ยงชีวิตสู้กับพวกเจ้าเอง” หลินเหล่ยชักกระบี่ของเขาออกมา กวาดสายตามองไปทางหน่วยรักษาความปลอดภัยและพวกนักสู้
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนก้มหน้าอย่างละอาย
มีบางคนที่มีความสัมพันธ์สนิทสนมกับหลินเหล่ยตะโกนว่า “หลินเหล่ย! ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้ การต่อสู้กันระหว่างผู้ปกครองระดับสูงของพวกเรา ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะยื่นจมูกเข้าไปยุ่งได้”
หลินเหล่ยชี้ไปที่ฮุยไท่หลางและตะโกนอย่างมีอารมณ์ “พวกเจ้าเห็นนั่นไหม สุนัขที่อยู่เคียงข้างคุณชายสามมันยังมีศักดิ์ศรีของมนุษย์ด้วยซ้ำ พวกเรากลับตรงกันข้ามใช้ชีวิตอยู่ที่นี่อย่างโง่เง่าขลาดเขลาไม่ต่างกับสุนัขตัวหนึ่ง ข้าไม่ต้องการได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นสุนัข ข้าต้องการได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นมนุษย์ แม้ว่าข้าจะได้รับการปฏิบัติในฐานะมนุษย์แค่วันเดียวก็ตาม ข้าก็ตายได้โดยไม่มีอะไรต้องเสียใจ!”
คำพูดของเขาพูดออกมาจากความอึดอัดใจของชาวบ้านตระกูลเย่ว์ทั้งหมด ทำให้ยามและนักรบของตระกูลตกตะลึง
หลังจากนั้น นักรบเลือดระอุ 2-3 คนวิ่งออกมายืนเคียงข้างหลินเหล่ย
ทุกคนยืนก้มหน้าด้วยความละอาย และถอนการปิดล้อมออกไปอย่างเงียบงัน สำหรับคนที่เหลือ พอฮุยไท่หลางคำราม หนึ่งในพวกเขาตกใจร้องและเริ่มจะหนีไป ทำให้ทุกคนทำตามร้องลั่นถอยเข้าไปในปราสาทตระกูลเย่ว์ด้วยความกลัว ตอนนั้นที่ด้านนอกปราสาทตระกูลเย่ว์ นักสู้ปราณก่อกำเนิดจำนวนหนึ่งปรากฏตัวในท้องฟ้า แสงที่พวกเขาเปล่งออกมาสว่างจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ พวกเขาปล่อยพลังปราณพร้อมกัน ส่งพลังคลื่นกระแทกที่น่ากลัวโจมตีใส่เย่ว์หยางที่ยังนั่งอยู่ด้านบนรถม้า คลื่นกระแทกเป็นเหมือนคลื่นสึนามิยักษ์กดกระแทกลงมาจากสวรรค์
“ฮึ่ม! เย่ว์หยางแค่นเสียงเหยียดหยาม
เขาไม่ใช่เย่ว์หยางผู้ที่ลากรถม้าที่มีแม่สี่ของเขาขึ้นสู่ปราสาทตระกูลเย่ว์อีกต่อไป
เย่ว์หยางในอดีตไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น พลังของเขาเกือบจะเท่านักสู้ระดับ 6 อย่างไรก็ตามในวันนี้เขาคือนักรบผู้ทรงพลังคนหนึ่งผู้สังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดมานับสิบคนต่อเนื่องกัน.. ไม่ว่าจะเป็นถูเฉิง, ขวงจั่น, ตวนมู่, หลิวเฮ่อ, ขุนพลปีศาจกินฝัน, ขุนพลปีศาจซือเตียว, อสูรพิษสองหัวปี้หลิน, เต่าหางเพลิงและแม้แต่แม่ทัพเผ่าปีศาจเก้าหัวผู้แข็งแกร่งมากสามารถฆ่าทูตพยัคฆ์บินได้ทันทีก็ยังล้มตายใต้เท้าของเย่ว์หยาง
ยิ่งกว่านั้น ด้วยการช่วยเหลือจากเสวี่ยอู๋เสียและสาวๆ ที่เหลือ เขาก็ยังบรรลุพลังปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ห้า
หลังจากฝึกผสานกายคู่รักกับหญิงงามอู๋เหินและเชี่ยวชาญทักษะนี้แล้ว เย่ว์หยางยังได้รับตกทอดความรู้ของมารดาสหายผู้น่าสงสารและเชี่ยวชาญความรู้ในการอัญเชิญอักษรรูน
แรงกดดันของนักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่กี่คนนี้จะทำอะไรเขาได้?
พอถูกนักสู้ปราณก่อกำเนิดเหล่านั้นยั่วโมโห เย่ว์หยางใช้คำตอบที่หยาบคายที่สุด ชูนิ้วกลางเป็นการดูถูก
เย่ว์หยางแทบจะไม่รู้สึกอะไรจากแรงกดดันที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสี่ในท้องฟ้าปล่อยออกมาพร้อมกัน แต่หลินเหมี่ยวกลัวจัดจนแทบปัสสาวะรดกางเกง ตลอดทั้งตัวของเขาสั่นอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าเขาอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ เขามองดูหลินเหล่ยและพบว่าเขากำลังกัดฟัน มือของเขายังคงเปลี่ยนเป็นสีขาวเนื่องจากกำด้ามกระบี่แน่นเกินไป แม้ว่าเขาจะไม่สั่นเพราะความกลัว แต่หน้าของหลินเหล่ยซีดเหมือนคนตาย
เจ้าอ้วนไห่ขี่แรดเหล็กของเขามาเยาะเย้ยพวกเขา “พวกเจ้ากำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม? พวกเจ้าตกใจอย่างหนักเพราะนักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่กี่คนผายลมจากระยะเกือบห้ากิโลเมตรจนขาพวกเจ้าสั่นพั่บๆ เชียวหรือ? พวกเจ้าเป็นลูกผู้ชายกันหรือเปล่า?”
“เจ้า..ไม่กลัวหรือ?” หลินเหมี่ยวยังคงสั่นรุนแรงต่อไปขณะที่ถาม เขาเห็นว่าสีหน้าของเจ้าอ้วนไห่ยังคงเป็นปกติ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกนับถือเจ้าอ้วนผู้นี้ทันที
“โธ่เอ๊ย! พวกมันอยู่ไกลมาก ทำไมข้าต้องกลัวด้วยเล่า? เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่า ข้า ต้าไห่กล้าหาญสูงส่งพอๆ กับฟ้า? ข้าจะบอกให้นะ ข้าไม่กลัวอะไรในใต้ฟ้าและโลกหล้า นอกจากนี้สาวงามยังรักข้ามากถึงขนาดที่ว่ายอมตายเพื่อข้าได้ ข้าไม่กลัวอะไร..เฮ้ย.. เจ้านั่นบินตรงมาทางเรา! เย่ว์หยาง! พวกมดปลวกมากันแล้ว ไปจัดการพวกมันเลย ลูกพี่ของเจ้าต้องเก็บพลังเอาไว้ช่วยเจ้าทุบตีหัวหน้าสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุด!” เมื่อเจ้าอ้วนไห่เห็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดบินตรงมาหาพวกเขาเหมือนดาวตก หัวใจเขาแทบกระดอนออกมานอกตัว รีบขอให้เย่ว์หยางโจมตี
เย่ว์หยางโดดลงจากหลังคารถม้า
ใช้มือเขียนวงเวทวงหนึ่ง เขาใช้พลังหยินด้วยมือข้างซ้ายและพลังหยางด้วยมือขวา
น้ำแข็งและไฟก่อตัวเป็นภาพที่สวยสง่างาม ด้านหนึ่งมีลมหนาวพัดพาหิมะตกนับไม่ถ้วน อากาศหนาวจนทำให้ฟันในปากกระทบกัน อีกด้านหนึ่ง ร้อนจัดจนคนรู้สึกเหมือนอยู่ในเตาอบ ทุกคนอ้าปากหอบ ร้อนจนแทบไม่อาจหายใจได้
ตอนนี้พลังวงกลมปลาคู่หยินหยางมีพลังมากกว่าตอนที่เขาใช้ในการประลองวันปีใหม่ถึงร้อยเท่า
ภายใต้การควบคุมของเย่ว์หยาง น้ำแข็งและไฟกลายเป็นพายุหมุนที่น่ากลัว
ไฟและน้ำแข็งกระทบกันเองในท่ามกลางพายุ จนทำให้เกิดประกายไฟฟ้าสีม่วงอยู่ในนั้น
นักสู้ปราณก่อกำเนิดในท้องฟ้าตะโกนเตือนพวกเขาให้ตื่นตัวเมื่อเขาเห็นพลังนี้
แต่ความเร็วในการบินของเขาเร็วพอๆ กับดาวตก
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาพยายามทำร้ายพวกเขาด้วยพลังทั้งหมดของเขา เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด ได้แต่ฝืนใจต่อไป
มนุษย์ดาวตกพุ่งเข้าชนพายุหมุนน้ำแข็งเพลิง นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนนั้นมีลักษณะเป็นบุรุษวัยกลางคน พุ่งเข้าใส่ดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางเต็มกำลังจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น เสียงดังมากจนทุกคนหูอื้อกันไปหมด บางคนก็หน้ามืดไปชั่วขณะ เป็นเหมือนกับว่ามีเสียงสายฟ้าดังก้องอยู่ในหูของพวกเขา ทุกคนแตกตื่นตกใจ งงเบลอไม่สามารถคิดอะไรได้ชัด พวกยามป้องกันไม่สามารถทนได้เป็นลมล้มลงกับพื้นทีละคน
แม้ว่านักรบบางส่วนจะสามารถทนได้ แต่ร่างของพวกเขาค่อยๆ โงนเงนและล้มลงกับพื้น
คลื่นอัดกระแทกจากการปะทะกันของทั้งสองคน ทรงพลังพอๆ กับคลื่นสึนามิที่กวาดล้างแผ่นดิน กระแทกใส่ยามและนักรบที่หมดสติอยู่กระเด็นไปเหมือนฝุ่น สัตว์อสูรทั้งหมดของพวกยามตายในที่นั้นเอง บางตัวก็แขนขาฉีกขาด พวกนักรบบางส่วนที่ยังมีสติอยู่แทงดาบตรึงกับพื้นเพื่อค้ำตัวเองไว้ ต้านทานคลื่นกระแทกที่น่ากลัว เกือบทุกคนเลือดออก ขณะที่อวัยวะภายในของพวกเขาบอบช้ำจากคลื่นระเบิด มีเพียงเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ยังคงยืนอยู่กับพื้นแหงนมองดูฟ้าด้วยความภูมิใจ
หลินเหล่ยตรึงกระบี่ไว้กับพื้นและยันร่างตัวเองไว้เพื่อไม่ให้ล้ม ปาก จมูกและหูของเขามีเลือดไหลออก
หลินเหมี่ยวผู้มีร่างกายอ่อนแอกว่าหลินเหล่ยกอดขาหลินเหล่ยไว้แน่นเท่าที่เขาจะทำได้ เหมือนกับว่าเขาลอยคออยู่ในแม่น้ำและคว้าท่อนไม้ได้
รถม้าที่ดูภายนอกเหมือนเปราะบางไม่ได้แตกทำลายเลยเมื่อคลื่นกระแทกลดกำลังลง ในทางตรงกันข้าม กำแพงที่ตั้งอยู่ไกลๆ บ้านและเจดีย์โดยรอบพังพินาศสิ้น เศษอิฐเศษไม้ปลิวว่อนอยู่ในอากาศ เหมือนกับมีมือปีศาจยักษ์ที่มองไม่เห็นกวาดมันขึ้นไปในท้องฟ้า
มองเพียงผิวเผิน ดูเหมือนเย่ว์หยางจะก้ำกึ่งกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นั้น
อย่างไรก็ตาม นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้โอหังนั้น เปิดฉากลอบโจมตีและยิงพลังลงมาเหมือนดาวตกจากฟากฟ้า ใช้พลังเต็มที่โจมตีใส่ อีกด้านหนึ่งเย่ว์หยางรับการโจมตีของเขา โดยโดดลงจากหลังคารถม้าและพยายามรักษาสมดุลพลัง
นักสู้ปราณก่อกำเนิดนั้นต้องการทดสอบพลังของเย่ว์หยาง เขาฉากหนีออกไปทันทีหลังจากโจมตี
แต่เย่ว์หยางไม่ยอมให้เขาหนีไปได้
“ข้าจะตอบแทนน้ำใจเจ้า!” เย่ว์หยางไม่ได้พยายามไล่ตามคู่ต่อสู้ผู้มีความเร็วมาก เขากลับงอมือซ้ายและควบแน่นพลังความร้อนจนก่อรูปเป็นคันธนูไฟขนาดยักษ์ เขาวาดวงเวทด้วยมือขวาและกลั่นพลังความเย็นก่อรูปเป็นลูกศรน้ำแข็งสามดอก ซึ่งเย็นกว่าน้ำแข็งเสียอีก จากนั้นเย่ว์หยางร่ายเวท คล้ายกับมนุษย์กำลังเรียกสัตว์อสูร แต่ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงบริกรรมของเขามาก่อน เป็นเสียงที่ไพเราะมากคล้ายกับเสียงธรรมชาติ อักษรรูนเงินค่อยๆ ปรากฏออกมาจากร่างเขาทีละตัวและฝังตัวเองลงบนลูกศรเพิ่มความสามารถที่น่ากลัวและพลังทำลายล้างลงบนลูกศรทั้งสาม
“อัญเชิญอักษรรูนหรือ?” สีหน้าของนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ว่องไวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เขามีความรู้สึกแปลกที่ว่าไม่ว่าจะไกลแค่ไหน เร็วแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางหลบได้ เขาไม่สามารถหลบจากธนูน้ำแข็งได้
เขาควรจะถอยต่อไปดีไหม?
หรือว่าจะใช้พลังทั้งหมดหยุดธนูน้ำแข็ง?
เขาสามารถรับการสนับสนุนช่วยเหลือจากสหายของเขาถ้าเขายังคงถอยต่อมา แต่ถ้าเขาไม่มีพลังต้านทานพอ มีโอกาสสูงมากที่ลูกศรนี้จะยิงทะลุร่างของเขา ถ้าเขาใช้พลังของเขาทั้งหมดป้องกันธนูทั้งสามดอกนี้ เขาอาจต้องสู้ตามลำพัง ถ้าไม่อาจป้องกันลูกศรได้ ชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตราย
แม้ว่าเขาจะป้องกันได้ แต่ถ้าเจ้าเด็กนี่โจมตีอย่างอื่นตามมาอีก เขาคงต้องบาดเจ็บหนักแน่
การตัดสินใจที่ยากลำบากปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา เขาควรเดินหน้าหรือถอยหลัง?
เย่ว์หยางเรียกอักษรรูนออกมาอีกสายหนึ่ง ปรากฏเป็นพลังไฟฟ้าสีม่วงอยู่ในมือของเขา มันเชื่อมโยงและหมุนวนรอบคันธนูไฟและลูกศรน้ำแข็งด้วยความรวดเร็วมาก
ครั้งนี้อย่าว่าแต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่กำเนิดว่าจะสู้หรือจะถอยเลย แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดอีกสามคนที่กำลังมองมาจากที่ไกลถึงกับหน้าถอดสี
พวกเขามั่นใจว่าจะต้านทานธนูทั้งสามดอกได้ แต่ในตอนนี้ พวกเขาไม่คิดว่าพวกเขาสามารถต้านทานลูกศรน้ำแข็งที่มีไฟฟ้าสีม่วงหมุนรอบมันอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสัตว์อสูรของพวกเขามีพลังป้องกันที่สูงสุดก็อาจถูกศรน้ำแข็งเหล่านี้ซึ่งเสริมพลังอักษรรูนยิงทะลุได้ ก่อนหน้านี้ พวกเขาคิดว่าเย่ว์หยางเป็นแค่เด็กใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตแดนปราณก่อกำเนิด ใครกันเล่าจะคิดว่าเจ้าเด็กนี่ผิดธรรมดายิ่งนัก ถึงกับครอบครองทักษะที่น่ากลัวอย่างนั้นได้ นี่ไม่ใช่ทักษะที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดมือใหม่มีแน่นอน!
เป็นไปไม่ได้แน่นอน
“อะ..อัญเชิญคัมภีร์..” นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้กำลังจะถูกเย่ว์หยางยิง ก็ไม่สามารถทนกลัวอยู่ได้ เขาไม่เลือกที่จะโจมตี ทั้งไม่ถอย แต่กลับเลือกทางเลือกที่สามแทน นั่นคืออัญเชิญคัมภีร์ชั้นแพลตตินัม และหวังว่าโล่พลังจะสามารถป้องกันธนูทำลายล้างทั้งสามดอกนี้ได้
“ตาย!” เหมือนกับว่าเย่ว์หยางกำลังรอเวลาช่วยนี้ รังสีฆ่าฟันในดวงตาของเขาฉายออกมารุนแรง
ธนูทั้งสามดอกอาบเพลิงและทักษะน้ำแข็งของเขา และยังเสริมพลังด้วยสายฟ้าม่วง หายวับไปจากมือของเขา
โล่พลังของคัมภีร์ที่น่าจะป้องกันการโจมตีได้ทุกอย่างแตกกระจายเป็นชิ้นเหมือนเปลือกไข่ทันที ขณะที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้นั้นตะลึงมองดูอยู่นั้น ธนูน้ำแข็งก็เสียบทะลุหัวใจเขา
ฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ในทันทีหรือ?
นี่ เป็นไปได้อย่างไร.. อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ก็ยังไม่กล้าเชื่อว่าพลังของเย่ว์หยางจะน่าทึ่งขนาดนี้
มันสามารถเจาะทะลุโล่ป้องกันของคัมภีร์ซึ่งป้องกันการโจมตีชนิดใดก็ได้ อย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางทำอย่างนั้นได้อย่างไร?
*****************