ตอนที่ 289 ซือหม่าเซี่ยว
“ทหาร?ล้อเล่นหรือเปล่า? กลุ่มดาวหมาป่าจะมีกองทหารได้ยังไง?”บุรุษหนุ่มผมสั้นสีน้ำตาลลูบคางเยาะเย้ยขณะมองดูบริวารของเขาที่บันไดชั้นล่าง ปากของเขายิ้มเยาะถากถาง “อย่าหาข้ออ้างโง่ๆ เหล่านี้ดีกว่า!ข้าสงสัยพลังของเจ้ามากกว่า หลังจากผ่านไปนานแล้วเจ้าก็ยังไม่ได้รับสิ่งที่ข้าขอให้เจ้าไปเอามา ตอนนี้องค์การวิญญาณมืดลงมาผสมโรงด้วยแล้ว เจ้าไม่เห็นหรือว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น? เพราะตลอดยุคนี้คุณชายผู้นี้จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้”
บุรุษที่สวมหน้ากากที่บันไดชั้นล่างคำนับ เขายังคงเงียบด้วยความกลัว หลังของเขาเปียกเหงื่อชุ่ม
“ข้าจะให้เวลาเจ้าอีกเดือนหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้ไม่จบ อย่างนั้นเจ้ากลับไปรอที่บ้านคุณชายผู้นี้ไม่ต้องการสวะเช่นนั้น”
บนหัวเขามีผ้าคาดศีรษะใบหน้าของเขาดูเผินๆ ไม่น่ามีอันตราย แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย
หัวใจบุรุษที่สวมหน้ากากสั่น เขารู้ว่าคุณชายอาจพูดเหมือนล้อเล่น แต่ใจของเขาอำมหิตและเย็นชามาก
เขาไม่กล้าปกป้องตัวเองหรืออ้อนวอนขอผ่อนผัน ดังนั้นเขาจึงแข็งใจตอบ “ขอรับ”
“ไปซะ ไปเถอะ” คุณชายส่ายหัวและยิ้ม “เจ้าก็สู้ได้ดีเช่นกัน”
เมื่อออกมาจากห้องใหญ่ ลมเย็นกระโชกพัดมาทำให้รู้สึกถึงเหงื่อเย็น เขารู้สึกได้ว่าตลอดทั้งร่างมีเหงื่อเปียกโชก
“เขาไม่ได้โกหก”
จากด้านหลังของเขาชายหนุ่มหน้าซีดคนหนึ่งเดินออกมา เขาดูอ่อนแอสวมชุดขาวดูปกติ ผมยาวดำสนิท แต่ตาของเขามีแววเศร้าหมองเลือนราง
ชิวจื่อจวินแม้แต่ในสมาคมรวมตระกูล ทุกคนรู้จักเขาได้ยาก
“ข้ารู้” บุรุษผมสั้นหัวเราะและหยิบของขบเคี้ยวบนโต๊ะใส่ปาก พึมพำ“ข้าเพิ่งใช้เขาไปทดสอบฝีมือพวกวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธ ลุงรองกังวลมากเกินไปและตัดสินใจเก็บเขาไว้ แม้ว่าเขาตายนั่นก็ช่วยประหยัดพลังงานของลุงรอง ผู้อาวุโสรุ่นก่อนกังวลมากทำให้ตายก่อนเวลาอันสมควร”
สมาคมรวมตระกูลเป็นกลุ่มที่ประกอบด้วยตระกูลต่างๆ ขณะที่ตระกูลซือหม่าคือหนึ่งในเจ็ดตระกูลชั้นสูง
ซือหม่าเซี่ยวคือบุตรของซือหม่าเทาแห่งสายตระกูลที่สาม ซือหม่าเทาตายตั้งแต่อายุยังน้อย ดังนั้นซือหม่าเซี่ยวและมารดาของเขาจึงสนับสนุนคนอื่น ภายในสามสายตระกูลนับว่ามีพลังอ่อนด้อยที่สุด ด้วยการที่มีบุพการีเหลืออยู่คนเดียวเขาจึงถูกรังแกเป็นปกติ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นเขามักจะหัวเราะได้เสมอ
จนกระทั่งซือหม่าเซี่ยวอายุได้สิบสี่ปีได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ซือหม่าเซี่ยวที่ไม่โดดเด่น โผล่ขึ้นมาในฐานะคนที่สามของการแข่งขันในตระกูล
จากนั้นซือหม่าเซี่ยวถูกดึงไปและแยกไปดาวเหยากวง ไม่มีใครคิดว่าในสามปีจู่ๆดาวเหยากวงก็มีอำนาจเพิ่มพูน ภาษีและการเงินของพวกเขาได้รับผลกำไรสามเท่าไม่เพียงแต่แค่นั้น ยิ่งกว่านั้นเขายังค้นพบสายแร่เจ็ดสาย ดังนั้นผู้อาวุโสของตระกูลของสมาคมรวมตระกูลจึงประทับใจเขาทุกคน
การโดดเด่นขึ้นมาอย่างฉับพลับของเขาทำให้สายตระกูลที่หนึ่งและที่สองอิจฉาและหลังจากไตร่ตรองหาทางมากมายสมาคมรวมตระกูลส่งคนไปสืบสวนเขาที่หมู่ดาวกิ้งก่า กลุ่มดาวกิ้งก่าเป็นหนึ่งในสิบเก้ากลุ่มดาวขอบฟ้าเหนืออำนาจของพวกเขาที่นั่นยุ่งเหยิงซับซ้อนก่อให้เกิดสถานการณ์ยุ่งยากซับซ้อน ซึ่งสมาคมรวมตระกูลไม่มีอำนาจเลย
ไม่มีใครสามารถคิดได้ว่าซือหม่าเซี่ยวจะพลิกสถานการณ์ทั่วทั้งดาวได้หลังจากดึงดันต่อสู้ในช่วงเวลาสั้นๆ สามปีแล้ว สมาคมรวมตระกูลไม่เพียงแต่ยึดครองและอยู่ในกลุ่มดาวกิ้งก่าได้เท่านั้น แต่ยังยึดครองดินแดนสามในสี่ของกลุ่มดาวกิ้งก่าได้อย่างเหนียวแน่น
ผลงานที่โดดเด่นของซือหม่าเซี่ยวทำให้เบื้องบนของสมาคมรวมตระกูลจับตาดูเขา แต่ก็เหมือนครั้งก่อนกลับสร้างความแตกตื่นและเกียจคร้านให้กับสายตระกูลอื่น
เขาเตรียมจะโจมตีทั้งกลุ่มดาวกิ้งก่าแต่กลับถูกเรียกกลับบ้านอย่างเร่งด่วนเพื่อมอบเกียรติยศชื่อเสียงและความรับผิดชอบอย่างหนักให้เขา แต่กลับเป็นสายตระกูลที่หนึ่งและที่สองคิดจะฉวยโอกาสชิงความดีความชอบของเขาไป
เมื่อกลับมาสมาคมซือหม่าเซี่ยวมีแผนการของเขาเองนอกจากออกไปเยี่ยมผู้อาวุโสตระกูลที่ไม่มีอำนาจแล้ว เขาจะอยู่แต่ในบ้าน และยากจะออกไปข้างนอก แต่ไม่มีใครรู้ว่าในท่ามกลางความเงียบ เขากำลังวางแผน
ชิวจื่อจวินเป็นศิษย์พี่ของเขา
“แต่ด้านถังเทียนก็มีอัจฉริยะที่มีกลยุทธแข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่คนหนึ่งทำให้ข้ารู้สึกอิจฉา! ข้อมูลภายในสมาพันธ์ชาวยุทธก็มีมากกว่าของเรา” ซือหม่าเซี่ยวกินขนมเต็มคำทำให้พูดไม่ชัด
ชิวจื่อจวินส่ายศีรษะและพูดเฉื่อยชา “มันไม่ใช่คนของสมาพันธ์ชาวยุทธ คนของถังเทียนผู้นี้ นิสัยของเขาเยือกเย็นกว่าน่าจะเป็นคนส่วนตัวของเขาเอง ถ้าสิ่งที่ลือไว้เป็นจริง อย่างนั้นเรื่องเกี่ยวกับกองทัพดาวกางเขนใต้ปล่อยของบางอย่าง ก็อาจจะจริง”
“มีเหตุผล”ซือหม่าเซียวเลียขนมจากนิ้วของเขาไม่สนใจภาพพจน์ตนเอง “ถ้าเรามีกองทัพของเราเอง อย่างนั้นหลายอย่างอาจจะง่ายขึ้น”
“เจ้าก็สร้างเองได้ในตอนนี้ไม่ใช่หรือ?” ชิวจื่อจวินมีสีหน้าเฉื่อยชาขณะพูด
“เฮ้ เฮ้!”ซือหม่าเซียวไม่มีความอายแม้แต่น้อยเมื่อถูกจับไต๋ได้ เขายังคงยิ้มต่อไป “ดีจริงศิษย์พี่ท่านร่างกายอ่อนแอมาก กังวลมากจะทำให้ตายได้นะ ถ้าเกิดท่านตายขึ้นมาจริงๆ ใครจะมาช่วยข้าดูแลเรื่องเหล่านี้”
ชิวจื่อจวินทำเหมือนไม่ได้ยินเขา “สองสายตระกูลพ่ายแพ้หนักที่กลุ่มดาวกิ้งก่า ซือหม่าหงตายและซือหม่าอี่กวงบาดเจ็บหนัก”
ซือหม่าเซี่ยวดูเศร้าขณะหัวเราะ “อัจฉริยะโดดเด่นตายเร็วขนาดนั้นนั่นคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลซือหม่าของเรา! ส่งของขวัญสองชิ้นไปให้สองสายตระกูลภายหลัง หวังว่าลุงทั้งสองจะไม่เศร้าเกินไป”
“พวกเขาเกลียดท่านเข้ากระดูกดำ” ชิวจื่อจวินคร้านเกินกว่าจะสนใจท่าทางของซือหม่าเซี่ยว
ซือหม่าเซี่ยวจงใจทิ้งพื้นที่หนึ่งในสี่ของกลุ่มดาวกิ้งก่าไว้ทำให้เขารู้ว่าสองสายตระกูลต้องการจะมาแย่งความดีความชอบ ในช่วงสามปี เขาไม่ได้ฆ่ายอดฝีมือที่ทรงพลังของกลุ่มดาวกิ้งก่า เพียงบีบต้อนพวกเขาเข้ามุม แต่ไม่โจมตี เขาให้โอกาสพวกเขาได้หายใจแม้จะต้องการรู้ว่ามีประตูดวงดาวมากเท่าใดในพื้นที่ซึ่งเชื่อมต่อกับกลุ่มดาวเฮอคิวลิส
เป็นไปได้ยังไงที่กลุ่มดาวเฮอคิวลิสจะพ้นไปจากเงื้อมมือของสมาคมรวมตระกูล?
ยอดนักสู้ที่ทรงพลังของกลุ่มดาวกิ้งก่ารวมตัวกันบวกกับการสนับสนุนลับๆ จากกลุ่มดาวเฮอคิวลิสเป็นกองทัพที่ทรงพลังแน่นอน เมื่อโจมตีสายตระกูลที่หนึ่งและที่สองจึงได้รับบาดเจ็บหนักเป็นธรรมดา
“มันจะสำคัญยังไงต่อข้าเล่า?” ซือหม่าเซี่ยวหัวเราะ หน้าของเขาหยิ่งยโส “พวกเขาเรียกข้ากลับ ดังนั้นข้าก็มาอยู่ที่นี่ ปล่อยให้พวกเขาโจมตี ข้าก็ยอมตกลงด้วย ข้าเป็นแบบอย่างที่ดีให้แล้วอย่ามาทำให้ข้าเสียชื่อเลย”
“ครั้งนี้สองสายตระกูลได้รับความเสียหายมาก” ชิวจื่อจวินวิเคราะห์อำนาจอย่างใจเย็น“ท่านวางแผนจะใช้ผู้อาวุโสของตระกูลยังไง?”
“ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะ” ซือหม่าเซี่ยวสั่นศีรษะเหมือนกลองป๋องแป๋ง“ชื่อเสียงบารมีข้ายังไม่มากพอ”
ชิวจื่อจวินรู้ซึ้งการเตรียมการของซือหม่าเซี่ยวหลังจากคิดชั่วขณะเขาก็เข้าใจ “เป้าหมายของท่านคือองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธใช่ไหม?”
“รุ่นพี่ช่างฉลาด, ชื่อเสียงของกลุ่มดาวกิ้งก่าจะได้มากเพียงไหนกัน?” ซือหม่าเซี่ยวเผยยิ้มที่ไม่ธรรมดา น้ำเสียงของเขาผ่อนคลาย “สมาคมรวมตระกูลของเรามีผู้เยาว์ไม่มากนัก แต่มักจะให้ความสำคัญกับคนรวยเทียบกับองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธแล้วเรายังคงด้อยกว่าและนั่นคือปัญหาของระดับสูง แต่พวกเขากลับกลัวทั้งสององค์กรมาก และในความเป็นจริง พวกเขาไม่มีความมั่นใจพอ เวลานี้ใครก็ตามที่สามารถเป็นฝ่ายตรงข้ามองค์การวิญญาณมืดและสมาพันธ์ชาวยุทธได้ ตราบใดที่ยังเอาชนะไม่ได้ ทางเบื้องบนจะไม่สนใจเขาเลย”
“ท่านไม่กลัวแพ้หรือ?” ชิวจื่อจวินตกใจกับแผนของรุ่นน้องเขานัก เพราะความคิดของเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่ตระกูลซือหม่า
“ข้าจะแพ้ได้ยังไง?” บุรุษผมสั้นหัวเราะ “มันจะเกี่ยวข้องกับข้าได้อย่างไร? ชี่จื่อคือคนของลุงรองเป้าหมายของวิญญาณมืดก็คือถังเทียน สมาพันธ์ชาวยุทธต้องการปกป้องถังเทียน สายตานับพันคู่จับตามองอยู่ คนแพ้จะเสียหน้าและสมาพันธ์ชาวยุทธหรือองค์การวิญญาณมืดจะกลืนกินของชิ้นเดียวกันได้อย่างไร? สบายใจได้ เราเป็นแค่พวกเสียงเล็กเสียงน้อยไม่มีใครจับตามองดูเราแน่นอน”
“เจ้าวางกับดักให้เราสู้กับใครกันแน่?” ชิวจื่อจวินพยายามข่มความตกใจและถาม
“เฮ้, รุ่นพี่ อย่าใช้คำว่ากับดักมันน่าเกลียดเกินไป” ซือหม่าเซี่ยวมีท่าทีเจ้าเล่ห์ “ดังนั้นผู้อาวุโสมากมายใครก็ตามที่ยินดีจะสนับสนุนผู้เยาว์อย่างข้าก็จะถูกมองว่ามีคุณธรรม ผู้อาวุโสคนใดก็ตามมีความเมตตาเพียงพอ เวลาจะเป็นตัวบอก”
ชิวจื่อจวินมองดูศิษย์น้องของเขาที่กำลังยิ้ม ใจของเขาค่อยๆ คิดล่วงหน้าทันที
แผนของศิษย์น้องอาจจะสำเร็จได้จริงๆ
เมื่อพิจารณาดูแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งซือหม่าเซี่ยวมุ่งไปที่จุดวิกฤติทำให้วิญญาณมืดกับสมาพันธ์ชาวยุทธหันมาสู้กันอย่างรวดเร็ว ถึงเวลานั้นสภาพคงยุ่งเหยิงวุ่นวาย ความตั้งใจของศิษย์น้องของเขาชัดเจนอยู่แล้ว คว้าโอกาสจากวิกฤติ
“ถังเทียนก็มีกองกำลังและนั่นคือตัวแปรที่ไม่แน่นอน” ชิวจื่อจวินระบุ
ซือหม่าเซี่ยวเย้ยหยัน“จะตั้งกองกำลังจะทำง่ายๆ ได้อย่างไร? ก็แค่อาศัยชนเผ่าเล็กๆ พวกเขาจะสร้างสิ่งที่เรียกว่ากองทัพได้หรือ? นอกจากนี้ ต่อให้พวกเขามีกองทัพ อย่างนั้นฝ่ายที่ควรกังวลก็คือพวกวิญญาณมืด”
เขาลอบสร้างกองกำลังของเขาและนั่นไม่ง่ายจะหาได้พบ ดังนั้นเขาไม่สนใจกองทัพของถังเทียนเท่าใดนัก
ในอีกด้านหนึ่งอันไป่ตาย เหมาจวินแขนหัก ผลเช่นนี้ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้ชม
ทหาร!
กลุ่มดาวหมาป่ามีทหารจริงๆ
อันไป่และเหมาจวินเป็นนักสู้ในทำเนียบสวรรค์วิถีทั้งคู่ เพราะคนหนึ่งตายและอีกคนบาดเจ็บจึงไม่ใช่งานง่าย แต่ข่าวที่ถังเทียนมีกองกำลังมาจากเหมาจวินแพร่กระจายออกไป ไม่มีใครสงสัยเหมาจวิน
ชายชราร่างผอมส่งเสียงดัง “เจ้าไปเจออะไรมา?”
ชายชราผู้นี้มีนามว่าทู่และเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งขององค์การวิญญาณมืด ในองค์การวิญญาณมืดตำแหน่งผู้อาวุโสตระกูลได้รับการนับถือสูง เมื่อข่าวของกองทัพดาวกางเขนใต้มาถึงเขา เขาจึงตื่นเต้น
เขารู้มากกว่าคนธรรมดา
“พวกเขาไม่ควรกลัวกองกำลัง” ต่อหน้าเขาเป็นสตรีนักสู้ที่สวมเกราะ “ถ้าเป็นกองทัพจริงๆเหมาจวินคงหลบหนีไม่ได้ ข้าคิดว่าคงก่อตั้งได้ไม่นาน ดังนั้นพลังของเขาจะสูงหรือไม่ยังน่าสงสัยอยู่”
ในสถานะของพวกเขากองทัพสำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เรื่องที่ต้องกลัว ไม่ว่ากองทัพจะแข็งแกร่งเพียงไหน สำหรับยอดฝีมือแล้ว ถือว่าไม่มีอะไร
แข่งกันในเรื่องความแข็งแกร่งไม่มีอะไรแน่นอนในเรื่องความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ
“ถ้าข้ามอบเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการเจ้าจะรับมือได้ไหม?” ผู้เฒ่าทู่เอ่ยขึ้น
“ข้าต้องการกำลังองครักษ์หกคน” นักสู้สตรีกล่าว
ผู้เฒ่าทู่ประหลาดใจ“เจ้ารู้สึกว่าต้องการองครักษ์หกคนหรือ?”
องครักษ์หกคนเป็นนักสู้ที่โดดเด่นที่สุดของเขา นางเป็นผู้นำพวกเขา และพวกเขามีพลังสายเลือดพิเศษทุกคนและแข็งแกร่งมาก ผู้เฒ่าทู่ไม่คิดเลยว่านางจะต้องการใช้กำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทันที
“ใช้สิงโตไปไล่จับกระต่ายเราจะใช้กำลังของเราทั้งหมด” นักสู้สตรีตอบ
หลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ ผู้เฒ่าทู่จึงเงยหน้าตอบ “ก็ได้, เจ้านำพวกเขาไปด้วยและเอาตัวถังเทียนมาให้ข้า” “รับทราบ!” สตรีนักสู้ตอบและหมุนตัวจากไป