ตอนที่ 288 การตัดสินของถังเทียน
รังสีดาบไล่มาถึงด้านหลังพวกเขาและสองคนที่เอาแต่หนีอย่างบ้าคลั่งก็รู้สึกถึงได้ พวกเขาใจหายวาบ
ทั้งสองคนมีประสบการณ์ต่อสู้มากมายและรู้ว่าถึงเวลาสู้เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว
รังสีบนตัวของอันไป่กระพริบและร่างของเขาแยกเป็นหก ร่างลวงตาแยกออกเป็นหกและวิ่งไปในทิศทางที่แตกต่างกันทันที
เหมาจวินร้องลั่นรอยเลือดแดงปรากฏบนหลังของเขาทำให้หน้าของเขาแดงก่ำเหมือนกับว่ามีเลือดไหลออกและปีกแสงสีแดงจู่ๆ ก็ปรากฏอยู่บนหลังของเขา ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นกลายเป็นเหมือนประกายแสง
ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาไม่อาจชะงักงันได้พวกเขาไม่ลังเลใจใช้วิชาเพื่อหนีเอาตัวรอด
อย่างไรก็ตามรังสีดาบเย็นยะเยียบไวกว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก ร่างลวงตาทั้งหกของอันไป่เพิ่งไปได้สามก้าว สามร่างทางด้านขวาก็ถูกตัดคอทั้งหมดโดยไม่มีอะไรขวางเลยแม้แต่น้อย
เหมาจวินกำลังหนีไปรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดและความเจ็บปวดแผ่ขยาย ขณะที่เลือดพุ่งกระจายในอากาศ แต่เขาไม่ยอมหยุดเขาเพิ่มความเร็วและหายลับไปจากสายตาของพวกเขา
ขณะนั้นเองมีร่างหนึ่งส่งเสียงร้องออกมา ร่างของอันไป่ล้มลงกับพื้นทราย ศีรษะของเขาปลิวหาย เขาโชคร้ายเกินไปเขาคือหนึ่งในสามร่างที่ถูกตัดคอ
ร่างอื่นๆของอันไป่ค่อยๆ จางหายไป
ถังอี้ยังมีสีหน้าเฉื่อยชาม้าของเขาชะลอความเร็วลง เขายังอยู่ในท่าขวางดาบดูทรงพลัง
เกิดความปั่นป่วนประหลาดใจในท่ามกลางชนเผ่าทั้งหลายและเมื่อพวกเขาออกมากันหมด พวกเขามาทันได้เห็นพลังดาบของถังอี้และตกตะลึงทุกคน
ท่ามกลางความเงียบถังอี้พูดเฉื่อยชา “ไปฝึกกันต่อ”
ถังเทียนกับหลิงซิ่วยังคงประหลาดใจกับเพลงดาบของถังอี้
ดาบของเขาเกิดจากการแปรสภาพพลังของนักสู้ยี่สิบคนเบื้องหลังเขา มันทรงพลังมากเกินกว่าทั้งสองคนจะนึกภาพออก นักสู้ระดับสวรรค์วิถีสองคนเผชิญหน้ากับดาบของเขาคนหนึ่งตาย คนหนึ่งบาดเจ็บ
ตาของถังเทียนมีประกายลุ่มหลงเขาไม่รู้ว่าผลจะเป็นเช่นไรระหว่างกรงเล็บเพลิงภูตพรายกับรังสีดาบของถังอี้
หัวใจของหลิงซิ่วปั่นป่วนเพราะเหตุผลบางอย่าง เขาคิดถึงพาหนะน้ำแข็งเงินและเสียงเพลงประหลาดที่ดังออกมาจากกลุ่มเมฆ เขาสะบัดศีรษะขับไล่ความคิดออกไป ยืดร่างกายตรงหมุนตัวเดินห่างออกมาพร้อมกับหอกในมือ ขณะเดียวกันก็แค่นเสียง “ใช้คนมากมายเอาชัยนับเป็นความเข้มแข็งอะไรกัน”
ถังเทียนไม่เห็นด้วยกับเขากล่าวพลางเกาศีรษะ “ข้าคิดว่ามันทรงพลังดี!”
หลิงซิ่วเดินห่างออกไปไม่สนใจถังเทียน
สายตาถังเทียนเป็นประกายแวววาวเขาตะโกนพร้อมกับโดดตัวเลย “สินสงคราม!”
เขาหายไปราวกับม่านควันและพุ่งมาหยุดอยู่ที่ศัตรูล้มลง
นักสู้สวรรค์วิถีใจกว้างกันทั้งนั้น นอกจากของเบ็ดเตล็ดอื่นๆ แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเกราะเงินชุดหนึ่ง “เกราะขยายตัว” จากกลุ่มดาวแมลงวัน
อันไป่แยกร่างเป็นหกร่างก็คือวิชาร่างจำแลงกลุ่มดาวแมลงวันซึ่งเป็นวิทยายุทธของเกราะ
เมื่อเห็นเกราะถังเทียนคิดถึงอาโมรี่ขึ้นมาทันที
เจ้าวัวแมลงวันคิดถึงชื่อนี้แล้วดูเหมาะสมกันดี
หลังจากบรรลุพลังระดับเจ็ด พลังของถังเทียนก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดและพลังเกลียวเงินในร่างของเขาแกร่งกร้าวทนทานเกราะเงินจากกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้คงไม่อาจทนทานต่อปราณแท้ของเขาได้อีกต่อไป
ดูเหมือนว่าดีที่สุดควรจะหาซื้อเกราะเงินจากกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือดีกว่า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ถังเทียนค่อนข้างกระสับกระส่าย
สมาพันธ์ชาวยุทธขายเกราะจากกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนืออยู่เหมือนกัน แต่เกราะทั้งหมดแพงมาก ราคาเริ่มต้นอย่างน้อยร้อยล้านเหรียญดาว หลังจากมองดูชั่วขณะแล้ว เขารู้สึกอ่อนใจ ของแพงขนาดนั้นซื้อมาย่อมไม่มีปัญหา แต่เขาต้องซื้อเกราะให้เหมาะสมกับเขา
เขาตัดสินใจไปเมืองสามวิญญาณเพื่อถามติงตังก่อนและนับเป็นโอกาสดีที่จะได้คลายสงสัยในเรื่องพลังสายเลือดของเขา
เมื่อกลับมาเมืองสามวิญญาณเซรีนเห็นที่ปิดตาของถังเทียนแล้วรู้สึกประหลาดใจ “เกิดอะไรขึ้นกับตาของเจ้า?”
“มีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ นั่นแหละ” เมื่อพูดถึงเรื่องตา ถังเทียนรู้สึกขมขื่นใจ เขาไม่เข้าใจมันเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตาของเขา ดังนั้นเขาดึงที่ปิดตาออก “ดูเอาเอง”
เซรีนเข้ามาดูใกล้ๆและเกิดอาการงง “โหว, น่าสนใจดี! ตาแดงข้างหนึ่ง ตาฟ้าข้างหนึ่ง คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเป็นคนประหลาด ประหลาดจริงๆ”
“ประหลาดเหรอ? ประหลาดยังไง?” ถังเทียนไม่สบายใจ “ข้าเป็นมนุษย์ปกติชัดๆ”
เซรีนล้อเลียน“คนปกติมีตาแดงตาฟ้าที่ไหนกันเล่า?”
ถังเทียนตอบเสียงอ่อย“มันอาจเป็นปัญหาที่พลังสายเลือดของข้าก็ได้”
“พลังสายเลือด?” เซรีนทำตาประหลาดใจเมื่อคิดเรื่องแปลกประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับร่างกายถังเทียน นางไตร่ตรอง “เจ้าคงต้องตรวจสอบให้ชัดเจน”
“นั่นคือสาเหตุที่ข้าต้องมาตามหาติงตัง” ถังเทียนตอบอย่างจนใจ
“ติงตังยังไม่กลับ” เวลานั้นผี่ผาเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงถังเทียน นางขออภัย “แต่นางน่าจะกลับมาในไม่ช้านี้”
“ที่ปิดตาของเจ้ามันน่าเกลียดมาก” เซรีนตบโต๊ะ “ข้าจะทำของบางอย่างให้เจ้า”
พูดจบนางเดินเข้าไปในห้องทำงาน หลังจากนั้น 15 วินาที นางถือของบางอย่างออกมา
“แว่นตา?” ถังเทียนประหลาดใจ เขารับแว่นตาจากเซรีนมาสวมดู
เลนส์สีเทาหม่นปิดตาที่ผิดปกติของเขาได้ แต่สิ่งที่ทำให้ถังเทียนประหลาดใจก็คือเลนส์สีเทาหม่นทำให้การมองเห็นของเขาเป็นปกติอีกครั้ง
“เลนส์สร้างจากผลึกเทา หลายๆ คนที่ฝึกใช้ตาปล่อยพลังยุทธบางอย่างจะมีความผิดปกติที่ตาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาส่วนใหญ่จะใช้แว่นกระจกเทา” เซรีนมีท่าทางดีใจ “เทียบกับที่ปิดตาของเจ้าแล้ว แว่นตาดูดีกว่ามาก”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” ถังเทียนส่องกระจกดูตนเองเป็นครั้งแรกที่เขาใส่แว่นตาและเงาสะท้อนในกระจกของเขาให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นคนอื่น หน้าของเขาดูได้สัดส่วน เส้นหน้าแนวกรามให้ความรู้สึกของคนที่มีสุขภาพที่ดีแกร่งกร้าว แต่พอสวมแว่นตาเขากลับดูมีท่าทีสุภาพขึ้นและดูเหมือนคนทรงภูมิปัญญา
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นเซรีนและผี่ผาก็ประหลาดใจเช่นกัน
“ตอนนี้เจ้านายดูสุภาพมากขึ้น”ผี่ผาประหลาดใจมาก
เซรีนลูบคางนาง นางถอยเล็กน้อย “ใช่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เนื้อตัวที่มอมแมมของเจ้าจะมีแก่นแท้แบบนั้น”
ความทึ่งและประหลาดใจของเซรีนและผี่ผาทำให้ถังเทียนมีความสุขมาก
สุภาพ คำนั้นพูดถึงคนที่ได้รับการอบรมและมีสติปัญญา
ถังเทียนที่เป็นเหมือนพวกบ้านนอกเข้ากรุงเชิดหน้ายืดอก และพยายามอย่างหนักทำให้ตนเองดูเป็นผู้ได้รับการอบรมและมีภูมิรู้ปัญญา
“ข้ากลับมาแล้ว” เสียงของติงตังดังมาจากข้างนอกประตู
ถังเทียนลืมเรื่องท่าทางภูมิฐานของเขาและตะโกนอย่างดีใจ “ติงตัง! ติงตัง!”
ติงตังมองดูถังเทียนแม้ว่านางจะตกใจกับการแต่งตัวของถังเทียน แต่นางก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เจ้านาย,ข้าจำเป็นต้องรายงานข่าวที่ไม่ค่อยดีสองเรื่องกับเจ้า เบื้องหลังของอูเถี่ยหวี่ก็คือสมาคมรวมตระกูลที่แข็งแกร่ง พวกเขาได้รับข้อมูลบางส่วนจากคนที่ชื่อตี๋หานมาว่าสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวกางเขนใต้ตกอยู่ในมือของเจ้าซึ่งเกี่ยวข้องกับสมบัติลับของกลุ่มดาวกางเขนใต้ ข่าวร้ายอีกข่าวก็คือ องค์การวิญญาณมืดยังคงมีคนร่วมเคลื่อนไหวด้วย พวกเขาเลือกหวยไป่หัวและเป้าหมายของพวกเขาก็คือสมบัติเซียนแห่งกลุ่มดาวกางเขนใต้”
“ตี๋หาน? เจ้าตี๋หานนั่นน่ะหรือ?” ถังเทียนประหลาดใจ “เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ หรือนี่?”
“และดูเหมือนเขาจะเข้าร่วมกับสมาคมรวมตระกูลด้วย” ติงตังเสริม
“อ้อ” ถังเทียนเข้าใจ แต่เขายังทำท่ามั่นใจ “สมบัติลับแห่งกลุ่มดาวกางเขนใต้น่ะ? อุ๊บ...ข้ายังไม่เคยเห็นแม้แต่เหรียญดาวสักชิ้นมาก่อน ปิงเจ้าบ้านี่ก็ยังล้างผลาญเงินของข้าไปมากมายด้วยซ้ำ ฮึ่ม ฮึ่ม,ขอให้เขาไม่มีสมบัติอะไรดีกว่า ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าจะต้องทำให้เขาคายทุกอย่างออกมาให้ได้”
ปิงเพิ่งเข้าประตูมาพอได้ยินคำพูดโมโหของถังเทียน หัวใจเขาสั่น และค่อยๆ ถอยออกมาเงียบๆ
“สมาคมรวมตระกูลและองค์การวิญญาณมืดทั้งสององค์กรทรงพลังมาก”ติงตังอดเตือนถังเทียนไม่ได้ สมองเจ้านายมอดไหม้หมดแล้วหรือไง?
ถังเทียนโบกมือ“ใครจะไปสนเล่า, ข้าจะฆ่าพวกมันให้หมดรวดเดียวเลย”
ติงตังไม่รู้จะพูดยังไง นางไม่เข้าใจบุรุษหนุ่มที่อยู่ต่อหน้านางเลย เขาจะเอาแต่กวาดทุกอย่างลงใต้พรมได้อย่างไร เขาไม่รู้ว่าตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ใดหรือ?เขาไม่เข้าใจพลังขององค์การวิญญาณมืดและสมาคมรวมตระกูลว่า พวกเขาทรงพลังแค่ไหน?
นางกระวนกระวายใจทันที แต่ถังเทียนไม่สนใจ
“ข้ามาที่นี่ครั้งนี้ด้วยเหตุสองประการ” ถังเทียนพูดตามตรง “เรื่องแรกข้าต้องการทำความเข้าใจ พลังสายเลือดที่มีอยู่ในตัวข้าเป็นแบบไหนกันแน่ เรื่องต่อมา ข้าอยากซื้อเกราะมาตรฐานของกลุ่มดาวขอบฟ้าเหนือ ติงตังเจ้ามีการติดต่ออะไรได้บ้างหรือไม่?”
ติงตังผงะ “พลังสายเลือด? พลังสายเลือดของเจ้านายน่ะหรือ?”
ถังเทียนถอดแว่นตาออกและอวดตาแดงตาฟ้าของเขา
ติงตังตกตะลึง “เจ้านาย! เกิดอะไรขึ้นกับตาเจ้า?”
“นั่นคือเรื่องที่ข้าต้องการค้นหา” ถังเทียนตอบจริงจัง “องค์การวิญญาณมืดมีการค้นคว้าพลังสายเลือดมามาก,ข้าคิดว่าพวกเขาสามารถค้นหาคำตอบให้ข้าได้ว่า พลังสายเลือดแบบไหนกันแน่ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายข้า”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ติงตังพยักหน้า “เมื่อทุกอย่างจบแล้ว ข้าจะพาไป อยู่ไม่ไกลนักหรอก อาจใช้เวลาเดินทางสามวันข้ารู้จักผู้เชี่ยวชาญพลังสายเลือดที่เก่งอยู่คนหนึ่ง”
“เราจะไปกันเดี๋ยวนี้” ถังเทียนตอบ
“ตอนนี้...” ติงตังรู้สึกว่านางกำลังจะบ้า เจ้านายนางไม่เห็นหรือไงตอนนี้อันตรายเพียงไหน? เจ้านาย,โปรดจริงจังกว่านี้ได้ไหม? นั่นคือองค์การวิญญาณมืดและสมาคมรวมตระกูล!
ถังเทียนกลับส่ายหน้าอย่างคาดไม่ถึง “เนื่องจากเจ้าบอกว่าเป็นองค์การวิญญาณมืดและสมาคมรวมตระกูลกำลังมา อย่างนั้นเรื่องนี้จะยังไม่เกิดขึ้นชั่วคราว”
“ทำไมหรือ?” ติงตังโพล่งออกมา
“เพราะพวกเขายังกังวลคุมเชิงกันเองอยู่ เนื่องจากเหยื่อมีเพียงรายเดียวและนักล่ามีสอง การล่าจะยังไม่เริ่มขึ้นเร็วนัก” ถังเทียนพูดด้วยความมั่นใจ เขาไม่รู้ว่าปัจจุบันเขาเหมือนกับเป็นอีกคนหนึ่งไปโดยปริยายมีความใจเย็นมากขึ้น
ติงตังกับเซรีนตกใจกับพฤติกรรมของถังเทียน
ตาของผี่ผามีประกายงดงาม“เจ้านายพูดมีเหตุผล”
ได้รับคำชมจากผี่ผาผู้ฉลาด หัวใจถังเทียนยิ่งมีความสุขมาก เขาเท้าสะเอวเชิดหน้าแหกปากหัวเราะลั่น “ฮ่าฮ่าของมันแน่อยู่แล้ว, หนุ่มชาวฟ้า..ฉลาดมากจริงๆ”
ติงตังที่ตกใจกับความหน้าหนาของถังเทียนก่อนนั้น นางไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าเจ้านายของนางแท้จริงเป็นคนแบบไหน
แต่ถ้าแม้แต่ผี่ผาก็ยังเห็นด้วยว่ามีเหตุผล อย่างนั้นก็ต้องมีเหตุผลแน่ เนื่องจากติงตังเชื่อการตัดสินใจของผี่ผา
ติงตังดึงหลอดแก้วออกมาและข้างในมีเลือดอยู่หยดหนึ่ง
“นี่คือเลือดหย่งอัน” ติงตังอธิบาย “เจ้านาย, ทันทีที่เจ้าดูดซับเลือดนี้ เจ้าจะสามารถเข้าเมืองหย่งอันได้ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสายเลือดพักอยู่อย่างสันโดษในที่นั้น”
ติงตังดึงฝาของหลอดแก้วออกและให้เลือดไว้ในมือถังเทียน
เลือดหย่งอันซึมเข้าไปในผิวของถังเทียนทันที และถังเทียนรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่กระพริบเข้ากระพริบออก
“การเข้าเมืองวิญญาณมืดอย่างเมืองหย่งอันจำเป็นต้องไปให้ถึงภูมิภาควิญญาณ เจ้านายต้องตั้งสมาธิและเชื่อมโยงจากนั้นบริกรรมคำว่าหย่งอันในใจ...”
“หยดเลือดหย่งอันหนึ่งหยดมีราคาประมาณแปดแสนเหรียญดาว เจ้านายท่านต้องจ่ายเงินให้ข้าด้วย”
โดยมิทันได้พูดสักประโยค ถังเทียนที่อยู่หน้านางก็หายไป
ติงตังตะลึง ร้ายกาจนักนะ? ข้าแค่ทวงเงินเท่านั้นเอง....