ตอนที่ 287 จ่าตรีระดับทอง
“อูเถี่ยหวี่หยุดเหรอ?” ถังเทียนมีสีหน้าตกใจ “เขาบาดเจ็บหรือเปล่า?”
“ไม่”หัวเทียนไห่เป็นน้องชายของหัวหม่าเอ้อ หลังจากหัวหม่าเอ้อจากไป เขารับหน้าที่สอดแนมหาข้อมูล อูเถี่ยหวี่ไม่มีเจตนาจะซ่อนตัวเอง “แม้ว่าคานท์จะทำให้เขาบาดเจ็บชะงักงันไป แต่ดูเหมือนเขาจะมีความก้าวหน้าบางอย่างดังนั้นเขาจึงไม่เดินหน้าไปต่อ ได้แต่หยุด”
“บรรลุบางสิ่งบางอย่าง” ถังเทียนลูบคางไตร่ตรองลึกซึ้ง
หลิงซิ่วกล่าวอย่างหงุดหงิด “ไม่ว่าเขาจะก้าวหน้าหรือไม่ ข้าก็แค่แทงเขาให้ตายในหอกเดียว”
“ใช่แล้ว!” ถังเทียนปรบมือ “แทงเขาให้ตาย แทงเขาให้ตาย!เสี่ยวซิ่วซิ่วรู้ใจข้าดีที่สุด”
หัวเทียนไห่ตะกุกตะกักและไม่กล้าพูดออกมา แม้ว่าทั้งสองคนนี้จะทรงพลังมาก แต่สมองของพวกเขาดูเหมือนจะมองอะไรง่ายเกินไป ขณะที่คนฉลาดอย่างอย่างท่านอาเฮ่อก็ปิดประตูฝึกฝนวิชา
ความสนใจของหั่วเทียนไห่ถูกเสียงตะโกนแต่ไกลดึงดูด เขามองดูนักสู้ที่กำลังฝึกฝนอยู่แต่ไกลด้วยความอิจฉา นักสู้เหล่านั้นคือผู้มีฝีมือดีประจำเผ่า ตอนนี้พวกเขารวมตัวด้วยกันเพื่อรับการฝึกฝน
การก่อตั้งกองทัพทำให้มีกลิ่นอายอีกอย่างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
หั่วเทียนไห่รู้สึกทรมานใจ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวของเขาออกไปปฏิบัติภารกิจ เขาคงเป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการฝึกฝนที่นั่นเช่นกัน
หน่วยกล้าตายที่ขี้เกียจไร้ประโยชน์ในสายตาของปิงนี้ได้รับการฝึกจากถังอี้ ถังอี้เป็นจ่าตรีระดับทองผู้มีพื้นฐานการต่อสู้ที่แข็งแกร่งแน่นหนา ปิงต้องคอยจัดแถวให้พวกหน่วยกล้าตายเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพราะจะทำให้เขาเป็นโรคประสาทเท่านั้น แต่เขาไม่ต้องการจะเสียเวลากับหน่วยกล้าตายเพียงแค่นี้ ความหวังของเขาตั้งเอาไว้กับกองทหารจักรกลในอนาคต หลังจากพยายามไม่กี่ครั้ง เขาเหมือนกับลูกค้าจู้จี้จุกจิกและโยนอาหารไม่ดีไปให้ถังอี้
เขาไม่เคยคิดว่านั่นกลับเป็นผลดีอย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าถังอี้จะไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนปิง แต่อย่างน้อยเขาไม่ได้ละเลยคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ คนผู้นี้ทำหน้าที่กลางๆ ไม่เหลวไหล ไม่มีลังเล ทหารทุกคนในเผ่าพันธุ์กลัวเขามาก ปัญญาเขาไม่สูงทำให้ความคาดหวังของเขา เหมือนติดอยู่ในโคลน แต่เขาเป็นผู้มีวิธีจัดการกับพวกไก่อ่อนที่ไม่เคยได้รับการฝึกฝนได้ดี
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน พวกเขาดูเหมือนมีความเติบโตก้าวหน้ากันแล้ว
ทันใดนั้นมีคนสอดแนมคนหนึ่งวิ่งมาทางด้านนี้ หั่วเทียนไห่ตื่นตัวและถามทันที “สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
“บริวารคนหนึ่งของคานท์หลบหนีมาทางเรา เขาถูกคนสองคนไล่ตาม” คนสอดแนมรีบรายงาน “จันทร์เงินคานท์น่าจะตกอยู่ในเงื้อมมือคนผู้นี้”
หั่วเทียนไห่ตื่นเต้นทันที จันทร์เงินคือสมบัติตกทอดที่มีค่ามากที่สุดของกลุ่มดาวหมาป่า แต่เขามิได้ทำเป็นห้าว“คนไล่ตามมีเบื้องหลังเช่นไร?”
“ข้าไม่รู้” คนสอดแนมส่ายหน้า “แต่พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก”
ทันใดนั้นมีเสียงฝีเท้าม้าดังขึ้น
คนสอดแนมอีกคนพาบุรุษหนุ่มที่หมดสติและบาดเจ็บมา คนสอดแนมนั้นมีเหงื่อเต็มไปหมด แต่เขามีท่าทางตื่นเต้นมากและตะโกนมาแต่ไกล “เขามาล้มใกล้ข้า ดังนั้นข้าเลยรับตัวเขามาด้วย”
เหมาจวินและอันไป่รู้สึกหดหู่เสียดายพวกเขาไม่คิดเลยว่าจะสูญเสียรางวัลมีค่าไปอย่างหวุดหวิด
ความจริงชายหนุ่มหมดสติอยู่ใกล้เท้าของคนสอดแนมของเผ่าหมาป่าเพลิงและพวกเขาประมาทความเร็วของม้าของหน่วยสอดแนมคนนั้น ทั้งสองคนนั้นไม่เคยอยู่ในทะเลทรายและรู้เรื่องเผ่าทะเลทรายเล็กน้อย ชาวเผ่าทะเลทรายฝึกฝนมากับม้าเป็นอย่างดี ความเร็วของพวกเขาเหลือเชื่อ และพวกเขามีพลังที่โดดเด่น ม้าที่มอบให้หน่วยสอดแนมใช้ก็เป็นม้าชั้นดี
เผ่าหมาป่าเพลิงฝึกม้าสายพันธุ์หนึ่งมีชื่อว่าม้าเท้าเพลิงมันคืออสูรดวงดาวระดับหกซึ่งมีฝีเท้าเป็นเลิศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันวิ่งเต็มกำลัง พวกมันจะเหมือนกับมีเปลวเพลิงลุกโหม
“ดูเหมือนว่าเรามาถึงฐานที่มั่นพวกมันนะ”เหมาจวินหงุดหงิดมาก เขาเห็นกระโจมสร้างอยู่ทุกหนแห่ง และหน่วยสอดแนมในตอนนี้หลบเข้าไปในนั้น
อันไป่ก็หงุดหงิดมากเช่นกัน “เจ้าคนพวกนี้มันจะเกินไปแล้ว! บังอาจมาลักพาตัวคนไปต่อหน้าต่อตาเราได้ยังไง?”
“ไปกันเถอะ” เหมาจวินตะโกน เมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของอันไป่ “อย่าบอกข้านะว่าเจ้ายังต้องการลักพาตัว?”
อันไป่มีความคิดอย่างหนึ่ง “คืนนี้ลอบเข้าค่ายกัน ถ้าเราเจอถังเทียนกับพวก อย่างนั้นเราจะหนีกัน”
เหมาจวินคิดว่าเป็นความคิดที่ดี ทั้งสองคนมั่นใจในฝีมือพวกเขามาก ถ้าพวกเขาลอบเข้ามาในเวลากลางคืน ต่อให้พวกเขาไม่สามารถลักพาคนได้ แต่พวกเขาก็สามารถสืบเสาะหาข้อมูล
พวกเขาไม่มีใครสักคนตระหนักว่าถังอี้ที่กำลังฝึกทหารอยู่ห่างๆได้จับตามองพวกเขาแล้ว
ถังอี้มีความคิดง่ายๆ เมื่อเห็นคนทั้งสองนี้เขารู้ได้ว่าพวกนี้คือศัตรู และไม่มีการลังเลใจ เขาสั่งให้กองทัพของเขาลอบเคลื่อนที่ตรงมาที่พวกเขา หลังจากไม่กี่วันที่ฝึกฝนมานี้ทหารพวกนี้ค่อยเข้าใจระบบการทำงานร่วมกัน
ทหารสองกองตีวงล้อมอ้อมมาเป็นสองสายเข้ามาใกล้ทั้งสองคนจากด้านหลังเงียบๆ
เมื่อพวกเขาตีวงล้อมห่างราวหกร้อยเมตรจากพวกเขา เหมาจวินและอันไป่จึงค่อยตื่นตัวทันที
สถานการณ์เปลี่ยนไปถังอี้ไม่ลังใจตวาดก้อง “ฆ่า!”
บุก!
กองกำลังสองกองบุกเข้าหาสองคนเหมือนกับแนวเพลิงโค้งม้าเท้าไฟเข้าสู่สภาพเร่งความเร็วทันที เนินทรายอ่อนนุ่มไม่มีผลต่อม้า นักสู้เหล่านี้เติบโตบนทะเลทรายและพวกเขาคุ้นเคยกับพื้นที่ดี
แต่การโจมตีฉับพลันเช่นนั้นทำให้ทุกคนตื่นเต้นสุดขีด
ถังอี้ควงดาบฟันขาม้าในมือ
“โจมตี!”
นักสู้ด้านหลังของเขาปรับตำแหน่งอย่างชำนาญ โชคดีที่พวกเขาไม่ลืมบทฝึกที่พวกเขาได้รับในวันนี้ ในพริบตาก็ตั้งขบวนสามเหลี่ยมได้สมบูรณ์ปรากฏอยู่ด้านหลังของถังอี้ ห่างไปข้างหลังพวกเขาไปอีกสิบห้าเมตรยังมีขบวนสามเหลี่ยมซ้อนอยู่อีกและมีการเปลี่ยนแปร
เมื่อถังอี้วิ่งเข้ามาในระยะ150 เมตรห่างจากศัตรู กองกำลังทั้งหมดก็ตั้งขบวนเสร็จเรียบร้อย
แม้ว่าปิงจะไม่ค่อยใส่ใจหน่วยกล้าตายเหล่านี้ แต่เนื่องจากความสมบูรณ์แบบและอุปนิสัยในวิชาชีพของเขา เขายังคงสร้างขบวนรบง่ายๆสองสามรูปแบบให้กับหน่วยกล้าตายนี้ รูปแบบขบวนตั้งอยู่บนพื้นฐานขบวนพื้นฐานของกองทัพดาวกางเขนใต้ หลังจากมีการปรับเปลี่ยนบางอย่างรูปแบบขบวนก็เหมาะสมและเข้ากับนักสู้ที่เติบโตมาในทะเลทรายเหล่านี้
ถังอี้ไม่ลังเลใจกับคำสั่งของปิงและนำขบวนนี้ออกมาใช้ทันที
อันไป่และเหมาจวินสีหน้าเปลี่ยนทันที
ทหาร!
โธ่เว้ย,ในที่ป่าเถื่อนแบบนี้ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับทหารหรือนี่!
ผลกระทบมีมากมายและทั้งสองกลัวจนคิดอะไรไม่ออก โครงสร้างแบบนี้ การฝึกฝนแบบนี้นอกจากกองทัพแล้ว พวกเขาจะเป็นอะไรได้?
ความคิดแรกของทั้งสองคนก็คือพวกเขาหลงกล!
ใครบอกกันวะว่างานนี้หมูเหมือนท่องเที่ยวพักผ่อน? ใครบอกว่างานนี้มีแต่ผลรับ? เมื่อพวกเขารับงานของพวกเขา เจ้านายพวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องกองทัพเลย! ถ้าพวกเขารู้ว่ามีกองทัพ พวกเขาไม่มีทางรับงานแน่ไม่เกี่ยวด้วยว่าได้เงินเท่าใด!”
เมื่อมีกองทัพเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้แต่นักล่าเงินรางวัลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังตื่นเต้น
ใบหน้าของถังอี้แข็งกระด้างไม่มีริ้วรอยนัยน์ตาหยีของเขาเป็นประกาย ในฐานะจ่าตรีชั้นทอง เขาคือจ่าชั้นยอดของกองทัพ แม้ว่าวิธีการต่อสู้จะเปลี่ยนไป แต่ค่ายทหารใหม่ยังให้ความรู้สึกเดิมกับเขา
ในกระบวนการวิ่งเขายังคงใช้ลมหายใจและจัดตำแหน่งนำเจ้าพวกไก่อ่อนเหล่านี้
ไม่มีเขาพวกไก่อ่อนเหล่านี้ที่เพิ่งจะเริ่มฝึกหัดจะไม่มีทางสร้างผลกระทบใหญ่ได้
ดาบฟันขาม้าซึ่งมีขนาดใหญ่พอๆกับบานประตูถูกเงื้อสูงเหมือนธงโบกสะบัดในอากาศ
“ฆ่า!”
ถังอี้ตะโกนและกวัดแกว่งดาบฟันขาม้าของเขา
นักสู้ด้านหลังเขาตะโกนก้องตาม“ฆ่า!”
อันไป่กำลังหลบหนีรู้สึกได้ทันทีว่าประกายแสงสว่างเจิดจ้าไล่มาข้างหลังเขาเขาถึงกับหน้าถอดสีพุ่งหลบไปด้านข้างโดยไม่คิดอะไร!
แสงสว่างเจิดจ้ากวาดผ่านร่างเขาไปและเนินทรายข้างหน้าระยะเก้าเมตรถูกกวาดหายไป ข้างหลังนั้นมีประกายแสงสีประหลาดเหมือนหยดน้ำฝนซึมเข้าไปในเนินทราย
บึ้ม!
อันไป่รู้สึกว่าภาพข้างหน้ามืดมนไปชั่วขณะเนินทรายครึ่งหนึ่งระเบิดขึ้นไปในท้องฟ้าเหมือนกับพายุทรายแม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ถูกบดบัง
ฝนทรายเหลืองตกใส่กระทบเขาและมันสร้างความเจ็บปวดให้เขามาก
หน้าของอันไป่ไม่มีสีเลือดเหลืออยู่เลยในหัวของเขามีความคิดเพียงอย่างเดียว
โอวพระเจ้า, หนีเร็ว!
พริบตาต่อมามีเสียงหวีดหวิวไล่หลังแต่ครั้งนี้ไม่มีประกายดาบ รังสีดาบที่น่ากลัว เขาไม่กล้าหยุดและสะบัดโล่แขนเงินเล็กกลับไปด้านหลัง
โล่รังสีเงินสมบัติชั้นเงินของกลุ่มดาวโล่
โล่เล็กกลายเป็นรังสีโล่สูงเกือบเก้าเมตรป้องกันอันไป่ไว้ด้านหลัง
ปัง ปัง ปัง!
รังสีจากดาบระดมใส่โล่และโล่สั่นอย่างรุนแรง แต่มันไม่ได้แตกกระจายทันที มันยังรับกระแสพลังโจมตีต่อเนื่องได้ถึงสามครั้ง ก่อนโล่จะแตกกระจาย
ทหารอีกชุดตวัดประกายดาบใส่เหมาจวินและเขาได้แต่หลบหลีกเป็นพัลวัน ประกายดาบระดมใส่เขาและเหมาจวิน เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่งอยู่ในสภาพน่าอับอายสุดขีด
แต่เขาไม่กล้าหยุด เพราะทันทีที่ทหารจับตัวเขาได้ เขาตายแน่นอน
ถังอี้อยู่บนหลังม้าสีหน้าไร้ความรู้สึกจุดจบเช่นนั้น ในสายตาเขาน่ากลัวเกินกว่าจะทนดูได้
ตามมาตรฐานของกองทัพดาวกางเขนใต้แล้วกองทัพหมาป่านี้ล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด ในกองทัพดาวกางเขนใต้ ในแต่ละหน่วยรบจะมีหัวหน้านำโจมตีหลักและนำคนอื่นเข้าโจมตี ขณะที่ตำแหน่งของเขาในตอนนี้ควรจะเป็นหน้าที่นายกองที่ดุร้ายแข็งแกร่งกว่า
ถังอี้ตะโกน “ไล่ตามกระชั้นเข้าไป!”
กองกำลังน้อยด้านหลังเขาตามติดเขาเหมือนกับทากาวชั้นดีทันที
อันไป่และเหมาจวินทั้งสองคนหลบหนีอย่างบ้าคลั่งและสีหน้าซีด พวกเขารู้สึกอยากมีขาให้มากว่านี้ พวกเขาเป็นยอดฝีมือของทำเนียบสวรรค์วิถี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทัพที่มีทักษะการรบแบบมืออาชีพพวกเขาไม่มีโอกาสชนะเลย
นั่น....กลุ่มดาวหมาป่ามีกองทหารตั้งแต่เมื่อใดกัน?
ทหารกองหนึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง จุดสำคัญก็คือต้องใช้เงินมาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะก่อตั้งกองทัพ เพราะคนที่รู้กลยุทธทหารหาได้ยากช่วงไม่กี่ปีมานี้ยอดฝีมือผู้มีกลยุทธในกลุ่มทหารรับจ้างหาได้ยากและเหมือนกับเป็นสมบัติไปแล้ว
จะสามารถจัดระเบียบคนได้สักสามสิบคนได้กลยุทธเช่นนั้นมีราคาสูงมาก
คิดไม่ถึงว่าจะมีกองทหารอยู่ที่นี่จริงๆ...และดูเหมือนพวกเขาฝึกฝนมาดี
ทั้งคู่หลบหลีกอย่างบ้าคลั่งจึงไม่ทันได้สังเกตว่าพวกเขามุ่งไปทางหนึ่งโดยไม่รู้ตัว พวกเขากลัวจนคิดอะไรไม่ออกคิดแต่เพียงว่ามีศัตรูอยู่ทุกหนแห่ง
ถังอี้จับตาดูพวกเขาเขม็ง ทั้งคู่หนีเป็นสองแนว จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
ดาบฟันขาม้าที่ลากไล่ตามหลังเขาสั่นสะเทือนและเริ่มยิงรังสีดาบสว่างวาบออกไป
นักสู้ด้านหลังถังอี้รู้สึกเป็นเอกฉันท์ว่าการต่อสู้ที่เยือกเย็นจะถูกนายกองเปลี่ยนรูปแบบพวกเขาจึงไปตามจังของถังอี้อย่างพร้อมใจกันเพื่อรวบรวมปราณแท้ของเขาด้วยและพวกเขาพร้อมใจกันลากดาบไว้เบื้องหลังเขา!
เหตุผลที่กลยุทธนี้ทรงคุณค่าก็คือเพราะกลยุทธนี้สามารถใช้จังหวะหายใจและจิตวิญญาณยุทธของพวกเขาเป็นตัวนำจังหวะการโจมตีของกองกำลังทั้งหมดจะช่วยสะสมพลังของกองกำลัง
ถังอี้คือจ่าตรีระดับทอง!
หน้าของเขากระด้างและเย็นชา เขาหรี่ตา จุดตัดในดวงตาเขามองเห็นได้ชัด ดาบฟันขาม้าส่งเสียงครางหึ่งๆเหมือนกระหาย สั่นสะเทือนข้อมือเขาเบาๆและวิชาดาบระดับปรมาจารย์กำลังจะถูกใช้ออก
นักสู้เบื้องหลังใช้ปราณแท้พร้อมกันอย่างราบรื่นโดยมิ่ดอะไร วิชาดาบของทุกคนใช้ออกร่วมกัน
รังสีทั้งหมดรวมกันเป็นหนึ่งดาบเปล่งประกายสว่างดุจดวงจันทร์ มีความตายแฝงตัวเงียบอยู่