ตอนที่ 286 ฝ่ายใครฝ่ายมัน
นักสู้วัยกลางคนมองดูคนที่กำลังเข้ามาหาหน้าครึ่งหนึ่งของเขามีหมวกใหญ่ปิดบังไว้ และไม่มีใครบอกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในอารมณ์ของเขา
ผู้มาถึงเป็นบุรุษอายุราว 45 ปี ท่าทางหน้าตาดูธรรมดาและใบหน้าของเขาประดับรอยยิ้มแสดงท่าทีนอบน้อม “ท่านหวย ข้ายินดีมากจริงๆที่ได้พบท่าน”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังออกมาใต้หมวก “ข้าสงสัยจริงๆ ท่านหาข้าพบได้อย่างไร?”
“ตะขอฟ้าหวยไป่หัว หนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลของกลุ่มดาวหมาป่า มีชื่อเสียงมีเกียรติภูมิไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดก็ตามก็ซ่อนประกายไว้ไม่ได้แน่นอน” บุรุษผู้นี้กล่าวยกย่อง
หวยไป่หัวรู้ว่าคนผู้นี้ไม่เคยพูดความจริง แต่ก็ไม่ถือสาเขายังคงร่าเริง “ข้าว่าหลังจากใช้ความพยายามมากมายเพื่อค้นหาข้าคงไม่ใช่แค่แลกเปลี่ยนคำชมหรอกนะ”
“ท่านฉลาดจริงๆ” บุรุษผู้นั้นยังคงพูดอย่างเคารพ “เกี่ยวกับการมาพบในครั้งนี้ก็เพื่อทำข้อตกลงกับท่านหวย”
“ข้อตกลง?” เสียงหัวเราะดังมาจากใต้หมวก “ลองว่าให้ฟังซิ”
“อูเถี่ยหวี่ตอนนี้กำลังย่ามใจอย่างหนัก ท่านหวยจะทนได้อย่างไร?” บุรุษนั้นมีสีหน้าเคารพ แต่คำพูดของเขาตรงยิ่งนัก “อูเถี่ยหวี่ใจคับแคบ ขณะที่ท่านหวยเป็นคนชั้นสูงมีศักดิ์ศรีไม่ต้องพึ่งคนอื่นต้องมีการแสดงฝีมือบ้างแล้ว”
หวยไป่หัวไม่ตื่นเต้น “อย่ามัวแต่อ้อมค้อมเลย พูดมาตรงๆดีกว่า”
บุรุษผู้นั้นยิ้ม “เรายินดียื่นมือช่วยท่านหวย สถานการณ์ได้ประโยชน์แก่พวกเราทั้งสองฝ่าย”
“ฝ่ายของพวกเจ้า? พวกเจ้าเป็นใครกัน?” หวยไป่หัวมีท่าทางเหมือนคาดหวังและถามอย่างเยือกเย็น
“ข้ามาจากองค์การวิญญาณมืด” บุรุษผู้นั้นตอบ
“งั้นทำไมพวกเจ้าถึงต้องมาด้วยเล่า? ข้าไม่เชื่อว่าอูเถี่ยหวี่จะให้ความสนใจเจ้ามากนัก” หวยไป่หัวหัวเราะเบาๆ
บุรุษผู้นั้นลอบประหลาดใจ บุรุษที่สามารถใช้คำพูดครอบงำได้ไม่ใช่มีนิสัยง่ายๆ แน่ แค่คำพูดไม่กี่คำ ไม่มีการเตือนใดๆหวยไป่หัวก็ข่มเขาได้เสียแล้ว หน้าของเขามีแววเคารพ “เรามาเพราะถังเทียน”
หวยไป๋หัวพอจะคาดเดาได้ แต่พอได้ยินอีกฝ่ายสารภาพโดยตรง นัยน์ตาภายใต้หมวกใหญ่หรี่ลงโดยมิได้ตั้งใจแล้วกล่าว“คิดไม่ถึงเลยว่าถังเทียนจะเกี่ยวข้องกับองค์การวิญญาณมืด”
บุรุษผู้นั้นยังมีสีหน้าใจเย็น “เราแค่ต้องการให้ท่านหวยสู้กับถังเทียนแทนเรา เงื่อนไขแลกเปลี่ยนเรายินดีมอบสมบัติดวงดาวให้ท่านหวย สมบัตินี้มิได้ด้อยกว่าคลื่นหมีปฐพีแน่ นอกจากนี้เรายังจะส่งยอดฝีมือมาให้เป็นกำลังหนุนอีกด้วย”
หวยไป่หัวครุ่นคิดลึกและจู่ๆ ก็ถามขึ้นทันที“ใครอยู่เบื้องหลังอูเถี่ยหวี่?”
“สมาคมรวมตระกูล” บุรุษผู้นั้นตอบตามตรง
หวยไป่หัวตกตะลึงหนักนี่เป็นครั้งแรกที่เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เขานึกได้ว่าถังเทียนมีเบื้องหลังมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธและในที่สุดเขาก็เข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งกับกลุ่มพลังใหญ่สามฝ่าย
ความรู้สึกสงบก่อนพายุจะมาทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจ กลุ่มดาวหมาป่าซึ่งสงบมายาวนานกลายเป็นสถานที่ขัดแย้งกันระหว่างกลุ่มพลังที่มีอิทธิพลใหญ่ทั้งสามแทบจะจินตนาการได้ว่าความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมไม่ธรรมดาแน่นอน
แม้ว่าหน้าของบุรุษนั้นจะเต็มไปด้วยความยกย่องนับถือ แต่หวยไป่หัวรู้ว่าเขาไม่มีพลังพอปฏิเสธ
ติงตังมองดูข้อมูลในมือนางและพยายามกลั่นกรอง นางยอมรับว่ามีความรู้สึกไวต่อข้อมูลรายละเอียดเป็นพิเศษ วัยอย่างนาง ไม่มีพลังหนุนหลังสามารถกลายเป็นม้าเงินขององค์การวิญญาณมืด นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
มีเนื้อหาในข้อมูลไม่มาก แต่นางยังคงพบร่องรอยบางอย่าง
กลุ่มดาวหมาป่าเป็นแค่กลุ่มดาวเล็กๆ และอยู่ในลำดับท้ายๆของสี่สิบสองกลุ่มดาวขอบฟ้าใต้ นอกจากนี้กลุ่มดาวหมาป่า ยังไม่ใช่กลุ่มดาวที่พัฒนาขึ้นใหม่ มันคือกลุ่มดาวที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานทรัพยากรและแร่ธาตุถูกสำรวจมานานแล้ว ความกันดารของกลุ่มดาวหมาป่าเป็นที่รู้จักกันดี นอกจากนี้พลังสายเลือดของชาวกลุ่มดาวหมาป่าทางองค์การวิญญาณมืดได้ค้นคว้าจากหลายกลุ่มบุคคลแล้ว และพบว่ายังไม่มีค่ามากนัก
สถานที่อย่างนั้นสำหรับองค์การวิญญาณมืดไม่มีค่าเท่าใดนัก ไม่เพียงแต่องค์การวิญญาณมืดเท่านั้น แม้แต่สมาพันธ์ชาวยุทธและสมาคมรวมตระกูลไม่ได้ให้ความสนใจกลุ่มดาวหมาป่าแม้แต่น้อย
เป็นเวลานานแล้ว ที่กลุ่มดาวหมาป่าเป็นแผ่นดินของชาวดาวหมาป่าอยู่เสมอ
เถียนจื่อซี ทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับ 9370
อันไป่ ทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับ 9503
เหมาจวิน ทำเนียบสวรรค์วิถีอันดับ 9632
ติงตังคุ้นเคยกับรายชื่อทั้งสามนี้ดี นางเคยติดต่อกับเถียนจื่อซีแล้วทั้งสามคนคือนักล่าเงินรางวัลที่มีชื่อเสียง ที่ไม่ได้สังกัดกลุ่มอำนาจใด ความแตกต่างระหว่างนักล่าเงินรางวัลกับนักฆ่าก็คือตราบเท่าที่พวกเขาได้รับเงินเพียงพอ พวกเขาจะรับงาน ทั้งสามคนนี้กล้าหาญมาก และเป็นนักล่าที่มีประสบการณ์มากมาย
คิดไม่ถึงเลยว่าทั้งสามคนนี้จะมาปรากฏตัวในกลุ่มดาวหมาป่า นอกจากอูเถี่ยหวี่แล้วเห็นได้ชัดว่าเป้าหมายอยู่ที่ถังเทียนและพวก
ติงตังเข้าใจเรื่องตลาด สามารถเชิญทั้งสามคนนี้ได้ ราคาที่ต้องจ่ายก็ต้องหนักด้วย นักสู้ระดับสวรรค์วิถีปกติจ้างกันวันละสามแสนเหรียญดาว แค่นั้นยังดึงดูดใจได้ไม่กี่คนฉะนั้นเมื่ออู่กวงได้ยินว่าถังเทียนจ้างงานวันล้าน เขารับปากทันทีโดยไม่คิดอะไรอื่น ขณะที่สำหรับยอดฝีมือที่มีชื่อในทำเนียบจะเป็นอีกราคาหนึ่ง ราคาของเหมาจวินอย่างน้อยวันละสองล้านเหรียญดาว อันไป๋วันละสามล้าน ขณะที่เทียนจื่อซีอย่างน้อยก็ต้องวันละห้าล้าน
ราคาของทั้งสามคนอย่างน้อยต้องจ่ายวันละสิบล้านเหรียญดาว
ทั้งสามคนอยู่ที่กลุ่มดาวหมาป่ามานานมากกว่าสิบวัน ก็หมายความว่าจ่ายค่าจ้างใช้ไปร้อยล้านเหรียญดาวแล้ว
ติงตังมีสีหน้าหวาดหวั่นทันทีเพราะนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายไม่ใช่แค่รวยอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังไม่ใช่คนธรรมดาอีกด้วย นางไม่แน่ใจอีกฝ่าย แต่สำหรับเถียนจื่อซี นางมีความเข้าใจของนาง ถ้าไม่ใช่คนที่มีอิทธิพลนางคงไม่มีทางรับจ้างแน่
การตัดสินใจของคนเจ้าแผนการเป็นธรรมดาที่จะเห็นได้
ตอนนี้ติงตังสงบใจได้แล้ว นางลุกขึ้นกวาดตามองไปรอบๆในที่สุดก็มาหยุดนิ่งที่ลุงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงมุม นางตาเป็นประกายทันทีเดินไปที่โต๊ะของลุงผู้นั้นแล้วนั่งลง
ลุงผู้นั้นมีผมหงอก อายุราวๆ สี่สิบ เสื้อผ้าของเขาเก่าขาดรุ่งริ่งและกำลังดื่มเบียร์ราคาถูก เอนหลังอย่างสบาย
“เฮ้, ลุงอู๋,ข้าอยากจะถามอะไรบางอย่าง” ติงตังดูมีท่าทางเกียจคร้าน
“เฮ้,นังหนูก็อยู่นี่ด้วย ข้ารู้ว่าคนพวกนี้ไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจได้” ลุงอู๋ตอบร่าเริงหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยย่นและดูยู่ยี่
ติงตังจ้องดูเขา “ลุงอู๋, เราคบกันมาหลายปีแล้ว ลุงจะไม่ให้ข้อมูลข้าเลยสักนิดหรือ?”
ลุงอู๋ทำท่าทางช่วยไม่ได้ “เจ้าไม่อยู่ในช่วงเวลานั้น จะมีก็แค่แมลงเล็กน้อย พวกนั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าได้อย่างไร?”
ติงตังและลุงอู๋กำลังคุยเรื่องที่นางติดตามก่อนนั้น แต่ทั้งสองไม่ถือสาเรื่องนี้ ติงตังได้รับข้อมูลของนางนานแล้ว และถูกคนพวกนั้นกำจัดไปแล้ว ตอนนี้ติงตังไม่ยากจนและโง่ต่อไป ถังเทียนอาจดูเหมือนไม่ห่วงอะไร แต่ก็ต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล ดังนั้นติงตังรวบรวมข้อมูลไว้ในมือให้มากดีกว่า
คนที่มีประสบการณ์อย่างนาง ตราบใดที่จ่ายได้ นางสามารถเตรียมกับดักฆ่าคนได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย
“ฮื่ม..ข้าจะไม่เถียงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว! แต่เรื่องที่ข้าอยากถามวันนี้ท่านอย่าให้ข้อมูลเท็จกับข้าดีกว่า” ติงตังกล่าว
ลุงอู๋พยักหน้าร่าเริง “จริงแท้แน่นอน”
ติงตังชี้ไปที่การพนันขันต่อบนกระดาน “ข้าต้องการถามเรื่องนี้”
ลุงอู๋มีสีหน้าประหลาดใจ และจ้องมองติงตัง “เจ้าสนใจเรื่องนี้ด้วยจริงๆ หรือ?”
ติงตังยิ้มเห็นฟันขาว “โธ่ลุงอู๋คนดี ข้าเตรียมเงินหนึ่งล้านเหรียญดาวไว้ให้ลุงแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าลุงจะจัดการได้จริงหรือไม่”
“มีอยู่คนหนึ่งชื่อตี๋หาน”ลุงอู๋โพล่งออกมา “แมลงตัวน้อยในองค์การเราตอนนั้นหายสาบสูญไปที่เมืองซิงฟง คิดไม่ถึงเลยว่าเขาไปเข้ากับพวกสมาคมรวมตระกูลและปล่อยข่าวลือว่าสมบัติระดับเซียนของกลุ่มดาวกางเขนใต้ตกอยู่ในมือของถังเทียน”
สีหน้าของติงตังยังสงบ แต่หัวใจนางเต้นถี่แรง ถังเทียนไม่เคยปิดบังความตั้งใจไปกลุ่มดาวกางเขนใต้ แม้ว่านางไม่เคยเห็นสมบัติระดับเซียนมาก่อน แต่นางคาดว่าข้อมูลนี้ควรจะแม่นยำระดับสูง เพราะนางก็คาดเดาได้เช่นเดียวกัน
“เจ้าน่าจะเคยได้ยินตำนานของกลุ่มดาวกางเขนใต้มาบ้างนี่เป็นวัฏฏจักรมานานแล้ว สมบัติของกลุ่มดาวกางเขนใต้ เก็บงำความลับขนาดใหญ่ไว้มาก”ลุงอู๋หัวเราะ
ติงตังแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ลุงหมายถึงสมบัติของกองทัพดาวกางเขนใต้น่ะหรือ?”
“ฮ่าฮ่า ไม่มีไฟย่อมไม่มีควัน กองทัพกลุ่มดาวกางเขนใต้ ห้าวหาญชาญศึกมากในตอนนั้นพวกเขาคงไม่ทิ้งสมบัติอะไรไว้เลยกระมัง” ลุงอู๋หัวเราะ
“ดูเหมือนสมเหตุสมผล”ติงตังพยักหน้าเห็นด้วย แต่แอบหยันในใจกองทัพดาวกางเขนใต้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือเจ้านาย ประวัติศาสตร์ของกองทัพดาวกางเขนใต้ของลุงปิง ทุกคนก็ได้รู้จักเช่นกัน
“ถังเทียนมีพื้นเพมาจากสมาพันธ์ชาวยุทธดังนั้นสมาคมรวมตระกูลจึงกังวลและไม่ต้องการจะพัวพันขัดแย้งกับสมาพันธ์ชาวยุทธ”ลุงอู๋แค่นเสียง “สมาคมรวมตระกูลที่น่าสงสาร เป็นกลุ่มที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่รู้ตัวว่าถูกแทรกแซงจากองค์กรเราและสมาพันธ์ชาวยุทธอย่างลึกซึ้ง พวกเขาคิดว่ากำลังทำงานได้ดีปกปิดความลับได้อยู่ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าทุกคนรู้เรื่องมานานแล้วสมาพันธ์ชาวยุทธที่หนุนหลังเขาอยู่จะไม่ช่วยได้อย่างไร? คนของถังเทียนก็ไม่ใช่พวกปวกเปียก”
จากนั้นเสียงแก๊งก็ดังขึ้นและมีอีกชื่อหนึ่งปรากฏบนกระดาน
หวยไป่หัว
ร้านเหล้ามีเสียงโวยวายทุกคนกำลังถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเครียด
ลุงอู๋พูดเฉื่อยชา “ดูเหมือนว่าคนขององค์การวิญญาณมืดของเราไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป”
สมาพันธ์ชาวยุทธ
จิ่งหาวนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสคนหนึ่งผู้อาวุโสท่านนี้มีผมขาวโพลนก็คืออาจารย์ของเขา
“วางใจได้เราไม่ทำตัวเป็นคนตาบอดแน่” ผู้เฒ่ายิ้มอย่างเมตตา “เนื่องจากถังเทียนเข้าร่วมกับเรา เราจะไม่ยอมให้เขาถูกรังแกแน่ อย่างไรก็ตามกลุ่มนักสู้เราไม่มีฐานอยู่ในกลุ่มดาวหมาป่า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งคนไปช่วยได้มาก อย่างไรก็ตามข้าจะขอความช่วยเหลือจากผู้เฒ่าเกอให้ส่งไปสี่คน”
จิ่งหาวดีใจ “เยี่ยมเลย ข้าจะไปด้วย!”
นำความรุ่งเรืองมาให้กลุ่มเป็นคุณลักษณะที่เด่นของสมาพันธ์ชาวยุทธ แต่ว่ามันต้องจ่ายราคามากหากจะทำเช่นนั้น ดังนั้นช่องทางมีจำกัด อาจารย์จะต้องทุ่มเทต่อสู้เพื่อโอกาสครั้งนี้
“เจ้าจะไปไม่ได้” ผู้อาวุโสยืนยัน “สมบัติดาวพิณเกือบจะทำงานแล้ว เจ้าจะจากไปได้ยังไง?”
จิ่งหาวห่วงใย “แต่ว่า...”
ผู้อาวุโสยกมือห้าม และยืนยัน “ไม่ต้องต่อรอง”
เมื่อเห็นว่าศิษย์รักไม่สบายใจ ผู้เฒ่าถึงกับหัวเราะ “อย่าห่วงเลยอาโมรี่และพวกพ้องในช่วงนี้ฝีมือก้าวหน้าดีขึ้นมาก ได้เวลาที่พวกเขาจะออกไปฝึกฝนหาประสบการณ์จริงๆแล้ว”
จิ่งหาวเพิ่งได้พบกับทั้งสี่คนมาแล้ว ความก้าวหน้าของพวกเขาเกินหน้ากว่าเพื่อนคนอื่น
ได้คนทั้งสี่คอยช่วยเหลือ เขายิ่งวางใจได้มากขึ้น
เมื่อผู้อาวุโสเห็นว่าจิ่งหาวมีสีหน้าผ่อนคลาย“เจ้าห่วงตัวเองดีกว่า ถังเทียนมีพรสวรรค์ ความก้าวหน้าของเขาไวกว่าพวกเจ้าเขาสามารถสร้างสุดยอดวิชาโดดเด่นขึ้นมาได้ อันดับของเขากระโดดก้าวหน้าไปมาก อย่าได้ถูกเขาทิ้งห่างเสียเล่า”
จิ่งหาวกระตือรือร้นและมั่นใจ “อาจารย์วางใจได้ ข้าได้ความคิดดีๆ เกี่ยวกับวิชากระบี่แล้ว ข้าจะบัญญัติวิชาเฉพาะขึ้นมาได้แน่”
ผู้เฒ่าพยักหน้ายินดี “เจ้ามักฝึกฝนมิได้ขาด ข้าสามารถวางใจได้ แต่เรื่องสมบัติกลุ่มดาวพิณครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับชะตากรรมของกลุ่มเราในอีกยี่สิบปี เจ้าต้องระมัดระวัง”
น่าเสียดายที่ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาไม่สามารถเข้าไปดูสมบัติกลุ่มดาวพิณได้ในครั้งนี้ซึ่งทำให้เขาเป็นกังวล
จิ่งหาวคำนับ “ข้าจะทำอย่างดีที่สุด!”