ตอนที่ 10-8 พลังน่ากลัวของเซียนจอมเวท
“เหรอ?” หญิงงามทำท่าประหลาดใจ
ใบหน้าของเดลี่มีรอยยิ้ม เมื่อเขาเห็นบีบีบนไหล่ของลินลี่ย์ เขาตกใจเช่นกัน ทันทีที่เขาเห็นบีบี เดลี่ตัดสินใจ...เขาต้องสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลินลี่ย์ไม่ว่าต้องทุ่มเทยังไงก็ตาม
ในใจของเดลี่เขาพบว่ายากจะเชื่อว่าบีบีจะยอมรับมนุษย์เป็นเจ้านาย
แต่เดลี่เข้าใจว่าเนื่องจากลินลี่ย์เป็นเจ้านายของบีบี อย่างนั้นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลินลี่ย์เป็นเรื่องจำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ข้าอยากเห็นว่าเป็นอสูรเวทแบบไหนกัน” เมื่อมองจากท่าทีลี้ลับรอบตัวเดลี่ นางหัวเราะเล็กน้อยจากนั้นเดินตามเขาออกไป หลังจากเดินมาได้ไม่นานเดลี่และภรรยาก็มาถังที่ซึ่งฮาร์เวิร์ดลิฟวิงสโตนและลินลี่ย์กับคนอื่นสนทนากันอยู่
หญิงงามผู้นี้จ้องมองไหล่ของลินลี่ย์ทันที
แต่...ไม่มีอะไรบนไหล่ของลินลี่ย์
“บนโต๊ะ” เสียงของเดลี่ดังขึ้นในใจของหญิงงามถึงตอนนี้หญิงงามผู้นี้จึงสังเกตเห็นหนูเงาน้อยที่น่ารักบีบีกำลังถือแก้วเหล้าและดื่มด้วยอาการพอใจ “ขนสีดำ!”หญิงงามนั้นใจสั่นสะท้าน
หนูขนดำไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่ว่าจะเป็นหนูเงาที่มีรูปแบบต่ำที่สุด
บางทีศาสนจักรเจิดจรัสและวิทยาลัยสงครามคงไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่บีบีเป็น แต่ในแดนอนารยชนและตำหนักเจ้าแม่หิมะน้ำแข็งนั้นรู้แน่
“ท่านพ่อ, ท่านแม่” โมนิกามีความสุขมาก แต่เมื่อเห็นมารดานางโมนิกาเริ่มกังวลแทนเรย์โนลด์ นางรู้จักอารมณ์ของมารดานางเป็นอย่างดี
เดลี่และหญิงงามเดินมาที่โต๊ะด้วยกันและนั่งที่นั่งของเจ้าภาพ
“ภรรยาของเดลี่?” ลินลี่ย์มองดูหญิงงามด้วยความประหลาดใจ ไม่ว่าจะเป็นผมและในทุกด้าน โมนิกาและมารดาของนางดูเหมือนกัน คนภายนอกอาจจะคิดว่าทั้งสองเป็นพี่น้องกัน อย่างไรก็ตามราศีเย็นชารอบตัวสตรีงดงามผู้นี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ยอดฝีมืออีกคนหนึ่ง ผู้ที่ฝีมือเป็นรองมิลเลอร์ไม่มาก”
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ลินลี่ย์รู้สึกว่าโลกของเทพสงครามจริงจัง เทพสงครามเคยพูดไว้ว่า...พวกยอดฝีมือได้ฝึกฝนอย่างเงียบสันโดษมาเป็นเวลาพันปีในทวีปยูลาน นอกจากระดับเทพแล้ว ชั้นสูงสุดก็มีสุดยอดเซียนห้าคนรวมทั้งเฟนและเดลี่ ชั้นสองรองลงมาก็เป็นระดับเดียวกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ชั้นสามก็เป็นระดับเฮนด์เซนซึ่งเป็นระดับธรรมดาในหมู่ยอดฝีมือเร้นกาย
นี่คือเหตุผลที่โอลิเวอร์ต้องทนกล้ำกลืนพ่ายแพ้อยู่ในแดนขั้วโลก ที่สำคัญเขาไม่สามารถเอาชนะเฮนด์เซนได้ แล้วเขาจะสามารถเอาชนะใครได้
เดลีพูดอย่างเป็นกันเอง “ลินลี่ย์, ข้าขอแนะนำ นี่ภรรยาข้า เพนน์สลีน
“คารวะ ท่านหญิง” ลินลี่ย์พูดอย่างนอบน้อม
รอยยิ้มที่เป็นมิตรปรากฏบนใบหน้าของเพนน์สลีน “ข้าขอโทษจริงๆ ข้าฝึกฝนมาตลอดและเพิ่งจะออกมาในตอนนี้หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสานะ” ทันทีที่นางพูดคำเหล่านี้ โมนิกาที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจ นิสัยของมารดานางนอกจากบิดาของโมนิกาแล้วมารดานางไม่ให้ความสนใจคนอื่น
แต่...มารดานางกล่าวขออภัยจริงๆ? สุภาพไหม?
นี่คือมารดาผู้เย็นชาของนางหรือ?
นี่เป็นครั้งแรกที่ลินลี่ย์ได้พบกับเพนน์สลีน จึงเป็นธรรมดาที่เขาไม่รู้อารมณ์ปกติของนาง เขาคิดว่าเพนน์สลีนมีนิสัยที่เป็นมิตรมากและเขาหัวเราะทันที “ท่านหญิง, ท่านมากมารยาทเกินไปแล้ว”
“โมนิกา,นี่คือเรย์โนลด์ที่ลูกพูดถึงใช่ไหม?” เพนน์สลีนหัวเราะเบาๆ ขณะที่นางมองดูธิดานางและจากนั้นสายตานางจับจ้องอยู่ที่เรย์โนลด์ เรย์โนล์ได้รับการเตือนจากโมนิกาก่อนแล้ว ดังนั้นเขารู้สึกกลัวต่อว่าที่แม่ยายของเขาผู้นี้
โมนิการีบกล่าว “ค่ะ ท่านแม่”
“คารวะ ท่านหญิง!” เรย์โนลด์รู้สึกกระวนกระวาย
ท่าทางพอใจปรากฏอยู่ในสายตาเพนน์สลีน “อืม.. ไม่เลวเลย, โมนิกา..สายตาเจ้าดีนี่,ทำไมเจ้าไม่พาเรย์โนลด์มาแนะนำให้เร็วกว่านี้?” คำพูดเหล่านี้จากเพนน์สลีนทำให้เรย์โนลด์ดีใจ ดูเหมือนว่าแม่ยายในอนาคตของเขาจะพอใจเขาแล้ว
แต่โมนิการู้สึกอึดอัดอีกครั้ง
นี่มารดาของนางหรือนี่?
ลินลี่ย์มีความประทับใจต่อเพนน์สลีนมากขึ้น ขณะนั้นเองมีเสียงดังขึ้นมา “พี่ใหญ่ ข้าได้ยินว่าเรามีอาคันตุกะหรือ?” บุรุษวัยกลางคนมีผมสีทองยาวเดินเข้ามาหา ทันใดนั้นสายตาของเขาเห็นลินลี่ย แต่ขณะเดียวกันเมื่อเขาสังเกตเห็นบีบีที่อยู่ใกล้ๆเขาเลิกคิ้วทันที
“ฮิกกินสัน, รีบมาเร็ว เจ้าเป็นคนสุดท้ายแล้ว” เดลี่หัวเราะ
ทันทีนั้นเดลี่หันไปมองลินลี่ย์ “ลินลี่ย์!ฮิกกินสันก็เหมือนกับฮาร์เวิร์ด มายังที่นี้พร้อมกับข้า เขาฝึกกฎธรรมชาติธาตุแสง”
“คารวะท่านฮิกกินสัน”ลินลี่ย์พูดทันที
ฮิกกินสันนั่งลงในที่นั่งว่าง จากนั้นหัวเราะ “ลินลี่ย์ ไม่ต้องมากมารยาทก็ได้ นึกเสียว่าอยู่ที่บ้านเจ้าก็แล้วกัน” เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ลินลี่ย์รู้สึกอบอุ่นใจ เดลี่และกลุ่มของเขาให้ความเป็นกันเองอย่างเหลือเชื่อ
ภายในที่พักภูเขานี้ มีหญิงรับใช้อยู่จำนวนหนึ่งเหมือนกัน
หญิงรับใช้ลำเลียงอาหารเลิศรสเข้ามาและในกลุ่มก็เริ่มสนทนากัน เรย์โนลด์และโมนิกานั่งอยู่ที่นั่นด้วยแต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก โดยหลักจะเป็นเดลี่กับคนอื่นสนทนากับลินลี่ย์ ขณะที่มีการกล่าวขวัญถึงบีบีเป็นครั้งคราว
แต่วันนี้ บีบีไม่พูดอะไรมาก เนื่องจากลินลี่ย์จะอธิบายว่าบีบีกำลังทำตัวตามสบาย
ช่วงในระหว่างการสนทนานี้เอง ลินลี่ย์พบว่าเดลี่เป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้แน่นอน รองลงมาก็เป็นฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสันซึ่งมาที่นี่พร้อมกับเดลี่ ถัดมาก็เป็นมิลเลอร์ ลิฟวิงสโตนและโฟร์แมน ทั้งนี้เพราะเห็นได้ชัดว่า...มิลเลอร์ลิฟวิงสโตนและโฟร์แมนทุกคนเรียกเดลี่ว่า ‘ใต้เท้า’ ขณะที่ฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสันเรียกเขาว่า ‘พี่ใหญ่’
หลังจากรับประทานอาหาร
ตามมาด้วยเครื่องดื่มจนอิ่มหนำสำราญแล้ว คนกลุ่มนี้จะต้องทำเรื่องบางอย่างเป็นปกติ
ลินลี่ย์และคนอื่นต้องการเข้าร่วมในการซ้อมฝีมือ
“ลินลี่ย์,โฟร์แมนก็เป็นผู้ฝึกกฎธรรมชาติธาตุดินเหมือนกับเจ้า พวกเจ้าทั้งสองคนลองซ้อมมือกันหน่อยเป็นไรไหม?” มิลเลอร์หัวเราะเบาๆ ขณะที่ใบหน้าของโฟร์แมนมีรอยยิ้มเช่นกันมองเห็นลักยิ้มขาดใหญ่ “มิลเลอร์,ไม่จำเป็นต้องให้ข้าซ้อมกับลินลี่ย์ก็ได้ วิธีฝึกฝนกฎธรรมชาติธาตุดินของข้าเป็นไปในทางเดียวกับเฮนด์เซน เนื่องจากเขาได้ซ้อมสู้ประลองฝีมือกับเฮนด์เซนมาแล้วไม่จำเป็นต้องซ้อมมือกับข้าก็ได้”
ลิฟวิงสโตนชำเลืองมองเขา “โฟร์แมน, เจ้ากลัวสินะ?”
เดลี่หัวเราะ “โฟร์แมนพูดความจริง พลังของเขาแทบจะเหมือนของเฮนด์เซน ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะซ้อมมือกับลินลี่ย์ เอาอย่างนี้เป็นไง.... ฮาร์เวิร์ด ทำไมเจ้าไม่ซ้อมมือกับลินลี่ย์แทนเล่า?” เดลี่ชำเลืองมองทางลินลี่ย์ “ลินลี่ย์! เจ้าต้องระวังให้ดี พลังของฮาร์เวิร์ดแข็งแกร่งมาก”
“แต่เขาเป็นเซียนจอมเวท” ลินลี่ย์ยังคงทบทวนข้อเสนอของเดลี่
“แล้วยังไง ถ้าข้าเป็นจอมเวท?” ฮาร์เวิร์ดหัวเราะ
ลินลี่ย์หัวเราะอย่างอึดอัดใจ ในมุมมองของเขา เซียนจอมเวทพอไม่มีการปกป้องจากอสูรเวทที่มีส่วนร่วมในการเปิดการสู้รบกับนักรบระดับเซียนจะเสียเปรียบอย่างมาก ลินลี่ย์ถาม “ท่านฮาร์เวิร์ด เป็นไปได้หรือที่ท่านไม่มีอสูรเวทคู่หู?”
“ข้าเคยมี และเขาเป็นระดับเซียน แต่น่าเสียดาย เขาตายไปแล้ว” ฮาร์เวิร์ดถอนหายใจ
เดลี่พยักหน้า “เมื่อสองพันปีที่แล้ว อสูรเวทนั้นยอมตายเพื่อปกป้องฮาร์เวิร์ดตอนนั้นอสูรเวทอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นสหายสนิทของข้าก็ตายเช่นกัน ข้าต้องการจะช่วยเขา แต่ข้าช่วยไม่ทันเวลา อนิจจา” เดลี่ ฮาร์เวิร์ดและฮิกกินสันดูเหมือนจะระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
ลินลี่ย์ลอบตกใจ
แม้ว่าเดลี่จะอยู่ที่นั่นด้วย แต่อสูรเวทระดับเซียนก็ยังตายเพื่อปกป้องฮาร์เวิร์ดนั่นเป็นการสู้รบที่ดุเดือดเพียงไหน?
“ทำไมเจ้าเอ่ยถึงอสูรเวทด้วยเล่า? เป็นไปได้ว่าเจ้าเชื่อว่าเซียนจอมเวทที่ไม่มีอสูรเวทฝีมือจะไม่พอหรือ?” ฮาร์เวิร์ดมองลินลี่ย์พลางหัวเราะ
ลินลี่ย์ได้แต่หัวเราะแก้เก้อ
ตามที่ลินลี่ย์เคยเห็น ในการซ้อมมือกับเซียนจอมเวทจะคงจะอาศัยความเร็วของเขาบุกจู่โจมเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามของเขาจะทันได้ร่ายเวทใดๆนั่นช่วยให้ชนะได้ง่ายไม่ใช่หรือ? ถ้าเขายอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เวทของเขาในทางตรงกันข้าม บางทีเขาอาจไม่มีโอกาสหนี
เรื่องสำคัญหลักก็คือความเร็ว แข่งขันไปจะมีประโยชน์อะไร?
“ลินลี่ย์ หลังจากถึงระดับเซียนแล้ว เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในจักรวรรดิโอเบรียนใช่ไหม?” เดลี่พูดทันที
ลินลี่ย์พยักหน้า “ถูกแล้ว, มีอะไรหรือ?” ลินลี่ย์สับสนว่าทำไมเดลี่จึงพูดเรื่องนี้กับเขากระทันหัน
เดลี่หัวเราะ “นั่นค่อยสมเหตุผล จักรวรรดิโอเบรียนมีชื่อเสียงได้เพราะนักรบ ขณะที่จักรวรรดิยูลานมีชื่อเพราะนักเวท มีแนวโน้มว่าเหล่าเซียนทั้งหมดที่เจ้าได้เผชิญมาในจักรวรรดิโอเบรียนจะเป็นเซียนนักรบ และเจ้าเองก็ไม่เคยซ้อมมือมากับเซียนจอมเวทด้วย”
ลินลี่ย์ตกใจ
นี่เป็นเรื่องจริง คนทั้งหมดที่เขาเคยสู้ด้วยเป็นนักรบทั้งนั้น ไม่มีจอมเวทแม้แต่คนเดียว
ลองฮอสเป็นเซียนจอมเวทคนหนึ่ง แต่พวกเขาไม่เคยประลองกัน
“เซียนจอมเวทมีจำนวนน้อยกว่าเซียนนักรบ อย่างไรก็ตามในอัตราส่วนดังกล่าวในจักรวรรดิโอเบรียนไม่สมดุล” เดลี่ถอนหายใจ กล่าวโดยทั่วไปจากเซียนนักสู้สี่คนจะมีเซียนเซียนจอมเวทสักคน ขณะที่อีกสามคนจะเป็นเซียนนักรบ แต่ในจักรวรรดิโอเบรียนบางทีอาจจะมีสัดส่วน 1 ต่อ 10 ก็เป็นได้ สัดส่วนขนาดนี้นับว่าน้อยยิ่งนัก”
“จักรวรรดิยูลานต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปในเซียนทุกๆสองคนจะมีเซียนจอมเวทอยู่คนหนึ่ง” คำพูดเหล่านี้จากเดลี่ทำให้ลินลี่ย์ใจสั่นสะท้าน
อัตราหนึ่งต่อหนึ่งเชียวหรือ?
จักรวรรดิยูลานคือแหล่งแห่งนักเวทอย่างแท้จริง เดลี่ยังคงพูดต่อไป “สหภาพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีชื่อเสียงในการสร้างนักเวทของอาณาจักร อย่างไรก็ตามสหภาพศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงมากในการให้การฝึกสอนขั้นพื้นฐาน ขณะที่จักรวรรดิยูลานมีมหานักพรตซึ่งเป็นเหตุผลให้มีเซียนจอมเวทอยู่มากมาย กล่าวโดยทั่วไปศิษย์ทุกคนของมหานักพรตมีศักยภาพกลายเป็นเซียนจอมเวท”
ลินลี่ย์จิตใจตึงเครียด
คนประหลาดที่น่ากลัวสองคน
คนหนึ่งคือเทพสงคราม อีกคนหนึ่งก็คือมหานักพรต
คนหนึ่งฝึกฝนนักรบระดับเซียน ขณะที่อีกคนหนึ่งสอนจอมเวทระดับเซียน
“จอมเวทระดับเซียนไม่ได้ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิด ข้าขอบอกพวกเจ้าทุกคน ในการประลองกันตัวต่อตัวระหว่างเซียนจอมเวทและเซียนนักรบ เซียนจอมเวทจะมีโอกาสชนะได้มากกว่า” เดลี่หัวเราะ “เซียนจอมเวทพบว่ายากจะหานักรบฝึกให้ก้าวหน้า แม้แต่ในที่อย่างจักรวรรดิยูลานซึ่งให้คุณค่ากับนักเวทก็มีอัตราส่วนนักรบและนักเวทหนึ่งต่อหนึ่ง
ลินลี่ย์พยักหน้า
เป็นเรื่องจริงที่นักเวทฝึกฝนกันได้ยากกว่านักรบ ลินลี่ย์มักคิดว่าเป็นเรื่องแปลก.... เนื่องจากการฝึกเป็นนักเวทเป็นเรื่องยากมาก ถ้าพวกเขาด้อยกว่านักรบระดับเซียนก็จะไม่เป็นการยุติธรรมนัก? แต่ในจักรวรรดิโอเบรียน ลินลี่ย์เห็นแล้วเซียนนักรบมีพลังแข็งแกร่งขนาดไหน
สำหรับเซียนจอมเวท? เขายังไม่เห็น
“มาเถอะ ลินลี่ย์ มาเถอะ.. ให้ฮาร์เวิร์ดแสดงให้เจ้าเห็นว่าเซียนจอมเวททรงพลังเพียงไหน ด้วยวิธีนั้นเมื่อเจ้าพบกับเซียนจอมเวทในอนาคต เจ้าอาจจะป้องกันตัวไม่ได้” เดลี่ยืนขึ้น
ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืนทันที
ขอเพียงหลังจากฝึกซ้อมจริงแล้วทำช่วยให้เขาได้รู้ว่าเซียนจอมเวทนั้นทรงพลังขนาดไหน
ขณะนั้นเอง บีบีกระโดดขึ้นมาเกาะบนไหล่ลินลี่ย์เช่นกัน และทั้งกลุ่มก็ออกมาจากถ้ำที่พัก เรย์โนลด์กับโมนิกาเหาะไม่ได้ ดังนั้นทั้งสองคนจึงต้องรั้งอยู่ ทุกคนออกไปและเหาะไปที่หุบเขา
ลินลี่ย์และคนอื่นเหาะไปตามส่วนต่างๆ ของภูเขา
“นี่คือสถานที่ซึ่งเราใช้ฝึกซ้อมฝีมือกัน พวกเจ้าซ้อมมือกันตรงนี้แหละ” เดลี่กล่าว
เดลี่, ฮาร์เวิร์ด, ฮิกกินสัน, มิลเลอร์ ลิฟวิงสโตน,โฟร์แมน, เพนน์สลีน, ลินลี่ย์ ทั้งแปดคนยืนอยู่กลางอากาศ ลินลี่ย์กับฮาร์เวิร์ดเคลื่อนไปยืนตำแหน่งตรงข้ามกันห่างกันร้อยเมตร
“เข้ามาเลย” ฮาร์เวิร์ดหัวเราะ ลินลี่ย์ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถอดชุดนอกและแปลงร่างมังกรทันที หนามแหลมที่ดูน่ากลัวงอกออกมาจากหน้าผากของเขา และหางมังกรสีดำสะบัดอยู่ด้านหลัง...และตาของเขากลายเป็นสีทองเข้ม
ร่างของลินลี่ย์กระพริบวาบทันที “บึ้ม!” เขาพุ่งเข้าหาฮาร์เวิร์ดด้วยความเร็วสูง
“ลินลี่ย์ไวกว่าครั้งก่อนเล็กน้อย” มิลเลอร์สังเกตเห็นความก้าวหน้าของลินลี่ย์ “แต่เขายังเอาชนะฮาร์เวิร์ดไม่ได้”
ฮาร์เวิร์ดยิ้มไม่ขยับแม้แต่น้อย เขายืนรอการมาถึงของลินลี่ย์เงียบๆ เมื่อลินลี่ย์มาถึงระยะสิบเมตรห่างจากเขา ในที่สุดฮาร์เวิร์ดก็เคลื่อนไหว เขาเปลี่ยนสภาพเป็นเปลวเพลิงในพริบตา ทันใดนั้นเขาดึงตัวห่างจากลินลี่ย์ทันที ระยะห่างระหว่างสองคนเพิ่มขึ้น
ในแง่ความเร็วในการบิน ลินลี่ย์ยังด้อยกว่าฮาร์เวิร์ด
“แต่...” หน้าของลินลี่ย์เปลี่ยน ถ้าความเร็วในการบินของเขาด้อยกว่า นั่นก็หมายความว่าคู่ต่อสู้จะสามารถร่ายเวทและทำลายเขาได้ไม่ใช่หรือ? ในช่วงเวลาต่อมาความร้อนที่น่ากลัวระเบิดออกมาจากร่างของฮาร์เวิร์ดลำแสงนับไม่ถ้วนเริ่มม้วนตัวอยู่บนอากาศเหนือศีรษะฮาร์เวิร์ด
เสียงนกร้องชัดเจนสดใจดังออกมาจากอากาศ
คู่ปีกสีทอง หงอนมงกุฎบนศีรษะ ดวงตาที่หยิ่งทระนง สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวมีขนาดใหญ่กว่ามังกรยักษ์เสียอีก อยู่ต่อหน้านกฟีนิกซ์เพลิงยักษ์ตัวนี้ ลินลี่ย์และคนอื่นเป็นเหมือนมด
“แครก” อากาศเริ่มแตกจากพลังความร้อนที่น่ากลัวซึ่งบังคับให้ลินลี่ย์ต้องเพิ่มพลังป้องกัน
“ระดับเวทต้องห้าม ‘ร่างแปลงฟีนิกซ์’?” ลินลี่ย์รู้สึกตื่นเต้น
เวทเพลิงขึ้นชื่อในเรื่องพลังรุกโจมตี และพลังโจมตีเป้าหมายเดียว อย่างเวทร่างแปลงฟีนิกซ์เพียงอ่อนแอกว่าเวทคมมีดผ่ามิติเท่านั้น ลินลี่ย์ยังไม่มีปัญญาทำอะไรกับมัน
ฟีนิกซ์เพลิงหดขนาดลงทันที แต่มันปรากฏเป็นรูปร่างชัดขึ้น เมื่อมันหดขนาดลงเหลือสิบเมตร ในทุกแง่มุมไม่ว่าจะมองในด้านไหนจะเหมือนกับอสูรเวทจริง ตลอดทั้งร่างของฟีนิกซ์เพลิงกลายเป็นสีทอง
แต่แม้ว่ามันจะหดขนาดลง แต่ปริมาณแรงกดดันที่เกิดขึ้นกับลินลี่ย์มีเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่น่ากลัว
“วูบบ!” ฟีนิกซ์เพลิงเข้าโจมตีลินลี่ย์ตรงๆ ร่างกายของลินลี่ย์ตอนนี้คลุมได้หมอกปราณสีฟ้าดำ นี่คือชีพจรคุ้มกันซึ่งลินลี่ย์ภูมิใจมาก
“ครืนนน”ปราณยุทธสีฟ้า-ดำของลินลี่ย์กำลังถูกเผาในสภาพที่มองเห็นได้ “ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ข้าคงทนได้อีกสองสามวินาทีเท่านั้น” ลินลี่ย์บินถอยหลังทันที และฟีนิกซ์เพลิงบินกลับไปอยู่ข้างตัวฮาร์เวิร์ดเช่นกัน จากนั้นลินลี่ย์ค่อยระบายลมหายใจ
ฟีนิกซ์ทองตัวนี้น่ากลัวมากจริงๆ
ฮาร์เวิร์ดหัวเราะขณะมองลินลี่ย์ “ทั้งเซียนนักรบและเซียนจอมเวทสามารถบินได้ทันทีที่พวกเขาถึงระดับเซียน ตราบเท่าที่ยังบินได้เร็ว นักรบไม่จำเป็นต้องเร็วกว่า ตัวอย่างเช่นจอมเวทธาตุลมและจอมเวทธาตุแสง..ย่อมเร็วมากโดยปกติ แม้แต่ข้าที่เป็นจอมเวทธาตุไฟ ก็มีความเร็วมากเนื่องมาจากระดับฝึกฝนในปัจจุบันของข้า ว่ากันเฉพาะเรื่องความเร็ว ข้ามั่นใจว่าเจ้าไล่ข้าไม่ทัน ในขณะที่ข้าไล่เตะก้นเจ้าได้
“แต่แน่นอนว่า เซียนจอมเวทธาตุไฟหรือธาตุน้ำระดับเบื้องต้นจะด้อยมากกว่าเจ้าในแง่ของความเร็ว เซียนจอมเวทยังคงอ่อนแอกว่าเซียนนักรบเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเซียนจอมเวทที่ไวกว่าเซียนนักรบอยู่ดี”
ลินลี่ย์เข้าใจ
ในแง่ความเร็ว เซียนนักรบอาจจะได้เปรียบ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเซียนจอมเวททุกคนจะช้า บางคนก็บินได้เร็วอย่างน่าประหลาดใจ ถ้าต้องเผชิญกับเซียนจอมเวทที่ไวมาก อย่างนั้นจะอันตราย..เมื่อพบคนเช่นนั้นทางเลือกประการเดียวก็คือหนี
“แต่แน่นอนว่าวิชาอย่างนี้เพียงเหมาะกับจอมเวทส่วนน้อยเท่านั้น” ฮาร์เวิร์ดพูดต่อไป “ตอนนี้ บุกเข้ามาโจมตีข้าอีกครั้ง ข้าจะแสดงวิชาที่เซียนจอมเวทมักจะใช้สู้กับเซียนนักรบให้เจ้าดู”
ลินลี่ย์มีความรู้สึกได้ทันที..
บางที เซียนจอมเวทนั่นอาจจะน่ากลัวมากกว่าเซียนนักรบ
“เจ้าพร้อมหรือยัง?” รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของฮาร์เวิร์ด